ตอนที่แล้วตอนที่ 120 – กรงเล็บปีศาจ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนนี้ 122 – นักสู้ขั้นเส้นทางสวรรค์

ตอนที่ 121 – ดาบวารีสวรรค์


ตอนที่ 121 – ดาบวารีสวรรค์

 

ทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้ต่างเงียบกริบราวกับทุกคนตายตกกันไปหมดแล้ว

วิชากรงเล็บนั่นที่กรงเล็บปีศาจได้ใช้ออก มันทำให้ทุกคนต่างตระหนก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เขาเพียงแค่ยืนคุ้มครองถังเทียนอยู่ด้านข้างเหมือนชายชราสามัญธรรมดา เขามิได้เปิดเผยแสดงอะไรทั้งสิ้น

สายตาที่ทุกคนต่างมองไปยังถังเทียนเกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที

ความสงสัย หวาดกลัว ความเกรงขามและความสับสน มันปนเปไม่แน่ชัด

แท้จริงแล้วบุรุษผู้นี้เขามีความเป็นมาจากที่ใดกันแน่?

ภายใต้การโจมตีอันทรงพลังที่น่าตกใจทั้งสองแบบ ตระกูลอวี๋ทั้งหมดที่ต่างสะกัดกั้นกันหายไปในควันหมด นอกเหนือจากเสียงประปรายของการต่อสู้ดังออกมาเป็นระยะ สมาชิกที่เหลือของตระกูลอวี๋ต่างมีสีหน้าที่เศร้าใจที่บ่งบอกว่ายอมนรับชะตากรรมของพวกเขาแล้ว

หมิงจือชุนและพวกที่เหลือบนใบหน้าของพวกเขาต่างไร้สีซีดเผือด ใจพวกเขายินดีอย่างไม่จบสิ้น เมื่อขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง หากถังเทียนปลดปล่อยจิตวิญญาณขุนพลของเขาตั้งแต่เริ่ม ทั่วทั้งสนามรบจะต้องหลั่งไหลนองไปด้วยโลหิตและมิมีผู้ใดเหลือรอด

ช่างดีนัก ช่างดีนัก...

อาการตกใจปรากฏอยู่ทั่วใบหน้าของซางกวนเฉียน แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และขณะที่เขาขบคิดเกี่ยวกับเรื่องราวที่นายน้อยเทียนได้ประสบพบมาหลายสิ่งที่คนอื่นก็ไม่อาจล่วงรู้ เขาก็พลางถอนหายใจ

ถังเทียนมิได้สนใจสิ่งใดเลย ในทันทีก็วิ่งไปหาหานปิงหนิงและพวกที่เหลือเพื่อตรวจสอบพวกเขา

โชคดีนัก พวกเขาส่วนมากมีเพียงแค่การบาดเจ็บเล็กน้อยและไม่นับเป็นอะไรกับพวกเขา

“ท่านคือผู้อาวุโสกรงเล็บปีศาจหนง?” บุรุษบึกบึนเท้าเปล่ากล่าวถามอย่างเคารพนับถือ ด้วยรูปลักษณ์เคราที่รุงรังกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและใบหน้าที่มอมแมมของเขา แต่มันก็มีกลิ่นอายความเป็นวีรบุรุษของเขา

กรงเล็บปีศาจยืนอยู่ลำพังราวกับเขามิได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น

ถังเทียนก็พยักหน้าของเขา “อืม”

จากนั้นจิ่งเหาก็เดินเข้ามา และทักทายไปยังบุรุษบึกบึนเท้าเปล่าว่า “อาจารย์ลุง!”

“ฮ่าฮ่า” บุรุษบึกบึนเท้าเปล่าหัวร่อออกมาเสียงดัง “เสี่ยวจิ่งเหา พวกเราไม่ได้เจอกันหลายปี และเจ้าก็ช่างเติบโตขึ้นมากแล้ว!”

ช่างเติบโตขึ้นมาก...

ดวงตาของจิ่งเหากระตุกเล็กน้อย เขาปิดเปลือกตาลงพยายามอดกลั้นมิให้กลอกตาของเขา

ข้าอายุแทบสามสิบปีแล้วและท่านยังจะมาพูดเช่นนั้นกับข้า...

“นี่คือน้องเล็กถัง ผู้สือทอดมรดกของผู้อาวุโสกรงเล็บปีศาจหนง และเป็นหนึ่งในพวกเราด้วย” จิ่งเหาพยายามเบี่ยงเบนเรื่องที่ไร้สาระออกไป “สิ่งของชิ้นก่อนหน้านั้น ก็เป็นน้องเล็กถังที่ได้สนับสนุนมัน”

บุรุษร่างบึกบึนเท้าเปล่าพลันรู้ชัดแจ้ง เขาก็ตบหัวตัวเอง ปึก ขี้เถ้ามากมายอย่างกับม่านหมอกพุ่งออกมาจากตัวเขา

ทุกคนเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ต่างถอยหลังสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว

“ถ้างั้นเจ้าก็คือถังเทียนสินะ!” บุรุษร่างบึกบึนเท้าเปล่าเอ่ยเสียงขึ้น เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ขณะที่เขาสำรวจดูถังเทียนด้วยตาของเขาและเขาก็กล่าวอย่างพึงพอใจว่า “พื้นฐานของเจ้าช่างแข็งแกร่งอย่างมาก เจ้ามีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม”

จิ่งเหารู้สึกไร้อารมณ์น้ำเสียงของเขาดูไร้กำลังและแนะนำให้กับถังเทียนได้รู้จัก “นี่คือ อู่กวง อาจารย์ลุงของข้า อย่าได้สนใจเขามากนัก”

อู่กวงไม่พอใจ “เสี่ยวจิ่งเหา เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าไม่ต้องสนใจข้ามาก? นี่เจ้าแนะนำอาจารย์ลุงของเจ้าเช่นนี้หรือ?” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปเต็มไปด้วยความสนิทสนม “บุรุษหนุ่มถัง รอจนพวกเราสนิทสนมกันเมื่อไหร่ เจ้าจะรู้ได้ว่าข้าไว้ใจได้ การค้าทุกอย่างในอนาคต เจ้าจะต้องอย่าได้ลืาข้าไปเชียว”

“การค้า?” ถังเทียนรู้สึกสับสน

“ถูกต้องแล้ว ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย บุกรุกบ้าน ทะเลาะวิวาท… ปล้นชิง แน่นอนมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะกระทำ...” อู่กวงสั่นสะท้าน เขาพลางทุบอกและกล่าว “เช่นเดียวกับครานี้ เจ้าได้ล่วงเกินเผ่าเมิงเข้าแล้ว ตราบเท่าที่เจ้าจ้างข้าด้วยแต้มสะสม ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าสังหารพวกเผ่าเมิงให้เจ้าได้ และสัญญาว่าพวกมันจะไม่ปรากฏตัวมาในกลุ่มดาราอมตะอีกครั้งแน่นอน”

“เผ่าเมิง?” มันเป็นคราแรกที่ถังเทียนได้ยินนามนั้น

“กลุ่มที่ก่อตั้งมาเมื่อเร็วๆ นี้” สีหน้าอู่กวงมีอาการดูแคลน “กลุ่มคนเหล่านี้ฝึกฝนในวิถีนอกรีต และแม้แต่กระทั่งวิชาก็เช่นกัน หลับหูหลับตาเพื่อจะเดินเส้นทางลัดและทำตัวพวกมันเองให้กลายเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงเช่นนี้”

จิ่งเหาสังเกตเห็นใบหน้าอันงุนงงของถังเทียน และรู้ว่าถังเทียนไม่ได้รู้ข่าวภายนอกเลย ก็ตัดสินใจอธิบายขึ้น “เผ่าเมิงเป็นกลุ่มพันธมิตร พวกเขามีความซับซ้อนมาก พวกเขามักจะค้นคว้าเกี่ยวกับวิธีผสานร่างกับจิตวิญญาณขุนพล และดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำสำเร็จแล้ว”

“พวกเราสามารถที่จะผสานร่างกับจิตวิญญาณขุนพลได้ด้วยงั้นหรือ?” ถังเทียนสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ฟังเรื่องหลายสิ่งอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในวันนี้

“อืม” สีหน้าจิ่งเหาแปรเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำ “เรื่องนี้เป็นข้อห้ามตลอดมา จิตวิญญาณขุนพลเพื่อที่จะผสานร่าง จะต้องกลืนกินจิตวิญญาณขุนพลอีกตนหนึ่ง และกลายเป็นจิตวิญญาณขุนพลที่แกร่งขึ้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนก็ตกตะลึง “มัน...มันเป็นไปได้ด้วยงั้นหรือ?”

จิ่งเหามองเห็นท่าทางของถังเทียนก็พลันยิ้ม “พวกเขายังก่อตั้งสถาบันมาอีกด้วย นอกเหนือจากการวิจัยจิตวิญญาณขุนพลแล้ว สมบัติดาราและเส้นชีพจรโลหิตก็วิจัยอีกด้วย สมาคมนักสู้แห่งแสงของพวกเราก็เก่งกาจในด้านวิจัยสมบัติดารา ขณะที่วิญญาณนิลเก่งกาจในด้านเส้นชีพโลหิต ทั้งสองเหล่านี้่ต่างเป็นสถาบันการวิจัยที่ใหญ่ที่สุด นอกเหนือจากนั้นมันยังมีการวิจัยสิ่งโบราณ พวกเขาต่างหมกมุ่นอยู่อยู่กับพวกเครื่องกลไกลโบราณและพยายามฟื้นคืนรูปแบบงานเครื่องกลไก ผู้คนประเภทนี้มีอยู่น้อยนัก ในโลกนี้มันมีสถาบันที่วิจัยสิ่งแปลกๆอยู่มากมาย”

“อย่าไปฟังเขาเรื่องสถานบันวิจัยเลย” อู่กวงแค่นเสียง “พวกเขามันก็แค่พยายามที่จะใช้เส้นทางลัด! พวกเขามันถูกครอบงำแล้ว! จิตวิญญาณขุนพลที่พวกเขาใช้ออกมามันมีผลข้างเคียงมากมาย และวิถีเต๋ามันคือเส้นทางชีวิตของข้า”

“ถูกต้องแล้ว” จิ่งเหากล่าวด้วยความเคารพ “อย่างแรกพวกเขาจะต้องใช้จิตวิญญาณนักสู้ของตัวเองประทับก่อนที่จะสร้างยันต์จิตวิญญาณและก่อเกิดจิตวิญญาณขุนพลและจากนั้นก็ใช้พวกวิชากลืนกิน และกลืนกินและผสานเข้ากับจิตวิญญาณขุนพลตนอื่น แต่ด้วยเหตุนี้ เมื่อมองไปยังจิตวิญญาณขุนพลมันจะเห็นได้ว่าพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นพิเศษ แต่จิตวิญญาณนักสู้ของจิตวิญญาณขุนพลจะกลายเป็นผสมปนเปกันและจะทำให้เกิดปัญหาได้”

ถังเทียนพลันเข้าใจและพยักหน้าของเขา จิ่งเหาพูดถูกแล้ว จิตวิญญาณนักสู้บริสุทธ์มันจะดีกว่ายิ่ง จากนั้นมันก็แข็งแกร่งขึ้น ด้วยเหตุผลนี้เขามีประสบการณ์เป็นการส่วนตัวแล้ว

“เฮอะ ไม่ยังไม่หมดเท่านั้น” อู่กวงส่ายหัว “จิตวิญญาณขุนพลเกิดมาจากตราประทับจิตวิญญาณนักสู้ของตัวเขาเอง และเพื่อที่จะต้องควบคุมจิตวิญญาณขุนพล พวกเขาจะต้องสนิทสนมและใกล้ชิดกับจิตวิญญาณขุนพล ยามเมื่อจิตวิญญาณขุนพลมิอาจเข้ากันได้ พวกมันจะดูดกลืนตัวเจ้าของเอง”

อู่กวงโบกมือของเขา เปลี่ยนเรื่องขณะที่มองอย่างเร่าร้อนไปยังถังเทียน “ว่ายังไง ว่ายังไงกัน? เจ้าต้องการทำการค้ากันไหม? สบายใจได้ข้าเป็นคนที่น่าเชื่อถือมาก ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ถามเสี่ยวจิ่งเหาดูได้เลย”

จิ่งเหาทำอะไรไม่ถูกขณะที่เขาก็จ้องมองดูเท้าตัวเอง “ท่านอย่าได้ตื้อเขาเลย”

อู่กวงกลายเป็นตระหนกและโมโห เท้าเอวของเขาพลางต่อว่าจิ่งเหา “เสี่ยวจิ่งเหา เจ้าทำกับอาจารย์ลุงของเจ้าเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน?”

จิ่งเหายังคงมองอยู่ที่ปลายเท้าของเขาพลางกล่าว “อย่าสนใจเขาเลย”

อู่กวงตวาด “เสี่ยวจิ่งเหา อย่าคิดว่าเจ้าโตขึ้นแล้วจะมาปีกกล้าขาแข็งนะ ให้ข้าบอกเจ้าเอาไว้ ยามเมื่อเจ้ายังเด็กข้าคือคนที่ซื้อขนมให้เจ้ากินนะ!”

“ท่านขโมยพวกมันมาต่างหาก” จิ่งเหาโต้เถียงแต่เมื่อเขากล่าวมันออกมา ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ

ช่างน่าอับอายขายหน้านัก!

ตามที่คาดไว้ เขาไม่สามารถที่จะยุ่งเกี่ยวกับกับตัววายร้ายนี้...

สีใบหน้าของจิ่งเหากลับเป็นเหมือนปกติ “เหตุใดน้องเล็กถังถึงจะต้องเลือกท่านกัน? หรือว่าท่านก็แข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสกรงเล็บปีศาจกัน? ผู้อาวุโสกรงเล็บปีศาจเป็นถึงผู้ที่สร้างกรงเล็บเคียวเพลิงปีศาจ แล้วท่านสร้างสิ่งใดกัน?”

อู่กวงแค่นเสียงดังออกมาทันทีคล้ายกับเขาเป็นลูกโป่งที่ลมรั่ว

วิชากรงเล็บจากกรงเล็บปีศาจเมื่อครู่แม้กระทั่งอู่กวงยังตกใจ ถังเทียนมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งเช่นนี้และแน่นอนไม่จำเป็นต้องการความช่วยเหลือของเขา

มันค่อนข้างไม่นานตั้งแต่ที่จะเริ่มทำการค้า ถ้ามันยังเป็นอยู่เช่นนี้ข้าจะต้องตายเพราะยากจนเป็นแน่...

“มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สามารถพูดคุยเกี่ยวกับการค้าได้” ถังเทียนลูบคางของเขาขณะที่เขาคุยกับตัวเอง

ดวงตาอู่กวงสว่างวาบ ราวกับขาของเขาเต็มไปด้วยดินปืนเขาบึ่งไปยังด้านข้างถังเทียน “โอ้ โอ้ โอ้! บุรุษหนุ่มเจ้าช่างเป็นสิ่งที่พิเศษยิ่งนัก เป็นบุรุษหนุ่มผู้อารมณ์ดี! สายตาอันสมบูรณ์แบบที่มองออกทุกสิ่งอย่างในโลกนี้”

จิ่งเหาพลางกล่าวอย่างคลุมเคลือ “แต่กลับไม่สามารถมองท่านออกได้...”

“เสี่ยวจิ่งเหา แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนที่ข้าเฝ้ามองจนเติบโตมา ถ้าเจ้าทำการค้าของข้าล้มเหลวแล้วล่ะก็ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้า!” ดวงตาอู่กวงเปล่งประกายแสงของความรุนแรง “อย่าบังคับให้ข้าต้องชักดาบออกมา!”

“ดาบท่านมันเป็นสนิมแล้ว เมื่อกี้ ตอนที่ท่านชักออกมาอย่าคิดว่าข้าไม่เห็นมันนะ...” จิ่งเหาโต้ตอบอย่างเย็นชา

อู่กวงถึงกลับน้ำตาปริ่มพลางกระโจนเข้าไปหาจิ่งเหา ยามเมื่อถังเทียนพลันยื่นมือกางนิ้วของเขาออกขวางไว้ และอู่กวงก็หยุดร่างของเขาในทันที อู่กวงหันกลับมาพลางมองไปยังนิ้วของถังเทียนอย่างจริงจัง

“มีสหายของข้าอยู่ไม่กี่คนต้องการที่จะเข้าร่วมนิกายของพวกเรา แต่พวกเขาเป็นลูกน้องของหัวหน้าข่งอี้อวี๋ พวกเราจะต้องทำเช่นไร?” ถังเทียนหันไปพลางกล่าวถามอู่กวง

จิ่งเหาพลางกว่าด้วยเสียงที่คมกริบ “เรื่องนี้เจ้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง...”

ดวงตาอู่กวงลุกวาวใจของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ เมื่อครู่เหตุใดเขาถึงไม่ชักอาวุธและกล่าวเตือนบัดซบตัวนั้นกัน? เจ้าบัดซบตัวนี้สมควรโดนฟันให้ตาย!

อู่กวงขบฟันพลางกล่าว “ข้าจัดการมันให้เจ้าได้เลยในตอนนี้”

เขาพลันเปล่งเสียงตวาด “หัวหน้าข่งโปรดออกมาหารือกันหน่อยเถอะ!”

ร่างที่คล่องแคล่วก็เหินออกมาและลงบนหลังคาใกล้ๆ สวมใส่ด้วยชุดแพร ข่งอี้อวี๋ยิ้มให้ “ใต้เท้าอู่ดาบวารีสวรรค์ ข้าไว้วางใจท่านเป็นอย่างดีตั้งแต่เมื่อครั้งล่าสุดที่พวกเราได้พบกัน”

[คั่นหนังสือ : 瀑 / น้ำตก ขอเปลี่ยนเป็น วารี ครับ ]

นางรักษาระยะห่างของนางอย่างระมัดระวัง นางได้เป็นพยานกับพลังอันรุนแรงของ ‘ดาบวารสวรรค์’ จากดาบของอู่กวงเมื่อครู่ และนางรู้ว่าไม่ควรขาดสติ

“หัวหน้าข่ง เหล่าอู่มีเรื่องที่จะขอให้ท่านช่วยเหลือ” อู่กวงกล่าวเสียงดัง “พวกเด็กที่เป็นลูกน้องท่าน ข้ามิแน่ใจว่าหัวหน้าข่งจะสามารถละทิ้งพวกเขาได้หรือไม่?”

ท่าทางข่งอี้อวี๋แปรป่วน

แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่ต่างพ่ายแพ้ในศึกเมื่อครู่นี้ และไม่โดดเด่นเท่าถังเทียน นางก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขาทั้งสี่มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมและโอกาสที่ดี และแรกเริ่มนางก็คิดที่จะดึงตัวถังเทียนมาโดยให้ใช้ประโยชน์จากพวกเขาทั้งสี่

แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ มันจะไม่มีหวังแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเห็นสายตาอันไม่เป็นมิตรของอู่กวง นางก็ยิ้มพลางกล่าวอย่างแน่วแน่ “พวกเขาสามารถได้รับการยอมรับจาก ดาบวารีสวรรค์ พวกเขาช่างโชคดียิ่งนัก ข้าหวังว่าใต้เท้าอู่จะดูแลพวกเขาอย่างดี พรสวรรค์ของพวกเขาทั้งหมดต่างไม่เลวเลย”

เมื่อนางกล่าวเสร็จก็โบกมือ และยันต์สี่ใบก็บินไปยังพวกเขาทั้งสี่

ราวกับยันต์ทั้งสีอันเบาบางถูกควบคุมโดยมือที่ล่องหน พวกมันก็ตรงไปยังเบื้องหน้าพวกเขาทั้งสี่คน

“ทุกคนได้รับสิบแต้มสะสมถือว่าเป็นของขวัญจากข้า” คำพูดของข่งอี้อวี๋กลับคืนสู่ปกติและสีหน้าของนางก็เป็นธรรมชาติยิ่ง

อู่กวงเป็นสุขอย่างยิ่ง ข่งอี้อวี๋ได้ไว้หน้าของเขา และด้วยใบหน้าที่ทะเล้นก็หันไปหาจิ่งเหาเพื่อโอ้อวด

“ทุกคนเก็บพวกมันซะ” อู่กวงโบกมือของเขาและทำมือคำนับไปยังข่งอี้อวี๋พลางกล่าวเสียงดัง “ขอขอบคุณหัวหน้าข่ง ถ้ามีสิ่งใดในวันหน้าที่ท่านต้องการความช่วยเหลือ เพียงส่งข้อความมาหาเหล่าอู่”

ข่งอี้อวี๋ยังคงยิ้มอยู่ “เรื่องเล็กน้อยมิคู่ควรที่จะต้องกล่าวถึง ใต้เท้าอู่เกรงใจไปแล้ว”

อู่กวงหันไปยังถังเทียนพลางทุบออกของเขา “เป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างได้เกรงใจไป”

จิ่งเหากล่าวด้วยเสียงอันเย็นชาที่คมกริบ “มันเป็นเรื่องเล็กที่เพิ่งเริ่มขึ้น”

รอยยิ้มของอู่กวงพลันชะงักค้าง

ถังเทียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ข้าต้องการให้เผ่าเมิงไม่สามารถที่จะเข้ามาภายในกลุ่มดาราอมตะได้”

“1000 แต้ม!” อู่กวงเป็นปลื้มอย่างยิ่ง เขาก็ทุบอกอีกคราพลางตวาด “ตราบที่เจ้ามอบให้ข้า 1000 แต้ม ข้าสัญญาว่าเผ่าเมิงจะไม่เข้ามาภายในกลุ่มดาราอมตะแม้แต่ครึ่งก้าว”

“โปรดสำรวมด้วยพ่อค้าผู้ไร้ยางอาย” น้ำเสียงอันคลุมเคลือเย็นชาของจิ่งเหาดังขึ้นมาอีกครั้ง

อู่กวงเหลือมองไปยังเขา

จิ่งเหากระทำเหมือนเขามิได้เห็นอะไรทั้งสิ้นพลางกล่าวต่อ “ภายในสมาคมมันมีนักสู้ผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย...”

อู่กวงพลันแค่นเสียงทันทีด้วยสีหน้าวิงวอน “800 แต้ม! เป็นคำขาด! ผู้เชี่ยวชาญเช่นข้า ถ้าค่าตัวของข้าราคาต่ำและหากมีคนรู้เข้า ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด”

“ข้าจะมอบให้ท่าน 1500 แต้ม” ถังเทียนส่ายหัวของเขา “แต่ท่านจะต้องทำให้แน่ใจว่ามันสำเร็จเรียบร้อยทุกอย่าง”

สำหรับถังเทียนแล้ว 1500 แต้มถือว่าถูกมาก เพียงเพื่อให้กรงเล็บปีศาจออกมา มันก็ต้องจ่ายถึง 1000 แต้ม และเขาเพียงออกมาอยู่ได้แค่สามวันเท่านั้น ถ้าจะต้องออกมาหลายคราเขาคงจะไม่สามารถรับไหว

อู่กวงตกตะลึง แต่ก็มีความสุขในทันที กลิ่นอายพลันแผ่จากใบหน้าของเขา “ดี! ข้าจะถอนรากถอนโคนป้อมปราการของเผ่าเมิงภายในกลุ่มดาราอมตะและพื้นที่โดยรอบ! และข้าจะไม่ปล่อยให้หนูสักตัวเล็ดลอดไปได้เลย”

กลิ่นอายสังหารอันล้นเหลือทะยานพาดผ่านอากาศ ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนสี

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

 

0 0 โหวต
Article Rating
4 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด