ตอนที่ 111 – โทสะของบุรุษหนุ่ม
ตอนที่ 111 – โทสะของบุรุษหนุ่ม
เกิดเสียงคำรามจากผู้คนที่ไล่ล่าอยู่เบื้องหลังเขา ถังเทียนมิได้สนใจ รอยยิ้มเอียงบนปากของเขาคมกริบราวกับปลายกระบี่ ขณะที่เขาหรี่ตามันก็แลดูเย็นเยียบราวกับอสูรร้าย
เจ้าสารเลว ไม่นานนักหรอก พวกเจ้าทั้งหมดจะได้รู้ว่าโทสะของบุรุษหนุ่มเทพรสชาติเป็นเช่นใด
เชียนฮุ่ยคือจุดอ่อนของถังเทียน ซึ่งมิมีผู้ใดสามารถที่จะก้าวก่ายได้
ความเร็วของเขารวดเร็วอย่างยิ่ง แม้ว่ารองเท้าอาชาทะยานจะมิได้แข็งแกร่งดั่งเช่นนกยูงสีน้ำเงิน ท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังเป็นสมบัติขั้นทองแดงเหมือนกัน จิตวิญญาณนักสู้ขั้นเงินของถังเทียนถูกกระตุ้น และพลังของรองเท้าอาชาทะยานก็ถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่
กีบเท้าเล็กๆทั้งสี่พวกมันมีพลังราวกับสปริง ขณะที่พลังอันล้นเหลือของมันพลุ่งพล่านลงไปยังขาของเขา ถังเทียนราวกับลูกศรที่หลุดออกจากแหล่ง เสียงลมหวีดหวิดดังให้ได้ยินในหูของเขา
หมิงจือชุนผู้ที่ซึ่งถูกแบกอย่างแน่นโดยถังเทียน หัวใจของเขากำลังตื่นตระหนก เขาแสร้งทำเป็นสุขุมพลางกล่าว “เจ้าหนีไม่พ้นหรอก! ยอมแพ้ซะ!”
“หนีงั้นหรือ?” เสียงหัวร่อดังมาจากเหนือหัวของเขา และจากนั้นประโยคที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารอันเยือกเย็นก็ดังขึ้น “เจ้าคิดว่าข้ากำลังวิ่งหนีอยู่งั้นหรือ?”
หมิงจือชุนตกตะลึง เขามิได้กำลังวิ่งหนีหรอกหรือ? ถ้างั้นเขา...
“สบายใจเถอะ กลุ่มอันธพาลของพวกเจ้าทั้งหมด ข้าจะไม่ปล่อยให้รอดไปซักคนเดียว”
จดจ่อกับการวิ่งของเขา ถังเทียนก็เงียบลงปราศจากสัญญาณของความกลัว ภายในเสียงหวีดหวิวของลม เขาสงบนิ่งและปลอดโปร่งเป็นพิเศษ
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขากล่าว หมิงจือชุนก็ตกตะลึงอีกครา เขาแทบจะคิดว่าเขาฟังมันผิดไป หรือว่าบุรุษผู้นี้สมองจะถูกทอดไปแล้วหรืออันใดกัน? เขามิสามารถมองออกถึงสถานการณ์หรอกหรือ? เขามิรู้ว่าเขาได้รุกรานตระกูลที่ทรงพลังทั้งหมดของกลุ่มดาราอมตะหรอกหรือ? เขามิรู้หรอกหรือว่าเขาแทบจะไม่มีโอกาสที่จะชนะ? เขามิรู้หรอกหรือว่าแม้แต่ซางกวนเชียนฮุ่ยก็มิกล้าที่จะกระทำการเช่นนี้...
พายุอันแปลกประหลาดปะทะไปยังหมิงจือชุดทำให้เขาไม่สามารถที่จะเปิดตาของเขาได้ แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่มั่นคงและสงสัย คำพูดของถังเทียนเหมือนสัมผัสได้ถึงความมั่นใจที่มากมายราวกับเรื่องทั้งหมดนี้สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องง่ายๆ
เหตุใดกัน?
เหตุใดกันที่ทำให้บุรุษผู้นี้มีความมั่นใจเช่นนี้?
หมิงจือชุดเค้นสมองของเขาแต่เขายังคงมิสามารถที่จะขบคิดได้ถึงสาเหตุ แต่เมื่อเขาได้จัดการเรื่องต่างๆให้คนในตระกูลแล้ว สายตาของเขาก็เปิดกว้างเมื่อเทียบกับผู้คนในวัยเดียวกัน
ความมั่นใจตัวเองของถังเทียนในคำกล่าวของเขา มันมิใช่โกหก แต่...
ทันใดนั้น แขนที่จับตัวเขาอยู่ก็ปลดปล่อยพลังออก ทำให้เขาแทบจะโอดครวญออกมา แต่ด้วยศักดิ์ศรีอันแข็งแกร่งของเขาและเขาก็อดกลั้นต่อความเจ็บปวดและมิได้ร้องออกมาเลย
เสียงหวีดหวิดของลมอันรุนแรงในหูก็หยุดลง
ร่างของถังเทียนหยุดชะงักในทันที
หมิงจือชุนเปิดตาอันว่างเปล่าของเขา สภาพแวดล้อมมันเป็นพื้นที่ที่กว้างขวาง เขาจ้องมองอย่างว่างเปล่า แต่ทันใดนั้นดวงตาเขาก็สว่างวาบ เขามีความสุข นี่มันเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้าง!
เป็นพื้นที่ที่ดี!
เมื่อมันเป็นพื้นที่ที่กว้างขวาง มันก็สมบูรณ์แบบของข้อได้เปรียบอันสมบูรณ์สำหรับเขาและผู้คนอื่น
เจ้าบ้าผู้นี้แท้จริงแล้วหยุดอยู่ที่นี้
ในตอนนี้ เขาก็สรุปได้แล้วว่าถังเทียนเป็นคนกล้าหาญและมิใช่บุคคลที่เจ้าแผนการ เป็นประเภทคนบ้า ที่มาเลือกตำแหน่งเช่นนี้และหยุดลง
เดี๋ยวนะ…
สิ่งใดกันที่เจ้าบ้านี้… พยายามกระทำ...
หมิงจือชุดเฝ้ามองถังเทียนหยิบเอาเชือกออกมาจากที่ใดก็มิรู้ และมัดตัวเขา
สารเลว ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!
หมิงจือชุดมิเคยทรมานกับความอับอายเช่นนี้มาก่อน ดวงตาของเขาปะทุไปด้วยความโกรธแต่เขารู้ว่าเรื่องที่เขาได้กล่าว มันไม่มีประโยชน์ เขาเงียบลงอย่างหมองมนใบหน้าของเขาซีดเผือด
หลังจากถังเทียนมัดอย่างชำนาญปมสุดท้าย เขาก็เงยหน้าของเขาและมองไปยังเสาไฟที่สูง
หัวใจของหมิงจือชุดพลันสังหรณ์ใจด้วยลางไม่ดี
แต่ช่างน่าเศร้า โดยมิรอให้เขาตอบสนอง มีเพียงความรู้สึกที่ถูกควบคุม เขารู้ถึงสิ่งที่ถังเทียนพยายามจะกระทำและสีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว
“เจ้าทำไม่ได้...”
เขาเปิดปากเอ่ยเพื่อจะหยุดยั้งถังเทียน แต่เขาก็พัดโดยลมอันรุนแรงจนกระทั่งเขามิสามารถพูดอันใดได้
ถังเทียนมิต้องการที่จะฟังคำกล่าวของหมิงจือชุน เขาปีนขึ้นไปบนเสาไฟหลังจากนั้นเขาก็ห้อยหมิงจือชุนผู้ซึ่งราวกับลูกมะพร้าว เชือกถูกมัดติดแน่นบนเสาไฟ
หมิงจือชุนถูกห้อยอยู่กลางอากาศ ในช่วงเวลานั้น เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง!
มิเคยมาก่อน… เขามิเคยต้องเป็นเช่นนี้… มิเคยมาก่อนเลย!
ข้าจะสับร่างของเจ้าเป็นชิ้นๆแน่นอน!
ใจของหมิงจือชุดและฟันของเขาขบแน่นขณะที่เขาให้คำสาบาน แต่จากหางตาของเขา เขาก็เห็นผู้คนอื่นๆลานกว้างปรากฏขึ้น และคำสาบานของเขาทั้งหมดก็โยนทิ้งไปด้านข้าง ใบหน้าของเขาแดงก่ำจนมันดูราวกับเขาสามารถหลั่งโลหิตออกมาได้เลย เขาเกลียดชังที่เขามิสามารถที่จะหาหลุมขุดเขาไปหลบได้
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
ผู้คนทั้งหมดจากลานสนามอดมิได้ที่จะชะลอลง ภาพที่พวกเขาเห็นเบื้องหน้าทำให้พวกเขาต่างตกตะลึง
บนเสาไฟสูง ร่างของบุรุษยืนด้วยท่าทางโอหังและมีดวงตะวันอยู่เบื้องหลังเขา ราวกับว่าเขาเป็นภาพที่ฝังอยู่ภายในดวงตะวัน
เชือกยาวที่ผูดติดกับเสาไฟห้อยตัวลงมา ตัวตนนั้นแน่นอนว่าเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลหมิง ณ ตอนนี้ถูกผูกติดราวกับบ๊ะจ่างห้อยอยู่ในอากาศ
ทุกผู้คนต่างตกตะลึง
ฉากนี้ทำให้พวกเขาตกใจถึงขนาดที่พวกเขามิเคยรู้สึกมาก่อน!
ปากของพวกเขาเปิดกว้าง แต่มิได้ทำให้เกิดเสียงอันใด ภาพที่เหลือเชื่อ แต่ไม่สามารถลบหายภาพร่างอันโหดร้ายและบ้าบิ่นไปจากสายตาของพวกเขาได้ ขณะที่บุรุษยืนอยู่บนเสาไฟราวกับเขามีพลังเวทมนตร์พิเศษบางอย่าง
ทั่วทั้งสนามอันกว้างนี้เงียบกริบแม้กระทั่งเข็มตก ทุกคนก็สามารถที่จะได้ยิน
อวี๋เจ๋อชิงก็งุนงงเช่นเดียวกัน เขามีหลักการที่เป็นไปได้มากมาย แต่พวกมันมิมีอันใดเลยที่จะเทียบกับภาพที่แสดงอยู่เบื้องหน้าเขา เนื่องเพราะเขามิกล้าจะเชื่อว่าใครบางคนจะโง่เขลาถึงเพียงนี้ ถึงขนาดที่พวกเขากล้าที่จะท้าทายตระกูลทั้งหมด
เขาควรจะหัวร่อในตอนนี้กับผลลัพธ์ของแผนการนี้ มันยิ่งเป็นผลลัพธ์ที่โดดเด่นกว่าผลลัพธ์ใดๆที่เขาคาดคิด
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามิอาจจะหัวร่อได้ ปากของเขามิได้ส่งเสียงอันใดออกมาเลย และสายตาของเขาก็สูญเสียสมาธิอย่างมาก ร่างของบุรุษหนุ่มที่อยู่บนเสาไฟมิใช่แค่สง่าผ่าเผยหรือแข็งแกร่ง แต่มันปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่ากลัวที่ทำให้วิญญาณของผู้คนหวาดกลัวได้เลย
อวี๋เจ๋อชิงมิรู้ว่าจะอธิบายถึงพลังนั้นเช่นไร
ดั่งเช่นที่เขาคอยบอกตัวเองว่าร่างบุรุษหนุ่มบนเสาไฟช่างโอหังเหลือเกิน...
ใช่แล้ว โอหัง!
แต่เจ้าคนผู้นี้มันโอหังเกินไปจนถึงขนาดที่มิมีผู้ใดกล้าที่จะหัวร่อเยาะ!
“ถังเทียน! เจ้าตายแน่!”
“ตระกูลหมิงจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”
คนคุ้มกันของหมิงจือชุนตะโกนด้วยความโกรธ ทำให้ทุกคนตื่นขึ้นมาจากความฝันของเขา ทั่วทั้งสนามปะทุขึ้นด้วยความโมโห ในที่ที่ซึ่งผู้คนต่างเริ่มตะโกนด่า แม้กระทั่งอวิ๋นอี่เหยา ผู้ซึ่งมีความสุขุมเหนือกว่าความโกรธ เมื่อมองไปยังหมิงจือชุนผู้ซึ่งถูกแขวนห้อยอยู่ในอากาศ ทั้งร่างของเขาก็รู้สึกเจ็บปวด
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่บุคคลที่ถูกเคารพอย่างสูงเช่นพวกเขาได้รับความอับอายเช่นนี้!
อวิ๋นอี่เหยาและที่เหลือต่างมองหน้ากัน พวกเขาทั้งหมดตระหนักได้ถึงความเกลียดชังและความโกรธภายในสายตาพวกเขา นี่มันเป็นศัตรูที่แท้จริง
“สังหารมันซะ!” ฮั่วเหยียนกวงเป็นคนแรกที่ตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยว
“ไป!” อวิ๋นอี่เหยามิได้ลังเลพลางออกคำสั่ง
ทุกคนเริ่มพุ่งไปข้างหน้าราวกับน้ำตกไปยังเสาไฟ
ถังเทียนอยู่ภายใต้แสง ใบหน้าของเขาถูกปกปิดด้วยความมืด ที่มิมีผู้ใดสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าสีหน้าของเขา มุมปากของเขายกโค้งขึ้น ช่างเยือกเย็นและเย็นเยียบ
เมื่อเห็นผู้คนหลั่งไหลเข้ามายังเขาอย่างฉับพลัน เขาก็อ้าแขนกว้าง เท้าของเขาก้าวไปข้างหน้าคราหนึ่ง ราวกับนกยักษ์ เขาเหินลงมายังกลุ่มผู้คน
ดวงตาของเขาลุกโชติราวกับเปลวเพลิงหินหลอมเหลว เสียงลมกรีดร้องภายในหูราวกับคมดาบ แต่ภายในใจของเขาสงบนิ่งอย่างยิ่ง
คล้ายเหมือนแลเห็นฉากกลางคืนจากดวงดาราบนท้องฟ้า บนยอดเขาและหินผา เกิดภาพเด็กสาวหัวร่อ และบุรุษหนุ่มโอหังที่หน้าตาโง่เขลา นิ้วเล็กๆอันอ่อนนุ่มของพวกเขาทั้งสองเกี่ยวทำสัญญากัน เป็นสัญญาของเด็กน้อยที่ไร้เสียงสา
บางทีเวลาก็ผ่านไปแล้ว อาจจะเป็นพวกเราเองที่ได้เติบโตขึ้น แต่สัญญาที่พวกเราได้ทำไว้ตอนที่ยังเด็ก มันยังดังก้องอยู่ภายในหูของข้า
บุรุษหนุ่มผู้นี้ยังจดจำได้อยู่...
ปากของเขาแสดงรอยยิ้มที่อบอุ่น อบอุ่นและอ่อนโยนแต่หนักแน่นและมั่นคง
เขาจะมิยอมให้ผู้ใดที่แตะต้องทุกสิ่งและเรื่องใดที่เขาได้กระทำกับเชียนฮุ่ย
มิมีผู้ใด! มิมีสิ่งใด!
บุรุษหนุ่มผู้นี้ในตอนนี้กล้าหาญอย่างยิ่งและมิหวาดกลัวต่อสิ่งใด
บุรุษหนุ่มผู้นี้เติบโตจนแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
คล้ายกับร่างนกยักษณ์ที่เหินลงมาราวกับดาวตก ปะทะไปยังพวกเขา
กลุ่มผู้คนทั้งหมดต่างตกใจ แต่อวิ๋นอี่เหยาในบรรดาฝูงชนพลันตะโกน “ใช้อาวุธลับของพวกเจ้า!”
คืนสติจากการตะโกน พวกเขาก็เอาหยิบศาสตราวุธของพวกเขาออกมา ใช้ออกไปยังถังเทียน ผู้ที่กำลังปะทะลงมาด้วยความเร็วสูงสุด ในช่วงเวลานั้น อาวุธลับราวกับพิรุณ ปลายอาวุธของพวกมันเกิดเสียงดังผ่านในอากาศ
เกิดเสียงตะโกนชัดแจ่วฉับพลันออกมาเหนือหัวของพวกเขา
“นกยูง!”
ทุกผู้คนรู้สึกเพียงเงาสีน้ำเงินภายในสนามในสายตาของพวกเขาพลันปรากฏขึ้นและสลายหายไป
“เอ๊ะ แล้วเขาเล่า?” มีบางคนตกใจและตะโกนขึ้น
ชั่วครู่ต่อมา เสียงกรีดร้องดังมาจากภายในฝูงชน ร่างสีน้ำเงิน ราวกับพยัคฆ์ในฝูงแกะ ทุกที่ที่มันไปจะเกิดเสียงกรีดร้องขึ้น
เหล่ากลุ่มผู้คนเริ่มที่จะตื่นตระหนก ขณะที่ถังเทียนว่องไวราวกับมัจฉาสีน้ำเงิน
สัญชาตญาณหกเท่า!
มันราวกับถังเทียนกลับไปภายในตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ ดูคุ้นเคยกับทุกสิ่ง ด้วยสัญชาตญาณหกเท่า ปลดปล่อยศักยภาพเต็มที่ของเขา ปราณแท้จริงขั้นห้าทำให้เขายกของหนักได้อย่างง่ายดาย การต่อสู้ระยะประชิดกลายเป็นความเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ของถังเทียน วิชาการต่อสู้อันหลากหลายของเขาทำให้เขารับมือได้ทุกสถานการณ์ สามารถที่จะใช้ออกวิชาการต่อสู้ที่เหมาะสมที่สุด
สิ่งที่ทุกคนมิได้คาดคิดก็คือ ปราณแท้จริงของเขาแท้จริงแล้วผสมผสานกันด้วยปราณสองประเภทแตกต่างกัน
มองเพียงคราเดียวก็รู้ว่าคู่ต่อสู้ราวกับเขามิสามารถที่จะหาหนทางออกได้เลย แต่ทำเพียงเข้าไปรวมกลุ่มและหยุดนิ่ง
ชุดเกราะนกยูงสีน้ำเงินทำให้รูบแบบการต่อสู้ของถังเทียนกลายเป็นดุร้ายและทรงพลังยิ่งขึ้น ร่างของเขากลับกลายเป็นปีศาจมากยิ่งขึ้น
เขารู้ล่วงหน้าว่าทันทีที่ทำให้ผู้คนสับสนวุ่นวายและกลับกลายเป็นโกลาหลขึ้น ความวุ่นวายภายในสนามรบอาวุธลับมันก็ไร้ค่า
กำลังของกลุ่มผู้คนเมื่อเทียบกับสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์แล้วมันอ่อนแออย่างยิ่ง แม้ว่าจำนวนพวกเขาจะมากมาย สำหรับถังเทียนแล้วมันไม่มีพลังเลย สายตาของเขาจับจ้องไปยังเหล่านายน้อย
บุรุษหนุ่มถังมิใช่บคคลที่ใจกว้าง เขาเป็นขุ่นแค้นมากที่สุด
เหล่าเสียงกรนด่าทั้งหมดจากเหล่านายน้อยนี้ทำให้เขามีโทสะ
เขาตั้งมั่นในใจของเขา จะไม่ปล่อยผู้ใดไปซักคนเดียว
ร่างของเขาพลันวูบวาบและปรากฏเบื้องหน้านายน้อยที่แต่งตัวหรูหรา ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพียงสามกระบวนท่า และผู้คุ้มกันทั้งสองด้านข้างนายน้อยสามารถเพียงรู้สึกสายตาอันเยือกเย็น พวกเขาก็ท่วมท้นไปด้วยอาการตกใจและแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว ขณะที่พวกเขาพยายามต่อต้านอย่างตาลีตาเหลือก
ฝ่ามือของถังเทียนราวกับดาบที่พลันแปรเปลี่ยนเป็นเชือกที่อ่อนนุ่ม กระแทกไปยังฝ่ามือของฝ่ายตรงข้าม หยิบยืมพลังและเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้าเร็วยิ่งขึ้น
เขาหยิบยืมพลังและนำมาใช้ประโยชน์!
ราวกับชิงช้า ถังเทียนกระโดดออกไปและลงมาด้วยปลายเท้าอย่างเงียบยิ่ง
ใกล้กับคนคุ้มกัน เขาก็เหยียบอย่างเงียบไปด้านหลังของนายน้อยและปลดปล่อยพลังของเขา
คนคุ้มกันทั้งหมดต่างตกใจ แต่ปราศจากการตอบสนองอันใดทั้งสิ้น พวกเขาก็มองไม่เห็นเงาร่างของฝ่ายตรงข้ามแล้ว
ร่างของถังเทียนมั่งยามเมื่อเสียงตะโกนดังออกมาจากเบื้องหลังของเขา
“ไปตายซะ!”
ฮั่วเหยียนกวงยกหมัดของเขา พลังของหมัดเปลวเพลิงสีแดงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับอสรพิษที่ง้างปากของมันขึ้น! บรรยากาศแตกร้าวและระเบิดออก ด้วยอุณหภูมิรุนแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ก็เกิดเสียงดังก้อง
กระบวนท่าสังหารของหมัดอสรพิษเพลิงระดับห้า [อสรพิษเพลิงเขมือบสังหาร]
รู้สึกถึงด้านหลังของเขาปกคลุมไปด้วยความร้อน ดวงตาของถังเทียนก็ปรากฏความเยือกเย็น
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ