LSG-บทที่ 70: ร้อยกระบี่ (ตอนที่ 3) (อ่านฟรีวันที่18สิงหา)
LSG บทที่ 70
แปลไทยโดย : SwordGod
บทที่ 70: ร้อยกระบี่ (ตอนที่ 3)
ซูหยุน จำได้ว่าชีวิตก่อนของมัน ตระกูลซูได้ส่งสาวกไปยัง สำนักดาราม่วง เพื่อการบ่มเพาะ แต่ไม่ส่ง ชิงเอ๋อ ไป
เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่เป็นผลมาจากการกลับมาไหม่ของมัน? บางที การตายของ ซูม่สร่า ทำให้การแลกเปลี่ยนนี้เปลี่ยนไประหว่างสองสำนัก?
ซูยองไม่ทราบวันที่แน่นอนของเหตุการณ์นี้ แต่มันเกิดขึ้นเมื่ออายุประมาณยี่สิบปี อย่างไรก็ตามมันยังจำไม่ได้ว่า ชิงเอ๋อ มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวและกลัวว่าอาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดในระหว่างการแลกเปลี่ยนซึ่งจะทำให้ รับเลือกบางคนตาย
"พี่ใหญ่ท่านทำอะไรอยู่?" ซูซินเยี่ย และ ซูงหยาง มอง ซูหยุน อย่างประหลาดใจ
"ซินเยี่ย ซิงหยาง หลังจากที่พวกเจ้าเข้าไปในสำนักภายใน หลายสิ่งหลายอย่างได้กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเจ้า ... ดังนั้นพวกเจ้าสามารถเตรียมกระบี่เหล็กได้ถึงหนึ่งร้อยเล่มให้ข้าได้ไหม? พวกมันจะต้องมีน้ำหนักเบา แต่ยังมีคุณภาพดีที่มันสามารถใช้สังหารคนได้ ... โดยกระบี่จะต้องมีความสดใสเหมือนกระจก! พวกเจ้าทำได้มั้ย? "
"หนึ่งร้อย?" ซินเยี่ย และ ซิงหยาง ตกใจตาแทบถล่นออกมานอกเบ้า
"สำนักภายใน มีพออยู่แล้วในคลังเก็บของ แต่ให้ไปเอามาหนึ่งร้อยเล่ม ภายในวันเดียวนี่.....ข้าเกรงว่าไม่น่าจะได้! "
"ไม่เป็นไร พี่ซูหยุน เราได้รับเหรียญจิตวิญญาณบางส่วนแล้ว ถึงแม้ไปเอาในคลังเก็บของ ของตระกูลซูไม่พอ พวกเราก็ไปซื้อที่ตลาดตระกูลซูก็ได้! "
"ซื้อ?"
เมื่อมันได้ยินอย่างนั้นมันก็รีบหยิบเอาเหรียญวิญญาณทั้งหมดจากภายในแหวนมิติของมันและวางไว้บนโต๊ะ นับแล้วทั้งหมดมีเหรียญวิญญาณประมาณสามพันเหรียญ แม้ว่ามันจะไม่มาก แต่ก็เพียงพอสำหรับการซื้อกระบี่ที่มีคุณภาพสูงกว่าหนึ่งร้อยเล่ม
"เอาไปก่อน!" ซูหยุนผลักเงินไปหาพวกเขา
เห็นอย่างนี้ สองพี่น้องรีบปฏิเสฐ ซูหยุน อย่างอ่อนน้อม พวกเขาทั้งสองยืนกรานหัวชนฝาไม่ยอมรับเงินจากซูหยุน เพื่อตอบแทนน้ำใจของมันที่ชาวยเหลือพวกเขาไว้มากมาย
"พวกเจ้าสามารถจัดเตรียมทุกอย่างภายในสามชั่วโมงมั้ย?" ซูหยุนถาม
"สามชั่วโมง?" ซูซินเยี่ย ตกใจอย่างแปลกประหลาด
"เอ่อ..ไม่น่าจะมีปัญหา!"
"เอาล่ะขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าต้องลำบาก! หลังจากสามชั่วโมงข้าจะรอพวกเจ้าที่นี่ ถ้าพวกเจ้าไม่สามารถรวบรวมกระบี่หนึ่งร้อยเล่มภายในสามชั่วโมงก็ไม่เป็นไร! ยังไงก็ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ละกัน! "
“เอาล่ะ ... .ลงมือกันเลย.”
พี่น้องทั้งสองคนยังสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าซูหยุนจะทำอะไร แต่ตราบเท่าที่ยังเป็นซูหยุนพวกเขาตัดสินใจว่าจะไม่ถามอีกต่อไป แม้จะเป็นคำขอที่แปลกกว่านี้พวกเขาก็จะไม่ปฏิเสธ ในใจพวกเขาเข้าใจ เข้าใจ ซูหยุน ว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่ นอกจากนี้ ซูหยุน เป็นผู้อุปการะของพวกเขา ได้ช่วยเหลือพวกเขามากมายนับไม่ถ้วน
พี่น้องทั้งสองคนรีบไปเตรียมอุปกรณ์ขณะที่ ซูหยุน นำม้าวิญญาณไปที่คอกม้าเพื่อเลี้ยงธัญพืช เสร็จแล้วมันก็เดินไปที่สำนักภายนอกและมุ่งหน้าตรงไปยังศูนย์พันธกิจเพื่อรับภารกิจด้านแรงงานทั่วไปที่ สำนักดาราม่วง
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ข้ออ้างเพราะจุดประสงค์หลักของมันแค่ต้องการไป สำนักดาราม่วง ด้วยตระกูลซูตอนนี้เฝ้าจับตามองมันหากมันไปโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ มันน่าสงสัย
หากเป็นคนอื่นไป สำนักดาราม่วง ซูหยุน จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่คราวนี้เป็น ชิงเอ๋อ ดังนั้นมันต้องทำให้แน่ใจว่านางต้องหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น
ในโลกนี้ ซูหยุน ไม่มีคนที่รักมันมากนัก คนที่เหลืออยู่ในหัวใจของมันคือ ชิงเอ๋อ และสองพี่น้อง ซินเยี่ย และ ซิงหยาง
หลังจากที่มันได้ตรวจสอบความถูกต้องในภารกิจของมันแล้วมันก็กลับไปที่กระท่อมเล็ก ๆ ของมัน ไม่นานหลังจากนั้นสองพี่น้องก็เข้ามาและทิ้งกระบี่เหล็กจำนวนมากไว้ตรงหน้าซูหยุน มีกระบี่หนึ่งร้อยเล่น ซูหยุน รู้สึกมีความสุขมาก มันรีบเก็บกระบี่ทั้งหมดใส่เข้าไปในแหวนมิติ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว มันกระโดดขึ้นม้าวิญญาณแล้วรีบขี่มันออกไปจากตระกูลซู
"พี่ซูหยุนจะไปที่ไหน?" ซูซินเยี่ย มองร่างของ ซูหยุน ค่อยเลือนหายไปจากถนนสีทองแดง
"ฉันไม่รู้จริงๆ" ซูซิงหยางพูดขณะที่เขาส่ายหัว
.........
.........
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ชิงเอ๋อ ได้มุ่งหน้าไปยัง สำนักดาราม่วง แล้ว นางกำลังตรงไป หุบเขาอาถรรพ์ ที่ สำนักดาราม่วง ตั้งอยู่
ขณะที่นางกำลังเดินข้าม หุบเขาอาถรรพ์ นางเดินผ่าน มณฑลฉิงหวัง王青色 พวกเขาเหลือเวลาอีกประมาณสิบวันเท่านั้น ชิงเอ๋อ และผู้คุ้มกันของนาง มีพาหนะขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากซึ่งเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังอันทรงพลังกระทิงเขาเดียว ความอดทนและความแข็งแรงของมันมีมากกว่าสองเท่าของม้าวิญญาณ ซูหยุน ที่พยายามไล่ตามต้องใช้เวลาสิบวัน แต่พวกเขาต้องใช้เวลาอีกแค่ห้าวันเท่านั้น
ซูหยุนเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน มันพักเมื่อมันหมดแรงเท่านั้น ในทางกลับกันกลุ่มของ ชิงเอ๋อ เดินทางไปอย่างสบาย ๆ และหยุดพักการเดินทาง ระหว่างทางพวกเขาได้รับการต้อนรับจากหลาย ๆ คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลซูซึ่งทำให้พวกเขาล่าช้าอยู่เป็นบ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางได้เพียงหนึ่งวัน
ไม่กี่วันต่อมามีม้าสีดำกับบุคคลลึกลับที่สวมชุดนักดาบและถือดาบมาถึง มันรีบตรงไป มณฑลนิรนามและตรงต่อไปยัง มณฑลฉิงหวัง
วันที่สี่
ภายในแสงตะวันอันร้อนระอุ ม้าวิญญาณยังวิ่งต่อไปอย่างบ้าคลั่ง มันหอบหายใจแฮกๆไม่กีชั่วโมงดวงตาไกล้จะปิดลงด้วยความอ่อนล้า
เห็นอย่างนี้ ซูหยุน รีบหยุนพักให้น้ำป้อนอาหาร แล้วรีบวิ่งไปต่ออย่างรวดเร็ว นอกจากนี้มันยังหยิบชาวิญญาณและเนื้อยัดเข้าไปในปากของมัน
จากนั้นซูหยุนก็จ้องมองไปที่ระยะไกลก่อนที่จะมองไปรอบ ๆ
ถนนกรวดที่ทอดยาวไปสู่เทือกเขา ทั้งสองด้านของเส้นทางเต็มไปด้วยต้นหญ้า ไม่ว่าจะมองไปด้านหน้าหรือด้านหลังมันก็ไม่มีแม้แต่เงาของผู้คน นี่เป็นพื้นที่ที่รกร้างอย่างแท้จริง
เขามั่นใจว่าสัญญาณเหล่านี้เป็นสัญญาณว่ามันกำลังจะมาถึงเขต มณฑลฉิงหวัง
หลังจากพักไม่นานและปล่อยให้ม้าของมันกินอาหาร มันก็รีบไปต่อเมื่อฟื้นตัวขึ้น
ในขณะที่มันมาถึงหน้าเทือกเขามีเสียงรบกวนพัดเข้ามา
เมื่อซูหยุนได้ยินเสีย คิ้วของมันก็ขมวดแน่น มันรีบดึงบังเหียนม้าและลงจากหลังม้าของมัน มันดึงดาบสลักมังกรวารีออกมาและค่อยๆวนไปรอบ ๆ ตีนเขา
ซูหยุนโผล่หัวออกจากพุ่มไม้และจ้องมองที่ด้านล่างของเทือกเขา มันเห็นจอมยุทธมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่กำลังต่อสู้เป็นตายกันอยู่
พื้นดินเต็มไปด้วยซากศพของชายและหญิง พื้นดินและใบหญ้าที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดๆ นอกจากนี้ ด้วยวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ระเบิดขึ้นทำให้ทั่วทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้าละลานตา การต่อสู้นี้รุนแรงมาก
ซูหยุนได้วิเคราะห์ยอดฝีมือที่ต่อสู้กันอย่างระวังและพบยอดฝีมือที่เข้าร่วมเป็นผู้บ่มเพาะท่อนบนเปลือยเปล่า ในมือของพวกเขาคือดาบพยัคฆ์และปราณวิญญาณของพวกเขาผสมผสานกันอย่างลึกซึ้ง ซึ้งแสดงให้เห็นถึงกลิ่นอายที่น่าอัศจรรย์และมีประสิทธิภาพ
ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณที่ระบุได้ชัดเจนโดยชุดเครื่องเงินของพวกเขา ปราณวิญญาณของพวกเขาผสมกันและอาวุธของพวกเขาก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยพาหนะที่หรูหราซึ่งถูกดึงโดยสัตว์อสูรขนาดมหึมา ซึ่งมุ่งหน้าสู่ สำนักดาราม่วง เห็นได้ชัดว่ากลุ่มผู้บ่มเพาะเหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยดูจากเครื่องแต่งกายของพวกเขา ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันส่วนหนึ่งสำหรับคนที่อยู่ในพาหนะ
มันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบนเส้นทาง
นี่เป็นการปล้นของโจรบนเส้นทาง ทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่ใช่ธุระของมัน
ซูหยุนส่ายหัวและกระโดดขึ้นไปบนม้าวิญญาณของมัน มันตั้งใจจะผ่านไปทางขวา
โฮกกกก! ! ! !
ทันใดนั้นเสียงแปลก ๆ ก็มาถึงหูของมัน
ซูหยุนจ้องมองไปที่แหล่งกำเนิดเสียงและเห็นสัตว์อสูรที่มีสีม่วงซึ่งกำลังดึงรถลาก หินขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือก็บินออกไป
ขณะที่ก้อนหินบินผ่านอากาศมันก็เริ่มหมุนและมีลมกระโชกแรงสีแดงไหลออกมาจากหิน เสียงที่เปล่งประกายออกมาในอากาศเหมือนเสียงคำรามของเสือดาว!
เช่นเดียวกับที่ได้ยินเสียงหินได้แตกกระจายออกมาและมีแสงสีแดงเปล่งประกายเจิดจ้า เมื่อแสงจากสว่างจางหายไป เสือดาวเพลิง ก็ปรากฏขึ้น
มันปะทะเข้ากับฝูชนทันทีที่มันอ้าปากพัดเปลวไฟลุกโชนไปทั่วพื้นที่
ผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณโดนซัดเข้าไปอย่างเต็มที่จากเปลวไฟที่เสือดาวเพลิงพ่นออกมา เปลวเพลิงลุกไหม้ไปทั่วร่างกายและทำให้หลายคนนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
เปลวไฟมีความโดดเด่นมาก ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีทักษะศักดิ์สิทธิ์ประเภทน้ำ หลังจากปะทะกันโดยตรงทักษะศักดิ์สิทธิ์ประเภทน้ำก็ถูกยกเลิกทันที มันไม่สามารถลดเปลวไฟที่เสือดาวปล่อยออกมาด้วยความสยดสยองลงได้ ผู้คนมากมายถูกเผาทั้งเป็นกลายเป็นเถ้าธุลี มันน่าเศร้าเหลือใจ
นี่คือ….
ดวงตาของซูหยุนเปิดกว้างขึ้นขณะที่เขาเห็นฉากนี้
เปลวไฟนี้! มันเป็นหินวิญญาณ?
เปลวไฟที่เสือดาวกำลังพ่นออกมาลุกโชนไปทั่วบริเวณโดยรอบ ลักษณะปราณวิญญาณนี้คือรัศมีดาราม่วง ซึ่งเพิ่มทักษะไฟ ปราณวิญญาณของมันกำลังเปล่งอุณหภูมิที่ร้อนจัดซึ่งน้ำธรรมดา ๆ ไม่สามารถดับไฟได้
ขณะที่สถานการณ์กำลังถอยหลังซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียร้ายแรงสำหรับโจร ผู้คุ้มกันเริ่มต่อสู้ด้วยพลังมากขึ้น เนื่องจากกำลังใจเขาเพิ่มขึ้น ความสามารถในการฆ่าของพวกเขาเพิ่มขึ้น
"มีเพียงหินวิญญาณระดับต่ำ เจ้ากล้าแสดงฝีมือกระจอกๆต่อหน้าข้ารึ? ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสวิชาของข้า! "
ในเวลานี้เสียงตะโกนซ่านเซ็นออกไปทั่วบริเวณ ไม่นานหลังจากนั้นคนที่มีใบหน้าสีดำบึกบึน พุ่งออกมาจากกลุ่ม เขาชักกระบี่ออกมาแล้วฟันตรงไปยังเปลวไฟ
ตูม!
พวกเขาเห็นเปลวไฟเสือดาวที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยใช้เพียงแค่การฟันกระบี่ไปครั้งเดียว
อัก!!
มีเสียงอาเจียนออกมาจากรถลาก
เมื่อซูหยุนเห็นภาพนี้ผิวของมันก็ซีดลง
แม้กระบี่ของชายกำยำคนนั้นจะเรียบๆ แต่หาได้ยากมาก ในการปะทะกระบี่แบบง่ายๆ กระบี่ไม่ได้มีพลังมากนัก อย่างไรก็ตามใบมีดของกระบี่เล่มนี้ปกคลุมไปด้วยชั้นของปราณวิญญาณซึ่งขยี้ไฟของเสือดาวเพลิง เนื่องจากเสือดาวเพลิงไม่อาจหลบหนีมันจึงถูกสังหารด้วยกระบี่
ชายกำยำคนนี้ต้องมีระดับการบ่มเพาะไม่น้อยไปกว่า แก่นแท้วิญญาณ ขั้นที่9
สำหรับหินวิญญาณนั้นอาจถูกขว้างมาโดยผู้เริ่มใช้
หินวิญญาณถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการกลั่นสำหรับอุปกรณ์ที่มีคุณค่าบางประเภทและสร้างขึ้นโดยการอัดแรงดันภายในหินซึ่งลงอัขระไว้เป็นพิเศษด้วยตราประทับ หลังจากสร้างหินวิญญาณหินจะถูกนำมาใช้เพื่อเรียกวิญญาณเพื่อต่อสู้
ส่วนผสมของหินควบคู่กับตราประทับสลักไว้และระดับการบ่มเพาะของจิตวิญญาณที่ใช้ในการอัดแรงจิตวิญญาณกำหนดพลังของหินวิญญาณ
อย่างไรก็ตามเทคนิคการผลิตหินวิญญาณยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เหตุผลก็คือหินวิญญาณส่วนใหญ่ถูกสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น คนธรรมดาไม่เคยเจอกับสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ คนที่เข้าใจและศึกษาขั้นตอนการสร้างหินจิตวิญญาณก็หายากเช่นเดียวกับขนนกฟีนิกซ์และเขายูนิคอร์นหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งมีน้อยมากๆ
ซูหยุน ไม่ได้คาดหวังว่าจะพบใครบางคนที่นี่ที่มีความสามารถในการสร้างหินวิญญาณ
"คนผู้นี้มาจาก ตระกูลหินวิญญาณ!"
ซูหยุน ลูบคางของมันขณะที่มันวิเคราะห์สถานการณ์
ถ้ามันสามารถช่วยคนผู้นี้ได้ บางทีมันอาจจะสามารถเป็นสหายกับตระกูลนี้ได้ เป็นไปได้ว่ามันจะสามารถขอความช่วยเหลือได้ในอนาคต!
แต่
แต่ถ้ามันรีบออกไปสู้ตอนนี้ ก็เท่ากับว่ามันส่งตัวเองไปตาย มันเป็นไปไม่ได้เลย คนที่ร่างกายกำยำ ที่บอขยี้เปลวไฟของเสือดาวเพลิง สามารถฉีกมันออกเป็นสองส่วน เหมือนอย่างกับเขาทำกับเสือดาวเพลิง
มันจะเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้ยังไง?
เมื่อเกิดการต่อสู้กันชุลมุนวุ่นวาย เห็นได้ชัดว่ากลุ่มโจรสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากวิเคราะห์มานานแล้วมันก็คิดขึ้นได้
มันต้องพึ่งการลวงเท่านั้น!
ซูหยุน สูดลมหายใจลึก แล้วมันก็นำม้าวิญญาณกลับลงไปที่แนวเขาอย่างระวัง
จากนั้นมันก็ลงจากม้าวิญญาณและเปิดแหวนมิติของมัน มันหยิบกระบี่อันแหลมคมหนึ่งร้อยเล่มที่มันสำรองไว้ออกมาและวางไว้บนพื้นดิน
ในขณะที่กระบี่อันเรียวยาวและแหลมคมวางกระจัดกระจายอยู่บนพื้นใต้ดวงอาทิตย์พวกมันสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ด้วยแสงสะท้อนอันทรงพลัง
หลังจากที่ทำใจ ซูหยุน ได้ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว เขาสัมผัสหน้ากากเหล็กที่แตกของมันเล็กน้อยก่อนที่มันจะก้าวเข้าไปในใจกลางวกระบี่ จากนั้นมันเปิดใช้พลังปราณจิตเทพวิถีฟ้าของมัน ซึ่งทำให้เกิดด้ายบาง ๆ ติดกับกระบี่เหล็กแต่ละอัน
กรุบกับ!... กรุบกับ!...กรุบกับ!...กรุบกับ!...กรุบกับ!...
พลันกระบี่เหล็กก็เริ่มลอยขึ้นมาทีละเล่มๆๆ
แปลไทยโดย : SwordGod