AST บทที่ 113 - หินจันทรา
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/
บทที่ 113 - หินจันทรา
"หินจันทรา?" ชิงสุ่ยอุทานออกมา มันมีลักษณะที่สวยงามมากเมื่อเทียบกับหินดวงจันทร์ทั่วๆไป
"ชื่อมันดูค่อนนข้างเหมาะสมนะ เพราะมันดูคล้ายดวงจันทร์จริงๆ อย่างไรก็ตาม หินก้อนนี้มีชื่อว่า หินจันทรารุ่งโรจน์ !!!"
ชิงสุ่ยไม่ได้ผายมือของเขาไป "ท่านอาจารย์ สิ่งนี้นั้นมีคุณค่ามาก ท่านควรจะเก็บมันไว้สำหรับตัวท่านเอง"
"ตั้งแต่ข้าจะตัดสินใจยกมันให้กับเจ้า เจ้าโปรดรับมันไว้เถิด ข้านั้นสวมจี้ชิ้นนี้มามากกว่า 10 ปีแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มันเป็นของเจ้า!!!" หลังจากที่อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวจบ เธอก็ใส่จี้ชิ้นนี้ลงไปในมือของชิงสุ่ย
หลังจากที่เขารับหินชิ้นนี้มา เขายังรู้สึกได้ว่าหินนี้อุ่นมาก ความคิดเกี่ยวกับจี้ที่แขวนอยู่บนหน้าอกของอีเย่เจี้ยนเก้อมามากกว่า 10 ปี ก็ปรากฏขึ้นในความคิดของชิงสุ่ย
ในขณะที่เขาถือหินจันทรารุ่งโรจน์ ชิงสุ่ยก็ได้กลิ่นบัวหิมะที่ล่องลอยอยู่ ในขณะที่เขาค่อยๆสวมมันเอาไว้บริเวณหน้าอก ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกถึงความสบายและความรู้สึกที่มึนงงภายในจิตใจ
"ขอบคุณท่านอาจารย์"ชิงสุ่ยร้องอุทานอย่างเร่งรีบ
"ท่านอาจารย์รบกวนท่านช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนิกายกระบี่นภา และเรื่องราวของนิกายอื่น และตระกูลที่ยิ่งใหญ่ภายในดินแดน 9 อาณาจักรด้วยเถิด"ชิงสุ่ย กล่าวอย่างมีความสุข ไม่เพียงแต่ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาได้รับการแก้ไข เขายังได้มีอาจารย์ที่มีความงดงามเหนือใครๆ มันจะไม่ให้เขามีความสุขได้อย่างไร?
"ก็ได้ เขาจะบอกเล่าเรื่องราวของนิกายกระบี่นภาของพวกเรา นิกายกระบี่นภา เคยเป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรชางหลาง และแน่นอน หากในนามของนิกาย พวกเรายังคงเป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุด แต่หากวัดจากความแข็งแกร่งที่แท้จริง มันก็เป็นเรื่องยากที่จะพูด"อีเย่เจี้ยนเก้อถอนหายใจ
ไม่ได้ยินเสียงถอนหายใจของเธอ ชิงสุ่ยรู้ว่านิกายกระบี่นภานั่นย่อมมีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป แต่ชิงสุ่ยก็ไม่พูดอะไรออกมา แล้วรออย่างเงียบๆเพื่อที่จะให้อีเย่เจี้ยนเก้อเล่าต่อ
เมื่อเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของชิงสุ่ย อีเย่เจี้ยนเก้อก็หัวเราะออกมา
"นิกายกระบี่นภามีประวัติเก่าแก่มามากกว่า 7,000 ปี หากนับรวมตระกูลที่แยกตัวออกมา และที่แยกเป็นเป็นนิกายใหญ่ๆอีก รวมอายุแล้วก็คงมีอายุเก่าแก่มากกว่า 10,000 ปี ซึ่งภายในอาณาจักรชางหลาง นิกายกระบี่นภาของเราเป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รวมถึงยังคอยควบคุมอำนาจเบื้องหลังองค์จักรพรรดิ"
ชิงสุ่ยรับฟังเรื่องราวต่างๆตามที่อีเย่บอกกล่าว ชิงสุ่ยก็เข้าใจถึงพื้นที่ต่างๆ ในทุกๆทวีปบนโลกใบนี้ ว่าทุกอาณาจักรย่อมถูกควบคุมโดยพลังอำนาจจากนิกายและตระกูลที่ยิ่งใหญ่ โดยผู้บ่งการนั้นจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และไม่ว่าใครจะรับหน้าที่นั้น พวกเขาจะต้องมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเสริมสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้แก่อาณาจักรที่พวกเขาได้ควบคุมอยู่
"ภายในนิกายกระบี่นภา นอกเหนือจากตำแหน่งผู้นำนิกาย ศิษย์พี่ของข้าก็ได้รับตำแหน่งผู้วิเศษสูงสุด และยังมีผู้อาวุโสอีกนับ 10 คน เฉกเช่นเดียวกับตัวข้า เมื่อยังมีผู้พิทักษ์อีกนับ 100 คน และยังมีผู้อารักขาอีกกว่า 1,000 คน ยังมีบรรดาสาวกนิกายอีกไม่ต่ำกว่า 10,000 คน ซึ่งตำแหน่งผู้พิทักษ์ที่อยู่ต่ำกว่า ระดับผู้อาวุโสนั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ด้วยข้อกำหนดขั้นต่ำที่จะได้เป็นผู้พิทักษ์ คือจะต้องบรรลุระดับเทวะเซียนเทียน และด้วยเหตุนี้ภายในนิกาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทวะเซียนเทียนได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้พิทักษ์
อีเย่อธิบายรูปแบบโครงสร้างของนิกายให้แก่ชิงสุ่ยฟัง
หลังจากที่ชิงสุ่ยได้ยินว่า ภายในนิกายกระบี่นภาเพียงนิกายเดียวก็มีผู้ฝึกตนที่อยู่ระดับเทวะเซียนเทียนมากเกิน 100 คน มันจึงไม่น่าแปลกใจที่นิกายนี้จะมีพลังอำนาจ
"ภายในโลกอันกว้างใหญ่ มันช่างน่าหลงใหลอย่างยิ่ง"ชิงสุ่ยถอนหายใจ
"ในบางอาณาจักร ตระกูลที่ยิ่งใหญ่และนิกายอันทรงพลังมักจะทำงานร่วมกันเพื่อรักษาอาณาจักรเอาไว้ ทรัพยากรทุกสิ่งทุกอย่างภายในอาณาจักรจะถูกแบ่งออกอย่างเท่าเทียม และเป็นที่ยอมรับแก่สมาชิกทุกฝ่าย และขีดเส้นเขตแดนไว้อย่างชัดเจน หากมีศัตรูภายนอกเกิดขึ้น พวกเขาทั้งหมดจะร่วมมือกัน"
"ฮ่า ฮ่า ชิงสุ่ยดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องขยันหน่อย ข้าหวังว่าข้าจะได้เห็นเจ้าอยู่ในกลุ่มผู้พิทักษ์ในเร็วๆนี้ และข้าที่เป็นอาจารย์ของเจ้าจะได้อยู่อย่างมีความสุข"
"ท่านอาจารย์ ดูเหมือนว่าผู้พิทักษ์ จะมาจากสาวกนิกายที่ก้าวเข้าสู่ดินแดนเทวะเซียนเทียนอย่างนั้นรึ?"
"ก็เกือบทั้งหมด แต่ก็มีผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียนจากภายนอกที่ต้องการเข้าร่วมกับนิกายของพวกเรา ตราบใดที่พวกเขามีพื้นหลังที่ใสสะอาด พวกเขาก็จะถูกต้อนรับจากนิกาย และยินดีให้พวกเขาเป็นผู้พิทักษ์ ดังนั้นเจ้าจึงควรฝึกฝนอย่างหนัก เพราะระหว่างตำแหน่งผู้พิทักษ์และผู้อาวุโส นั้นยังมีผู้อาวุโสที่ 2 ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ 20 ที่ ซึ่งตำแหน่ง 20 ที่นั้นมาจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากคน 100 คนที่อยู่ในตำแหน่งผู้พิทักษ์ ซึ่งผู้อาวุโสที่ 2 หมายความว่าหากผู้อาวุโสในปัจจุบันหมดภาระหน้าที่ด้วยเหตุผลนานาประการ พวกเขาจะก้าวขึ้นไปดำรงตำแหน่งแทน!!!"
"ท่านอาจารย์ ไม่ทราบว่าตอนนี้พลังอำนาจของท่านนั้นปัจจุบันอยู่ในระดับใด? ไม่ทราบว่าท่านบอกข้าได้หรือไม่?"ชิงสุ่ยถามได้หวังว่าเขาได้รับคำตอบ
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตัวข้านั้นอยู่ในระดับเทวะเซียนเทียนขั้นที่ 4 และเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ 10 ผู้อาวุโส และข้าก็ยังไร้ซึ่งลูกศิษย์มาโดยตลอด ส่วนคนอื่นนั้นต่างมีลูกศิษย์มากกว่า 10 คน ส่วนค่านั้นในตอนนี้มีเพียงแค่เจ้าคนเดียว ดังนั้นเจ้าก็ต้องหมั่นฝึกฝนให้หนัก!!!"อีเย่หัวเราะ
เสียงหัวเราะของเธอนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความสง่างามแสนยั่วยวน
"ท่านอาจารย์ เมืองธาราสวรรค์จะไม่ส่งคนมารังแกตระกูลอวี้และตระกูลชิงอีกใช่หรือไม่?"ชิงสุ่ยถามด้วยความกังวลใจ เขากลัวการกลับมาแก้แค้นของกงหยางเสวียนตง
"ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะติดประกาศไปทั่วอาณาจักรชางหลางว่าเจ้าเป็นลูกศิษย์ของนิกายกระบี่นภา และข้าจะคอยติดตามการเคลื่อนไหวภายในเมืองธาราสวรรค์อีกด้วย"อีเย่กล่าวอย่างนิ่มนวล
เธอยังคงกล่าวต่อไปอีกว่า " 100 ปีที่ผ่านมานี้ นิกายกระบี่นภาไม่เคยถูกท้าทายจากผู้อื่นเลย แต่ปัจจุบันอาการบาดเจ็บของพี่ชายของข้า ถ้ามันไม่เกิดขึ้นแล้วก็……….อำนาจของนิกายเราจะต้องขยายไปไกลกว่านี้"
อีเย่ถอนหายใจและมองไปทางชิงสุ่ยราวกับว่าเธอกำลังคิดบางสิ่งบางอย่าง "ชิงสุ่ย จริงสิ ข้าเกือบลืมถามเจ้าไปเลยว่าเจ้าสังหารผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียนจากตระกูลกงหยางได้อย่างไร?"
"ทำไมท่านถึงคิดว่าข้าเป็นผู้สังหารผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนคนนั้น แทนที่จะเป็นท่านปู่อวี้?"ชิงสุ่ยถามด้วยความงง
"สัญชาตญาณ!!"
สามคำของอีเย่ทำให้ชิงสุ่ยถึงกลับหัวเราะจนน้ำตาไหล เธอเป็นเทพธิดาที่มีสัญชาตญาณอันน่ากลัว
"ข้าได้ใช้เข็ม"ชิงสุ่ยหยิบเข็มสีทองขนาด 7 นิ้วออกมา
อีเย่และไป๋ลี่จิงเว่ย จ้องมองไปยังเข็มสีทอง อาวุธขนาดเล็กชิ้นนี้จะสามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียนได้จริงๆหรือ? มันไม่มีความน่าเชื่อถือเลย และมันคงเป็นเรื่องในจินตนาการเท่านั้น
"เจ้าแน่ใจจริงๆหรือ ว่าสิ่งนี้สามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียนได้?"ไป๋ลี่จิงเว่ย ถามอย่างไม่ตั้งใจ
ชิงสุ่ยผสมผสานความโป้ปด และความจริงเข้าด้วยกัน
"ข้านั้นเป็นหมอ และเข็มนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในเครื่องมือการแพทย์ที่ข้าใช้รักษาผู้ป่วยของข้า"ชิงสุ่ยตอบอย่างเขินอาย
"..............................."ทั้งสองคนถึงกับพูดไม่ออก
"ท่านผู้อาวุโส ข้าสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายของท่านให้กลับสู่สภาพเดิมได้"จากคำพูดก่อนหน้านี้ก็สร้างความประหลาดใจ ยิ่งคำพูดต่อมามันยิ่งสร้างความประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม
ชิงสุ่ยชอบการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไปของอีเย่เจี้ยนเก้อ
" ในตอนแรก ข้าเองต้องการที่จะช่วยเหลือท่านปู่ไป๋ลี่ ตั้งแต่ในครั้งแรกที่เราพบกัน แต่ตอนนั้นถ้าเองยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ถ้าไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาใดๆแล้ว"ชิงสุ่ยยังคงสร้างความตกตะลึงให้เอาพวกเขา
"นี้เจ้าสามารถมองเห็นอาการบาดเจ็บของข้าได้อย่างไร?"ไป๋ลี่จิงเว่ย ถามด้วยความงุนงง
"ก็ตัวข้านั้นเป็นหมอ และแน่นอนข้าจึงสามารถมองเห็นมันได้ และมันยิ่งชัดขึ้นเมื่อค่ารวมกับความคาดเดาและสัญชาตญาณของข้า"ชิงสุ่ยกำลังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะพูดความจริง
อีเย่รู้สึกราวกับว่าเธอนั้นกำลังอยู่ในความฝัน ผู้ฝึกตนที่ยังไม่เข้าถึงระดับเทวะเซียนเทียนครับสามารถมองเห็นอาการบาดเจ็บของผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียนขั้นที่ 8 ได้ และเขาก็บอกอีกว่าเขานั้นสามารถรักษาสิ่งที่แพทย์ระดับเทวะเซียนเทียนเองก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้
อีเย่ต้องมองชิงสุ่ยโดยตรง และมองดูคำพูดที่ซื่อสัตย์ มันดูเหมือนว่าเขานั้นไม่ได้โกหก "ชิงสุ่ย เจ้ามั่นใจในคำพูดของเจ้าหรือไม่?"
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างข่มขื่น และกล่าวเพิ่มอีกประโยคหนึ่งซึ่งมันทำให้พวกเขาเชื่อมั่น
"จริงๆแล้ว ท่านปู่อวี้ก็เป็นอัมพาตมามากกว่า 10 ปี และไม่นานมานี้เขาเพิ่งถูกรักษาโดยนักปรุงยาลึกลับ แต่แท้จริงแล้วไม่มีนักปรุงยาลึกลับคนนั้น…………"
"หรือเจ้าจะบอกว่า เจ้าเป็นนักปรุงยาลึกลับคนนั้น?"
ชิงสุ่ยมองดูใบหน้าท่าทางการแสดงออกของอาจารย์ของเขาที่เปลี่ยนไป
ในตอนนี้ไป๋ลี่จิงเว่ยรู้สึกแปลกใจ และมีความสุขอีกครั้งเมื่อได้ยินว่าชิงสุ่ยคือนักปรุงยาลึกลับ
นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งที่ 3 ที่ชิงสุ่ยได้ใช้เคล็ดวิชาเข็มทองคำ การเคลื่อนไหวของเขานั้นราบรื่นราวกับสิ่งที่คุ้นเคย อีเย่ที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังมองดูสาวกนิกายคนใหม่ของเธอลงมือใช้เคล็ดวิชาเข็มทองคำ มันยิ่งทำให้จิตใจของเธอรู้สึกซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ไป๋ลี่จิงเว่ยสวมเพียงแค่กางเกงขายาวแม้ว่าเคราของเขาจะเป็นสีขาว แต่ผิวพรรณของเขานั้นเรียบเนียนราวกับผิวทารก อาจเป็นเพราะความแตกต่างอย่างมากในช่วงอายุ อีเย่จึงไม่ได้หลีกเลี่ยงการมองร่างกายที่เปลือยเปล่า ของไป๋ลี่จิงเว่ย!!!!
จุดตันเถียนของไป๋ลี่จิงเว่ยถูกบิดเบี้ยวจนเปลี่ยนรูป แต่ก็ยังคงรูปร่างที่ดีกว่าจุดตันเถียนของอวี้ต่งห่าว เพราะจุดตันเถียนของอวี้ตงห่าวอยู่ในภาวะพิการ ส่วนของไป๋ลี่จิงเว่ยนั้นยังคงสามารถโคจรพลังปราณผ่านจุดตันเถียนนั้นได้ แม้ว่าจะถูกจำกัดพลังเอาไว้
เมื่อเข็มถูกฝังลงไป ผนวกกับเคล็ดวิชาเปลวเพลิงบรรพกาลมันจึงทำให้เกิดประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ช่องลมปราณที่เสียหายค่อยๆฟื้นฟูและขยายตัวขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนถูกสร้างขึ้นมาใหม่
การฟื้นฟูร่างกายและพลังปราณหยวนเริ่มกลับไปเป็นสภาพเดิม ด้วยเคล็ดวิชาเข็มทองคำที่พิเศษ ผนวกกับเปลวเพลิงบรรพกาล ที่คำนึงถึงธาตุทั้ง 5 ที่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ ชิงสุ่ยก็สามารถช่วยชีวิตไป๋ลี่จิงเว่ยและช่วยให้เขาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว แต่ไป๋ลี่จิงเว่ยยังคงต้องใช้พลังปราณเทวะเซียนเทียนเพื่อรักษาตัวเองอีกในอนาคต
หลังจากนั้นประมาณ 8 ชั่วยาม นอกเหนือจากการที่เขาใช้เคล็ดวิชาเข็มทองรักษาร่างกายของไป๋ลี่ ชิงสุ่ยยังคงกระตุ้นศักยภาพในการรักษาตัวเองของไป๋ลี่จิงเว่ยอีกด้วย!!!
เขาเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยภายในร่างกายของเขา ไป๋ลี่จิงเว่ยแสดงออกผ่านทางหน้าตา นั่นคือใบหน้าที่มีความสุขอย่างยิ่ง
"มันช่างลึกลับยิ่ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!!!"ไป๋ลี่จิงเว่ยรู้สึกว่าภายในจุดตันเถียนของเขาได้ฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมแล้ว ตราบใดที่จุดตันเถียนถูกหล่อเลี้ยงโดยพลังปราณเทวะเซียนเทียนเป็นเวลาอีก 3 เดือน เขาจะสามารถฟื้นคืนความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาดังเดิมได้
"ชิงสุ่ย ข้ากล่าวไว้ไม่ผิด มันเป็นโชคชะตาที่นําพาเรามาพบกัน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของชายชราคนนี้ ตอนนี้ถ้าไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดใดแล้ว พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน!!!!"ไป๋ลี่จิงเว่ยร้องอย่างมีความสุข
ไป๋ลี่จิงเว่ยและอีเย่พักอยู่ในร้านโอสถตระกูลชิง เป็นเวลากว่า 2 วันแล้ว ในวันที่ 2 นี้ชิงสุ่ยและอาจารย์โฉมงามของเขากำลังเดินชมรอบรอบเมืองร้อยไมล์ และสนทนากันอย่างมีความสุข ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกเลยว่าขอนั้นเป็นลูกศิษย์ หรือเธอนั้นเป็นอาจารย์ บุคลิกภาพของพวกเขาทั้งสองนั้นต่างดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก"
" ท่านอาจารย์ ท่านทำอย่างไรจึงสามารถทำให้นกกระเรียนอมตะตัวนี้เชื่อฟังท่านได้?"ชิงสุ่ยตระหนักและว่าผู้ฝึกตนระดับเทวะเซียนเทียนเกือบทั้งหมด ต่างมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง มันยิ่งทำให้เขารู้สึกอิจฉาอย่างมาก
"เชื่อฟัง? นกกระเรียนอมตะของข้า ตามข้ามาเอง ข้าจึงไม่รู้วิธีควบคุมสัตว์อสูรเหล่านี้"อีเย่เจี้ยนเ ก้อเผยรอยยิ้มที่งดงามในขณะที่เธอตอบ
"มันตามหาท่านด้วยตัวของมันเอง และติดตามท่านโดยสมัครใจ?"
"ถูกต้อง นกกระเรียนอมตะ สามารถเข้าใจในคำพูดของมนุษย์ได้ แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเลือกตามข้า สงสัยเหตุการณ์โชคดีแบบนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง"
"เขาจำได้ ข้าใครอ่านคู่มือสัตว์อสูร มันระบุไว้ว่านกกระเรียนอมตะจะรักในสิ่งที่บริสุทธิ์ สะอาด และทรงธรรม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บ่มเพาะเพศชายเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะสามารถทำให้มันเชื่องได้ แต่นกกระเรียนอมตะตัดสินใจที่จะติดตามท่าน นั่นก็หมายความว่าท่านจะต้องบริสุทธิ์ สะอาด และทรงธรรม" ชิงสุ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะเก่งกาจเรื่องการหว่านล้อมคำพูดหวานๆให้อาจารย์ของเจ้ามีความสุขสินะ"เธอไม่แน่ใจว่าควรจะโกรธหรือรำคาญดี แต่ในที่สุดอีเย่เจี้ยนเก้อก็เลือกที่จะหัวเราะไปพร้อมๆกันกับชิงสุ่ย