ตอนที่ 25 ธนูเขาวัว
ปู่ซางตกใจ“ความแข็งแกร่งของพระเจ้าโดยกำเนิด?”จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าไปมา“ข้าลืมไป เจ้าบ่มเพาะทักษะพลังความแข็งแกร่งภายนอกเป็นพื้นฐาน มันไม่ได้น่าแปลกใจที่เจ้าจะมีพลังนิดหน่อย!”
“การยิงธนูไม่ใช่เพียงแค่เจ้าจะใช่ความแข็งแกร่งของเจ้าอย่างเดียวได้ แต่เจ้าก็ถือว่าเจ้าเหมาะสม!”ปู่ซางเอาธนูที่อยู่หลังเขาโยนให้หลี่ฉิงชาน
“นั้นมันเป็นธนูของปู่ซางธนูเขาวัว มันเหมือนหินหนักๆก้อนหนึ่งเลย! ปู่ซางจงใจจะให้เด็กนี่ขายหน้า มันไม่ได้เหมือนกันระหว่างจะยิงธนูกับโยนหิน”
หินหนักหนึ่งร้อยยี่สิบปอนด์ การใช้ธนูล่าสัตว์ปกติไม่ค่อยได้ตามล่าแต่ใช่ความแม่นยำและความชำนาญแทน มันมีคันธนูน้อยมากที่แข็งดั่งหิน ทว่าคันธนูแข็งนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสงสัยในเรื่องพลังทำลายเลยแต่ความแม่นยำและความเร็วในการยิงจะแย่มากหากนักล่าไม่สามารถใช้งานมันได้ดี
หากพบสัตว์ป่าในภูเขาและธนูดอกแรกที่ยิงพลาดเช่นนั้นเจ้าก็จะไม่โอกาศที่จะยิงครั้งที่สองก่อนที่สัตว์นั้นจะเข้ามาโจมตีเจ้าและแน่นอนว่ามันคือเส้นทางไปสู่ความตาย บรรดาผู้ที่สามารถใช่ธนูเช่นนี้ได้ต่างเป็นนักธนูศักดิ์สิทธิ์ผู้ไม่มีปัญหาในการฆ่าเสือในภูเขาโดยลูกศรของเขาเพียงลูกเดียว
หลี่ฉิงชานลองวัดน้ำหนักของธนู ตรงรอยบากด้านบนของธนูที่ทำด้วยไม้โอ๊คถูกหุ้มด้วยหนังสัตว์กับพันด้วยเชือกผ้าไหมธรรมชาติรอบๆและสายธนูทำมาจากเอ็นของวัว มันดูอ่อนนิ่มโค้งได้และสง่างามแต่มีพลังทำลายสูงมาก
ตามคำสอนของปู่ซางเมื่อก่อนหน้านี้ เขาก็ลดเอวลงต่ำและดึงสายธนูจนสุดในครั้งเดียว กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายถูกใช้
ปู่ซางประหลาดใจว่าท่าทางของเขาเป็นตามมาตรฐานอย่างไม่คาดคิด เขาจำได้ว่าเขาเพียงแค่เฝ้าดูและฟังตรงด้านข้างเมื่อกี้ ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่จุดสำคัญอีกครั้ง หลี่ฉิงชานไม่ใช่คนที่จะเข้าใจอะไรยาก หลังจากความพยายามเพียงชั่วครู่มันราวกับว่าเขาได้ใช่แรงทำงานอย่างหนักมาตลอดสามเดือนไปแล้ว
มันใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเริ่มต้นด้วยการใช้ธนูที่ยากเช่นนี้เมื่ออยากที่จะเรียนวิธียิงธนู มันจะดีกว่าหากเริ่มด้วยการใช่ธนูที่ง่ายๆและฝึกยิ่งบ่อยๆค่อยๆแก้ไขท่าทางไปช้าๆ จากนั้นค่อยเลื่อนไปใช่ธนูที่ยากขึ้นไปอีก
ปู่ซางได้ให้ธนูเขาวัวแก่หลี่ฉิงชานโดยตรงด้วยเจตนาที่จะทำให้เขายอมแพ้ แม้ว่าเจ้าจะแข็งแรงมากและสามารถดึงคันธนูคันนี้ได้ มันก็เป็นเพียงลมตดหากเจ้าไม่สามารถยิงให้ตรงเป้าได้ แต่ความสามารถของหลี่ฉิงชานก็เกินความคาดหมายของเขาไปมาก
จริงๆแล้วหลี่ฉิงชานไม่ได้มีความเข้าใจมากกว่าเข้าอื่นๆเลย ทว่าหมัดวัวอสูรได้สอนเทคนิคพื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือการควบคุมพลังถ่ายเทความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น หอก ดาบหรือง้าวตราบใดที่เขาสามารถเข้าใจถึงแก่แท้ของมันได้อย่างรวดเร็วเท่าใดเขาก็สามารถเชี่ยวชาญอาวุธนั้นได้เร็วเท่านั้น
เหงือไหลออกจากหน้าผากหลี่ฉิงชาน ทวงท่าที่จะรั้งสายธนูได้นั้นจำเป็นต้องใช้แรงมากกว่าการยกหินและมีอาการปวดกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายรวมไปถึงเส้นเอ็นของเขาด้วย
“ที่จริงนี่เป็นวิธีที่ใช่ฝึกความแข็งแกร่งได้ดีทีเดียว การฝึกฝนทักษะหมัดของข้าก็ทำให้เหนื่อยมากแล้ว ในอนาคตเขาจำเป็นต้องหาธนูดีๆสักคันมาโดยเฉพาะเอามาใช่ในการฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งแน่นอนว่ามันจะเป็นประโยชน์มาก”
“เอาล่ะ เล็งไปที่เป้าและแสดงให้ข้าดูการยิงธนูของเจ้า!”ปู่ซางสั่งเขา
หลี่ฉิงชานลดธนูลงและพักหายใจเล็กน้อย เขาหมุนลูกศรไปมาในมือจากนั้นเขาก็ยกคันธนูขึ้นมาตั้งท่าไว้อีกครั้งหันหน้าไปทางเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบก้าว
ปู่ซางสอนเขาอยู่ข้างๆ“สงบจิตใจของเจ้า ไม่ต้องรีบที่จะยิงเกินไป มองไปที่เป้าหมาย!”
หลี่ฉิงชานจ้องเขม็งไปที่เป้าหมาย ทันใดนั้นตาของเขาก็ส่องประกายแสงแต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะแสงแดดวันนี้สดใส ภายใต้ความตั้งใจไปที่จุดเดียวในใจของเขามันเกือบจะทำให้เป้านั้นราวกับว่าอยู่ไม่ไกลและใหญ่ขึ้น
ในตำนาน เมื่อนักธนูศักดิ์สิทธิ์ฝึกนักยิงธนูของเขาในสมัยโบราณ เขาจะผูกเห็บเอาไว้ที่สายธนูจากนั้นพวกเขาจะเฝ้ามองทุกวันทุกคืนจนเห็บนั้นค่อยๆใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นจนราวกับเกวียนต่อมามันก็ใหญ่ราวกับภูเขาจนบดบังการมองเห็นพวกเขา จากนั้นลูกศรก็จะพุ่งทะลุผ่านตัวของเห็บไป
ในขณะนี้หลี่ฉิงชานร็สึกเช่นนี้เขารู้อยู่ในใจว่าส่วนใหญ่มันเป็นผลของน้ำตาวัว มันทำให้ความเร็วกลายเป็นช้า จากไกลมาเป็นใกล้ราวกับความบริสุทธิของแสงจันทร์
“ยิง!”ความตื่นเต้นก็มาสู่หลี่ฉิงชานลูกศรขนนกพุ่งออกจากคันธนูและพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย
“ปุ๊!”ลูกธนูจมลึกเข้าไปในเป้าไม้ ทว่ามันไม่ได้โดนตรงตาวัว(น่าจะคือกลางเป้าจุดแดงๆมั้งครับ)มันเพียงแค่โดนขอบๆเท่านั้นเกือบจะจั่วลมด้วยซ้ำไป
หลี่ฉิงชานรู้สึกเขินอายเล็กน้อย“มันไม่โดนตาวัวแต่ก็นับว่าโดน”
กลุ่มคนรอบๆเขาต่างประหลาดใจจนพูดไม่ออก ยิงธนูครั้งแรกในชีวิต ใช้ธนูที่หนักราวกับหิน ยิงโดนเป้าที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบก้าว คนเช่นนี้พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนแม้ในกลุ่มของพวกเขาที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่กับธนู
“จริงๆแล้วเจ้านี่มาจากไหนแน่”
ปู่ซางพยายามทำให้สีหน้าตนสงบ“ไม่เป็นไรถ้าหากเจ้าฝึกอย่างถูกวิธีในอนาคตเดียวก็จะดีขึ้น”ในฐานะที่เป็นนักธนูเก่าแก่ เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าหลี่ฉิงชาน ไม่สามรถคำนวณแรงดึงดูดหรือลมจากภูเขา ได้ในการยิงธนูครั้งแรก
“ข้ารู้สึกว่าธนูยังแข็งแกร่งไม่พอ”ดังที่กล่าวกันว่า“หากจะใช่ธนูควรที่จะใช่ธนูที่แข็งแกร่งที่สุด” หลี่ฉิงชานต้องการฝึกธนูนี้ที่มันจะต้องใช่แรงของเขาทั้งหมดในการยิงเพียงครั้งเดียวให้ลุล่วง
ปู่ซางไม่ได้พูดอะไรมากนักเมื่อเขาได้ยิน เขาเอาธนูกลับมาจากมือของหลี่ฉิงชานและน้าวคันธนูของเขาไปยังเป้าดวงตาที่ขุ่นมัวของเขาพลันกลายเป็นแหลมคมราวกับนกอินทรี
มือขวาของเขาขยับซ้ำๆไปมามีเพียงหลี่ฉิงชานเท่านั้นที่เห็นว่าเขายิงลูกศรออกไปถึงสามลูกติดต่อกัน
“ปุ๊!”ลูกศรทั้งสามพุ่งเป็นเส้นตรงจมลงไปในตาวัวทว่ากลับได้ยินเสียงกระทบเพียงครั้งเดียว
ตอนแรกทั่วลานนี่ต่างเงียบสงัดจากนั้นเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือก็ระเบิดสนั่นออกมา“ลูกศรประคำมุก!” หลี่ฉิงชานจะไม่รู้ทักษะการยิงนี้ได้อย่างไร เขาเคยอ่านมันเจอในหนังสือที่โลกเก่าของเขา ทว่าของที่เขาได้กลับเป็นเพียงของเล่น
แต่เมื่อเห็นด้วยตาตนเอง เขารู้แล้วว่ามันเป็นทักษะการฆ่าชั้นสูงอย่างแท้จริง เขาคิดในใจว่าถ้าเขาไม่สามารถเข้าไปประชิดตัวฝ่ายตรงข้ามได้ มันคงจะยากที่จะหนีจากทักษะการยิงเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหากปู่ซางซุ่มโจมตีและแอบโจมตีเขาจะต้องอย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัยเลย
ปู่ซางเห็นว่าหลี่ฉิงชานไม่ได้พูดอะไรมากมายนัก หลี่ฉิงชานเข้าใจถึงความหมายในใจของเขาแล้ว เขากำลังพูดถึงอะไร“หากจะใช่ธนูควรที่จะใช่ธนูที่แข็งแกร่งที่สุด” ถ้าเขาไม่สามารถใช้ทักษะการยิงเช่นนี้ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถดึงคันธนูที่หนักกว่าได้เขาเพียงแค่เลือกอันที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น หลี่ฉิงชานเดินมาข้างหน้าคารวะด้วยความเคารพและกล่าว“ได้โปรดปู่ซาง สอนทักษะวิชาธนูแก่ข้า!”
“ในอนาคตเจ้าก็จะเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านม้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้าพูดมาก ข้าจะสอนเจ้าด้วยใจจริงแน่ๆไม่ว่ากรณีใด เจ้าจะสามารถเรียนรู้ได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้วแต่ข้าเชื่อว่าในอนาคตทักษะการยิงธนูของเจ้าจะเหนือกว่าข้าแน่นอน”ปู่ซางรู้สึกสบายใจและกลายเป็นมิตรมากขึ้น
ในตอนแรกเขาไม่ค่อยชอบหลี่ฉิงชาน แต่เขารู้สึกตกใจเมื่อหลี่ฉิงชานแสดงพรสววรค์โดยกำเนิดและความแข็งแกร่งของเขาออกมา จากนั้นเขาก็ลดอคติลงมา อารมณ์ของเขาก็แปรเปลี่ยนไม่เพียงแต่เขาจะยอมรับหลี่ฉิงชานเขายังรู้สึกชื่อชมอีกด้วย
การประเมินค่าเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกใจ ปู่ซางเป็นนักธนูที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างยอมรับแม้กระทั่งหัวหน้านักล่ายังได้รับการสั่งสอนจากเขาส่วนตัวเลยทีเดียว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านน่าจะตกใจที่เขาประเมินค่าเด็กหนุ่มสูงถึงเพียงนี้
กลุ่มนี้เป็นเด็กรุ่นก่อนเป็นพวกที่ไม่ชอบหลี่ฉิงชานในตอนแรกพวกเขาก็ยังมาล้อมหลี่ฉิงชานและทำกริยาหยาบกร้าน หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันพวกเขาก็มีเจตนาจะทำตัวให้สนิทสนมกับเขามากขึ้น จริงๆแล้วนี้ไม่ใช่การประจบหรือการตามกระแสใดๆ แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่คนอายุพอๆกับพวกเขาต่างเคารพคนที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น
บางทีอาจจะมีบางคนที่รู้สึกอิจฉาและอยากจะไล่เขาออกไป แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเย้ยหยันหรือยั่วยุ บรรยากาศในลานพลันกลายเป็นความกลมกลืนกันมากขึ้น หลี่ฉิงชานได้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการได้รับการยอมรับและชื่นชมจากคนอื่น ไม่ได้ได้มาด้วยคำพูดที่สวยหรูหรือวาจาที่นิ่มนวล แต่เพียงแค่แสดงความแข็งแกร่งก็เพียงพอแล้ว
ถ้าหากเขาไม่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้และจะบรรลุผลเช่นเดียวกันนี้โดยผ่านการพูดคุยติดต่อ ไม่เพียงแต่จะต้องใช้เวลานานมากเท่านั้น การประจบสอพลออย่างไร้ยางอายมันก็จะบิดเบือนสภาวะของจิตใจตนเองด้วย
การฝึกดำเนินยาวจนถึงค่ำ หลี่ฉิงชานก็สามารถยิงโดนตาวัวได้แล้วแต่การยิงเช่นนี้จะต้องมีการเตรียมตัวก่อนเสมอ มันยังห่างไกลจากปู่ซางมากนักที่สามารถยิงได้ทันทีและยิ่งห่างไกลไปอีกเพราะทักษะศรประคำมุก แต่ในสายตาของผู้ดู มันเป็นเรื่องยากเกินที่จะจินตนาการได้แล้ว
หลายวันต่อมา หลี่ฉิงชานกำลังหมกหมุ่นอยู่กับทักษะวิชาธนูพยายามทุ่มเทตัวเองให้ตัวเองก้าวหน้าทุกวัน แม้ว่าเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ในการฝึกหมัดวัวอสูรก็ตามแต่มันก็ก้าวหน้าช้าเป็นอย่างมาก
เขาอดทนจนหลายวันต่อมา หลี่ฉิงชาน กลับไปที่บ้านของเขาและเปิดไวน์อย่างระมัดระวัง กลิ่นของเหล้ายาที่เข้มข้นได้พุ่งเข้าจมูกเขา เขาหยิบโถไวน์ขึ้นและดื่มมันเข้าไปเต็มปากอย่างรวดเร็ว
เสาร์อาทิตย์หยุดนะค้าบ
ฝากไลคเพจด้วยนะค้าบบบLegend of the Great Saint ครับ^^