ตอนที่ 124 – คำแนะนำของทหาร
ตอนที่ 124 – คำแนะนำของทหาร
ทหารแผนที่ไปดูและมองอย่างตั้งใจเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะส่ายหัว “ตำแหน่งมันผิดพลาด”
“ตำแหน่งผิดพลาด?” ถังเทียนตกตะลึง
“ตำแหน่งของกลุ่มดารากางเขนใต้มันหักล้างกัน” ทหารกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม้ว่าประตูดาราจะแปรเปลี่ยนไป แต่ตำแหน่งของกลุ่มดาราไม่ควรที่จะเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นนี้”
“มั่วแล้วหรือเปล่า” ถังเทียนมิได้เชื่อทหาร
ทหารตาโตน้ำเสียงของเขาน่ากลัว “เจ้าสงสัยคนโบราณเช่นข้าที่คุ้นเคยของค่ายกองกำลังงั้นหรือ?”
ถังเทียนรู้สึกอับอายในทันที “อา อา อา ท่านดูเถอะ เชียนฮุ่ยบอกอยู่ก่อนแล้วว่ามันมีสถานที่ที่จะไม่แม่นยำ”
ทหารเมินถังเทียนและกล่าวต่อ “ประตูดารามันเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน แต่ข้าไม่เคยเห็นเช่นที่เป็นอย่างกลุ่มดาราอมตะมาก่อนเลย แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วสิ่งที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับศูนย์บังคับบัญชาแล้วล่ะ ข้าก็บอกได้เลยว่ามันมีเส้นทางอยู่”
ถังเทียนคล้ายเคยได้ยินสิ่งที่เขากล่าวมาก่อนและรู้สึกปลุกปั่น “เส้นทางใดกัน?”
“จากตำหนักจิตวิญญาณนักสู้และเข้าไปยังดินแดนจิตวิญญาณ มันมีเส้นทางอยู่ที่นั้น ซึ่งทำตรงไปยังศูนย์บัญชาการค่ายกองกำลัง ภายในอดีตหลายคนต่างใช้เส้นทางนี้เดินกันไปแต่ถนนมันไม่ง่ายดายที่จะเดินมากนัก” ทหารกล่าวอธิบาย
“ยอดเยี่ยมเลย!” ถังเทียนร่ำร้องออกมาชูแขนของเขาไปบนอากาศ “ไปกันเถอะ ลุยกันเลย!”
ทหารกรอกตาของเขา “ข้าก็บอกแล้วไงว่าถนนมันไม่ง่ายดายที่จะเดินไปได้”
“คำว่า ‘ไม่ง่ายดาย’ ที่ท่านว่าหมายความว่าอย่างไรกัน?” ถังเทียนกล่าวถาม
“เส้นทางนั้นในอดีตมีเพียงทหารเก่าเท่านั้นที่สามารถผ่านไปได้” ทหารสำรวจไปยังถังเทียนสองคราพลางขมวดคิ้ว “บุรุษหนุ่มเจ้ายังคงต่ำต้อยอยู่นัก”
“ทหารเก่า?” ถังเทียนขมวดคิ้ว ถ้ามันเป็นอดีตเขาคงจะต้องไม่เห็นด้วยกับการพูดของทหารแล้ว แต่เนื่องจากเขาได้ประสบพบเจอกับตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ที่เขาตระเกียกตระกายอยู่ในนั้น เขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าการเป็น ‘ทหารเก่า’ หมายความว่ามีความเข้มแข็งอย่างยิ่ง
ทหารเงบหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เปิดเผยสีหน้าที่จมอยู่ในความคิดและพลันกล่าวออกมา “ข้าไม่สามารถบอกว่าแน่ใจได้ หลังจากที่หลายปีได้ผ่านพ้นไปแล้ว ข้าไม่สามารถบอกให้แน่ใจได้ว่าอสูรจิตวิญญาณดาราในอดีตมันอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั้น พวกเราทำได้เพียงแค่ไปที่นั้นเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจได้เท่านั้น”
ถังเทียนพลันพยักหน้าในทันที “ถูกต้องแล้ว ถูกต้องแล้ว!”
“ถ้างั้นเจ้าให้ดีควรไปกล่าวลากับพวกเขาซะ” ทหารกล่าวเตือนถังเทียน “ครานี้พวกเราอาจจะต้องอยู่ภายในดินแดนจิตวิญญาณเป็นเวลานาน”
ถังเทียนรู้สึกว่าทหารพูดถูกต้อง และเขาก็ไปร่ำลาต่อลุงเฉียน แต่ก็อย่างที่ลุงเฉียนคาดเดาว่าถังเทียนจะต้องกำลังตามไปหาคุณหนูแน่ๆ และเขาก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้แต่กลับมอบหินดาราและแก่นจิตวิญญาณมากมายให้กับถังเทียนแทน
กระเป๋าที่แบนแฟบของถังเทียนก็กลับมาตุงอีกครั้ง
เมื่อออกมาจากตระกูลซางกวน ถังเทียนก็พบมุมหนึ่งที่ปราศจากผู้คนและย่างเข้าสู่ตำหนักจิตวิญญาณนักสู้จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังเมืองไตรวิญญาณ
จากตอนที่เขาออกจากเมืองไตรวิญญาณตอนนั้นมามันก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลินทำให้บรรยากาศเมืองไตรวิญญาณกลายเป็นค่อนข้างจืดจาง จำนวนผู้คนบนท้องถนนก็ต่างลดน้อยลง ถังเทียนมิได้สงสัยอันใดนักและมุ่งตรงไปยังคลังศารสตราวุธกองทัพ
ถังเทียนก็พบเห็นไซ่เหล่ยภายในคลัง
แต่เมื่อเห็นไซ่เหล่ยผู้ที่ซึ่งไม่ต่างกับภูติผี ถังเทียนแทบจะจดจำนางไม่ได้เลย ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและใบหน้าที่สกปรกมอมแมม และเสื้อผ้าที่แทบขาดรุงริงขนาดเทียบเท่าได้กับอู่กวงเลย
เมื่อยามที่ไซ่เหล่ยหันมาสบตากับถังเทียน มันเหมือนกับว่านางมิได้เห็นอะไรทั้งสิ้น ขณะที่บ่นพึมพำอย่างต่อเนื่อง
“สตรีนางนี้คงไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม?” ถังเทียนถามอย่างกังวลกับทหาร
แต่ทหารกลับเป็นตรงกันข้ามดูคล้ายเคยมีประสบการณ์และความรู้มาก่อน “ผู้คนช่วยพวกเขาต่างก็เป็นเช่นนั้น เมื่อพวกเขาพบบางอย่างที่พวกเขาสามารถหมกมุ่นอยู่กับมันได้ พวกเขาจะแทบทิ้งขว้างชีวิตของพวกเขาเอง ฮิฮิ เมื่อไม่กี่พันปีก่อน ช่างกลไกทั้งหมดต่างก็เป็นแบบนี้ และมันดูเหมือนว่าช่างกลไกในยุคปัจจุบันนี้จะยังมีพฤติกรรมที่เหมือนกันอยู่”
ฟังจากน้ำเสียงของทหาร ถังเทียนก็เคยได้ยินเหมือนกันว่าเคยมีช่างกลไกผู้ที่ทำร้ายเขามาก่อน
“นี่.. ไซ่เหล่ย!” ถังเทียนตะโกนแต่ไซ่เหล่ยไม่ได้ยินเสียงที่เขาตะโกนเลย ดังนั้นเขาจึงหมดทางเลือกได้แต่เพิ่มเสียงตะโกนให้ดังกว่าเดิม”
ในครั้งนี้ ไซ่เหล่ยได้ยินเขาแล้ว ตาของนางค่อยๆกลับมามีสมาธิอีกครั้ง เมื่อเห็นถังเทียน นางก็ตะโกนกลับมา “เจ้ามาแล้วหรอ” เมื่อกล่าวจบนางก็หันและจากไป
ถังเทียนขมวดคิ้วเมื่อเห็นเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดกล่าว เขาก็จ้ำพรวดไปข้างหน้าจับไซ่เหล่ยเอาไว้และหันไปถามทหารว่า “แถวนี้มีสระน้ำหรือไม่?”
ไซ่เหล่ยด่ากราดด้วยความโกรธ “เจ้าบัดซบกำลังทำบ้าอันใด? อย่าให้ข้าต้องเสียเวลาเปล่านะ!”
ทหารแสดงสีหน้าที่บ่งบอกประมาณว่า ‘ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า’ และชี้ไปยังเบื้องหลังถังเทียน “ด้านหลังเจ้าและเดินไปประมาณ 200 เมตรแล้วเลี้ยวไปทางขวา”
ถังเทียนไม่ได้พูดอันใดก็แบกไซ่เหล่ยและเดินไปตามทิศทางนั้น
ไซ่เหล่ยพยายามขัดขืนอยู่ภายในมือของเขาแต่ถังเทียนก็ไม่ได้สนใจนาง สตรีนางนี้ไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่งั้นรึ! เมื่อเห็นเส้นเลือดภายในดวงตาของนาง เขาก็รู้ได้เลยว่านางไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว
พวกเขาก็พบเจอสระน้ำแล้วและมันมีท่อระบายน้ำทองแดงที่ไหลตามท่อผ่านลงมาสู่สระน้ำ
จากการโยนเหวี่ยงของถังเทียนก็เกิดเสียงกรีดร้องของไซ่เหล่ยดังออกมาขณะที่นางเหินลงสู่สระน้ำ
ซู่ น้ำมากมายสาดกระเซ็นกระจายไปทั่ว
“ตอนนี้ก็ทำล้างเนื้อล้างตัวซะ ถ้าเจ้ายังเลือกมากน่ารำคาญอยู่อีก อย่าได้คิดแตะต้องเครื่องกลไกศาสตราวุธในอนาคตอีกแน่!”
ถังเทียนพูดเช่นนั้นจบก็หันหลังจากไป
ไซ่เหล่ยผู้อ้าปากของนางเตรียมจะต่อว่าทันใดนั้นก็กลายเป็นไร้คำกล่าว คำพูดของถังเทียนจี้จุดอ่อนของนาง ไม่อนุญาตให้นางแตะต้องเครื่องกลไกศาสตราวุธมันแย่ยิ่งกว่าสังหารนางเสียอีก
นางแช่อยู่ในน้ำขณะที่นางไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ต้องยอมรับ
ไซ่เหล่ยก็กระทำตัวดีขึ้นมาในทันที
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
“บุรุษหนุ่มถัง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะมีนิสัยก้าวร้าวเช่นนี้อยู่ด้วย!” ทหารรู้สึกประหลาดใจ
ถังเทียนมีท่าทางที่บ่งบอกว่า ‘มันแน่นอนอยู่แล้ว’ “เนื่องจากท่านไม่ได้มองให้ดีเอง นี่คือบุรุษหนุ่มเทพเชียวนะ มีสิ่งใดกันที่จะกำราบเขาลงได้?”
เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจในเรื่องตอนนั้นที่ไซ่เหล่ยได้กัดมังกรของเขา
เมื่อมองไปยังเศษชิ้นส่วนประกอบของศาสตราวุธเครื่องกลไกทั้งหมดที่เท้าของเขาแล้ว ถังเทียนก็รู้เลยว่าไซ่เหล่ยรื้อศาสตราวุธเครื่องกลไกมากมายในตอนที่เขาจากไปแล้ว
สตรีนางนี้ช่างบ้าจริง!
ถังเทียนแอบเลียริมฝีปากของเขาและอดไม่ได้ที่จะชื่นชมนาง
ไซ่เหล่ยก็อาบน้ำเสร็จแล้วโดยที่ไม่ต้องรอนาน
นางได้เปลี่ยนชุดใหม่และรู้สึกว่าปลอดโปร่งและสดชื่นนัก ผมเปียกชื้นของนางพาดอยู่บนไหล่ของนาง ใบหน้าของนางยังดูเหมือนคล้ายยังมีความชุ่มชื้นอยู่เป็นชั้นๆ นางในตอนแรกเริ่มก็สวยงามอยู่แล้ว แต่กับเพิ่มความอ่อนโยนอันคลุมเคลือและท่าทางที่ดูเขินอายเล็ยกน้อยแต่เมื่อจ้องมองดูแล้วก็รู้สึกน่าสงสารเล็กน้อย
“หยุดแสร้งทำได้แล้ว!” เมื่อเห็นท่าทางของไซ่เหล่ย ถังเทียนก็ยกฝ่ามือขึ้นตั้งท่าให้หยุด
เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับฤทธิ์เดชของสตรีผู้นี้กับตัวเขาเองมาแล้ว
“ตอนนี้ก็ไปพักผ่อนซะเถอะ” มืออีกข้างของถังเทียนก็ยกชี้ขึ้น ขัดขวางการพูดของไซ่เหล่ย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความข่มเหง “อย่าได้มาต่อรองกับข้าเชียว ถ้าเจ้าตายจากอาการเหนื่อยล้าแล้วล่ะก็ ข้าต้องขาดทุนย่อยยับ!”
เมื่อเห็นว่าไซ่เหล่ยยังหวังที่จะพูดอยู่ ก็ถลึงตาจ้องมองพลางเพิ่มเสียงดังขึ้น “อย่าได้มาไร้สาระกับข้า! ไปเดี๋ยวนี้!”
ไซ่เหล่ยสะดุ้งตกใจและในทันทีก็ไปนอนหลับแต่โดยดี
ตามความจริงตัวนางก็เหนื่อยล้าเหลือเกิน จิตใจของนางดูเลือนลาง เมื่อใดกันที่เจ้าเด็กผู้นี้ถึงกลายมาเป็นดุร้ายเช่นนี้?
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
เมื่อเห็นว่าไซ่เหล่ยไปนอนแล้ว ถังเทียนและทหารก็ไปตรวจสอบสถานที่โดยรอบ
เมื่อออกจากฐานทัพและคำแนะนำของทหาร ถังเทียนก็เริ่มที่จะเดินลึกเข้าไปภายในดินแดนจิตวิญญาณ ราวกับว่านางได้กลับบ้านของนางเอง หยาหยาก็กลายเป็นร่าเริงสดใสและตลอดที่เดินทางเอาแต่ร้อง ‘อี้อี้อ้าอ้า’ จนทำให้รู้สึกรำคาญ
ขนาดตัวของหยายาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่เส้นสายบนชุกเพราะของนางก็กลายเป็นแปลกตามากขึ้น แต่ที่เห็นได้ชัดถึงความเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะก็คงจะเป็นบนหลังของมันที่มีธงจิ๋วอยู่ด้วย
“ระวังตัวด้วยสถานที่แห่งนี้เคยมีอสูรจิตวิญญาณดาราอยู่มากมาย” ทหารกล่าวเตือนถังเทียน “จากที่ข้าเห็นที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้คือดินแดนล่าวิญญาณ สังเกตหยาหยาสิ แม้ว่าตัวอ่อนจิตวิญญาณขุนพลจะอ่อนแอแต่พวกมันก็ปราดเปรียวยิ่ง”
ดินแดนล่าวิญญาณเป็นสถานที่อันตรายยิ่งและบางโอกาสพวกเขาจะพบกับนักสู้ที่ล่าแก่นจิตวิญญาณอยู่ภายในด้วย แต่ทิศทางที่ทหารนำทางไปนั้นต่างได้ทำร้ายร่องรอยแล้ว และถังเทียนก็ไม่ได้พบเจอนักสู้อีกแม้แต่คนเดียวเลย
จู่ๆ หยาหยาก็เงียบลงและธงจิ๋วบนหลังของนางหยุดโบกสะบัด และเขาก็ย่อเอวลงมา ดวงตาจับจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเฝ้าระวัง
ถังเทียนก็ตื่นตัวในทันที
ไกลออกไปเบื้องหน้ามันคล้ายกับมีลำแสงสีแดงกระพริบอยู่
ในทันทีก็เกิดเสียงดังสะนั่นที่แทบทำให้หัวใจผู้คนสะท้านดังออกมา
“มันคืออสรพิษจิตวิญญาณดารา” ทหารกล่าวเตือนถังเทียน
ความเร็วของอสรพิษจิตวิญญาณมันเร็วกว่าที่ถังเทียนจะคาดคิดได้ มันรดวเร็วถึงขนาดที่ฉับพลันก็ปรากฏมาอยู่เบื้องหน้าดวงตาของเขา อสรพิษยาวประมาณสามเมตรลำตัวหนาเท่าแขนของบุรุษ บนร่างของมันเป็นชั้นของเกล็ดสีทองแดงอันละเอียด เกล็ดทองแดงอันละเอียดอ่อนนี้ก่อเกิดเป็นรูปแบบที่ซับซ้อน แต่สิ่งที่ทำให้ถังเทียนสั่นสะท้านก็คือหัวอสรพิษ
ภายในใจกลางหังสามเหลี่ยมของอสรพิษมันมีความคล้ายคลึงกับใบหน้าของมนุษย์อย่างน่าประหลาด
“พวกมันคืออสูรจิตวิญญาณดาราที่หลังจากดูดซับเศษชิ้นส่วนที่ผุผังของจิตวิญญาณนักสู้โบราณแล้วมันจะมีลักษณะของมนุษย์” น้ำเสียงทหารกลายเป็นขึงขังและทุ้มลึกลงต่ำ “เจ้าจะต้องระวังไว้อย่างมาก มันแข็งแกร่งมากกว่าอสูรจิตวิญญาณดาราทั่วไปนัก เจ้าจะลองสู้ดูด้วยก็ได้ แต่ถ้าเจ้าไม่ไหวแล้วล่ะก็ ให้วิ่งหนีในทันที พวกเราสามารถใช้เวลาเพื่อพิจารณาดูได้”
ถังเทียนพยักหน้าปราศจากคำกล่าวและชุดเกราะนกยูงก็ปรากฏบนร่างของเขา
ตลอดเวลาถังเทียนเคยใช้พลังจิตวิญญาณนักสู้ขั้นเงินของเขาเพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณนักสู้ของชุดเกราะนกยูงแล้ว
ชุดเกราะนกยูงน้ำเงินก็กลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การปะทุของสนับมือเตาหลอมทำให้ถังเทียนรู้สึกถึงสมบัติของเขาที่มีการเปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่ ในอดีต สมบัติสำหรับเขามันเป็นเพียงสมบัติ แต่ตอนนี้เขาเห็นพวกมันเท่าเทียมกันดั่งเช่นมนุษย์ที่มีชีวิตคนหนึ่ง
มันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะความคิดที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้หรือเปล่า แต่สนิทสนมระหว่างถังเทียนกับสมบัติก็กลายเป็นใกล้ชิดมากขึ้น
ท่ามกลางบรรดาขนนกบนชุดเกราะนกยูงน้ำเงินมันก็มีเส้นสายสีเงินเบาบางพลุ่งพล่านออกมาจากชุดเกราะและถังเทียนรู้สึกว่าร่างของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพวกมัน
ถังเทียนตั้งท่ารูปแบบการป้องกันและจ้องมองไปยังอสรพิษจิตวิญญาณดาราเบื้องหน้าเขา
ดวงตาเย็นเยียบของอสรพิษจิตวิญญาณดาราจ้องมองกลับมายังถังเทียน ใบหน้าที่ไร้อารมณ์คล้ายจะแสดงออกให้เห็นลักษณะที่ชั่วร้าย อุณหภูมิรอบด้านลดลง และรอบตัวอสรพิษจิตวิญญาณดาราเกล็ดหิมะเริ่มที่จะร่วงหล่นลง
สีหน้าของถังเทียนแปรเปลี่ยน
ราวกับได้รับการรู้แจ้ง อสรพิณจิตวิญญาณดาราเบื้องหน้าของเขามันมีระดับสูงกว่าอสูรจิตวิญญาณดาราที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด
ขั้นหก!
ทันใดนั้นอสรพิษจิตวิญญาณดาราก็เปิดปากของมันและพ่นกลุ่มหมอกควันออกมา เมื่อหมอกออกมาจากปากของมัน กลุ่มหมอกก็ขยายออกอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าที่ใดที่กลุ่มหมอกนี้ผ่านไปพื้นดินตรงนั้นจะกลายเป็นชั้นนำแข็ง
ขณะที่กลุ่มหมอกลอยมาเบื้องหน้าถังเทียน มันก็มีกำแพงคล้ายทำขึ้นจากน้ำแข็งบีบคั้นด้วยแรงกดดันมายังตัวเขา
ถังเทียนไม่ได้หลบไปด้านข้าง อสรพิษจิตวิญญาณดาราเบื้องหน้าเขาสามารถทำให้เขามีลางสังหรณ์ถึงอันตรายที่ยังมาไม่ถึงได้เลย ถ้าเขาไม่สามารถรับมือกับอสรพิษจิตวิญญาณดาราได้แล้วล่ะก็ เขาก็คงไม่สามารถเข้าไปลึกได้กว่านี้อีก เส้นทางต่อจากนี้จะต้องอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาก็ได้เติบโตขึ้นมาแล้ว!
กรงเล็บปีศาจและอู่กวงทำให้ถังเทียนตกใจอย่างยิ่งกับบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน มันเป็นคราแรกที่เขาเข้าใจว่าวิชาการต่อสู้ที่แท้จริงอาจกลายเป็นการสร้างความเสียหายที่รุนแรง!
ถังเทียนเหมือนกับถูกเปิดหน้าต่างไปสู่โลกใบใหม่
แรงสั่นสะเทือน เป้าหมายของเขาคือการเข้าใจแก่นแท้ของการสั่นสะเทือน
เขามิได้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ระดับสูง แต่เขาฝึกฝนในหมัดสั่นสะเทือนของเขาอย่างต่อเนื่องและเป็นบางอย่างที่เขาสมบูรณ์แบบแล้ว และสามารถที่จะใช้ออกกระบวนท่าสังหารได้
บุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ได้เกียจคร้านแม้แต่น้อย!
ท่าทางอของถังเทียนสงบนิ่งและมั่นคง เขาย่อเอวลงและมือขวาก็ฉกพุ่งไปยังเบื้องหน้าเขาพลันอากาศที่ว่างเปล่าจู่ๆก็เกิดแรงสั่นกระเพื่อมมากมาย ราวกับเขาได้คว้ามันมาจากอากาศ
อากาศรอบๆเริ่มที่จะสั่นกระเพื่อม
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ