ตอนที่แล้วตอนที่ 20 เสือป่วย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 หากข้าไม่ต้องการ?

ตอนที่ 21 โสม


หลี่ฉิงชานมาร้านไวน์ที่ดีที่สุดในเมืองเขาซื้อเหล้าไวน์ที่ดีที่สุดมากกว่าสิบโถและเอาไปใสเกวียนจนเต็ม จากนั้นก็ไปหาส่วนผสมตามที่วัวสีเขียวได้เขียนที่ร้านขายยา แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือโสมกลับไม่สามารถหาซื้อได้ในร้านขายสมุนไพร

 

 

ภายในโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซีดาร์ มีกลุ่มผู้ชายสวมหมวกไม้ไผ่และถือตะกร้าสมุนไพรกำลังดื่มชาอย่างเงียบ ๆ แม้ภายในโรงแรมพวกเขาก็จะไม่ถอดหมวกไม้ไผ่ออกจากศีรษะหรือวางตะกร้าบนหลังของพวกเขาลง

 

 

ตอนนี้ได้มีเจ้าของร้านขายของจากร้านขายสมุนไพรที่ยิ่งใหญ่เข้ามาในโรงแรม พวกเขาจะเปิดตะกร้าและมองไปเข้าข้างในจากนั้นพวกเขาจะมาต่อรองราคากับชายที่เอามือซุกไว้ในแขนเสื้อ ถ้าการต่อรองประสบความสำเร็จพวกเขาจะเอาถุงโสมขนาดใหญ่และเล็ก ออกจากตะกร้ามา

 

 

นั้นมันเป็นโสมของหมู่บ้านราชาโสม เช่นเดียวกับหมู่บ้านม้าที่ตั้งอยู่ข้างในภูเขาลึก แต่ชีวิตส่วนใหญ่ของพวกเขาใช่ไปกับการหาโสมในภูเขา ถ้าเจ้าต้องการที่จะซื้อโสมมันเป็นปกติที่ราคาจะย่อมเยาเมื่อซื้อกับพวกเขา

 

 

หลี่ฉิงชาน จอดเกวียนไว้ที่หน้าโรงแรม เขามองไปรอบ ๆ และก้าวยาวเดินไปตรงมุมห้องและบอกคนเก็บโสม“ข้าต้องการซื้อโสม!!”

 

 

คนเก็บโสมเห็นว่าเขาเป็นเด็กและใสเสื้อผ้ามอมแมม พวกเขาทั้งหมดต่างมองอย่างดูถูกเหยียดหยาบไปที่เขาและไม่มีใครตอบเขา

 

 

หลี่ฉิงชานขมวดคิ้ว เขาหยิบธนบัตรเงินที่เหลือมากกว่าพันตำลึงออกมาและวางมันลงบนโต๊ะ“ข้าต้องการซื้อโสม!!”

 

 

ในครานี้คนเก็บโสมทั้งหมดต่างหันมาพร้อมกันต่างรู้สึกประหลาดใจกันทุกคน พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าหลี่ฉิงชานจะมีเงินเยอะขนาดนี้ พวกเขาต่างมองกันและกันและถามว่า“เจ้าต้องการซื้อเท่าใด”

 

 

หลี่ฉิงชานได้รู้ราคาของโสมแล้ว เขาได้ตกลงกับคนขายสำเร็จและพวกเขาทิ้งโสมถุงใหญ่ไว้

 

 

คนเก็บโสมกระซิบเบาๆ“เราจะจัดการเด็กคนนี้?”

 

 

"มันยากมากที่จะหาโสมวิญญาณเช่นนี้ มันเป็นสมบัติล้ำค่าเทียบเท่าทองนับพัน มนุษย์สามารถยืดอายุขัยของตนเองได้เมื่อกินเข้าไปถ้าหากผู้ฝึกตนกิน เขาสามารถกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งได้ทันที มันไม่ใช่ที่จะเป็นไม่ได้ที่จะทะลวงผ่านอุปสรรค์ต่างๆในการเพิ่มระดับพลังธรรมชาติ”

 

 

“โสมวิญญาณเป็นสิ่งที่ดี แต่มันอยู่มีเพียงที่เดียวเท่านั้นหากเราไปหา เรายังคงต้องเจอกับภูตผีป่วยเหล่านั้นจากหมู่บ้านม้า ข้ายอมรับว่าข้าไม่มีโชคดีที่จะได้รับมัน นกนับร้อยในป่าไม่ได้ดีเท่ากับนกตัวเดียวในมือเจ้า บรรดาผู้ที่เต็มใจจะทำ ให้ตามข้ามา”

 

 

ชายเจ็ดถึงแปดคนลุกขึ้นทันที พวกเขาคว้าดาบโค้งที่เอวของพวกเขาและเดินออกไปทันที…

 

 

ไม่ไกลจากประตูข้างนอก มีชายผู้หนึ่งซ่อนอยู่หลังเสา เขานิ่งไปทันทีหลังจากเห็นฉากตรงหน้า

 

 

หลี่ฉิงชานขึ้นไปขับเกวียนต่อ เขาเดินทางไปคนเดียวตามเส้นทางบนภูเขา พร้อมกับคุยกับวัวสีเขียวอย่างเอ้อระเหยไปด้วย...อานน้อย ได้ดึงหัวเขาที่ติดกับแผ่นไม้ออกมาและได้นั่งอยู่บนหลังคาของเกวียนฟังทั้งสองพูดคุยกัน

 

 

เมื่อพวกเขามาถึงหุบเขาแคบๆ วัวสีเขียวก็หยุดเดินทันทีและหันหน้าไปมองหลี่ฉิงชาน“ปัญหาของเจ้ามาแล้ว”

 

 

ทันทีที่พูดจบ ปรากฏเงาเจ็ดถึงแปดคนตรงสุดทางของหุบเขา

 

 

หลี่ฉิงชานเพ่งมอง“นั้นมันคนจากหมูบ้านราชาโสม?”

 

 

คนกลุ่มนี้จับดาบที่เอวไว้ เห็นได้ชัดทั้งกลุ่มนี้เตรียมพร้อมที่จะมาฆ่าและขโมยทรัพย์สินของเขา

 

 

“ข้ายังประเมิณความโหดร้ายในใจของมนุษย์ต่ำไป!” เขาได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับอารมณ์ที่อยู่ข้างในเท่านั้น เขาเข้าใจแล้วว่าเขาไม่ควรเปิดเผยความร่ำรวยของตัวเอง หลังจากที่ซื้อโสมเสร็จเขาควรจะกลับไปที่หมู่บ้านทันที ไม่ควรที่จะค้างคืน แต่เขาไม่ได้คิดเลยว่าคนกลุ่มนี้กล้าที่จะมาฆ่าเขาในเวลากลางวันแสกๆเช่นนี้

 

 

ข่าวลือกล่าวว่าคนเหล่านั้นได้ปีนขึ้นไปบนหน้าผาสูงชันทุกวันเพื่อที่จะเก็บโสมและสมุนไพรจิตวิญญาณเป็นเรื่องที่กล้าหาญมากและพวกเขาทั้งต่างมีทักษะการต่อสู้ ร่างกายของพวกเขาเบาราวกับนกและคล่องแคล่วว่องไวราวกับลิง

 

 

“เด็กน้อย เรามีบางอย่างจะบอกเจ้า!”หัวหน้ากล่าวอย่างนิ่งสงบ ตาของเผยให้เห็นถึงการดูถูกราวกับมองวัวหรือแกะที่กำลังรอจะถูกเชือดอยู่ในกรง “ทิ้งทุกอย่างไว้และเจ้าจะสามารถกลับไปอย่างมีชีวิตได้”

 

 

ความนิ่งสงบเช่นนี้มันไม่ใช่คำโกหก พวกเขาทั้งต่างตระเวนไปทั่วภูเขาแห่งนี้มานานหลายปีและเมื่อเขาพบเจอกับนักเดินทางที่มาคนเดียว พวกเขาจะฆ่านักเดินทางด้วยดาบเดียวและเอาข้าวของทั้งหมดไป

 

 

มันเป็นเรื่องที่สามารถเกิดได้ทั่วไปและเมื่อเขาได้ของที่ต้องการแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะปล่อยผู้รู้เห็นเรื่องนี้ไป

 

 

คนเก็บโสมทั้งหมดต่างหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ในใจและก้าวเดินมาข้างหน้าเพื่อล้อมเขา

 

 

เมื่อเขามองเห็นถึงวิกฤติ หลี่ฉิงชานพลันจับบังเหียนไว้ทันที วัวสีเขียวมองเขาจากนั้นมันได้ลากเกวียนพุ่งตรงไปข้างหน้าทันที

 

 

“เมื่อเจ้าเลือกที่จะปฏิเสธจะดื่มไวน์แสนอร่อยเช่นนั้นเจ้าจงดื่มไวน์ขมๆแทนละกัน!!”คนเก็บโสมต่างตะโกนสบถคำสาปแช่งและแบ่งกลุ่มออกไปทั้งสองด้าน พลันมีแสงของดาบบินสองเล่มได้พุ่งออกจากมือของพวกเขา มันพุ่งไขว้ผ่านกันตรงหน้าหลี่ฉิงชาน

 

 

วัวสีเขียวสะบัดหัวไปมาและเขาข้างซ้ายได้ยืดโค้งยาวออกมาแปลกๆ... หัวหน้าคนเก็บโสมเห็นเขาของวัวนั้นกำลังพุ่งมาแทงเขา เขาตกใจมากจนไม่สามารถหลบได้ทัน  ทันใดนั้นเขาได้ถูกเขาแทงทะลุท้องของเขาอย่างโหดเหี้ยมตรึงเขาตายไว้ที่ผนังหุบเขา

 

 

คนเก็บโสมตายังคงเปิดกว้างอยู่และมีเลือดสดๆไหลพุ่งออกมาจากปาก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาที่มีทักษะการต่อสู้นั้นจะตายด้วยเขาของวัวเช่นนี้

 

 

ในเวลาเดียวกัน หลี่ฉิงชานได้กลิ้งลงบนพื้นหลบดาบที่พุ่งผ่านหน้าเขาไปพร้อมกับเอามือไปจับดาบเขา

 

 

วัวสีเขียวได้เปิดเผยทักษะเขาของวัวไปแล้วและคิดได้ว่า“จากมุมมองของข้า นี้ควรได้จะเป็นการแสดงระดับสุดยอดแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นอยู่กับเจ้า”

 

 

คนเก็บโสมต่างตื่นตกใจจนร้องไห้“พี่ใหญ่เกิ่ง!” พี่ใหญ่คนนี้คือคนที่มีทักษะดีที่สุดในหมู่พวกเขาและพวกเขาไม่คิดว่าจะมาตายแบบแปลกๆเช่นนี้ เขาไม่อาจจะจินตนาการได้ว่าวัวสีเขียวจะเป็นสัตว์ประหลาดวิญญาณจริงๆ

 

 

พวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยมกับหลี่ฉิงชาน“เด็กน้อยเจ้ารู้ไหมเจ้าทำอะไรลงไป ในตอนแรกพวกเรากะจะให้เจ้าตายอย่างไม่เจ็บปวด แต่ในตอนนี้เจ้าจงเตรียมตัวรอข้าไปตัดเนื้อเจ้าเป็นชิ้นๆและจากนั้นข้าจะเอาไปให้หมาป่ากินซะ!!”

 

 

หลี่ฉิงชานขำ“คงต้องพึ่งเจ้าแล้ว”แต่สีหน้าของเขาพลันเป็นเคร่งครึมและค่อยๆดึงดาบออกมาช้าๆ

 

 

เข้าไม่คิดว่าเขาจะต้องพบกับการต่อสู้ถึงสองครั้งในวันเดียว ครั้งนี้อันตรายกว่าครั้งก่อน

 

 

แน่นอนว่าเมื่อมีทักษะการต่อสู้ ย่อมดึงดูดปัญหาได้มากมายยิ่งขึ้น หากเขาเป็นเพียงหนุ่มน้อยชาวนาที่ไม่มีไม่แรงแม้แต่จะไล่จับไก่ เขาคงไม่มีเรื่องกับคนของหมู่บ้านม้าหรือว่าจะมีเงินมากพอที่จะซื้อโสมด้วย

 

 

นี่เป็นการต่อสู้ที่อันตรายที่สุดที่เขาเคยเจอตั้งแต่เกิดมา แม้ว่าเขาจะมีทักษะเหนือธรรมชาติ เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดว่าไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้ไม่ว่าเขาจะไปเหยียบที่ไหนก็ก็ตาม คำพูดของวัวสีเขียวยังคงลอยอยู่ในหูของเขา

 

 

ความคิดมากมายหมุนวนไปมาในพริบตาและศึกใหญ่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

 

 

“ตาย!!”

 

 

เกิดลมแรงพัดปลิวสไวและดาบทั้งสี่เล่มที่มีเชือกพัน ได้พุ่งไปหาหลี่ฉิงชาน หนังวัวอสูรผันแปรคงไม่สามารถป้องกันความคมของดาบได้อย่างแน่นอน

 

 

หลี่ฉิงชาน ประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เขาไม่แม้แต่จะมองด้านหลังและแทนที่เขาจะวิ่งไปข้างหน้าเขาได้กระโดดพุ่งไปหาคนเก็บโสมทั้งสามคนข้างหน้าเขา ในตอนนี้เขาไม่ได้ตั้งใจกับการต่อสู้มากนัก เขาเอาแต่นึกถึงทักษะเขาวัวอสูรขวิด

 

 

วัวสีเขียวไม่ได้ตั้งใจให้เขามาพบกับศตรูเช่นนี้ อีกนัยหนึ่งด้วยความแข็งแกร่งของเขาการฆ่าคนเก็บโสมเหล่านี้มันง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ แต่ในเขานั้นมันมีความหมายที่ลึกซึ้ง

 

 

ในระหว่างความเป็นความตายนี้ สติปัญญาและสัญชาตญาณต่างตื่นตัวเต็มที่ จู่ๆตาของเขาก็มีประกายแสงขึ้น ทักษะ เขาวัวอสูรขวิดเป็นเพียงการใช่ทุกส่วนของร่างกายเหมือนเขาของวัวเท่านั้น อาวุธเป็นเพียงส่วนที่ขยายของร่างกายเท่านั้น

 

 

ดาบเหล็กเล่มหน้าในมือของเขาราวกับมีจิตวิญาณขึ้นมาทันที ได้ปัดดาบที่ลอยเข้ามากระเด็นออกไป

 

 

ท่ามกลางเสียง ‘พับ พับ’ ละอองเลือดพลันพุ่งออกมาจากคอของคนเก็บโสมราวกับน้ำพุจากนั้นเขาก็ล้มลงไป

 

 

“เฒ่า เฉิง!....เจ้าเด็กนี้มีทักษะต่อสู้!”คนเก็บโสมต่างโมงไปที่หลี่ฉิงชานพร้อมกับคำสาปแช่ง เขาดูจะจัดการไม่ง่ายดังเช่นตอนแรกแล้ว

 

 

แขนทั้งสองข้างของหลี่ฉิงชานมีลอยฟกช้ำสองจุด โชคดีที่มันไม่ได้ถูกฟันขาดไปต้องขอบคุณความทนทานของทักษะหนังวัวอสูรผันแปร แต่มันได้กระตุ้นความดุร้ายจากหัวใจของเขาพร้อมกับดวงตาที่ลุกโชน“เข้ามา!!”

 

 

ในป่าที่เขียวขจีที่ด้านข้างของหุบเขามีคนกลุ่มหนึ่งแอบอยู่ พวกเขาอยู่ห่างกันเพียงร้อยฟุตเท่านั้น แต่ท่ามกลางแสงแดดที่สดใสนี้กลับไม่มีใครในหุบเขามองเห็นพวกเขา

 

 

มีเพียงวัวสีเขียวเท่านั้นที่กวาดตาไปในทิศทางนั้น

 

 

หัวหน้าเสือป่วยสีเหลือ ได้พูดพร้อมรอยยิ้มหับคนด้านหลังเขา“เสี่ยวเฮย ตอนนี้เจ้าเชื่อหรือยัง?”

 


 

กำลังมันส์

ฝากไลคเพจด้วยนะค้าบบบLegend of the Great Saint ครับ^^

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด