ตอนที่แล้วตอนที่ 107 – แรงกระตุ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 109 – การเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 108 – เขย่าสุญญากาศ


ตอนที่ 108 – เขย่าสุญญากาศ

 

ถังเทียนมิเข้าใจในความเหนื่อยล้าขณะที่กำลังฝึกฝน

เขาลืมเลือนไปที่จะต้องตรวจสอบการฝึกฝนของคนอื่นๆ และลืมเลือนว่านี้มันคือบ้านของเชียนฮุ่ย เขาเพียงจดจ่ออยู่กับวิชาการต่อสู้และเพียงหมัดของเขาเองภายในสายตา

ปราณแท้จริงขั้นห้ากับวิชาหมัดระดับสี่ เขาประสบกับสถานการณ์เช่นนี้ที่เขามิเคยเป็นมาก่อน มันความแตกในลายละเอียด ถังเทียนเพิ่งขบคิดออกในวันนี้

ปราณแท้จริงขั้นห้าพรั่งพรูขึ้น และมิว่ามันจะเป็นปราณมังกรสวรรค์หรือปราณกระเรียน เพียงแค่ถังเทียนปรารถนามันก็เกิดขึ้นมาจริง ปราณที่สะสมอยู่ภายในปราณแท้จริงอันเร่าร้อนและถูกปลดปล่อยออกมา มันระเบิดออกอย่างน่าทึ่ง

เมื่อบรรลุไปยังปราณแท้จริงขั้นห้า การเพิ่มขึ้นนี้มันครอบคลุมมิว่าจะเป็นพลังหรือความยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับปราณแท้จริงขั้นสี่แล้วทุกอย่างเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ลายละเอียดเล็กๆทั้งหมดและความรู้สึกของ [หมัดสั่นสะเทือน] ภายใต้พลังของปราณแท้จริงขั้นห้า มันกลายเป็นยิ่งชัดเจนและเด่นชัดขึ้น

ถังเทียนมีสัญชาตญาณที่แหลมคมเป็นพิเศษอยู่แล้ว ขณะที่เขาฝึกฝนหมัดของเขาอย่างต่อเนื่อง ลายละเอียดทั้งหมดที่ยากจะเข้าใจในแรกเริ่มมันก็เริ่มค่อยๆปรากฏขึ้นมา

หมัดสั่นสะเทือนภายในมือของถังเทียนเริ่มที่จะค่อยๆแปรเปลี่ยนไป

ลมจากหมัดค่อยๆสลายหายไป

ในอดีต ยามเมื่อถังเทียนชกออกด้วยหมัดสั่นสะเทือน มันจะต้องนำพาแรงกระเพื่อมมากมายตามมาด้วย เหล่าแรงกระเพื่อมทั้งหมดนี้ต่างเป็นปราณแท้จริงที่ทำให้อากาศรอบๆหมัดสั่นสะเทือน และเหล่าแรงกระเพื่อมมีพลังอันรุนแรงและสามารถที่จะบดขยี้หินผาได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน แรงกระเพื่อมหมัดสั่นสะเทือนของถังเทียนกลายเป็นน้อยลงและน้อยลงยิ่งขึ้น ขณะที่ลมจากหมัดสลายหายไปอย่างรวดเร็ว หมัดสั่นสะเทือนของถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นแตกต่างอย่างมากมายจากที่ฝึกก่อนหน้านี้ซึ่งแสดงถึงพลังทำลายล้างที่รุนแรง และมันก็ดูเหมือนเป็นหมัดธรรมดา มันหมายความว่าปราณของถังเทียนถูกควบคุมสำรองและกักเก็บไว้ พลังปราณมิได้รั่วไหลไปแม้กระทั่งน้อยนิด

ผู้คนที่ซึ่งได้เป็นพยานในการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการส่วนตัวดังเช่น ซางกวนจู้นและที่เหลือต่างรู้สึกใจสะท้าน แม้ว่าตระกูลซางกวนจะตกต่ำลงในไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ธรรมเนียมพื้นฐานมันยังคงอยู่ และแม้ว่าเหล่าศิษย์จะมีกำลังที่อ่อนแอ พวกเขายังมีสายตาที่ดี

พลังปราณของหมัดแปรเปลี่ยนเป็นสำรองและกักเก็บมากยิ่งขึ้น และพลังก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ทุกผู้คนต่างเข้าใจในเหตุผลนี้ แต่เพียงไม่กี่คนที่สามารถบรรลุผลสำเร็จนี้ได้ ในยุคปัจจุบันนี้วิชาการต่อสู้มันถูกส่งต่อโดยยันต์จิตวิญญาณ ง่ายที่จะเรียนรู้ แต่ยากที่จะเข้าใจถึงแก่นแท้ ยันต์ขั้นทองมีราคาอย่างมาก และมิมีผู้ใดที่สามารถจะซื้อมันได้ ขณะที่ยันต์ขั้นเงินและขั้นทองแดง ข้อมูลของวิชามันมิสมบูรณ์นัก นอกจากนี้ข้อมูลที่ได้รับในแต่ละบุคคล มันเหมาะสมกับเขาแต่ไม่เหมาะสมกับเจ้า เหมือนกับนักสู้และจิตวิญญาณขุนพลที่ไม่สามารถเข้ากันได้ ซึ่งเกิดขึ้นอยู่บ่อยไป

เพื่ออธิบายถึงการฝึกฝนคือ มันเป็นการขัดเกลาวิชาอย่างต่อเนื่อง และยิ่งเข้าใจมันเท่าใด ระยะเวลาที่ใช้จะยาวนานขึ้นเท่านั้น

ในปัจจุบัน ความคิดทั่วไปมันคือ ยามเมื่อเทียบกับระดับและขั้นแล้ว ระดับที่สูงยอมเอาชนะระดับที่ต่ำกว่า เป้าหมายของทุกผู้คนต่างเร่งรีบไปยังขอบเขตระดับที่สูง เกี่ยวกับวิชาการต่อสู้แล้ว น้อยคนที่จะขัดเกลาตัวพวกเขาเองอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะบรรลุไปยังขอบเขตอันสมบูรณ์ ขณะที่พวกเขาเชื่อว่าวิชาการต่อสู้ระดับต่ำจะฝึกฝนสมบูรณ์เพียงใด พวกมันคงมิสามารถเอาชนะพลังของวิชาต่อสู้ระดับสูงได้

การแยกแยะระดับคือทุกสิ่งอย่าง มันเป็นความคิดของทุกผู้คน และก่อนหน้านี้ ซางกวนเวยและที่เหลือก็ต่างคิดสิ่งนี้เช่นเดียวกัน

จนกระทั่งถังเทียนปรากฏตัวขึ้น เขาเห็นได้ชัดว่าอยู่ในขั้นที่ห้า แต่เขาสามารถที่จะแสดงพลังการต่อสู้และกำลังเหนือเกินกว่าขั้นห้า อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงวันนี้ พวกเขาหลายคนเชื่อว่าสาเหตุที่ท่านลูกเขยแข็งแกร่ง จะต้องเป็นเพราะเขาหยิบยืมพลังจากชุดเกราะของเขา แต่ไม่นานพวกเขาก็ตระหนักได้ ขณะที่พวกเขาเฝ้ามองดูเขาแสดงหมัดสั่นสะเทือนอันสมบูรณ์แบบนี้ว่าท่านลูกเขยได้ใช้เวลาอย่างมากกับการฝึกฝน และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

เพื่อให้มีเวลาเพื่อฝึกฝนมากขึ้นของปราณแท้จริง วิชาการต่อสู้ระดับสูงต่างถูกพิจารณาแล้วว่ามันคือวิถีของราชันย์

ยามเมื่อลมจากหมัดของถังเทียนสลายหายไป ทุกผู้คนต่างตกใจอย่างยิ่ง ทุกมันที่เขาได้ใช้ออก มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามิมีร่องรอยของแรงกระเพื่อมเลย แต่มันเต็มไปด้วยอันตรายที่มิอาจอธิบายได้เพิ่มขึ้น และทุกผู้คนก็สัมผัสได้ว่าถูกดึงดูดโดยหมัดของถังเทียน พวกเขามิสามารถละสายตาได้เลย ราวกับหมัดของเขามีพลังอำนาจของความน่าหลงใหล

พวกเขาทั้งหมดต่างยืนมองลืมเลือนการฝึกฝนของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ทั่วทั้งสนามฝึกซ้อม มิรู้ว่าเมื่อใดกันที่มันกลายเป็นเงียบกริบ

มีเพียงถังเทียนที่ใช้ออกหมัดแล้วหมัดเล่า ลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง

มันราวกับปราณแท้จริงในร่างของเขาเดือดพล่าน ถังเทียนรู้สึกไร้กังวลและมีความสุขอย่างยิ่ง หมัดแล้วหมัดเล่า กระทำตามที่เขาพอใจ ทุกความรู้สึกอันเล็กๆนี้ราวกับสายน้ำที่หลั่งไหล ไหลลื่นภายในหัวใจของเขา มันช่างสวยงามนัก

นั่นคือการสั่นสะเทือน...

มันราวกับมีความเศร้าโศกอันเงียบงันล่องลอยอยู่ภายในหัวใจของเขา

มันเป็นเหมือนม่านของหน้าต่างที่ค่อยแหวกออก แสงจากภายนอกที่สวยงามและสายลมจากด้านนอกหน้าต่างผ่านเข้ามาเติมเต็มทั่วห้องในทันที

ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายพลุ่งพล่านภายในหัวใจของถังเทียน

ทันใดนั้นเขาก็เปล่งเสียง ปราณแท้จริงของเขาก็วูบวาบ เสียงแหลมของกระเรียนดังขึ้นมาภายในหัวใจของเขาตามมาด้วยเสียงคำรามของมังกร แสงวูบวาบของปราณแท้จริงของเขาพรั่งพรูขึ้นมาเกิดเสียงดัง ถังเทียนมิขบคิดอันใดและปลดปล่อยหมัดออก!

ไร้เสียง ไร้รูป และไร้หมัด

บนหมัดของเขากลุ่มก้อนโปร่งใสของแสงสีขาวเท่าลูกมะพร้าวพลันปรากฏขึ้น

กลุ่มก้อนแสงตั้งอยู่เพียงชั่วอึดใจ และจากนั้นมันก็เริ่มละลาย เกิดเสียงดังก้องกังวานทั่วสนามฝึกซ้อม

อากาศภายในสนามฝึกซ้อม ราวกับมันต่างถูกควบคุมโดยมือใหญ่ที่ไร้รูปร่าง ทันใดนั้นก็พุ่งไปยังกลุ่มก้อนแสงซึ่งแผ่พุ่งและระเบิดออก

พลังงานมากมายพลันระเบิดออก ร่างของถังเทียนเปรียบดังภูเขาและมิเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

ดวงตาของเขาคล้ายกับดูเลือนลอย

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

อาโม่หลี่เดินทางผ่านมาและเมื่อพบตระกูลซางกวน เขาก็แสดงตัวตนของเขา โชคดียิ่งบุคคลที่มารับเขาเป็นลุงเฉียน และเมื่อเขาได้ยินมาจากเหล่าหนุ่มสาวสองสามคนมาจากเมืองเมฆาดาราและมาเมื่อพบนายน้อยเทียนและเขาก็รีบเร่งนำพวกเขาเข้ามาในทันที

ขณะที่พวกเขารีบเร่งไปยังสนามฝึกซ้อม พวกเขาเพียงมาถึงอย่างทันเวลาที่ได้เห็นกลุ่มก้อนอันโปร่งใสของแสงระเบิดขึ้นโดยถังเทียน

สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไป พวกเขาหยุดยั้งฝีเท้าของเขา ราวกับพวกเขาถูกบังคับให้หยุดอยู่เช่นนั้น

นั่น...นั่นมันคือ...สุญญากาศ!

มันเป็นไปได้เยี่ยงไร...

หมัดนั่น… จริงแล้วมันสั่นสะเทือนอากาศจนกระทั่งมันสลายหายไปในทันที และก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนสุญญากาศ...

[หมัดสั่นสะเทือน] เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงวิชาการต่อสู้ระดับสี่… เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงวิชาการต่อสู้ระดับสี่!

พื้นฐานถัง...

พวกเขาเคยได้ยินมันมาก่อน ยามเมื่อหมัดสั่นสะเทือนฝึกฝนจนถึงจุดสุดยอด มันสามารถที่จะสลายอากาศและก่อตัวเป็นสุญญากาศเป็นวงจำกัด มีชื่อเสียงที่เรียกกันว่า [เขย่าสุญญากาศ]

[เขย่าสุญญากาศ] มันเป็นเพียงตำนาน พวกเขามิเคยพบเห็นผู้ใดที่เชี่ยวชาญมันมาก่อน แต่ในวันนี้ เบื้องหน้าสายตาของพวกเขา ด้วยรูปแบบอันรุนแรงของการโจมตีและความแข็งแกร่งอันน่าตกใจ แม้กระทั่งพวกเขาที่มีจิตใจมั่นคงและแข็งแกร่ง ภายในช่วงเวลานี้ จิตใจทั้งหมดของพวกเขาต่างว่างเปล่า

มิมีผู้ใดคาดคิดว่ามันจะเป็นอาโม่หลี่คนแรกที่ฟื้นสติของเขา และเขาก็ส่ายหัวพลางกล่าว “ข้าไม่สู้แล้ว ข้าไม่สู้แล้ว! มันจะมีสิ่งใดกับการต่อสู้นี้! วิปลาสถังบ้าเกินไปแล้ว! เขาจะตายตกงั้นหรือถ้ามิได้รู้แจ้งถึงกระบวนท่าสังหาร…”

พวกเขาที่เหลือเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ฟื้นสติขึ้นมา

เช่นเดียวกับถังเทียนก็ตื่นขึ้นมาจากสภาวะอันลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง เขาได้ยินเสียงของอาโม่หลี่ มองหาอย่างสนใจ เขาหันหัวของเขาไปมองและพบกับอาโม่หลี่และพวกที่เหลือ และเขาก็ดีใจ

“แมลงวันวัว!”

ถังเทียนตะโกนดังลั่น เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ปรากฏเบื้องหน้าทุกคน

พวกเขาเพียงเห็นภาพที่เลือนลาง และถังเทียนก็พุ่งมาอย่างเร็วที่เบื้องหน้าพวกเขา หัวใจของหานปิงหนิงและพวกที่เหลือสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน

ช่างรวดเร็วนัก!

พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าตกใจบนใบหน้าของพวกเขา และมีเพียงอาโม่หลี่ที่หัวร่ออยู่ เขาก้าวไปข้างหน้าและดึงถังเทียนเข้ามาในอ้อมกอดอันใหญ่พลางกล่าวอย่างดัง “พื้นฐานถัง มิได้พบกันนานเลย! ไอหย๋า ในตอนนี้เจ้าทำให้ข้าตกใจจริงๆแล้ว เจ้ากลายเป็นมาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ในตอนแรกข้าต้องการที่จะประลองกับเจ้า แต่หลังจากที่เห็นหมัดของเจ้าแล้ว ข้ามิมีความสนใจอีกต่อไปแล้ว บุรุษหนุ่ม เพื่อพิทักษ์โลก มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว…”

เมื่อได้ยินคำพูดของอาโม่หลี่ หัวใจของถังเทียนก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นแปลกๆ ธรรมชาติของอาโม่หลี่เป็นคนใจกว้าง เรียบง่ายและซื่อสัตย์ และเขาก็มีความสุขกับการได้พูดคุยอย่างยิ่ง

“แมลงวันวัว เจ้ายังคงพูดมากเช่นเดิม!”

พวกเขาทั้งหมดผละออกจากกันและถังเทียนก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาในทันที

“ไอหย๋า พื้นฐานถัง เจ้าจะต้องเข้าใจด้วยว่าบุรุษหนุ่มนักสู้ผู้ปราดเปรียวกลับถูกควบคุมมาเป็นเวลานาน พวกเขาทั้งหมดต่างมิมีอันใดดีเลย หนึ่งคนเป็นภูเขาน้ำแข็งพันปี อีกหนึ่งคนก็น่ากลัว และอีกหนึ่งคนแท้จริงแล้วเป็นมังวิรัต! เจ้าเข้าใจโลกใบนี้หรือไม่ เป็นไปได้อย่างไรที่มันยังมนุษย์ที่กินเพียงแต่ผักเท่านั้นกัน? และมนุษย์ที่ว่านั้นมันคือพี่ใหญ่เหลียงชิว สวรรค์ แบบอย่างของข้าก็ถูกทำลายลงเช่นนั้น แน่นอนว่าเจ้าสามารถสบายใจ เรื่องทั้งหมดพวกนี้มิมีทางหยุดบุรุษหนุ่มนักสู้ผู้ปราดเปรียวจากการสรรค์สร้างเส้นทางเต๋าของเขาที่แข็งแกร่งและหัวใจที่หนักแน่นได้...”

อาโม่หลี่ยังคงล้อเลียนอยู่เรื่อยๆ และทำให้พวกที่เหลือต่างโมโห

หานปิงหนิงจับไปยังด้ามกระบี่ของนางพลางขมวดคิ้วด้วยอากาศอันเยือกเย็นนางก็กล่าวถาม “เจ้าบอกว่าข้าเป็นดังภูเขาน้ำแข็งพันปีงั้นหรือ?”

อาโม่หลี่ก็หุบปากของเขาในทันที

เหลียงชิวยิ้มขณะที่เขาถูกดึงความสนใจไปแล้วพลางกล่าวถาม “ถังเทียน เมื่อครู่กระบวนท่าที่เจ้าใช้ออก มันคือเขย่าสุญญากาศใช่หรือไม่?”

ถังเทียนพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าเพิ่งจะได้รับการรู้แจ้งเกี่ยวกับมัน”

ความชื่นชมปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเหลียงชิวขณะที่เขากล่าวชื่นชม “สมกับเป็นพื้นฐานถัง! เขย่าสุญญากาศถูกยกย่องให้เป็นกระบวนท่าสังหารของหมัดสั่นสะเทือน มันมีพลังโจมตีที่รุนแรงอย่างยิ่ง เจ้าสามารถที่จะรู้แจ้งมัน ยามเมื่อเจ้าบรรลุไปยังขั้นหก และฝึกฝน [หมัดสุญญากาศ] มันจะลดการฝึกเพียงครึ่งเดียวแต่ผลเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า”

ถังเทียนรู้ว่าเหลียงชิวกำลังสอนสั่งเขา และเขาก็รู้สึกชื่นชมและขอบคุณเขา “ขอบคุณพี่ใหญ่เหลียงชิว!”

“เฮอะ แต่มันก็เป็นเพียงเขย่าสุญญากาศ บุรุษหนุ่มถัง เจ้าบรรลุไปยังขั้นห้าแล้ว เหตุใดเจ้ายังคงฝึกวิชาหมัดระดับสี่อยู่เล่า?” ซือหม่าเซียงซานกล่าว ดวงตาสามเหลี่ยมที่ดูราวกับดวงตาของอสรพิษ เปล่งประกายวิบวาบอย่างชั่วร้าย

ถังเทียนกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าวางแผนว่าวิชาการต่อสู้ทั้งหมดที่ข้าเรียนรู้ จะต้องฝึกฝนจนสมบูรณ์แบบ เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่ดีที่สามารถรู้แจ้งในกระบวนท่าสังหารพวกมันทั้งหมด”

ทุกคนต่างตกตะลึง

ถ้าคำพูดเหล่านี้กล่าวโดยผู้อื่นแล้ว พวกเขาแน่นอนว่าจะต้องหยิบอิฐเอามาทุบเปิดกระโหลกของผู้นั้น และดูว่ามันมีขี้เลื่อยอยู่ภายในหรือไม่ แต่มันออกมาจากถังเทียน พวกเขาก็มิรู้จะกล่าวเช่นไรดี

อย่างว่าบุคคลอันวิปลาสผู้นี้มักจะมีความคิดที่แปลกเสมอ

“สมกับเป็นพื้นฐานถัง!” อาโม่หลี่ปรบมือของเขา ดวงตาของเขาเปล่งประกายสดใส เขากล่าวอย่างตื่นเต้น “มีเพียงบุรุษหนุ่มเทพที่สามารถมีความกล้าหาญเช่นนี้ได้! บุรุษหนุ่มผู้ปราดเปรียวจำต้องเรียนรู้จากบุรุษหนุ่มเทพเสียแล้ว โอ๊ยโอ๊ยโอ๊ย ขบคิดถึงเรื่องนี้แล้วมันทำให้ข้าตื่นเต้นยิ่งนัก! โลกนี้มันช่างเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้…”

ถังเทียนดูสับสนพลางกล่าวถาม “บุรุษหนุ่มนักสู้ผู้ปราดเปรียว เจ้าตั้งฉายานั่นให้ตัวเองงั้นหรือ?”

อาโม่หลี่กลายเป็นมีท่าทางภูมิใจ “ฮ่าฮ่า แน่นอน ช่างเป็นฉายาที่มีเสน่ห์ เพียงแค่บุรุษหนุ่มนักสู้ผู้ปราดเปรียวที่เต็มไปด้วยความอารมณ์เท่านั้นที่สามารถขบคิดฉายาเช่นนี้ได้...”

ถังเทียนหดสายตาของเขากลับมาขณะที่เขามองไปยังพวกที่เหลือด้วยความเห็นอกเห็นใจ “เจ้าคนผู้นี้ติดตามพวกเจ้าทั้งหมด สำหรับที่พวกเจ้าทั้งหมดมิได้สังหารเขา พวกเจ้าช่างใจกว้างนัก”

“ถังเทียน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างที่ค่ายกองกำลังชั้นนอก?” หานปิงหนิงพลันเงยหน้าของนางและกล่าวถาม

ถังเทียนฝืนยิ้มอย่างขมขื่นและบอกกล่าวพวกเขาทั้งหมดเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา นอกเหนือจากเรื่องที่เขาสังหารข่งโหยวหลิน เขาบอกพวกเขาเพียงเข้านิกายของจิ่งเหานอกเหนือจากนั้นเขาก็มิได้ปกปิดอันใดเลย

พวกเขาทั้งหมดต่างประหลาดใจ พวกเขาในตอนแรกคาดคิดว่าถังเทียนจะเข้าตาข่งโหยวหลิน พวกเขามิคาดคิดว่าเขาจะถูกโยนทิ้งไป

“ข้า อาโม่หลี่ต้องการที่จะเข้าร่วมนิกายของเจ้าด้วย!” อาโม่หลี่ยกมือของเขาขึ้น

ด้วยความประหลาดใจ หานปิงหนิงพลันกล่าวอย่างเย็นชาเช่นกัน “ข้าจะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน!”

อาโม่หลี่เป็นพวกสหายที่ดื้อรั้น ถังเทียนรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่สำหรับหานปิงหนิงแน่นอนจะต้องเข้าร่วมเพื่อความสนุก ถังเทียนรู้สึกประหลาดใจ

เหลียงชิวกล่าวอย่างลึกซึ้ง “เมื่อพวกเราทั้งหมดมาจากเมืองเมฆาดารา ก็จะต้องอยู่ในนิกายเดียวกัน พวกสามารถที่จะยังคงดูแลกันและกันได้”

พวกเขาทั้งสามหันสายตาของพวกเขาไปยังซือหม่าเซียงซาน

ซือหม่าเซียงซานแบมือของเขาออกไป “ตัวข้ายังไงก็ได้”

หัวใจของถังเทียนรู้สึกอบอุ่น แต่เขารู้ว่ามันคงจะมิใช่เรื่องง่ายเลย และเขาขบคิดพลางกล่าว “พวกเจ้าทั้งหมดไม่จำเป็นต้องรีบร้อน อย่าได้ให้ข่าวรั่วไหลออกไป ข้าจะไปกล่าวถามพี่ใหญ่จิ่งเหาเสียก่อน”

 

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด