ตอนที่แล้วตอนที่ 108 – เขย่าสุญญากาศ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 110 – ก่อปัญหา

ตอนที่ 109 – การเปลี่ยนแปลง


ตอนที่ 109 – การเปลี่ยนแปลง

 

อาโม่หลี่พักอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะจากไป และก่อนที่เขาไป เขาก็ได้ทิ้งที่อยู่ของโรงแรมที่พวกเขาอยู่ไว้ให้ อาโม่หลี่และที่เหลือต่างเป็นผู้คนต่างถิ่น และมิมีป้ายสมาคม แต่เมื่อพวกเขาพบว่าถังเทียนเป็นนักสู้ขั้นทองแดงแล้ว พวกเขาก็เบิกตาของพวกเขากว้างด้วยสีหน้าไร้อารมร์บนใบหน้าของพวกเขา

ลุงเฉียนมีความสุข เขาสามารถบอกได้เลยว่าสองสามคนในพวกเขาแข็งแกร่ง ถ้านายน้อยเทียนพบปัญหาอันใด อย่างน้อยเขาก็จะไม่โดดเดี่ยวปราศจากความช่วยเหลือ

ลุงเฉียนได้เริ่มแอบสำรวจตระกูลอวี๋อย่างลับๆ

เป็นเวลาสองปีแล้วที่ตระกูลซางกวนเริ่มที่จะฟื้นฟูโดยที่มิมีผู้ใดมาขัดขวางพวกเขา ขณะที่พวกเขาลืมเลือนไป พวกเขาก็ฟื้นฟูอย่างช้าๆ แม้ว่ามันจะเป็นเพราะพวกเขาฟื้นฟูยังไม่ครบถ้วน พวกเขามิอาจเปรียบได้ดั่งเช่นความรุ่งเรืองในอดีต แต่พวกเขาก็ยังคงมิได้ละเลยมัน

ในยุคปัจจุบันนี้ ตระกูลอวี๋มีบุคคลแปลกหน้าที่มีชื่อเสียงปรากฏตัวไม่กี่คน และภูมิหลังของพวกเขาทั้งหมดยังมิได้ตรวจสอบอย่างละเอียด

ลุงเฉียนบอกได้เลยว่าสามารถพบเห็นเปลวเพลิงที่อยู่ภายในสนาม ดวงตาชราอันขุ่นมัวของเขาปรากฏความพึงพอใจ

แม้กระทั่งยามที่คุณหนูอยู่ที่นี้ เหล่าบุรุษหนุ่มทั้งหลายต่างมิได้ฝึกหนักเช่นนี้!

คุณหนูช่างเลือกท่านลูกเขยได้ดียิ่ง!

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

ตระกูลอวี๋

การตายของอวี๋หมิงชิวไม่ได้ทำให้ตระกูลอวี๋เศร้าใจอันใด อวี๋หมิงชิวถูกลืมเลือนผู้คนหลังจากที่หลายคนต่างเข้ามาแล้วก็จากไป การปรากฏตัวของเขาทำให้พวกเขาประหลาดใจ เนื่องเพราะมันเป็นสิ่งมิคาดคิด แต่ความรู้ของพวกเขาก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น

“ข้ามิคาดคิดว่าถังเทียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้” ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลอวี๋ อวี๋หมิงเวยมีสีหน้าที่หมองคล้ำ ขณะที่เขากล่าว “เขาเห็นได้ชัดว่าอยู่ขั้นห้า แต่เขาก็แข็งแกร่งและทนทาน ช่างเป็นบุรุษหนุ่มที่ทรงพลังนัก เขาน่าจะมาจากภูมิหลังที่แข็งแกร่ง”

“เขามาจากสมาคมนักสู้แห่งแสง” บุรุษร่างสูงกล่าว

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าอวี๋หมิงเวยก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “แห่งแสง…. สมาคมนักสู้แห่งแสงงั้นหรือ?”

เขามิคาดคิดว่าถังเทียนจะผูกติดกับสมาคมนักสู้แห่งแสงซึ่งเป็นขุมพลังขนาดใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงตระกูลอวี๋เลย แม้กระทั่งทั่วทั้งกลุ่มดาราอมตะก็ยังไร้ผลที่จะต่อต้านกับขุมพลังขนาดใหญ่เช่นนี้

บุรุษมีหนวดค่อนข้างไม่พอใจคำตอบของอวี๋หมิงเวยแต่เขารู้ว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์พลางกล่าว “เจ้ามิจำเป็นต้องกังวล กลุ่มดาราอมตะเป็นสถานที่ที่เล็ก พลังของสมาคมนักสู้แห่งแสงก็แค่นั้น นอกเหนือจากอวี๋อี้อวี๋แล้ว มันมิมีนักสู้ที่แข็งแกร่งอีก เรื่องของสมาคมนักสู้แห่งแสงปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”

ท่าทางของอวี๋หมิงเวยกลับกลายเป็นอ่อนลง หัวใจของเขาก็สงบลงและเขาก็รีบเร่งกล่าว “งั้นก็ดี งั้นก็ดี!”

“ในตอนนี้พวกเจ้าจะต้องขบคิดให้หนัก ยังมีวิธีการอื่นใดอีกที่พวกเรายังมี?” บุรุษมีหนวดกล่าว “พวกระดับสูงได้ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับผู้อาวุโสจากตระกูลมาช่วยเหลือพวกเราแล้ว ดังนั้นอย่างได้เป็นกังวลกับข่งอี้อวี๋ แต่ถ้าพวกเรามิกระทำอันใดเลยต่อหน้าผู้คนของพวกระดับสูง ทุกคนจะต้องถูกโยนทิ้งแน่”

อวี๋หมิงเวยมิได้กล่าวอันใด

ทันใดนั้น อวี๋เจ๋อชิง ผู้ที่ซึ่งอยู่ด้านข้างอวี๋หมิงเวยก็เปิดปากเอ่ยขึ้น “ข้ามีความคิดแล้ว”

สายตาของทุกคนหันไปมองยังร่างของอวี๋เจ๋อชิง และบุรุษร่างสูงก็ยกคิ้วขึ้น “พูด”

อวี๋เจ๋อชิงเป็นบุตรของอวี๋หมิงเวย และก็อยู่ในชั้นเรียนเดียวกับซางกวนเชียนฮุ่ยก่อนที่เชียนฮุ่ยจะกลับมา เขาเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุดในสถาบัน และเป็นผู้นำของสถานบัน ทุกคนตอบรับเพียงเขาเรียกเพียงคราเดียว แต่ยามเมื่อเชียนฮุ่ยมา เขาก็ถูกลืมเลือนอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งที่เด่นชัดทำให้เขารู้สึกเกลียดชัง กระทั่งตอนนี้ เขาก็มักจะแอบหาวิธีลับๆเพื่อเอาชนะเชียนฮุ่ย

ใบหน้าอันเฉลียวฉลาดและเด่นชันของอวี๋เจ๋อชิงหมองคล้ำ ดวงตาของเขาเห็นได้ชัดว่ามีความเกลียดชัง และเขาก็กล่าวอย่างเย็นชา “ซางกวนเชียนฮุ่นมองหานักสู้หลายคนจากตระกูลหรือนิกายที่แตกต่างกันทั้งหมด ตราบเท่าที่พวกเรากระตุ้นบางอย่าง พวกเขาทั้งหมดจะรวมตัวกันและสร้างปัญหาให้กับถังเทียน พวกเราทั้งหมดจำต้องกระทำการโกหกอย่างลับๆเฝ้ารอผู้ก่อการเข้าไปจุดไฟและโหมพัดกระหน่ำ และตระกูลซางกวนสามารถทำได้เพียงหวาดกลัวเท่านั้น ฮิฮิ”

น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับอสรพิษที่ซ่อนเร้นอยู่ในความมืด

ดวงตาของทุกคนก็สว่างวาบ บุรุษมีหนวดกล่าวชมเชย “เป็นแผนที่ดี! ยังคงเป็นเพียงนายน้อยเจ๋อชิงที่ฉลาดวางแผน! เรื่องนี้ พวกเราจะให้นายน้อยเจ๋อชิงเป็นคนจัดการ”

อวี๋เจ๋อชิงตกตะลึง และใบหน้าของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่ง แม้ว่าหัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่กระทำแผนการที่น่ากลัว เขาแน่นอนว่ามิเต็มใจที่จะรับความเสี่ยง

เขาพยายามที่จะเสแสร้งเป็นหนักแน่น “พลังของข้ายังไม่เพียงพอ แต่ข้ามีความคิดให้เลือกใครซักคนมา...”

บุรุษร่างสูงจ้องมองไปยังเขา ท่าทางของเขาขัดจังหวะคำกล่าวของอวี๋เจ๋อชิง “อย่าบอกข้านะว่า นายน้อยเจ๋อชิงมิเต็มใจกระทำ?”

“เขามิได้หมายความเช่นนั้น...” อวี๋หมิงเวยอธิบายอย่างกระวนกระวาย

เขารู้ว่าทั้งสองคนก่อนหน้านั้นเป็นคนที่เลือดเย็นและปฏิบัติกับมนุษย์ราวกับวัชพืช เมื่อพบเค้าลาง เขาก็รู้เพียงแค่ว่ากลิ่นอายสังหารได้กระแทกไปยังหัวใจพวกเขาในทันที และเมื่อมองไปยังใบหน้าของลูกชาย เขารู้ว่ามิอาจปฏิเสธได้เลย เขาขบฟันของเขา เรียกความกล้าของเขาพลางกล่าว “ลูกชายของข้าเพียงเกรงกลัวว่าเขาจะมิสามารถกระทำการสำเร็จได้ และเกรงกลัวว่าเขาอาจจะทำแผนการของใต้เท้าทั้งสองรั่วไหลได้ เมื่อใต้เท้าทั้งสองเชื่อใจพวกเรา ลูกชายของข้าจะมิเกรงกลัวความยากใดๆ และจะไม่ปฏิเสธมัน!”

การแสดงออกของพวกเขาทั้งสองก็ค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย

“ถ้างั้นพวกเราจะทิ้งให้เป็นหน้าที่ของนายน้อยเจ๋อชิง!” บุรุษร่างสูงพยักหน้าพลางกล่าว “พวกเขาจะไปพักผ่อน”

“ข้าคำนับส่งท่านใต้เท้าทั้งสอง!” อวี๋หมิงเวยงอหลังของเขาคำนับ

ยามเมื่อพวกเขาทั้งสองจากไป สีหน้าของอวี๋เจ๋อชิงก็หมองคล้ำ “ท่านพ่อ นี้...นี้…”

อวี๋หมิงเวยยับยั้งความกังวลภายในหัวใจของเขา และแสดงอาการสงบพลางกล่าว “แท้จริงมันก็มิมีอะไรมาก เจ้าอย่าได้รีบเร่งกระทำไป อย่าได้เปิดเผยใบหน้า ซ่อนเร้นในความมืด นำผู้คนไปให้มากยิ่งดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนายน้อยของตระกูลอื่น เฮอะ ดีอย่างยิ่งที่จะให้ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นศัตรูกัน ถึงเวลานั้นข้าอยากจะเห็นยิ่งนักว่าตระกูลซางกวนจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร”

อวี๋เจ๋อชิงค่อยๆฟื้นคืนสติของเขา เขามิได้โง่ เขาก็ยิ่งขบคิดมากเกี่ยวกับแผนการของเขา เขารู้สึกว่ามิว่าสิ่งใด ตระกูลซางกวนและถังเทียนก็มิอาจเอาชนะได้ เรื่องนี้มันโหดหินนัก และมันก็มิได้น่ากลัวอย่างที่เขาคิด แม้ว่าตระกูลซางกวนจะมิได้หวาดกลัวตระกูลอวี๋ ถ้าพวกเขายั่วยุตระกูลอื่น แม้กระทั่งซางกวนเชียนฮุ่ยในตอนนี้ พวกเขาคงมิอาจจัดการได้

“แม้ว่าเรื่องนี้มันจะอันตราย แต่มันก็เป็นโอกาสเช่นเดียวกัน ถ้าเจ้าสามารถที่จะกระทำการสำเร็จในเรื่องนี้ และเหล่าใต้เท้าเห็นเจ้าอยู่ในสายตา มันจะเป็นอนาคตที่ดีต่อเจ้า” สายตาของอวี๋หมิงเวยมองไปยังอวี๋เจ๋อชิง และปลอบใจเขาเพิ่มขึ้น “ข้ามิหวังให้เจ้าอยู่ภายในกลุ่มดาราอมตะไปตลอด เจ้าจะต้องไปยังกลุ่มดาราที่ใหญ่กว่าและผลักดันให้ตระกูลอวี๋รุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ขึ้น”

อวี๋เจ๋อชิงตะลึง เขามิคาดคิดว่าพ่อของเขาจะมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่และคาดหวังต่อตัวเขา เขาท่วมท้นไปด้วยความสุขอยู่ชั่วครู่ และกล่าวอย่างตื่นเต้น “อย่าได้กังวลท่านพ่อ! ลูกชายท่านจะต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จสมบูรณ์!”

อวี๋เจ๋อชิงเปล่งประกายความอำมหิตภายในดวงตาของเขา เขามีกำลังใจเพิ่มขึ้น แม้ว่าเขาจะหวาดกลัวซางกวนเชียนฮุ่ย ถังเทียนมันก็เป็นเพียงแค่บุรุษโง่เขลาผู้ที่มิรู้เรื่องอะไรเลย เขามุ่งมั่นจะทำให้ถังเทียนเป็นดั่งแท่นหินให้เหยียบ!

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

หลังจากผ่านไปสิบวันอย่างต่อเนื่อง การฝึกที่เข้มข้น จำนวนการฝึกก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุด หลายคนขบฟันของพวกเขาและอดกลั้นทุ่มเทกำลังทั้งหมดของพวกเขา แต่มิมีผู้ใดที่มีความโกรธเล็กน้อยเลย

พวกเขามิมีร่องรอยของความโกรธในตัวพวกเขา

มันเป็นเพราะความการฝึกที่เข้มข้นของท่านลูกเขยส่งผลต่อพวกเขา การฝึกของเขามิได้เสแสร้งเลยซักนิด และทุกคนก็ต่างได้เป็นพยานกับการฝึกของเขา พวกเขามองไปยังถังเทียนที่สะท้อนให้เห็นความพยายามอย่างงุ่มงามของถังเทียน แต่ยิ่งกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากเท่าใด เขาก็มิได้ใส่ใจในปัญหาทั้งหมด การฝึกฝนอันน่าเบื่อหน่ายที่สามารถทำให้ผู้คนกราดเกรี้ยวได้ เขากระทำมันซ้ำอย่างต่อเนื่อง

จากวิชาหมัดไปจนวิชาดัชนี วิชาตัวเบา วิชาท่าเท้า วิชาฝ่ามือ...

ท่านลูกเขยถังเทียนราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดที่ไม่เข้าใจในความเหนื่อยล้าหลั่งหยาดเหงื่อทั้งวันทั้งคืน

วัยของเขาก็มิได้ห่างไกลไปจากพวกเขา และเขาก็ยังอ่อนวัยกว่าเหล่าศิษย์สองสามคน แต่ใบหน้าของเขายังคงมีร่องรอยของความไม่ประสีประสาเจือปนอยู่ เห็นได้ชัดว่าโหนกที่ยื่นออกมาจากหัวของเขาทำให้เขาดูราวกับเด็กผู้ชายที่กำยำและแข็งแรง

เหล่าศิษย์ทุกคนต่างตกใจอย่างมาก

มันไม่มีอะไรน่าเชื่อยิ่งกว่าที่จะเอาบุคคลวัยเท่านี้มาเบื้องหน้าเปรียบเทียบได้เลย

มิมีผู้ใดที่น่าตกใจ

พวกเขาเป็นคนรุ่นเยาว์ทั้งหมดและมีโลหิตที่เดือดพล่านในร่างของพวกเขา มันยังมีความนับถือตัวเองอยู่ในพวกเขา ร่างที่อยู่สนามฝึกซ้อมผู้ที่ไม่รู้จักความเหนื่อยล้าผลักดันพวกเขาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ทุกคราที่พวกเขาคิดจะยอมแพ้ สายตาพวกเขาก็จะมองไปยังร่างนั้นในทันที

พวกเขาทุกคนทุ่มเทสุดตัวพวกเขา ภายในดวงตาของพวกเขาปรากฏเปลวเพลิงลุกโชติของเหล่าหนุ่มสาว

ความหลงใหลของพวกเขา ความไม่เต็มใจที่จะพ่ายแพ้ของพวกเขา ความฝันของพวกเขา หัวใจอันบ้าบิ่นของพวกเขา…

มันมักจะมีผู้คนที่ล้มลงไปบนพื้นและหอบหายใจของพวกเขาเสมอ แต่เพียงพักชั่วครู่ พวกเขาก็ยืนหยัดตัวพวกเขาเองขึ้นมาฝึกฝนต่อ มันจะมีผู้คนที่หมดกำลังและล้มลงอยู่เสมอ แต่พวกเขาจะนั่งเพียงชั่วครู่และกลับมาฝึกฝนต่อ

มันราวกับว่ามิมีผู้ใดมองเห็น ปราณอันผิดปกติปกคลุมสนามฝึกซ้อม ทำให้รู้สึกฮึกเหิมเพิ่มขึ้นอย่างเงียบๆ

บรรยากาศเช่นนี้แผ่กระจายไปรอบตระกูลซางกวนอย่างเงียบๆ เหล่าสมาชิกทั้งหมดของตระกูลซางกวนจะมายังสนามฝึกฝนทุกวัน และเฝ้ามองเหล่าวผู้คนวัยเยาว์ฝึกฝน ขณะที่พวกเขาต่างหวาดกลัวที่จะทำร้ายพวกเด็กๆ พวกเขาก็ยืนอยู่ด้านข้าง สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดีและความความหวังในอนาคต

“เหล่าเด็กพวกนี้ พวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างมากนัก!”

“ใช่แล้ว ข้ามิคาดคิดว่าเจ้าเด็กพวกนี้จะสามารถอดกลั้นได้เป็นเวลานาน ในอดีตเขาจะเพียงฝึกแค่ชั่วครู่และพร่ำบ่นอยู่ทั้งวัน”

“ถ้าหากท่านลูกเขยมาเร็วกว่านี้คงจะดี”

“ตอนนี้มันก็มิได้สายเกินไป ตราบเท่าที่พวกเขาอดทน พวกเขาสามารถที่จะประสบความสำเร็จ!”

“คุณหนูช่างมีสายตาที่ดีนัก!”

เมื่อฟังเหล่าสมาชิกในตระกูลพูดคุยกันอย่างอ่อนโยน ลุงเฉียนก็จดจ่อไปยังสนามฝึกฝน รอยยิ้มพาดผ่านบนใบหน้าของเขา ยามเมื่อเขามีเวลา ทุกวันเขาจะไปยังสนามฝึกซ้อมและเฝ้าดูเหล่าบุรุษหนุ่มฝึกฝน มันเป็นช่วงเวลาที่ชื่นชอบของเขาในอดีต เมื่อเห็นเหล่าบุรุษหนุ่มผู้ที่มิต้องการพ่ายแพ้ เขาก็มักจะรู้สึกว่าอนาคตของตระกูลซางกวนจะกลับกลายเป็นดียิ่งขึ้นเสมอ

ความประทับใจของเขากลายเป็นลึกซึ้งยิ่งขึ้น

คุณหนูและนายน้อยเทียนต่างเป็นคนที่มีภูมิหลังแตกต่างกัน คุณหนูมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติคือเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบ นางสมบูรณ์แบบ ทุกคนบูชานาง หลงใหลนาง แต่มิสามารถที่จะบรรลุพลังเทียบเคียงจากนาง นางสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง สมบูรณ์จนกระทั่งทำให้ผู้คนห่างไกลจากนาง

เมื่อเทียบกับนางแล้ว พรสวรรค์ของนายน้อยเทียนมิมีค่าที่จะต้องกล่าวถึง แต่ความเพียรและการฝึกหนักของเขามันเป็นบางอย่างที่มิมีผู้ใดสามารถเทียมเทียบได้

ทุกคนรู้ว่าการฝึกหนักและความเพียรคือสิ่งใด และเหล่าศิษย์ทุกคนในตระกูลซางกวนก็รู้ถึงมัน

แต่ก็มิรู้จักมันจนกระทั่งพวกเขาพบกับนายน้อยเทียน และการฝึกหน้าและความเพียรเบื้องหน้าของพวกเขาก็ทำให้พวกเขาได้เห็นว่าพวกเขาแท้จริงแล้วกลับกลายเป็นรู้สึกถึงมันได้

นายน้อยเทียนอาจจะมิฉลาดเท่าพวกเขา แต่เพียงแค่การฝึกนัก ไม่สิ มันยิ่งกว่าการฝึกหนัก! พวกเขาเฝ้ามองนายน้อยเทียนกระทำซ้ำของวิชาหมัดของเขามากกว่าหนึ่งแสนครั้ง พวกเขาก็ไร้คำกล่าว พวกเขามิเคยตกใจมากเท่านี้มาก่อน

มันแท้จริงแล้วมีบางคนในโลกนี้ที่สามารถกระทำได้อยู่!

ความถือตัวของวัยเยาว์นี้ทำให้พวกเขาต่างเงียบงัน!

พรสวรรค์ของคุณหนูต่างสูงเกินกว่าจะบรรุถึงได้ แต่ความสำเร็จของนายน้อยเทียนต่างมาจากหยาดเหงื่อทั้งหมด จากหยาดเหงื่อล้วนๆ

ทุกคนต่างหลั่งเหงื่อ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วลีที่ถูกสืบทอดภายในตระกูลก็เป็นวลีของนายน้อยเทียนที่กล่าวว่า หยาดเหงื่อจะมิมีวันโกหก

เมื่อเห็นเหล่าผู้เยาว์ทั้งหมดเหงื่อไหลอย่างมากมายในสนาม หัวใจของลุงเฉียนก็มีขวัญกำลังใจขึ้น

ช่างเป็นดวงตะวันที่สวยงามนัก!

ในเวลานั้นเอง คนรับใช้ที่กำลังตื่นเต้นและสับสนก็วิ่งเข้ามาหาด้านข้างลุงเฉียนและกระซิบสองสามคำในหูของเขา

รอยยิ้มของลุงเฉียนแข็งค้างบนใบหน้าของเขา

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด