AST บทที่ 137 - ความสุขจากใจจริงท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 137 - ความสุขจากใจจริงท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น
"ท่านพ่อ!!!"ชิงสุ่ยมองไปยังเด็กสาวตัวน้อยน่ารักที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา และเขาก็อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมากอด ภาพทั้งหมดสร้างรอยยิ้มให้กับอูซวง
"เอาล่ะ พวกเราก็กลับมาถึงแล้ว ข้าขอตัวลาก่อน ข้าคงไม่รบกวนเจ้าอีกสักพัก"เหวินเหรินอูซวงหยิกแก้มของเด็กหญิงตัวน้อยพร้อมทั้งหมดแล้วและเดินออกไป
" เจ้ากลับมาแล้ว!!!"หมิงเยวี่ยวกล่าวออกมา
ชิงสุ่ยมองไปยังหมิงเยวี่ยเก้อโหลว ซึ่งเขาไม่ได้เห็นเธอมานานแล้วกว่าครึ่งเดือน ความศักดิ์สิทธิ์ของความรักของแม่ยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเขา เมื่อเทียบกับตอนแรกตอนนี้รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้นกว่าเดิมและเต็มไปด้วยความอบอุ่น ทุกกิริยาของเธอนั้นสามารถทำให้คนหลงเสน่ห์ได้ และเธอยังเป็นมิตรและสามารถเข้าถึงได้ง่าย
"พี่สาวหมิงเยวี่ย เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีไหม?"ชิงสุ่ยเดินเข้าไปตามทางของร้านโอสถตระกูลชิงจะมีความสุข
"ทุกคนที่นี่ดีกับข้าและลูกสาวของข้ามาก ข้าขอบคุณจริงๆ ถ้าไม่ได้เจ้าลูกสาวของข้า……….."
"หมิงเยวี่ย อวี้ช่างให้ความสำคัญกับข้าในฐานะพ่อ ก็อย่างที่ข้าเคยบอกไปก่อนหน้านี้ โชคชะตานำพาให้เรามาพบกัน การที่ข้าได้รักษาเธอ มันทำให้ความรู้สึกมีความสุข เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น
ชิงสุ่ยในตอนนี้ได้เรียกเธอว่าหมิงเยวี่ยโดยตรง เขาไม่เต็มใจที่เห็นว่าหมิงเยวี่ยกำลังปฏิบัติกับเขาเหมือนตัวเองเป็นคนรับใช้
หมิงเยวี่ย เก้อโหลวรู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่เธอได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ตั้งแต่ที่เริ่มรู้จัก ภาพของชิงสุ่ยก็ถูกประทับลงในจิตใจของเธอจนไม่อาจลบล้างออกได้
ที่สำคัญที่สุดคือชิงสุ่ยต่างให้การสนับสนุนเธอต่างๆ มันแทบกล่าวได้ว่าสวรรค์ได้ส่งเขา มาช่วยเหลือเธอ และเธอก็รู้สึกว่าถ้าวันใดไร้ซึ่งชิงสุ่ย มันคงเป็นวันที่ท้องฟ้าถล่มทลายลงมา
"ที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นบ้านของพวกเราตลอดไป คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ถือว่าเป็นญาติของเจ้า ตกลงไหมอวี้ช่าง?"ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆในขณะที่เขาค่อยๆยาวคำประโยคแต่ละประโยคต่อหน้าลูกสาวเขา แม้ว่าเสียงของเขาจะไม่ดังกึกก้องกังวาน แต่มันก็สะท้อนอยู่ภายในใจหมิงเยวีย ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของเธออย่างไม่ตั้งใจ
"ท่านพ่อ!!! บ้าน!!! บ้าน!!! บ้าน!!!"
ชิงสุ่ยจูบแก้มของเด็กหญิงตัวน้อยและเดินเข้าไปในร้านโอสถตระกูลชิงพร้อมกับหมิงเยวี่ย
ในบ่ายวันนี้มีเพียงแค่หยานหยิงที่อยู่ที่นั่น คนที่เหลือต่างยุ่งกับงานของตัวเองแม้กระทั่งชิงจือและภรรยาของเขาก็ยังคงติดพันกับการเจรจาข้อตกลงทางการค้า
ไม่ได้เร็วๆนี้ภายในตระกูลชิง ในเวลาที่ชิงสุ่ยไม่อยู่ ที่เกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกสินค้า รายการหลักๆนั่นคือของจำพวกขนสัตว์ ถ่านหิน และสินค้าพิเศษ ซึ่งชิงจือและภรรยาของเขานิดช่วยกันสร้างการค้าในครั้งนี้ พวกเขาวางแผนไว้ทั้งหมดและเตรียมที่จะเริ่มต้นมานานมากแล้ว สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการในตอนนั้นคือเงินทุน ก่อนที่ชิงสุ่ยจะเดินทางไปยังหุบเขาวงแหวนทองคำ เขาได้ทิ้งเงินไว้ประมาณ 30000 เหรียญเงิน ไว้ให้พวกเขาเป็นทุนในการเริ่มต้นการค้า
"ชิงสุ่ย หญิงสาวก่อนหน้านี้ ใช่คู่หมั้นของเจ้าหรือเปล่า? นางสวยมากจริงๆ พวกเจ้าดูน่ารักมาก!!!!"หมิงเยวี่ยกล่าวอย่างมีความสุขตลอดทาง
"นางช่างงดงามมากจิงๆ เช่นเดียวกับความงามของพี่สาวหมิงเยวี่ย แต่ช่างน่าเสียดายที่นางนั้นไม่ใช่คู่หมั้นของข้า ไม่มีใครต้องการข้าเลย พี่สาวหมิงเยวี่ยต้องการข้าหรือไม่?"ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาตอบ
"อ่า ไม่ ไม่ พี่สาวคนนี้เป็นดอกไม้ที่กำลังจะร่วงโรย ข้าจะไปเหมาะสมกับเจ้าได้อย่างไร ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่สูงสุดของพี่สาวคนนี้นั่นก็คือการได้เห็นเจ้ามีความสุข"
"อย่าพูดเช่นนี้ ในใจของข้า เจ้ายังคงศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ ชายคนนั้นทิ้งเจ้าไปเพียงเพราะเขานั้นมีตาหามีแววไม่ เจ้าโปรดมั่นใจในตัวเอง ในตอนนี้เจ้าคิดนะว่าไม่ได้สูญเสียสิ่งใดเลย และเจ้าก็ยังดูดีในสายตาผู้อื่น"ชิงสุ่ยจับมือของเธอและกล่าวเพื่อปลุกความกล้าหาญที่อยู่ในใจของเธอ
"ขอบคุณเจ้ามาก ชิงสุ่ย!!"หมิงเยวียเขินอายจนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ชิงสุ่ยเป็นคนต่อลมหายใจและความงามให้กับเธอ ในคืนนั้นหลังจากที่ทุกคนรู้ว่าชิงสุ่ยได้กลับมาแล้ว และได้รู้ว่าเขานั้นสังหารสัตว์อสูรและพามันกลับมาด้วย ทุกคนในตระกูลชิงต่างตกอยู่ในอาการตกใจ และชิงสุ่ยยังนำเนื้อของราชันย์อสูรที่สดใหม่กลับมาให้ลิ้มลองอีกด้วย
เนื้อสัตว์จากสัตว์อสูรนั้นมีรสชาติอร่อยอย่างน่าเหลือเชื่อ ทุกคนในโลกนี้ต่างรู้ดีว่าสัตว์อสูรยิ่งระดับสูงเนื้อของมันก็จะยิ่งอร่อย ไม่เพียงแค่นั้นเนื้อของพวกมันยังสามารถเก็บรักษาไว้ได้อีกเป็นระยะเวลานานแม้ว่ามันจะผ่านอากาศมากมายหรือแม้กระทั่งตั้งอยู่ในที่โล่งเป็นครึ่งเดือน เนื้อของพวกมันก็จะไม่เน่าเสีย
หลังจากที่ชิงอี้รู้ว่าชิงสุ่ยได้ทำการสังหารสัตว์อสูรระดับเทวะเซียนเทียนเธอค่อนข้างรู้สึกพอใจในตอนแรก แต่ในไม่ช้ามันก็กลายเป็นความรู้สึกเป็นห่วง เธอจึงพยายามเตือนชิงสุ่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าพยายามทำเช่นนี้อีก
"พี่ชายชิงสุ่ย ท่านคือแบบอย่างของข้า น้องชายคนนี้จะทำตามท่านตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะบรรลุระดับเทวะเซียนเทียน และหาภรรยาระดับเทวะเซียนเทียนเช่นกัน ……"
ทุกคนต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดตลกๆของชิงหยู รุ่นยาวกลุ่มใหม่ๆก็เริ่มพูดล้อเลียนชิงหยู จึงทำให้ชิงหยูต้องหันมาร้องขอความช่วยเหลือจากชิงสุ่ย และแน่นอนเขาก็ถูกปฏิเสธ ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้อยู่ท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น และเขาก็เข้าใจอย่างดีว่าชิงหยูในตอนนี้เป็นคนที่หน้าด้านมาก ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถทนทานต่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
แม้ว่ารุ่นเยาว์รุ่นที่ 3 ของตระกูลชิงไม่ได้มีจำนวนมาก และไม่อาจเรียกได้ว่าตระกูลใหญ่ ตัวอย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นใกล้เคียงกับพี่น้องท้องเดียวกัน ผู้เข้าเมืองจะออกไปไหนด้วยกัน และชิงเป่ยเองก็เป็นหญิงสาวคนเดียวในรุ่นที่ 3 ของตระกูล เธอจึงได้รับการดูแลและความรักมากกว่าผู้อื่นทั้งหมด
ตอนนี้หมิงเยวี่ยและอวี้ช่าง ก็อาศัยอยู่ในตระกูลชิง อวี้ช่างน้อยก็เป็นจุดสนใจของทุกคน ทุกคนต่างรู้สึกว่าเธอนั้นเป็นลูกสาวของชิงสุ่ยจริงๆ
เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เป็นที่โปรดปรานที่สุดในตระกูลชิง ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้พบเห็นเธอ พวกเขาจะรีบวิ่งเข้าไปหาของที่ดีที่สุดมาให้กับเธอ และไม่ว่าเธอต้องการอะไรทุกคนก็จะหามาให้อย่างรีบเร่ง โดยเฉพาะชิงอี้ เธอเป็นคนดูแลเด็กหญิงตัวน้อยมากที่สุด มันอาจเป็นเพราะบางทีเธออาจกำลังถ่ายทอดความคิดถึงลูกสาวที่ถูกพัดพราก ไปให้ ่อวี้ช่างน้อยแทน
ในช่วงกลางคืน อวี้ช่างน้อยมักจะตรงไปยังห้องของชิงสุ่ยเพื่อให้เขากล่อมก่อนนอน มันไม่สำคัญหรอกถ้าหากเด็กหญิงตัวน้อยต้องการจะไปนอนในห้องชิงสุ่ย แต่สิ่งที่ลำบากคือเธอนั้นต้องการให้หมิงเยวี่ยเก้อโหลวไปพร้อมกับเธอด้วย
ขนาดที่ชิงสุ่ยยืนอึ้ง และหมิงเยวี่ยพยายามที่จะนำตัวของเด็กหญิงตัวน้อยออกไป
หญิงสาวตัวน้อยก็กอดเสื้อของชิงสุ่ยเอาไว้อย่างแน่นหนาและไม่ยอมปล่อยมือ
"หมิงเยวี่ยไม่เป็นไร ให้เจ้าเด็กน้อยคนนี้หลับที่นี่เธอ วันนี้เธอได้วิ่งเล่นจนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"ชิงสุ่ยอุ้มอวี้ช่างน้อย
ในทุกครั้งที่ชิงสุ่ยฝึกฝนบ่มเพาะพลัง ชิงสุ่ยตัดสินใจเลือกที่จะใช้ห้องชั้นบนสุดของร้านโอสถตระกูลชิงเป็นที่พัก เพราะจะไม่มีใครไปรบกวนเขาที่นั่น แต่เมื่อหมิงเยวียและอวี้ช่างน้อยตัดสินใจเข้ามาอยู่ในตระกูลชิง ห้องของพวกเขาก็ถูกจัดอยู่บนชั้นสูงสุดด้วย
หญิงสาวตัวน้อย กำลังนอนเล่นพลิกตัวไปมาบนเตียงซึ่งชิงสุ่ยกำลังเล่นกับเธอ มันทำให้เธออย่างมีความสุขอย่างมา ชิงสุ่ยก็ถือว่าเธอนั้นเป็นลูกสาวของเขามาเป็นเวลานานแล้ว
ตอนนี้ย่างเข้าสู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ตอนกลางคืนค่อนข้างจะหนาวเหน็บ แสงจันทราส่องผ่านช่องหน้าต่างสร้างแสงส่องสว่างนุ่มนวลสดใส
ภายใต้แสงจันทร์สีเงิน หมิงเยวียคล้ายกับเทพธิดาชุดผ้าไหมสีเงิน รูปลักษณ์ที่งดงามของเธอ สามารถทำให้ผู้อื่นเสียตัวตนในทุกครั้งที่เธอยิ้ม หลังจากที่เธอกล่อมให้อวี้ช่างน้อยนอนหลับ ชิงสุ่ยยิ่งคงแข็งนิ่งราวกับกวางที่ถูกส่องไฟ เขาคิดกับตัวเองว่าจะดีแค่ไหนกันถ้าหากเขามีภรรยาที่งดงามและอ่อนโยนเฉกเช่นเธอ
เมื่อหมิงเยวี่ยไม่เห็นสายตาที่อึ้งทึ่งของชิงสุ่ย เธอรู้สึกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ภายในใจของเธอ คล้ายกับว่าเธอกำลังรู้ว่าชิงสุ่ยคิดอะไร
เมื่อชิงสุ่ยหรือว่าเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่ ชิงสุ่ยก็รีบจัดท่าทางและหัวเราะออกมา "เจ้าช่างงดงามมาก ในยามที่เจ้ากล่อมอวี้ช่างให้นอนหลับ มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ….."
คำพูดของชิงสุ่ยทำให้เธอตกใจ และเธอก็ไม่กล้าสบตากับชิงสุ่ย กริยาที่แสดงออกของหมิงเยวี่ยเต็มไปด้วยความเย้ายวน เขินอาย มีเสน่ห์และสง่างาม ราวกับแสงจันทราเลย
หัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรงจนกระทั่งขาดสติ ชิงสุ่ยเคลื่อนตัวไปหน้าหมิงเยวียและดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดในทันที
นับตั้งแต่ที่เขาได้ลิ้มรสสือชิงจวง ชิงสุ่ยยังคงปรารถนาที่จะรับรู้ความรู้สึกนั้นอีกครั้ง และแม้ว่าภายในหอนางโลมจะมีหญิงงามมากมาย แต่ชิงสุ่ยกลับไม่ชอบความต้องการทางเพศที่สามารถซื้อขายได้ด้วยเงินตรา
ในตอนแรกหมิงเยวี่ยต้องการที่จะต่อต้านชิงสุ่ย แต่หลังจากที่เธอคิดถึงทุกสิ่งที่ชิงสุ่ยทำเพื่อเธอ เธอจึงตัดสินใจไม่ทำอะไร เธอรู้ว่าที่ชิงสุ่ยทำไปนั้นเป็นเพราะความรักความต้องการแบบวันรุ่นทั่วๆไป ทันใดนั้นริมฝีปากของเธอก็ถูกประทับลง มันยิ่งทำให้เธอตกใจ
ไร้ซึ่งเสียงต่อต้าน หมิงเยวี่ยปิดตาเธอลง และให้ชิงสุ่ยทำตามสิ่งที่เขาต้องการ มีเสียงครางเล็กน้อยเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอ
ชิงสุ่ยยังคงประทับริมฝีปากและกดร่างของหมิงเยวี่ยเข้าหาตัวของเขา
มือทั้งสองข้างของชิงสุ่ยค่อยๆเลื้อยไปที่เร็วของหมิงเยวี่ย มือของเขาเล็ดลอดเข้าไปยังส่วนข้างล่าง และดื่มด่ำความรู้สึกที่สวยงาม ราบรื่นและนุ่มนวล มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยขาดสติโดยสิ้นเชิง
ในเวลาไม่ช้า เสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสองต่อเนื่องเหลือน้อยชิ้นลงเรื่อยๆ ใบหน้าของหมิงเยวี่ยแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ในขณะที่เธอจ้องมองชิงสุ่ยค่อยๆถอดเสื้อผ้าส่วนบนของเธอ หยดน้ำตาที่ซับซ้อนสองหยดไหลออกจากใบหน้าของเธอ
ทันใดนั้น ชิงสุ่ยก็หยุดลง ร่องรอยความสับสนปรากฏขึ้นผ่านสายตาเขา ขณะที่เขากำลังจ้องมองเนินอกขาวหิมะของหมิงเยวียก่อนที่จะมองเห็นใบหน้าที่เลอะคราบน้ำตาของเธอ
อย่างไรก็ตาม มือข้างหนึ่งเขาก็ได้อยู่บนกองเนินอกเนียนนุ่มของหมิงเยวียแล้ว และมืออีกข้างหนึ่งก็ยังคงอยู่ที่ส่วนล่าง
ทันทีที่เขารู้ว่าเขานั้นไร้สติ ชิงสุ่ยรีบหยิบผ้าห่มคลุมตัวของหมิงเยวี่ยเก้อโหลว
"ข้า……...ขอโทษ ข้ามันเป็นสัตว์เดรัจฉาน"ชิงสุ่ยตอบกลับอย่างเจ็บปวด
"ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้า และข้าก็จะไม่โทษเธอด้วย ข้าเองได้กล่าวไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่า ข้าจะให้ทุกอย่างแก่เจ้า!!!"หลังจากที่เห็นว่าชิงสุ่ยโค้งตัวขอโทษอีกหลายๆครั้ง หมิงเยวี่ยก็ยิ้มออกมา กลิ่นอายแห่งจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ร่วมกับความงามของเธอ ต่างหลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์
"พี่สาว ข้าจะไม่ใช้ประโยชน์แบบนี้อีกแล้ว ถ้าข้ายังทำมัน ข้าก็คงไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานตัวอื่นๆเลย ที่มันมีแต่ความต้องการทางเพศเท่านั้น" ชิงสุ่ยค่อยๆกอดหมิงเยวียผ่านผ้าห่ม
"เจ้าแตกต่างจากพวกมันโดยสิ้นเชิง แต่พี่สาวคนนี้จะไม่มีวันแต่งงานใหม่อีกแล้ว ความห่วงใยที่เจ้ามีต่อข้าและอวี้ช่างน้อยคือสิ่งที่ข้าจะจดจำตลอดไป ข้ารู้สึกน่าสังเวชใจจริงๆที่เป็นเช่นนี้ ถ้าหากเจ้าไม่รังเกียจพี่สาวคนนี้ที่เป็นดอกไม้ใกล้ร่วงโรย เจ้าก็จงรับมันไปสะ ตอนนี้" คำพูดเรียบง่ายของหมิงเยวีย ปลุกแล้วไฟให้ลุกโชนขึ้นมาในหัวใจของชิงสุ่ยอีกครั้ง
ข้าควรจะทำต่อไปอีกหรือไม่?