AST บทที่ 121 - ซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลัง
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
ตอนที่ 121 ซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลัง
อวี้เหอเร่งรีบตามชิงสุ่ยไป ขณะที่สายตาของเธอมองไปยังเต่าดำสองตัวที่กำลังนอนหงายขาชี้ฟ้าอยู่ในกระดองของมัน
“วันนี้ข้าขอกินอะไรอร่อยๆหน่อยละกัน ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อครัว” ชิงสุ่ย เสนอ
“อืม ก็ได้!”
หลังจากที่อวี้เหอได้ตอบตกลงเธอจึงนำชิงสุ่ยขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงเตี้ยมอวี้เหอ ชิงสุ่ยจ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่างและมองไปสุดขอบฟ้ามีความรู้สึกที่กล้าหาญเต็มเปี่ยมอยู่ภายในหัวใจของเขา
อวี้เหอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับความเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นกับชิงสุ่ย ณ ตอนนี้ เธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของลมปราณที่แข็งแกร่งไหลเวียนอยู่รอบๆกายของชิงสุ่ยที่มากกว่าเดิม เธอรู้สึกถึงความเหงาที่อยู่ภายในหัวใจของเธอ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
“ชิงสุ่ย เจ้ามีแผนการอย่างไรในอนาคต” อวี้เหอเงยหน้าขึ้นเล็กหน่อย เธอรู้สึกว่างเปล่าภายในหัวใจในขณะที่ถามออกไป เธอพูดกับตัวเองอย่างเงียบๆทำไมวันนี้เธอจึงทำตัวแปลกๆไปและรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจในตนเองพร้อมกับมองไปยังชิงสุ่ย
“อืม หลังจากนี้อีกไม่กี่ปีข้าจะออกไปสำรวจโลกภายนอก ข้าอยากจะนำมรดกของข้าไปเก็บซ่อนไว้ยังทุกสถานที่ที่สวยงามที่สุดของโลกทวีปทั้งเก้าในช่วงชีวิตนี้ของข้า” ชิงสุ่ย เอ่ย ขณะยิ้มและจ้องมองออกไปที่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
“เจ้าจะไปเพียงลำพังหรือ? ให้ข้าไปด้วยได้ไหม” อวี้เหอเอ่ยถาม
ชิงสุ่ยตกใจเล็กน้อยและกำลังจะตอบออกไป แต่อวี้เหอได้แทรกขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะของเธอ “ฮ่าๆ ข้าแค่หยอกเจ้าเล่น ไม่ต้องกังวลไป” ข้าคิดว่าซุปเต่าน่าจะเสร็จแล้วเราลงไปกันเถอะ
หลังจากพูดจบอวี้เหอค่อยๆเดินนำลงไปตามบันได แม้จะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอ แต่หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกข่มขื่น เธอไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้จึงแสร้งหัวเราะออกไปเมื่อตอนที่เห็นชิงสุ่ยแสดงอาการตกใจออกมา อย่างน้อยที่สุดก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้ให้เป็นเพียงความทรงจำที่ดีมากกว่าจะรอฟังคำตอบที่โหดร้าย ด้วยวิธีนี้เธอจะยังคงมีความหวังก่อนที่ชิงสุ่ยจะได้พบกับหญิงสาวผู้อื่น เธอจะยังคงมีความสุขอยู่
สักครู่หลังจากนั้น เมื่อพวกเขาลงไปถึงข้ารับใช้ได้นำซุปเต่าและชามสองใบมาให้ กลิ่นหอมหวลชวนลิ้มลองก็ลอยฟุ้งออกมาทั่วทั้งบริเวณนั้น ชิงสุ่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมเสียงน้ำลายอึกใหญ่ๆ หลังจากผ่านทักษะฝีมือการปรุงอาหารอันยอดเยี่ยมของพ่อครัวชั้นเลิศของอวี้เหอ มันช่างแตกต่างจากฝีมือในหลายๆครั้งของเขา
“กลิ่นมันช่างหอมหวลเหลือเกิน” อวี้เหอพูดขณะที่บรรจงตักน้ำซุปใส่ชามของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยค่อยๆลิ้มลองรสชาติของน้ำซุปและเมื่อน้ำซุปไหลผ่านจากปลายลิ้นลงไปยังลำคอเขารู้สึกถึงความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นดังเช่นกับชายที่ใกล้จะตายจากภาวะการขาดน้ำแต่แล้วกลับได้ดื่มน้ำอยากเต็มปากเป็นครั้งแรกซึ่งไม่ต้องการสิ่งใดแล้วนอกจากนี้ อวี้เหอก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ทั้งสองต่างมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความอิ่มเอมใจของกันและกัน ใครเล่าจักไม่ชอบอาหารที่ดีเลิศซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงสามารถช่วยบำรุงร่างกายได้
“มันจะไม่เสียเปล่าหรือหากเราขายให้แก่คนทั่วไป?” อวี้เหอกล่าวพร้อมกับเต็มไปด้วยความไม่ใจเต็ม
“อย่าเขลาไปหน่อยเลย แม้เราจะไม่ได้มีซุปจำนวนมากมาย แต่เราก็ยังคงมีมากพอสำหรับที่เราจะได้กินมัน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา เจ้าสามารถกินได้จนกว่าเจ้าจะพอใจ” ชิงสุ่ยหัวเราะเมื่อได้ยินที่อวี้เหอกล่าวออกมา
“หยุดแสดงท่าทางที่ดูเหมือนตัวเองเป็นผู้ใหญ่ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ว่าข้าได้” อวี้เหอพูดติดตลก มันเป็นความรู้สึกที่แปลกเมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าเธอถึง 10 ปี ตำหนิเธอเหมือนกับเด็กโง่
“ฮ่าๆ เจ้าหมายถึงอะไร แสดงท่าทางเป็นผู้ใหญ่ ข้านั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
อวี้เหอไม่ได้สนใจคำพูดใดๆเหล่านั้น พลันกลับไปลิ้มรสน้ำซุปของเธอ หลังจากกินซุปเสร็จแล้วเธอจึงเอ่ยถามอีกครั้ง “ซุปรสเลิศเช่นนี้พวกเราจะขายมันอย่างไรดี” อวี้เหอถามออกไปด้วยความงงงวยขณะมองดูชิงสุ่ย
“ซุปรสเลิศเช่นนี้ แค่เพียงถ้วยเดียวสามารถเสริมสร้างพลังกายให้แก่ผู้ชายในการทำกิจกรรมกับหญิงสาวได้ 3-5 ครั้งในคืนเดียว และยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆต่อร่างกายอีกด้วย” ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาและกล่าวตอบอวี้เหอไปอย่างจริงจัง
“เจ้าคนบ้า! ข้าถามอย่างจริงจังเกี่ยวกับคุณค่าของซุป แต่เจ้ากลับตอบข้ามาด้วยเรื่องบนเตียง” อวี้เหอบุ้ยปากพึมพำอย่างหมดคำพูด
ชิงสุ่ยยิ้มให้อวี้เหออย่างนุ่มนวล “ข้าแค่บอกว่าซุปนี้มีคุณค่าอย่างมากและมันจะเป็นที่ฮือฮาอย่างมากในตลาดการค้า” หลังจากนี้ผู้ชายทุกคนจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพญามังกรบนเตียงของเหล่าหญิงสาวที่พวกเขารัก
“ถ้าเจ้ายังพูดถึงแต่เรื่องแบบนี้ ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีกต่อไป” อวี้เหอเธอไม่รู้เลยว่าจะต้องเผชิญหน้าเช่นไรกับชิงสุ่ย ต่อถ้อยคำเรื่องบนเตียงที่เขาพูดออกมา
“เอาล่ะ, ข้าจะไม่พูดถึงมันอีก” ให้ห้องครัวจัดเตรียมหม้อขนาดใหญ่สำหรับซุปเต่าและขายมันออกไปในราคา 10 เหรียญเงินต่อชาม สำหรับชื่อนั้นพวกเราจะเรียกมันว่า ซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลัง!
“10 เหรียญเงิน มันจะไม่แพงเกินไปหรือ?”
“แพง? ตั้งแต่ต้นสิ่งที่สามารถขายได้อยู่เสมอคือสินค้าชั้นเสิศ” บรรดาขุนนางเหล่านั้นสามารถที่จะใช้เงินจับจ่ายใช้สอยเงินตั้งแต่ 100-1,000 เหรียญเงินได้ภายในคืนเดียวที่หอนางโลม ลองจินตนาการดูสิ หากพวกเขาแวะเวียนเข้ามาและได้ลิ้มรสซุปของเราก่อนที่พวกเขาจะไปสำเร็จความใคร่ที่หอนางโลม ข้าคิดว่าพวกเขานั้นเต็มใจที่จะจ่ายด้วยจำนวนเงิน 10 เหรียญเงิน
“เจ้าเด็กร้าย......”
“ข้านั้นมีซุปจำกัด ในทางกลับกันย่อมมีคนมั่งคั่งอยู่มากมายภายนอก ข้ารับประกันได้เลยว่า เมื่อพวกเขาได้ลิ้มลองซุปนี้ จะต้องแห่กันมาซื้อทุกวันเป็นแน่ หลังจากที่ภรรยาของพวกเขาเฝ้ารอเขาอยู่ที่บ้านเพื่อที่จะมอบความสุขให้แก่กัน”
อุ๊ย!!!
“โอ๊ะ! ข้าขอโทษ, ข้อผิดเอง” ในจังหวะนั้น จู่ๆชิงสุ่ยก็ล้มลงบนโซฟาอย่างไม่ได้ตั้งใจโดยอวี้เหอที่กำลังกอดชิงสุ่ยอยู่ ในขณะที่ชิงสุ่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากอวี้เหอตื่นตระหนกและหล่นลงไปทับชิงสุ่ยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไม่เพียงแค่นั้นแต่เธอกลับรู้สึกได้ถึงบางส่วนของร่างกายชิงสุ่ยเริ่มมีการเปลี่ยนบางอย่างที่แข็งนูนขึ้นมาดั่งเหล็กกล้า
“อย่าได้กล่าวโทษข้า นี่เป็นผลมาจากซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลัง ดูสิมันช่างออกฤทธิ์เร็วอะไรเช่นนี้” ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่อวี้เหอลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
อวี้เหอ “………..”
สุดท้ายโรงเตี้ยมอวี้เหอก็ได้ตัดสินใจว่าจะขายซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลังเพียงวันละสองหม้อใหญ่เท่านั้น หลังจากนั้นชิงสุ่ยรีบออกมาจากโรงเตี้ยมในทันที เขาไม่สามารถที่จะทนอยู่ต่อไปได้ เมื่อเห็นใบหน้าและสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจที่ซ่อนอยู่ของอวี้เหอ
ก่อนที่ชิงสุ่ยจะออกมา อวี้เหอได้มอบเงินจำนวน 30,000 เหรียญเงิน ให้แก่เขา นี่เป็นเงินที่ได้มาจากการขายปลาสีดำสำหรับหนึ่งเดือนที่เขาออกไป
จากเงินที่ได้รับมาตอนนี้ชิงสุ่ยมีเงินทั้งสิ้นจำนวน 40,000 เหรียญเงิน เขารู้สึกว่าเงินนั้นหามาได้ยากยิ่ง คนธรรมดานั้นไม่สามารถหาเงินมาได้มากถึง 40,000 เหรียญเงิน เป็นแน่ในตลอดทั้งชีวิตของพวกเขา เงินจำนวน 40,000 เหรียญเงิน เป็นดั่งเมล็ดถั่วที่ใช้จ่ายไปกับค่าจ้างในการจ้างคนมาคุ้มกันภัยในตอนกลางคืน
ณ ตอนนี้ยังคงเป็นเวลาช่วงบ่าย ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมเยียนเหวินเหรินอูซวง
“ข้าสงสัยว่าเจ้าจะทำหน้าเยี่ยงไร เมื่อเห็นว่าข้านั้นมีระดับพลังเพิ่มขึ้นถึงขั้นเซียนเทียน(ขั้นก่อเกิดสวรรค์)แล้ว เจ้าสัญญากับข้าว่าเมื่อข้านั้นเข้าถึงระดับพลังขั้นเซียนเทียน(ขั้นก่อเกิดสวรรค์) ภายระยะเวลา 10 ปี เจ้าก็จะยอมให้ข้าติดตามเจ้าไป” ชิงสุ่ยยิ้มในขณะที่นึกถึงคำพูดของอูซวง
หอนางโลมแห่งนี้ ถูกปกป้องโดยชิงสุ่ยมาเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งทุกคนต่างเข้าใจว่า ชิงสุ่ยเองนั้น เป็นหนึ่งในเจ้านายของพวกเขา ดังนั้นชิงสุ่ยจึงสามารถเข้าไปยังเขตระดับสี่ได้โดยง่ายมาตลอด แต่ครั้งนี้เมื่อเขามาถึง กลับปรากฎเป็นผู้รักษาความปลอดภัยใหม่สองคนท่าทางสง่างามยืนเฝ้าทางเข้าสู่ระดับสูงสุดของหอนางโลมเอาไว้
“พวกเราควรจะหยุดเขาไว้ก่อนดีหรือไม่ ?” ยามหญิงตัวเล็กทางขวาหันไปถามยามหญิงหน้าอกทรงโตทางซ้าย
“แม่นางน้อยเคยสั่งเอาไว้ว่าให้เขาสามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระ” ยามหญิงหน้าอกทรงโตตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
“แต่แม่นาง........”
“ซินรัน ฟังพี่สาวคนนี้ เจ้าต้องเชื่อข้า” ยามหญิงหน้าอกทรงโตกล่าวด้วยความมั่นใจขณะหันไปมองยามหญิงตัวเล็ก
ขณะที่ยามทั้งสองก้าวออกจากกันเพื่อเปิดทาง ชิงสุ่ยรู้ว่าอูกั่วและอูซวงนั้นอยู่ข้างใน โดยเขายิ้มและพยักหน้าเบาๆให้แก่ยามทั้งสองก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป
ห้องโถงใหญ่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อก่อน ตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูร้อน แสงแดดส่องแสงเป็นประกายอยู่บนผิวสระน้ำ ส่วนน้ำผุร้อนไม่มีใครอยู่ในนั้น ชิงสุ่ยหยุดเงี่ยหูฟังเสียงและตัดสินใจเดินไปทางด้านหลังของรูปปั้นภูเขา ขณะที่เขาได้ยินเสียงสับสนวุ่นวายบางอย่างมาจากที่นั่น
ชิงสุ่ยค่อยๆย่องไปอย่างเงียบๆไม่มีแม้เสียงฝีเท้า เขาต้องการให้พวกเธอประหลาดใจ ชิงสุ่ยลุกขึ้นและปรากฏตัวที่ด้านหลังของรูปปั้นภูเขา หลังจากนั้นฉากที่เขาได้เห็นทำให้เขาต้องตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“อ่า! อ่า! ออกไป!!”
ชิงสุ่ยรีบออกมาอย่างทันที ในขณะที่มือของเขาถูจมูกพร้อมกับมีเลือดกำเดาไหลออกมาอย่างมาก เหวินเหรินอูกั่วและเหวินเหรินอูซวงกำลังอาบน้ำอยู่ด้วยกัน ในความคิดของชิงสุ่ยเขานั้นได้เห็นรูปร่างอันงดงามเปล่งปลั่งราวกับหยกของพวกเขา แต่นี้ไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญที่สุด ประเด็นสำคัญคือ เหวินเหรินอูซวงกำลังก้มลงในขณะที่เหวินเหรินอูกั่วอยู่ข้างหน้าและกำลังถูหลังให้ มันช่างเป็นภาพอันแสนวิเศษ ชิงสุ่ยพูด บ่อน้ำนี้อยู่ด้านหลังรูปปั้นภูเขาเป็นสถานที่ส่วนตัวที่สุดของอูซวง
พวกเหวินเหรินไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีใครเข้ามายังที่นี่ ซึ่งยังมียามเฝ้ารักษาความปลอดภัยประจำการอยู่ข้างนอก และนอกจากนั้นเหวินเหรินอูซวงยังอยู่ในระดับพลังขั้นเซียนเทียน เธอควรรู้สึกตัวได้ถ้าหากมีคนพยายามจะแอบเข้ามา
เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่ามีคนแอบลักลอบเข้ามาจริงๆและคนผู้นั้นยังเห็นพวกเขาในลักษณะท่าทางที่น่าอับอายเช่นนี้ ตอนแรกเหวินเหรินอูซวงนั้นรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าเป็นชิงสุ่ย เหวินเหรินอูซวงก็เกิดอาการตื่นตระหนกและกรีดร้องให้เขารีบออกไปก่อน
ก่อนที่ชิงสุ่ยจะรีบวิ่งออกไปดวงตาของเขายังได้หันชำเลืองไปมองเห็นเรือนร่างและเนินหน้าอกของเหวินเหรินอูกั่วที่ตอนนี้โตเต็มวัยแล้ว ชิงสุ่ยรู้สึกว่าวันนี้เขาช่างโชคดียิ่งนัก
ชิงสุ่ยเริ่มจินตนาการต่อว่าจะเป็นเช่นไรถ้าหากเขานั้นกำลังยืนอยู่เบื้องหลังเหวินเหรินอูซวงที่กำลังอาบน้ำอยู่ มันช่างเป็นความรู้สึกที่..............
เสียงฝีเท้าของพี่น้องเหวินเหรินดังขี้น ชิงสุ่ยเก็บความคิดอันแสนอัดอั้นเอาไว้ภายในจิตใจ
เขาจ้องมองไปยังหญิงสาวทั้งสองที่ตอนนี้สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมของพวกเธอยังคงเปล่งประกายกลิ่นหอมที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“เจ้าได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากน้องสาวของข้าไปแล้ว เหตุใดจึงกลับมา?” เหวินเหรินอู่กั่วฟื้นตัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้อย่างรวดเร็ว เธอหัวเราะและมองไปยังชิงสุ่ยเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ชิงสุ่ยรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเหวินเหรินอู่กั่วนั้นไปรู้เรื่องที่เขาเคยรักษาอาการบาดเจ็บจากพิษให้แก่อู่ซวงตอนไหน
“ข้าเพิ่งกลับมาเมื่อตอนบ่ายนี้เอง พวกท่านทั้งสองสบายดีหรือไม่?” แม้จะไม่มีท่าทีอะไรที่แสดงออกมาจากพวกเธอ แต่ชิงสุ่ยก็ยังเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่ออยู่ของอูกั่ว
“แน่นอน พวกข้าสบายดี ฮ่าๆ แต่ก็มีบางคนที่พูดถึงเจ้าให้ข้าฟังอยู่เสมอ”
เหวินเหรินอูกั่วหัวเราะขณะที่เธอกำลังค่อยๆเดินออกไป “ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าทั้งสองคุยกันตามลำพังขอบคุณสำหรับการรักษาอูซวงก่อนหน้านี้!”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ นั่นคือสิ่งที่ข้าควรจะทำ” ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาขณะที่มองไปยังเหวินเหรินอูซวง
หลังจากอูกั่วออกไป “ขอบคุณสำหรับผลวายุกระจ่าง” เหวินเหรินอูซวงอึดอัดใจเล็กน้อยขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะพูดอะไรต่อไป
“ร่างกายของเจ้ากำลังปรับตัว? มีอาการไม่พึงประสงค์ใดๆหลังการรักษาหรือไม่?”
เหวินเหรินอูซวงรู้สึกแปลกๆที่ต้องพูดคุยเกี่ยวกับเรือนร่างของเธอต่อหน้าชิงสุ่ย แต่เธอก็ยังคงพยักหน้าตอบกลับไป “ตอนนี้ข้าสบายดีแล้ว ข้าไม่นึกจริงๆว่าเจ้าจะมีความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุเช่นนั้น เจ้าเป็นคนที่มีความลึกลับเป็นอย่างมากสำหรับข้า ข้าไม่สามารถมองเจ้าแค่เพียงภายนอกได้เลย”
“ฮ่าๆ ข้าไม่เจอเจ้ามาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ข้าอยากรู้ว่าทักษะทางด้านกระบี่ของเจ้าพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว ไปกันเถอะข้าจะดูฝีมือเจ้าในฝึก” ชิงสุ่ยเสนอ
“นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?” กระบี่ในมือของอูซวงถูกปัดกระเด็นออกไป หลังจากเริ่มไปได้เพียงหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้นด้วยฝีมือชิงสุ่ย