ตอนที่ 21 โสม
หลี่ฉิงชานมาร้านไวน์ที่ดีที่สุดในเมืองเขาซื้อเหล้าไวน์ที่ดีที่สุดมากกว่าสิบโถและเอาไปใสเกวียนจนเต็ม จากนั้นก็ไปหาส่วนผสมตามที่วัวสีเขียวได้เขียนที่ร้านขายยา แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือโสมกลับไม่สามารถหาซื้อได้ในร้านขายสมุนไพร
ภายในโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซีดาร์ มีกลุ่มผู้ชายสวมหมวกไม้ไผ่และถือตะกร้าสมุนไพรกำลังดื่มชาอย่างเงียบ ๆ แม้ภายในโรงแรมพวกเขาก็จะไม่ถอดหมวกไม้ไผ่ออกจากศีรษะหรือวางตะกร้าบนหลังของพวกเขาลง
ตอนนี้ได้มีเจ้าของร้านขายของจากร้านขายสมุนไพรที่ยิ่งใหญ่เข้ามาในโรงแรม พวกเขาจะเปิดตะกร้าและมองไปเข้าข้างในจากนั้นพวกเขาจะมาต่อรองราคากับชายที่เอามือซุกไว้ในแขนเสื้อ ถ้าการต่อรองประสบความสำเร็จพวกเขาจะเอาถุงโสมขนาดใหญ่และเล็ก ออกจากตะกร้ามา
นั้นมันเป็นโสมของหมู่บ้านราชาโสม เช่นเดียวกับหมู่บ้านม้าที่ตั้งอยู่ข้างในภูเขาลึก แต่ชีวิตส่วนใหญ่ของพวกเขาใช่ไปกับการหาโสมในภูเขา ถ้าเจ้าต้องการที่จะซื้อโสมมันเป็นปกติที่ราคาจะย่อมเยาเมื่อซื้อกับพวกเขา
หลี่ฉิงชาน จอดเกวียนไว้ที่หน้าโรงแรม เขามองไปรอบ ๆ และก้าวยาวเดินไปตรงมุมห้องและบอกคนเก็บโสม“ข้าต้องการซื้อโสม!!”
คนเก็บโสมเห็นว่าเขาเป็นเด็กและใสเสื้อผ้ามอมแมม พวกเขาทั้งหมดต่างมองอย่างดูถูกเหยียดหยาบไปที่เขาและไม่มีใครตอบเขา
หลี่ฉิงชานขมวดคิ้ว เขาหยิบธนบัตรเงินที่เหลือมากกว่าพันตำลึงออกมาและวางมันลงบนโต๊ะ“ข้าต้องการซื้อโสม!!”
ในครานี้คนเก็บโสมทั้งหมดต่างหันมาพร้อมกันต่างรู้สึกประหลาดใจกันทุกคน พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าหลี่ฉิงชานจะมีเงินเยอะขนาดนี้ พวกเขาต่างมองกันและกันและถามว่า“เจ้าต้องการซื้อเท่าใด”
หลี่ฉิงชานได้รู้ราคาของโสมแล้ว เขาได้ตกลงกับคนขายสำเร็จและพวกเขาทิ้งโสมถุงใหญ่ไว้
คนเก็บโสมกระซิบเบาๆ“เราจะจัดการเด็กคนนี้?”
"มันยากมากที่จะหาโสมวิญญาณเช่นนี้ มันเป็นสมบัติล้ำค่าเทียบเท่าทองนับพัน มนุษย์สามารถยืดอายุขัยของตนเองได้เมื่อกินเข้าไปถ้าหากผู้ฝึกตนกิน เขาสามารถกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งได้ทันที มันไม่ใช่ที่จะเป็นไม่ได้ที่จะทะลวงผ่านอุปสรรค์ต่างๆในการเพิ่มระดับพลังธรรมชาติ”
“โสมวิญญาณเป็นสิ่งที่ดี แต่มันอยู่มีเพียงที่เดียวเท่านั้นหากเราไปหา เรายังคงต้องเจอกับภูตผีป่วยเหล่านั้นจากหมู่บ้านม้า ข้ายอมรับว่าข้าไม่มีโชคดีที่จะได้รับมัน นกนับร้อยในป่าไม่ได้ดีเท่ากับนกตัวเดียวในมือเจ้า บรรดาผู้ที่เต็มใจจะทำ ให้ตามข้ามา”
ชายเจ็ดถึงแปดคนลุกขึ้นทันที พวกเขาคว้าดาบโค้งที่เอวของพวกเขาและเดินออกไปทันที…
ไม่ไกลจากประตูข้างนอก มีชายผู้หนึ่งซ่อนอยู่หลังเสา เขานิ่งไปทันทีหลังจากเห็นฉากตรงหน้า
หลี่ฉิงชานขึ้นไปขับเกวียนต่อ เขาเดินทางไปคนเดียวตามเส้นทางบนภูเขา พร้อมกับคุยกับวัวสีเขียวอย่างเอ้อระเหยไปด้วย...อานน้อย ได้ดึงหัวเขาที่ติดกับแผ่นไม้ออกมาและได้นั่งอยู่บนหลังคาของเกวียนฟังทั้งสองพูดคุยกัน
เมื่อพวกเขามาถึงหุบเขาแคบๆ วัวสีเขียวก็หยุดเดินทันทีและหันหน้าไปมองหลี่ฉิงชาน“ปัญหาของเจ้ามาแล้ว”
ทันทีที่พูดจบ ปรากฏเงาเจ็ดถึงแปดคนตรงสุดทางของหุบเขา
หลี่ฉิงชานเพ่งมอง“นั้นมันคนจากหมูบ้านราชาโสม?”
คนกลุ่มนี้จับดาบที่เอวไว้ เห็นได้ชัดทั้งกลุ่มนี้เตรียมพร้อมที่จะมาฆ่าและขโมยทรัพย์สินของเขา
“ข้ายังประเมิณความโหดร้ายในใจของมนุษย์ต่ำไป!” เขาได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับอารมณ์ที่อยู่ข้างในเท่านั้น เขาเข้าใจแล้วว่าเขาไม่ควรเปิดเผยความร่ำรวยของตัวเอง หลังจากที่ซื้อโสมเสร็จเขาควรจะกลับไปที่หมู่บ้านทันที ไม่ควรที่จะค้างคืน แต่เขาไม่ได้คิดเลยว่าคนกลุ่มนี้กล้าที่จะมาฆ่าเขาในเวลากลางวันแสกๆเช่นนี้
ข่าวลือกล่าวว่าคนเหล่านั้นได้ปีนขึ้นไปบนหน้าผาสูงชันทุกวันเพื่อที่จะเก็บโสมและสมุนไพรจิตวิญญาณเป็นเรื่องที่กล้าหาญมากและพวกเขาทั้งต่างมีทักษะการต่อสู้ ร่างกายของพวกเขาเบาราวกับนกและคล่องแคล่วว่องไวราวกับลิง
“เด็กน้อย เรามีบางอย่างจะบอกเจ้า!”หัวหน้ากล่าวอย่างนิ่งสงบ ตาของเผยให้เห็นถึงการดูถูกราวกับมองวัวหรือแกะที่กำลังรอจะถูกเชือดอยู่ในกรง “ทิ้งทุกอย่างไว้และเจ้าจะสามารถกลับไปอย่างมีชีวิตได้”
ความนิ่งสงบเช่นนี้มันไม่ใช่คำโกหก พวกเขาทั้งต่างตระเวนไปทั่วภูเขาแห่งนี้มานานหลายปีและเมื่อเขาพบเจอกับนักเดินทางที่มาคนเดียว พวกเขาจะฆ่านักเดินทางด้วยดาบเดียวและเอาข้าวของทั้งหมดไป
มันเป็นเรื่องที่สามารถเกิดได้ทั่วไปและเมื่อเขาได้ของที่ต้องการแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะปล่อยผู้รู้เห็นเรื่องนี้ไป
คนเก็บโสมทั้งหมดต่างหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ในใจและก้าวเดินมาข้างหน้าเพื่อล้อมเขา
เมื่อเขามองเห็นถึงวิกฤติ หลี่ฉิงชานพลันจับบังเหียนไว้ทันที วัวสีเขียวมองเขาจากนั้นมันได้ลากเกวียนพุ่งตรงไปข้างหน้าทันที
“เมื่อเจ้าเลือกที่จะปฏิเสธจะดื่มไวน์แสนอร่อยเช่นนั้นเจ้าจงดื่มไวน์ขมๆแทนละกัน!!”คนเก็บโสมต่างตะโกนสบถคำสาปแช่งและแบ่งกลุ่มออกไปทั้งสองด้าน พลันมีแสงของดาบบินสองเล่มได้พุ่งออกจากมือของพวกเขา มันพุ่งไขว้ผ่านกันตรงหน้าหลี่ฉิงชาน
วัวสีเขียวสะบัดหัวไปมาและเขาข้างซ้ายได้ยืดโค้งยาวออกมาแปลกๆ... หัวหน้าคนเก็บโสมเห็นเขาของวัวนั้นกำลังพุ่งมาแทงเขา เขาตกใจมากจนไม่สามารถหลบได้ทัน ทันใดนั้นเขาได้ถูกเขาแทงทะลุท้องของเขาอย่างโหดเหี้ยมตรึงเขาตายไว้ที่ผนังหุบเขา
คนเก็บโสมตายังคงเปิดกว้างอยู่และมีเลือดสดๆไหลพุ่งออกมาจากปาก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาที่มีทักษะการต่อสู้นั้นจะตายด้วยเขาของวัวเช่นนี้
ในเวลาเดียวกัน หลี่ฉิงชานได้กลิ้งลงบนพื้นหลบดาบที่พุ่งผ่านหน้าเขาไปพร้อมกับเอามือไปจับดาบเขา
วัวสีเขียวได้เปิดเผยทักษะเขาของวัวไปแล้วและคิดได้ว่า“จากมุมมองของข้า นี้ควรได้จะเป็นการแสดงระดับสุดยอดแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นอยู่กับเจ้า”
คนเก็บโสมต่างตื่นตกใจจนร้องไห้“พี่ใหญ่เกิ่ง!” พี่ใหญ่คนนี้คือคนที่มีทักษะดีที่สุดในหมู่พวกเขาและพวกเขาไม่คิดว่าจะมาตายแบบแปลกๆเช่นนี้ เขาไม่อาจจะจินตนาการได้ว่าวัวสีเขียวจะเป็นสัตว์ประหลาดวิญญาณจริงๆ
พวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยมกับหลี่ฉิงชาน“เด็กน้อยเจ้ารู้ไหมเจ้าทำอะไรลงไป ในตอนแรกพวกเรากะจะให้เจ้าตายอย่างไม่เจ็บปวด แต่ในตอนนี้เจ้าจงเตรียมตัวรอข้าไปตัดเนื้อเจ้าเป็นชิ้นๆและจากนั้นข้าจะเอาไปให้หมาป่ากินซะ!!”
หลี่ฉิงชานขำ“คงต้องพึ่งเจ้าแล้ว”แต่สีหน้าของเขาพลันเป็นเคร่งครึมและค่อยๆดึงดาบออกมาช้าๆ
เข้าไม่คิดว่าเขาจะต้องพบกับการต่อสู้ถึงสองครั้งในวันเดียว ครั้งนี้อันตรายกว่าครั้งก่อน
แน่นอนว่าเมื่อมีทักษะการต่อสู้ ย่อมดึงดูดปัญหาได้มากมายยิ่งขึ้น หากเขาเป็นเพียงหนุ่มน้อยชาวนาที่ไม่มีไม่แรงแม้แต่จะไล่จับไก่ เขาคงไม่มีเรื่องกับคนของหมู่บ้านม้าหรือว่าจะมีเงินมากพอที่จะซื้อโสมด้วย
นี่เป็นการต่อสู้ที่อันตรายที่สุดที่เขาเคยเจอตั้งแต่เกิดมา แม้ว่าเขาจะมีทักษะเหนือธรรมชาติ เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดว่าไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้ไม่ว่าเขาจะไปเหยียบที่ไหนก็ก็ตาม คำพูดของวัวสีเขียวยังคงลอยอยู่ในหูของเขา
ความคิดมากมายหมุนวนไปมาในพริบตาและศึกใหญ่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
“ตาย!!”
เกิดลมแรงพัดปลิวสไวและดาบทั้งสี่เล่มที่มีเชือกพัน ได้พุ่งไปหาหลี่ฉิงชาน หนังวัวอสูรผันแปรคงไม่สามารถป้องกันความคมของดาบได้อย่างแน่นอน
หลี่ฉิงชาน ประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เขาไม่แม้แต่จะมองด้านหลังและแทนที่เขาจะวิ่งไปข้างหน้าเขาได้กระโดดพุ่งไปหาคนเก็บโสมทั้งสามคนข้างหน้าเขา ในตอนนี้เขาไม่ได้ตั้งใจกับการต่อสู้มากนัก เขาเอาแต่นึกถึงทักษะเขาวัวอสูรขวิด
วัวสีเขียวไม่ได้ตั้งใจให้เขามาพบกับศตรูเช่นนี้ อีกนัยหนึ่งด้วยความแข็งแกร่งของเขาการฆ่าคนเก็บโสมเหล่านี้มันง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ แต่ในเขานั้นมันมีความหมายที่ลึกซึ้ง
ในระหว่างความเป็นความตายนี้ สติปัญญาและสัญชาตญาณต่างตื่นตัวเต็มที่ จู่ๆตาของเขาก็มีประกายแสงขึ้น ทักษะ เขาวัวอสูรขวิดเป็นเพียงการใช่ทุกส่วนของร่างกายเหมือนเขาของวัวเท่านั้น อาวุธเป็นเพียงส่วนที่ขยายของร่างกายเท่านั้น
ดาบเหล็กเล่มหน้าในมือของเขาราวกับมีจิตวิญาณขึ้นมาทันที ได้ปัดดาบที่ลอยเข้ามากระเด็นออกไป
ท่ามกลางเสียง ‘พับ พับ’ ละอองเลือดพลันพุ่งออกมาจากคอของคนเก็บโสมราวกับน้ำพุจากนั้นเขาก็ล้มลงไป
“เฒ่า เฉิง!....เจ้าเด็กนี้มีทักษะต่อสู้!”คนเก็บโสมต่างโมงไปที่หลี่ฉิงชานพร้อมกับคำสาปแช่ง เขาดูจะจัดการไม่ง่ายดังเช่นตอนแรกแล้ว
แขนทั้งสองข้างของหลี่ฉิงชานมีลอยฟกช้ำสองจุด โชคดีที่มันไม่ได้ถูกฟันขาดไปต้องขอบคุณความทนทานของทักษะหนังวัวอสูรผันแปร แต่มันได้กระตุ้นความดุร้ายจากหัวใจของเขาพร้อมกับดวงตาที่ลุกโชน“เข้ามา!!”
ในป่าที่เขียวขจีที่ด้านข้างของหุบเขามีคนกลุ่มหนึ่งแอบอยู่ พวกเขาอยู่ห่างกันเพียงร้อยฟุตเท่านั้น แต่ท่ามกลางแสงแดดที่สดใสนี้กลับไม่มีใครในหุบเขามองเห็นพวกเขา
มีเพียงวัวสีเขียวเท่านั้นที่กวาดตาไปในทิศทางนั้น
หัวหน้าเสือป่วยสีเหลือ ได้พูดพร้อมรอยยิ้มหับคนด้านหลังเขา“เสี่ยวเฮย ตอนนี้เจ้าเชื่อหรือยัง?”
กำลังมันส์
ฝากไลคเพจด้วยนะค้าบบบLegend of the Great Saint ครับ^^