ตอนที่ 115 – วิธีการของถังเทียน
ตอนที่ 115 – วิธีการของถังเทียน
หมิงหย่งมองไปยังอาโม่หลี่ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง
รูปร่างที่ดุร้าย กล้ามเนื้อที่ปูดโปน ส่งผลอย่างเต็มที่ แม้ว่าเพียงมองเขาจากที่ไกล เขารู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งจากร่างของอาโม่หลี่ได้เลย นอกจากนี้ สายตาของเขาก็จับจ้องไปยังดาบในมือของอาโม่หลี่ ดาบเหมือนจะดูเก่าแก่และผุพัง เมื่อเทียบกับร่างดั่งกระทิงของอาโม่หลี่แล้วมันไม่สะดุดตานัก
ดาบเล่มนั้นเป็นสมบัติดารา
หมิงหย่งมีภูมิหลังที่พิเศษ ดังนั้นเขาค่อนข้างมีความรู้ และเขาเพียงแค่เหลือบมองดาบผุพังในมืออาโม่หลี่ก็บอกได้เลยว่ามันเป็นสมบัติดารา
บุคคลผู้นี้มีเจตนาไม่ดี
อาโม่หลี่รู้สึกใจร้อนเล็กน้อย “นี่ ถ้าเจ้าไม่เข้ามา ข้าจะเข้าไปก่อนแล้วนะ”
เพียงก้าวเดียว ท่าทางที่น่าประทับใจก็แปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันทั่วทั้งร่าง ความบ้าคลั่งของพลันแสดงออกมาหมด ด้วยเสียงคำรามดัง เขาก็ฟันดาบไปยังหมิงหย่ง
แสงสีเหลืองจากดาบเพิ่มขึ้นและกวาดผ่านไป
สีหน้าของหมิงหย่งเปลี่ยนสี การโจมตีของอาโม่หลี่มิมีการผันแปรมากมาย แต่มันรุนแรงอย่างยิ่ง มันคล้ายกระจายรั่วไหลออกไป แต่ในความจริงมันเข้มข้นอย่างยิ่ง
หมิงหย่งสูดหายใจเข้าลึกก้าวไปข้างหน้าและชกหมัดออก!
ตราประทับหมัดสีทองโปร่งใสราบเรียบปะทะเข้ากับรอยดาบสีเหลืองของอาโม่หลี่
ร่างของหมิงหย่งสั่นสะท้าน ตราประทับหมัดราวกับแก้ว แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ในขณะที่ปราณแท้จริงก็เข้าสู่ร่างของเขา หมิงหย่งครวญครางและถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ก่อนที่จะสามารถสลายพลังนี้ได้
นอกเหนือจากนี้… กำลังของสหายผู้นี้ยังมีมากมายนัก!
อาโม่หลี่หัวร่อเสียงดัง “นี่ รับไปอีกหนึ่งดาบ!”
อีกก้าวใหญ่ แสงก็ราวกับแม่น้ำ เล็งตรงไปยังหัวทุกกระเคลื่อนไหวเรียบง่าย แต่มันรุนแรงมากสำหรับผู้อื่น
หมิงหย่งชกหมัดออกอีกครา และก็ถอยหลังไปอีกครา!
“รับอีกดาบ!”
แต่หมิงหย่งก็ยังคงถอยหลังอยู่!
“รับดาบข้า! รับดาบข้า! รับดาบข้า!”
อาโม่หลี่คำรามอย่างต่อเนื่อง ดาบก็หนาแน่นราวกับฝน
หมิงหย่งถอยครั้งแล้วครั้งเล่า
ผู้คุ้มกันที่อยู่ในสนามต่างตกตะลึงเหนือเกินบรรยายกับฉากเบื้่องหน้าพวกเขา หมิงหย่งเป็นน้องชายของหมิงจือชุน แต่วิชาการต่อสู้ของเขามีชื่อเสียงโด่งดังภายในภูเขากลุ่มดาราอมตะ มิมีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะถูกกำราบโดยเจ้าโง่เง่านี้
เจ้าโง่เง่านี้… ผู้ใดเป็นกันแน่...
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
“ข้ายังมิได้กล่าวถามนามของแม่นางเลย?” ดวงตาของอวิ๋นตี๋ปรากฏความประทับใจ
สตรีสาวเบื้องหน้าเขาบุคลิกที่ยอดเยี่ยม อารมณ์ที่เย็นชา มันราวกับนางมิได้อยู่ในที่นี่ นอกเหนือจากนี้ ความเย็นชาของนางคล้ายจะเหมือนกับเชียนฮุ่ย แต่ในความจริงมันก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อวิ๋นตี๋พบเห็นสตรีมามาก ดังนั้นเขาจึงมีสายตาที่ชาญฉลาด ความเย็นชาของเชียนฮุ่ยมันควบคู่ไปกับความเย่อหยิ่งลึกซึ้ง เพียงแค่นางปิดบังความเย่อหยิ่งไว้เป็นอย่างดี แต่สตรีสาวเบื้องหน้าเขานี้ เย็นชาอย่างหมดจด
เป็นความงดงามที่หายากยิ่ง!
และคิ้วโก่งของนาง ท่าทางที่นางกวัดแกว่งกระบี่เจือปนไปด้วยความน่ารักในท่ามกลางจิตใจที่กล้าหาญ เขารู้สึกว่าปากของเขาแห้งด้วยความรุ่มร้อน
หานปิงหนิงแสดงท่าทางเหมือนไม่ได้ยินเขา และไม่แม้แต่จะกระพริบตา
ในที่สุดข้าก็สามารถให้เจ้าได้เห็นถึงความพัฒนาของข้าแล้ว...
ภายในใจของนาง สะท้อนให้เห็นภาพของบุรุษที่นั่งอยู่บนยอดของเสาไฟ ยามเมื่อนางตระหนักถึงมัน นางก็ตื่นตระหนกและตกใจถึงสาเหตุที่นางจะต้องคิดถึงภาพเช่นนี้
สีชมพูอ่อนๆแผ่ขยายไปทั่วช่วงคอของนางอย่างเงียบๆ
อวิ๋นตี๋ เป็นคนเจ้าชู้ ทันทีที่เขาสังเกตุเห็นและก็ตกตะลึงพลางเลียริม พลางหลุดปากออกมา “คุณหนูท่านช่างงดงามยิ่งนัก!”
หานปิงหนิงมองอย่างเย็นชา มือซ้ายของนางก็เลื่อนไปจับที่ฝักกระบี่ ขณะที่มือขวาของนางสัมผัสไปยังด้ามกระบี่ ใต้เท้านางเกิดเป็นชั้นของน้ำแข็งซึ่งเกิดขึ้นอย่างไร้ที่มา
อวิ๋นตี๋เพียงรู้สึกว่าอุณหภูมิของอากาศรอบๆลดลงอย่างรวดเร็วและสั่นสะท้าน
“เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
หานปิงหนิงสบถและคิ้วที่โก่งคล้ายจะดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
ลำแสงสีเงินราวกับอสรพิษน้ำแข็งจู่โจมตรงไปยังอวิ๋นตี๋!
อวิ๋นตี๋ตกตะลคง ความเร็วของกระบี่มิได้รวดเร็ว แต่อุณหภูมิมันเย็นมาก ตัวกระบี่แทบจะไม่ต้องสัมผัสโดนเลย แต่ท่าทางของนางชั้นของน้ำแข็งก็ก่อตัวขึ้นมาแล้ว และอากาศรอบๆก็ถูกความเย็นกัดเซาะ
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกราวกับเขาอยู่ในถ้ำน้ำแข็งด้วยลมหนาวเย็นที่พัดกระหน่ำ
แม้จะตื่นตระหนก เขาก็รวบรวมปราณแท้จริงของเขา กวัดแกว่งกระบี่ยาวของเขา และแทงมันไปยังลำแสงสีเงินของกระบี่หานปิงหนิง
หมอกเลือนลางปรากฏรอบกระบี่ของเขา ตัวกระบี่ดูคล้ายกับอากาศธาตุ
วิชากระบี่สัมพันธ์วารีธาตุของตระกูลอวิ๋น [กระบี่เมฆา]
[กระบี่ลวงตา] มันเป็นวิชากระบี่ที่อวิ๋นตี๋เก่งกาจที่สุด ขั้นสูงที่สุดคือขั้นที่เจ็ด อวิ๋นตี๋บรรลุไปยังขั้นที่ห้าแล้ว เป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์ของตระกูลอวิ๋น วิชากระบี่ชุดนี้ไร้ตัวตน ใช้ออกความว่างเปล่าโจมตีกลับเป็นจริง และด้วยการออกกระบวนท่าที่สวยงามของอวิ๋นตี๋ประกอบด้วยรูปโฉมที่งดงามอย่างยิ่งของเขาแล้ว ทำให้เขาได้รับฉายาว่าคุณชายเมฆา
แต่ในวันนี้ เขาก็คู่ปรับของเขาแล้ว
หานปิงหนิงก็ฝึกฝนวิชากระบี่ความสัมพันธ์วารีธาตุเช่นกัน แต่มันมิใช่ [พิรุณโปรยปราย] ดั่งเช่นในอดีตอีกต่อไปแล้ว มันคือ [ธารน้ำแข็ง]
วิชากระบี่สัมพันธธ์วารีธาตุนี้สำหรับสตรีเท่านั้นที่จะฝึกได้ ค่อนข้างที่จะน่ากลัว และจุดสำคัญที่สุดคือมันเหมาะสมอย่างยิ่งกับบุคลิกของหานปิงหนิง ดังนั้นนางจึงสามารถที่จะฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว
นอกเหนือจากอาโม่หลี่แล้ว นางเป็นผู้ที่มีพัฒนาการมากที่สุด
กระบี่ทั้งสองปะทะกัน
สีหน้าของอวิ๋นตี๋เปลี่ยนไป และเขาก็ถอยกลับอย่างไม่ลังเลใจ
ความรู้สึกหนาวเย็นอย่างผิดปกติที่มาจากกระบี่ ทำให้ฝ่ามือของเขาแทบจะด้านชา เขามองลงไปและพบเห็นว่าหมอกที่อยู่ตามตัวกระบี่มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นเกล็ดน้ำแข็งและหล่นลงจากกระบี่
นี่….
อวิ๋นตี๋ตกใจด้วยความกลัว หานปิงหนิงเบื้องหน้าเขาราวกับภูเขาน้ำแข็ง แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงท่าทางใดๆเลย คิ้วโก่งมิมีทีท่าว่าจะแสดงถึงความมีเสน่ห์อีกต่อไป แต่มันเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
ช่างแข็งแกร่งนัก...
อวิ๋นตี๋สูญเสียความฮึกเหิมที่จะโจมตี
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ถังเทียนหัวร่ออย่างดังลั่น ทุกคนต่างต่อสู้อย่างหนัก
อาโม่หลี่ใช่ฝึกวิชาดาบปฐพีคลั่งสินะ? มันช่างน่ากลัวนัก! ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ว่าแม้การโจมตีจะดูคล้ายดุดันและยุ่งเหยิง มันแท้จริงควบแน่นเป็นหนึ่งเดียวเป็นพลังที่อันยิ่งใหญ่ แม้ว่าจะเป็นเขาก็ตามเมื่อพบเจอกับการโจมตีของอาโม่หลี่ เขาจะต้องจดจ่ออย่างหนักเช่นกัน
ถึงการพัฒนาของอาโม่หลี่ ถังเทียนมิได้ประหลาดใจนัก สำหรับแมลงวันวัวที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมและร่างกายที่แทบจะทำลายไม่ได้ ควบคู่กับการฝึกหนักและอาจารย์แนะนำที่ดี ด้วยฤทธิ์เดชอันน่ากลัวแน่นอนว่ามันจะต้องเรื่องปกติ
เหลียงชิวและซื่อหม่าเซียงซานก็มีการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน การโจมตีของเหลียงชิวหมดจดและมั่นคง ไร้ช่องโหว่ การโจมตีของเซียงซานกลับตรงกันข้ามมันเต็มไปด้วยปราณหยินเหมือนภูติผี ไม่มีจุดหมายและคาดเดาไม่ได้
แต่สิ่งที่ทำให้ถังเทียนตกใจก็คือหานปิงหนิง
ย้อนกลับไปยังเมืองเมฆาดารา แม้ว่าหานปิงหนิงถูกระบุเป็นบรรดาของผู้เชี่ยวชาญ นางก็มีอันดับต่ำกว่าเซียงซาน แต่ความสามารถของนางในตอนนี้เหนือกว่าเซียงซานแล้ว
ความเร็วในการพัฒนาของนางด้อยกว่าอาโม่หลี่เพียงเล็กน้อย
ผู้คุ้มกันที่ต่างคิดว่ามันถึงเวลาที่จะตีโต้กลับคืนแล้ว ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่คนต่างถูกขัดขวางเอาไว้ทั้งหมด
บุรุษร่างสูงที่ซ่อนอยู่ในความมืดประหลาดใจ “เป็นพวกเด็กใหม่ของสมาคมนักสู้แห่งแสงงั้นหรือ? ความสามารถพวกเขาไม่เลวเลย วัยก็ยังเยาว์เช่นกัน พวกเขาจะมีอนาคตที่สดใสแน่”
บุรุษมีหนวดขมวดคิ้ว “พวกเราควรโจมตีเลยหรือไม่?”
“โจมตี?” บุรุษร่างสูงเหลือบมองไปยังเขา “เจ้าตั้งใจที่จะเป็นศัตรูกับสมาคมนักสู้แห่งแสงในตอนนี้งั้นหรือ?”
บุรุษมีหนวดจ้องมองไปยังลานสนาม “ถ้างั้นแผนการของพวกเขาก็ล้มเหลวแล้วสินะ?”
“นายท่านจะมาในไม่ช้า” บุรุษร่างสูงตอบกลับ “พวกเราทางที่ดีอย่าได้เพิ่มปัญหาขึ้น กระบวนการทั้งหมดของภูเขากลุ่มดาราอมตะต่างเป็นไปตามแผนการของนายท่านทั้งหมดแล้ว ดังนั้นให้นายท่านเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่าง”
“ข้าเกรงกลัวว่าถังเทียนจะไม่ยอมรอจนกระทั่งนายท่านมาน่ะสิ” บุรุษมีหนวดหัวร่ออย่างขมขื่น
บุรุษร่างสูงมีรอยยิ้มที่ขมขื่นเช่นเดียวกัน “ได้แต่หวังว่านายท่านจะมาถึงโดยเร็ว”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ถังเทียนมิได้ตั้งใจที่จะประวิงเรื่องอันใด เขาเหยียดร่างออกพลางตะโกน “ซางกวนเวย! มานี่!”
ซางกวนเวยตกใจอยู่ชั่วคู่ และรีบเร่งปีนขึ้นไปบนเสาไฟด้านข้างถังเทียนเพียงเวลาสั้นๆ “ท่านลูกเขย”
ถังเทียนดึงนายน้อยคนหนึ่งขึ้นมา “เขาคือผู้ใด?”
“เขาคือนายน้อยหวัง” ซางกวนเวยรู้สึกงุนงง แต่เขาก็รู้จักผู้คนเหล่านี้
“โอ้” ถังเทียนพยักหน้าราวกับเขาเข้าใจแล้ว และดึงนายน้อยหวังผู้นี้มาใกล้ๆ เพียะ เพียะ ตบไปสองสามครั้ง และนายน้อยหวังผู้หมดสติก็ตื่นขึ้นมาในทันที
“ถังเทียน! ตระกูลหวังจะต้องจัดการกับเจ้าอย่างแน่นอน!” ผู้คุ้มกันของนายน้อยหวังคำรามด้วยความโกรธ เศร้าสลดและขุ่นเคือง แต่ก็หวาดกลัวต่อถังเทียนจึงมิกล้าที่จะก้าวออกไป
“ได้ยินหรือไม่?” ถังเทียนข่มขู่นายน้อยหวังอย่างร้ายกาจ “ลูกน้องของเจ้ากล่าวว่าตระกูลหวังของเจ้าจะต้องมาจัดการข้า ถ้ามันเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ข้าก็ควรที่จะลงมือก่อนเป็นดี ใช่หรือไม่?”
สายตาของถังเทียนที่ซ่อนเร้นไว้ด้วยเจตนาประสงค์ร้ายพลางจ้องมองไปยังนายน้อยหวัง
นายน้อยหวังผู้ที่ยังคงพร่ามัวในความมึนงงก็ตื่นตัวขึ้นอย่างฉับพลัน และหน้าซีดด้วยความกลัว อ้อนวอนอย่างตะกุกตะกัก “ไม่ ไม่ ไม่! นี่จะต้องเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันแล้ว เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย...”
“ดีมาก” ถังเทียนพยักหน้าอันมืดมัว “ข้าเชื่อว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเช่นกัน ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดมาว่า ผู้ใดที่ลากเจ้ามาที่นี่?”
นายน้อยหวังคล้ายไม่แน่ใจและลังเล
ถังเทียนก็ข่มขู่อย่างน่ากลัว “เจ้ามีโอกาสเพียงคราเดียว ถ้าเจ้าชี้ผิดพลาดไป นิ้วไหนที่ชี้ไป ข้าจะตัดมันทิ้ง!”
สีหน้านายน้อยหวังแปรเปลี่ยนเป็นซีดยิ่งกว่าเดิม พลันพูดออกมา “มันคือหงจุน!”
ผู้คุ้มกันของหงจุนที่อยู่เบื้องล่างพลันเปลี่ยนท่าทางของพวกเขา พวกเขาก็ตะโกนต่อว่า “นายน้อยหวัง! นายน้อยของพวกเราดูแลท่านราวกับเป็นเหมือนพี่น้องกัน ท่านมิสามารถที่จะกล่าวหาเขาได้!”
นายน้อยหวังดูคล้ายจะละอายใจแก่ตัวเอง
ถังเทียนไม่ใส่ใจกับผู้คนที่อยู่บนพื้น หันไปกล่าวถามซางกวนเวย “ผู้ใดคือหงจุน?”
ซางกวนก็สะดุ้งและรีบเร่งดึงหงจุนขึ้นมาในทันที
เพียะ เพียะ เพียะ!
ฟาดตบสองสามทีและหงจุนก็ถูกปลุกขึ้น
เขาก็ข่มขู่เช่นเดียวกันก่อนหน้านี้ หงจุนก็มิได้ดีไปกว่านายน้อยหวังเช่นเดียวกัน แปรเปลี่ยนเป็นหน้าซีดและชี้ออกไปยังพรรคพวกของเขาที่เรียกเขามาในทันที
ในตอนนี้ ซางกวนเวยเข้าใจเจตนาของถังเทียนแล้วและพลันรู้สึกตื่นเต้น
ผู้คุ้มกันเบื้องล่างก็เริ่มที่จะเงียบลงแล้วเช่นกัน สำหรับพวกเขาก็เริ่มจะเห็นเบาะแสแล้ว
แต่ละคนพวกเขาต่างถูกลากขึ้นไป ฟาดตบกระตุ้น ข่มขู่และให้พิสูจน์ยืนยัน
เพียงไม่นาน เบาะแสทั้งหมดก็ชี้ตรงไปยังบุคคลเดียว สหายผู้นี้ที่ยังไม่ได้สติ ผู้คุ้มกันที่อยู่เบื้องล่างเริ่มที่จะตื่นตกใจ สำหรับพวกเขาที่รู้จักบุคคลผู้นี้
ถังเทียนกล่าวถามซางกวนเวย “เขาคือผู้ใด?”
สีหน้าซางกวนเวยเปลี่ยนเขียวดวงตาของเขาแทบจะลุกเป็นไฟ “เขาคืออวี๋เจ๋อชิงจากตระกูลอวี๋”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเทียนก็แสยะยิ้มขึ้นมาทันที
สายตาทุกคนจ้องไปยังอวี๋เจ๋อชิงที่เริ่มหมองคล้ำ พวกเขาต่างเป็นเด็กที่ถูกตามใจไร้ความสามารถในการต่อสู้ แต่แผนการและอุบายมันต่างเป็นบางอย่างที่พวกเขารู้สึกดี ในเวลานี้ ทุกคนผู้ที่ไม่เข้าใจก็นับว่าเป็นตัวโง่งมแล้ว
อวี๋เจ๋อชิงถูกปลุกขึ้นมาด้วยการฟาดตบสองสามครา และพบเห็นถังเทียนกำลังยิ้มให้ ด้วยดวงตามากมายหลายคู่ที่ต้องการสับเขาบออกเป็นชิ้นๆ
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกราวกับเขาถูกฉีกกระชากจนเปลือยเปล่าและถูกโยนเข้าไปในถ้ำราชสีห์
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ