AST บทที่ 117 - ระดับเทวะเซียนเทียน
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/
บทที่ 117 - ระดับเทวะเซียนเทียน
ก่อนที่ชิงสุ่ยจะศึกษาเนื้อหาทั้งหมดภายในทะเลแห่งปัญญา เขาพูดถูกปลุกโดยเสียงของชิงเป่ย "พี่ชายสุ่ย มันน่าเบื่อมาก พี่ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ"
ชิงสุ่ยมองไปยังชิงเป่ย " แล้วเจ้าอยากให้ข้าพูดสิ่งใดล่ะ ทำไมเจ้าไม่บอกข้า ข้ารอฟังอยู่!!!!"
"ไม่ ข้าต่างหากที่ต้องการให้ท่านพูด!!"ชิงเป่ยเริ่มแสดงกริยาตลกๆออกมา ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกช่วยไม่ได้
"ก็ได้ก็ได้ ว่าแต่เจ้าต้องการให้ข้าพูดสิ่งใดล่ะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าว่าเจ้าต้องการฟังสิ่งใด"ชิงสุ่ยหยอกล้อและมองเห็นใบหน้าที่น่ารักของชิงเป่ย
"พี่ชายสุ่ย ผู้คนมากมายต่างกระจายข่าวลือเรื่องของท่าน และนายหญิงที่มาจากตระกูลสือ ว่าพวกท่านทั้งสอง มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน เป็นความจริงหรือไม่?"ชิงเป่ยกระพริบตาขณะถาม
"ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด"ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา ชิงสุ่ยรู้ว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ปะทะกับกงหยางเสวียนตง ทุกคนต่างเรียกพวกเขาว่าชู้รัก เพียงเพราะพวกเขาต่างมีความอิจฉาริษยา
ไม่เพียงแค่นั้น แม้มันจะเป็นเพียงข่าวลือที่ถูกพูดกันปากต่อปาก มันยังก่อความหึงหวงให้คนจำนวนหนึ่งและหรือแม้กระทั่งสร้างความเกลียดชัง หลังจากเหตุการณ์เกี่ยวกับกงหยางเสวียนตงจบลงก็ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ในที่สาธารณะอีกเลย
"ถ้าเจ้าเชื่อ มันก็คือความจริง แต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ก็คิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น!!!"ชิงสุ่ยยื่นเมืองเขาและค่อยๆลูบหัวของชิงเป่ย
"พี่ชายสุ่ย ข้าไม่ให้ท่านลูบหัวอีกแล้ว เพราะข้านั้นโตแล้ว"ชิงสุ่ยปฎิเสธ
และแล้วเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ออกจากหุบเขาหมู่ป่า ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง พระจันทร์ในวันนี้เกือบเต็มดวง แสงจันทราที่งดงามสะท้อนไปยังพื้นแผ่นดิน เผยเห็นความงามที่อ่อนโยนและนุ่มนวล "ในตอนนี้ก็ดึกแล้ว พวกเราควรตั้งค่ายพักที่นี่ และปล่อยให้กระทิงเหล็ก หยุดพักผ่อนเช่นกัน"ชิงอี้พูดกับสารถีทั้งสองคนและบอกกับเด็กๆที่เหลือ
"ลูกขอออกไปล่าสัตว์ป่า ลูกเหนื่อยเหลือเกินกับการกินแต่อาหารแห้ง"ชิงสุ่ยบอกกล่าวขณะตั้งค่าย
"ก็ได้ ยังไงก็ระวังตัวด้วย อย่าไปไกลเกินล่ะ"ชิงอี้เตือน
"ตกลงท่านแม่ ไม่มีปัญหา"
ชิงสุ่ยพบว่าในเส้นทางข้างหน้านั้น เป็นป่าลึก ซึ่งภายในเป็นหุบเขาโลกร้างอีกแห่งหนึ่ง ในเส้นทางนั้นถึงแม้จะไม่มียอดเขาสูงสง่าหรือภูเขาอันยิ่งใหญ่มโหฬาร แต่ก็มีเนินเขาจำนวนมากเชื่อมต่อกัน
แม้ว่าจะเป็นยามราตรี แต่สัตว์น้อยใหญ่มากมายก็วิ่งกันอย่างสนุกสนาน หลังจากที่เขาบุกทะลวงผ่านกระแสคลื่นสวรรค์ชั้นที่ 4 เขาก็รับรู้ได้ถึงแรงที่ไร้ที่สิ้นสุดกำลังไหลเวียนไปทั่วร่างกายเขา ในทุกๆย่างก้าว เขายังคงควบคุมการเคลื่อนไหวของเขา และเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจาก 1 เมตร ไป 10 เมตรในทันที
หุบเขาแห่งนี้มีขนาดเล็กมาก หลังจากที่เขาได้บรรลุในพลัง ชิงสุ่ยก็สามารถมองเห็นในยามค่ำคืนชัดเจนเช่นเดียวกับกลางวัน ขุบเขาทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยความเงียบ แม้แต่เสียงหนูก็ยังสามารถได้ยิน
ในตอนนี้นอกเหนือจากความความเร็วของเขาที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า ความแข็งแรงความอึด และจิตสัมผัส และความสามารถในการทนต่อแรงกดดัน อีกทั้งอัตราฟื้นตัว ทั้งหมดนี้ตั้งแข่งแกร่งขึ้นมากถึง 10 เท่า
ในขั้นที่ 4 นี้ พลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล จะโคจรตลอดเวลาและจะไม่แห้งเหือดลงถึงแม้จะถูกดึงไปใช้ในอัตราที่สูงมาก เช่นเทียบได้กับเมื่อตอนที่เขากลั่นผงยาบรรเทาทองคำ ในตอนนี้เขาสามารถรักษาเปลวเพลิงบรรพกาลได้ตลอดจนจบสิ้นกระบวนการ
ในปัจจุบัน ชิงสุ่ยถือหินสองก้อนเอาไว้ในมือ นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหมูป่าทองคำ ชิงสุ่ยก็ได้ตัดสินใจเตรียมพร้อมด้วยการทำอาวุธขึ้นมาจากหิน พวกมันเป็นหินที่เต็มไปด้วยรอยหยักที่แหลมคม แม้ว่าหินเหล่านี้จะไม่สามารถทะลุผ่านการป้องกันของกุมารทองคำ แต่ชิงสุ่ยก็ยังคงจ้องมองไปยังก้อนหินทั้งสองคอน
เขาเดินอย่างช้าๆ และรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว
ในชั่วพริบตา เขาก็สะบัดข้อมือออกมา
"ฟิ้ววววว ตูม!!!"
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยไม่รีรอแล้วเดินตรงไปข้างหน้าประมาณ 100 เมตร พร้อมที่จะหยุดตรงหน้าหลุมขนาดใหญ่ของต้นไม้
เบื้องหลังต้นไม้เป็นซากแพะเขาเดียว หัวของมันนั้นเกิดเป็นรูขนาดเท่ากับรูของต้นไม้ และมีเลือดสดไหลออกมาจำนวนมาก
ชิงสุ่ยคาดคะแนนได้ว่าน้ำหนักของวันอยู่ที่เราราวๆ 40 จิน ซึ่งมันเพียงพอแล้วสำหรับอาหารมื้อค่ำ
เมื่อเขากลับมา ที่พักได้ถูกจัดตั้งขึ้นเรียบร้อยแล้ว และได้เตรียมกองไฟไว้สำหรับให้ความอบอุ่นในยามราตรี และกองไฟยังสามารถช่วยขับไล่สัตว์ป่าออกไปได้
เนื่องจากไม่มีเครื่องปรุงรสใดๆ ชิงสุ่ยล้างซากแพะด้วยน้ำสะอาดและจัดการเลาะกระดูกและอวัยวะภายในออก จากนั้นเขาก็มอบเนื้อทั้งหมดให้กับชิงอี้และสารถีทั้งสอง ความจริงแล้วและทุกๆครั้งที่ชิงอี้จะต้องเดินทาง เธอมักจะมองหาสารถีสองคนนี้ ทั้งสองคนเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน และงานอดิเรกหลักของพวกเขานั้นก็คือการเดินทางไปมาระหว่างเมืองใหญ่ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสนุกกับงานอดิเรก แถมพวกเขายังได้รับทองบางส่วนเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
โดยปกติสำหรับผู้ที่เดินทางไกล พวกเขามักจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปรุงอาหาร นอกเหนือจากการกินอาหารแห้ง พวกเขาก็ต้องกินอะไรก็ตามที่พวกเขาสามารถหาได้ในป่า ตอนนี้ทั้งหมดต่างชุมนุมกันอยู่หน้ากองไฟและลิ้มรสเนื้อย่างอันแสนอร่อย ถึงแม้ว่ารสชาติมันไม่อาจเทียบได้กับปลาดำและเต่าแต่หากอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ มันถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว(เสียดายเสกปลาดำออกมาไม่ได้ เดี๋ยวทุกคนรู้)
หลังจากกลับสู่ที่พัก ชิงสุ่ยก็เริ่มเข้าสู่ดินแดนยกชุดพละอมตะ เพราะการบ่มเพาะนั้นยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดบนโลกใบนี้
"กระแสคลื่นสวรรค์ขั้นที่ 4 ช่างใกล้เคียงกับระดับพลังเทวะเซียนเทียน ไม่เพียงแค่นั้นถ้ายังรู้สึกได้ว่าพลังของข้านี้ในปัจจุบัน แข็งแกร่งเหนือกว่า พลังระดับเทวะเซียนเทียนขั้นที่ 3 เสียอีก"ชิงสุ่ย ทำการเปรียบเทียบด้วยความรู้สึก
เปลวเพลิงบรรพกาล!!!!!!
ชิงสุ่ยยื่นมือขวางคอออกมา ทันใดนั้นลูกบอลเพลิงสีเทาขนาดครึ่งนิ้วก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา มันค่อนข้างเปล่งประกายและโปร่งแสง ความร้อนที่ปล่อยออกมานั้นสามารถเผาผลาญชั้นบรรยากาศให้วอดวายได้ในทันที ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของร่างกายชิงสุ่ย ฟาร์มเมืองเขาก็คงถูกทำลายจนมอดไหม้เช่นกัน
"ในอนาคต นี่อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการโจมตี แต่ช่างน่าเสียดายเหลือเกินที่มันยังคงมีขนาดเพียงแค่ครึ่งนิ้ว แต่มันก็ถือได้ว่าเพียงพอแล้ว!!!"ชิงสุ่ยครุ่นคิด
แม้ว่าพลังของเปลวเพลิงบรรพกาล จะไม่ใช่ขั้นสูงสุด แต่พลังในปัจจุบันนั้นก็ถือได้ว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง
ชิงสุ่ยค่อยๆควบคุมเปลวเพลิงบรรพกาล ความเข้มข้นของเปลวเพลิงนั้นจางลง และข้างๆเล็กลง แต่นี่ก็ไม่ได้แปลว่าเปลวเพลิงนั้นมีพลังที่อ่อนลง แต่ในทางตรงข้ามพลังของมันยิ่งแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน แก่นพลังของเปลวเพลิงกำลังถูกบีบอัดอย่างรุนแรง อุณหภูมิภายในแก่นพลังร้อนแรงยิ่งกว่าที่เคยผ่านมา
ตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุดของผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียน ก็คือการที่พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังปราณเทวะเซียนเทียนออกมาได้
เขาเริ่มโคจรพลังปราณเคล็ดวิชากายาบรรพกาล พลังปราณของเขาขยายตัวขึ้นผ่านเส้นลมปราณและจุดชีพจร การโคจรพลังปราณเริ่มต้นขึ้นหนึ่งรอบสองรอบ……..ไปจนกระทั่ง 49 รอบ
เมื่อชิงสุ่ยเร่งโคจรพลัง พลังปราณแห่งผืนแผ่นดินสีเหลือง ปรากฏขึ้นเคลือบบริเวณกำปั้นของเขา จนกระทั่งชิงสุ่ยเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังปราณ
ชิงสุ่ยแต่เดิมมั่นใจมากว่าพลังปราณเทวะเซียนเทียนนั้นควรจะเป็นสีขาว และมันควรจะแฝงไปด้วยจิตสังหารอยู่ภายใน และถึงแม้จะเป็นผู้ที่เพิ่งเข้าเข้าสู่ดินแดนเทวะเซียนเทียน พวกเขาก็สามารถสร้างพลังปราณเทวะเซียนเทียนให้ยาวออกไปเกินกว่าครึ่งฟุตเพื่อใช้แทนกระบี่ได้ แต่ทำไมพลังปราณของเขานั้นถึงดูอ่อนโยนและมันยิ่งยาวเพียงนิ้วเดียว ไม่เพียงแค่นั้นมันยังมีสีเหลือง และไร้ซึ่งจิตสังหาร แต่อย่างน้อยพลังปราณสีเหลืองก็ทำให้เขารู้สึกถึงความหนักแน่นและมั่นคงเช็กเช่นเดียวกับผืนแผ่นดิน
สำหรับการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนก็ย่อมขึ้นอยู่กับพลังปราณเทวะเซียนเทียน และถ้าหากทั้งสองคน ตั้งอยู่ในระดับพลังเดียวกัน ผู้ชนะย่อมเป็นผู้ที่มีเครื่องป้องกันที่แข็งแกร่งกว่า แต่สำหรับเครื่องป้องกันนั้นเป็นอุปกรณ์เสริมพลังที่มีค่ามาก เช็คเช่นเดียวกับสมบัติล้ำค่า
ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาได้เข้าถึงพลังอำนาจแห่ง ก้าวขจัดวิญญาณ เคล็ดวิชากระบี่อิไอโด้ และกระบี่ร่วงโรย
ความเร็วถือได้ว่าเป็นพลังด้านหนึ่ง เมื่อผนวกกับความเร็วที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า หมัดอสูรสันโดษที่เกิดจากการรวมพลังทั้งด้านความแข็งแกร่งและความเร็ว จะทำให้มันมีพลังมากขึ้นหลายเท่า
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุดข้าก็สามารถโคจรพลังปราณ ได้อยู่ในระดับเทวะเซียนเทียน"ชิงสุ่ยยิ้มออกมา ในขณะที่เขามองการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่ดูมีชีวิตชีวาของเขา
ความมีชีวิตชีวานั่นหมายถึงพลังแห่งชีวิตของเขานั้น ชิงสุ่ยกำลังรู้สึกว่าอายุไขของเขาได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับแต่ก่อน
"อืมม ในตอนนี้ข้าคงมีชีวิตอยู่ได้อีก 500 ปีเป็นอย่างน้อย"
ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในจุดที่ทุกคนต่างฝันถึง เทวะเซียนเทียน มีเพียงแค่นั้น เขายังคงเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่ม โอกาสที่เขาสัญญาไว้กับชิงอี้ว่าภายใน 5 ปี เขาจะต้องไปเหยียบย่ำตระกูลเยียน ก็ใกล้ที่จะสำเร็จ
-------------------------------
วิถีชีวิตเริ่มต้นด้วยการสร้างกาย เน้นพื้นฐานแห่งการรักษาจิต รวบรวมรูปแบบและจิตภายใน สนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ปกป้องจิตปกป้องกาย เมื่อกายปลอดภัย จิตวิญญาณจะคงอยู่
ธรรมชาติในการรักษาจิตวิญญาณ คือ จัดการกับความเครียด สนุกกับงานอดิเรก เช่นเดียวกับรักษาภาพลักษณ์และคุณธรรม
ธรรมชาติในการรักษาปราณ คือ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และควบคุมลมหายใจ
ธรรมชาติในการรักษาร่างกาย คือ การบรรเทา และปรับแต่งกายเนื้อ ผ่านทางการแพทย์และเคล็ดวิชาการต่อสู้
"หือออ เคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร?"ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความสับสนในขณะเขามองดูข้อมูลที่เหลืออยู่
"ข้าคิดว่าข้าเคยรู้จักเคล็ดวิชานี้ในชื่อ เคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 5 ชนิด ที่ใช้สำหรับการออกกำลังกาย? แต่ทำไมมันถึงกลายเป็นคลิปวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรล่ะ?"
*********พบกับช่วงใหม่ของเรา เกล็ดความรู้ 55555555*********
*********เคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 5 ชนิด เป็นเคล็ดวิชาที่มีอยู่จริงๆ จากเรื่องสามก๊กของหมอ ฮัวโต่ ผู้ที่ใช้เคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ทั้ง 5 ในการรักษา บรรเทาอาการเจ็บป่วยย *******