ตอนที่ 20 เสือป่วย
นี่อาจไม่ใช่แค่พลังจากเศษเสี้ยวของปราณเท่านั้นแต่มันเป็นความมหัศจรรย์ของน้ำตาวัวสีเขียวมากกว่า
เขาย่อร่างกายของเขาลงและปล่อยหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว วัวอสูรขวิด สองหมัดถูกปล่อยไปและทำให้นักล่าหนุ่มสองคนกระเด็นออกไป
ในเวลาเดียวกันนักล่าทั้งหมดได้ล้อมเขาไว้หมดแล้วและมีแรงกดดันทั้งสี่ทิศไม่ว่าจะเป็นทั้งซ้ายและขวาหน้าและหลังพยายามที่จะพุ่งเข้ามาเล่นงานเขาให้ลงไปนอนกับพื้น
พวกเขาออกล่าทุกวันในเทือกเขาและพวกเขามีความเชี่ยวชาญในการตีวงล้อมศัตรู แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่พวกนักเลงข้างถนนชั้นต่ำ แม้ว่า หลี่ฉิงชานจะเอาชนะคนใดคนหนึ่งได้แต่ตอนนี้มีโอกาสที่จะแพ้ได้
เห็นว่าเขาไม่มีเวลาที่จะป้องกัน หลี่ฉิงชานได้หันมาสนใจตรงกลางหลังของเขาและเศษเสี้ยวของปราณที่แท้จริงได้ไหลไปยังตรงนั้น กล้ามเนื้อหลังของเขาได้มารวมกันเป็นกลุ่มก้อนพร้อมกันๆมันบวมขึ้นเล็กน้อย
หมัดที่หนักและรุนแรงได้โดนหลังของหลี่ชิงชานเต็มๆแต่มันก็เหมือนกับต่อยหนังของวัวที่แข็งแรงและพลังความรุนแรงทั้งหมดต่างถูกซึมซับกระจายออกไปโดยมัดกล้ามเนื้อเหล่านั้น มันไม่ได้มีผลใดๆต่อหลี่ฉิงชานเลยร่างกายของเขาสั่นเพียงเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน นักล่าทั้งสองที่กำลังกอดรัดอยู่ตรงเอวของหลี่ฉิงชานรู้สึกราวกับว่าร่างกายของหลี่ฉิงชานได้หยั่งรากลงบนพื้นและแน่นอนว่าพวกเขาขยับมันไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ทั้งสามใช้พละกำลังของพวกเขาไปมากมายและพวกเขาก็อ่อนแรงลง
ในขณะเดียวกัน หลี่ฉิงชานผู้ที่ต้องทนรับการโจมตีทั้งสามครั้งได้ฟื้นลมหายใจขึ้นมาอีกครั้งและมีเสียงระเบิดดังสนั่น เข้าทิ้งข้อศอกลง พร้อมกับทักษะ วัวอสูรขวิด ของหมัดวัวอสูร นอกเหนือจากกำปั้นและเท้า ทุกส่วนของร่างกายจะกลายเป็นเขาของวัวและยิ่งมากยิ่งขึ้นสำหรับข้อศอกที่เป็นราวกับเป็นพลังอำนาจของเขาวัว
นักล่าทั้งสองต่างรู้สึกเจ็บปวดตรงกลางหลังเพียงอย่างเดียวและรู้สึกจะอ้วกออกมาเป็นเลือดพวกเขาไม่สามารถหยุดร่างกายของพวกเขาจากแรงที่โดนมาได้จนเขานอนแบนราบบนพื้นดิน
หลี่ฉิงชาน หันหลังกับไปอย่างดุร้ายและปล่อยหมัดใส่นักล่าที่แอบลอบโจมตีเขาจากด้านหลัง ด้วยหมัดเขาที่ต่อยไปตรงหน้าอก ทำให้นักล่าคนนั้นลงไปนอนกองกับพื้นทันทีในหมัดเดียว
ฝูงชนเฝ้าดูรอบ ๆต่าง งงงวย พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนนั้นได้อยู่ในจุดเสี่ยงตายอย่างรวดเร็วแต่เขากลับล้มชายที่แกร่งห้าคนที่มาจากหมู่บ้านม้าได้และมันทำให้พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึงเกินกว่าจะบรรยายได้
หลี่ฉิงชาน มองดูนักล่าทั้งห้าคนที่นอนอยู่บนพื้นต่างคร่ำครวญไปด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเขาก็มองลงมาที่มือของตนเองราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่านี้จะเป็นสิ่งที่เขาทำ หากเขาไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้เขาคงไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาได้มาถึงระดับเช่นนี้แล้ว
แต่เขาไม่ได้มีเวลาพอที่จะมาดีใจ กลุ่มนักล่ากลุ่มใหญ่ตรงหน้าเขาต่างพุ่งเขามาต่างก็ดึงคันธนูและมีดล่าสัตว์ออกมาล้อมหลี่ฉิงชานและจ้องมองเขาราวกับเสือที่เห็นเหยื่อ
(ใครเหยื่อกันแน่ฟ่ะ5555)
หมู่บ้านม้าไม่ได้ส่งคนมาแค่ไม่กี่คนที่ตลาดเมืองซีดาร์ในขณะนี้ แต่ส่งมาถึงยี่สิบคน พวกเขาได้รวบรวมหนังสัตว์จากหมู่บ้านมาทั้งหมด นักกล่าหนุ่มสาวเพียงไม่กี่คนตอนนี้เป็นเพียงรุ่นใหม่ที่ตามรุ่นอาวุโสมาเพื่อขยายมุมมองต่างๆของพวกเขา
พวกเขามีปัญหาในการขายของของพวกเขาเละได้ยินว่ามีคนขายหนังสัตว์ราคาถูกดังนั้นพวกเขาจึงรวมกลุ่มมาด้วยกันเพื่อจะนำความโชคร้ายไปให้หลี่ฉิงชาน ทว่าพวกเขากลับไม่สามารถมอบความโชคร้ายนั้นให้หลี่ฉิงชานได้แต่เป็นพวกเขาเองที่ถูกสอนบทเรียน
โดนปกติผู้ใหญ่จะไม่นั่งเฉยๆและไม่ทำอะไร พวกเขาตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว รอบๆหลี่ฉิงชาน นั้นมีคนราวๆสิบกว่ากำลังดึงคันธนูอยู่ พร้อมกับกลิ่นอายของพวกเขาทั้งหมดทำให้เขารู้สึกสัตว์ป่าที่ถูกต้อนให้จนมุมตกอยู่ในกับดัก ชะตากรรมความเป็นความตายของเขาไม่ได้อยู่ในมือของเขาเองแล้ว มันทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง
เมื่อเปรียบเทียบ กับงานเลี้ยงที่บ้านของพ่อบ้านหลิวแล้วไม่ได้เป็นเรื่องที่ธรรมดามากนัก สภาพจิตใจของเขาถูกยึดไว้เหมือนสายธนู เขาตระหนักถึงสถานะของฝ่ายตรงข้ามในทันที คนเหล่านี้เป็นคนที่หาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์และความเชี่ยวชาญของพวกในการต่อสู้ไม่ได้อยู่ที่กำปั้นแต่เป็นคันธนูในมือพวกเขา ทักษะหนังวัวอสูรผันแปรของเขาสามารถต้านทานได้แค่แรงต่อยแต่ไม่สามารถต้านทานลูกศรที่คมกริบได้
ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เขาได้ดึงดาบเหล็กเล่มหนาของเขาออกมาอย่างเย็นชา สายตาของเขามองไปรอบๆ คิดหาแผนที่จะหนี เขาไม่เคยคิดว่าการขายหนังสัตว์จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเขาอาจจะต้องฆ่าคนในย่านใจกลางเมืองนี้และยอมเส้นทางเหล่านี้ไปด้วยเลือด
“เจ้าเป็นคนทำ?” ผู้ชายคนหนึ่งที่มีหน้าตาน่าเกลียดอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตและมีธนูคันใหญ่อยู่ที่หลังของเขายืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มนักล่า ในขณะที่เขาถามด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกระดิ่งที่ดี
หลี่ฉิงชานยิ้ม“ใช่ ข้าเป็นคนทำ!”
ชายคนนั้นได้ทดสอบหลี่ฉิงชาน อย่างใกล้ชิดด้วยความประหลาดใจ คนธรรมดาจะกลัวจนมือและเท้าอ่อนปวกเปียกเมื่อเจอกับสถาณการณ์แบบนี้ ในขณะที่เด็กคนนี้เป็นเพียงชายหนุ่มแต่กลับสงบนิ่งจนน่าตกใจ เพียงแค่สภาพจิตใจนี้อยู่เหนือกว่าเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ๆของหมู่บ้านนี้ไปไกลแล้ว
เขาได้หันไปถามนักล่าตัวเตี้ยที่ถูกหลี่ฉิงชานกระแทกด้วยไหล่จนกระเด็นไป“เสี่ยวเฮย เรื่องนี้คืออะไร?”
“หัวหน้า ข้าคิดว่าเจ้านี้จงใจทำร้ายธุรกิจของเรา!”เสี่ยวเฮยฝืนลุกขึ้นยืน
ฝูงชนกำลังสับเอะอะ“ไม่ใช่ว่านั้นคือหัวหน้านักล่าจากหมู่บ้านม้าหรอกรึ?”
“นั้นมันเสือป่วยสีเหลือง!”
หัวหน้านักล่าและหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเท่าเทียมกันแต่อำนาจของเขาแตกต่างจากคนแก่ในหมู่บ้านวัวหมอบ บรรดาผู้ที่สามารถกลายเป็นหัวหน้านักล่าในหมู่บ้านม้าได้นั้นทั้งหมดเป็นวีรบุรุษที่แข็งแกร่ง และเขาก็บัญชาทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับการล่าสัตว์ในหมู่บ้าน
เสือป่วยสีเหลือนี้คือหัวหน้านักล่าของหมู่บ้านในปัจจุบัน เขามีชื่อเสียงและมีบุคลิกที่เลื่องลือ หลี่ฉิงชานเคยได้ยินชื่อเสียงเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นคนที่ดูเหมือนคนป่วยที่อยู่ตรงหน้าเขา ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่า คำว่าเสือป่วยมาจากไหน
ชื่อเสียงของผู้ชายมีอิทธิพลอย่างมากและเป็นธรรมดาที่หลี่ฉิงชานจะรู้สึกกดดัน แต่เขาไม่ใช่หลี่ฉิงชานคนเดิมในอดีต เขาหัวเราะด้วยเสียงที่เย็นชา“เจ้าไม่พูดไม่จาสักคำและจะมาทำลายร้านเล็กๆของข้า ตอนนี้เจ้ากับใส่ร้ายข้า เป็นข้าไปทำลายธุรกิจของเจ้า คนจากหมู่บ้านม้าช่างเอาแต่ใจจริงๆ”
สีหน้าของเสือป่วยพลันเปลี่ยนไปและตะโกน“เจ้ายังไม่คลานขึ้นมาอีก!!กลุ่มของเจ้าไม่แม้แต่จะชนะคนแค่คนเดียวได้ เจ้ายังคลานอยู่บนพื้นดินแล้วร้องโอดโอยอยู่เช่นนี้ เจ้ายังสมควรจะถูกเรียกว่าชายผู้มาจากหมู่บ้านม้าอีกรึ?”
หลี่ฉิงชานรู้ว่าการโจมตีแต่ละทีของเขานั้นไม่เบาเลย แต่เมื่อเสือป่วยเริ่มสั่งทั้งห้าต่างลุกขึ้นยืนขึ้นมาทันที นอกจากความแข็งแรงของร่างกายแล้ว มันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากความเคารพที่มีอย่างสุดซึ้งต่อเสือป่วยสีเหลือง
เสือป่วยสีเหลืองยกมือขึ้น นักล่าทุกคนก็เอามีดและคันธนูเก็บไป“นี่เป็นความผิดของพวกเรา แต่เจ้าเด็กน้อยเจ้าก็ไม่ควรที่จะลงมือหนักเช่นนี้!”
“หากข้าไม่ได้ลงมือหนักเช่นนี้ คนที่ไปนอนอยู่บนพื้นคงเป็นข้า”
“พวกเราไม่ค่อยลงมาจากภูเขาเพื่อมาขายผ้าขนสัตว์หรือเสือผ้า ทั้งหมู่บ้านจำเป็นต้องใช้ข้าวและเกลือทุกวัน มันจะไม่เป็นอะไรเลยหากเจ้าขายมันในราคาของตลาด แต่วิธีนี้ขายมันก่อกวนราคาและมันมีผลกระทบต่อพวกเรา”
หลี่ฉิงชานเงียบไป นี่มันไม่ใช่สิ่งที่คิดในตอนแรก แน่นอนเขาสามารถบอกได้ว่านี้เป็นธุรกิจของเขา เขาจะขายยังไงก็ได้ แต่คนที่มีชื่อเสียงอย่างเสือป่วยสีเหลือได้ยอมรับความผิดของเขาต่อหน้าทุกคน พูดคุยกับเขาอย่างใจเย็นและสมเหตุสมผลไม่ได้กดขี่เขาด้วยคนจำนวนมากพวกนั้นเลย ดังนั้นเขาไม่ต้องการที่จะกัดฟังเถียงต่อมันอาจทำให้เกิดเรื่องน่ารำคาญกับตัวเขาเองไม่หยุดไม่สิ้น
ถ้าในอีกด้านหนึ่งหากต้องการต่อสู้และฆ่าอย่างแท้จริง เขาก็จะไม่นั่งและรอคอยความตายด้วยเช่นกัน
เสือป่วยสีเหลืองกล่าว“ข้าจะซื้อหนังนั้นทั้งหมด!”จากนั้นน่าล่าได้เดินเข้ามาจ่ายตังและรับหนังสัตว์ไป
ผู้คนรอบข้างต่างโห่ร้องให้กับความซื่อตรงของเสือป่วยสีเหลือง หลี่ฉิงชานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขามองไปที่ระเป๋าเงินตรงหน้า“ไม่ต้องการ” เขาหันหลังกลับและกลับไปขึ้นเกวียนทันที เขาไม่ได้วางแผนที่จะพึ่งพาหนังสัตว์เหล่านี้ในการทำมาหากินและเนื่องจากอีกกลุ่มหนึ่งมีความซื่อตรง คนอื่นๆอาจจะรังเกียจเขาหากเขาทะเลาะเพียงเพราะเงินเล็กน้อยแค่นี้
ความรู้สึกชื่อชมในดวงตาของเสือป่วยสีเหลืองพลันมีมากขึ้น ขณะที่เขามองดูหลี่ฉิงชานหายไปในฝูงชนเขาบอกคนรอบๆเขา“ข้าชอบเด็กนี้ มีใครรู้ไหมว่าเขามาจากที่ใด?”
มีชาวนาคนหนึ่งกล่าวอย่างระมัดระวัง“ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากหมู่บ้านวัวหมอบ เขาคือหลี่เอ๋อร์!!”
หลายคนที่ได้ยินต่างกล่าวออกมาว่า“ไม่น่าแปลกใจ!!”
ถึงแม้ถนนจะเข้าถึงได้ยากระหว่างหมู่บ้านเรื่องราวเหล่านั้นที่นำเสนอรสชาติของเทพนิยายในตำนานได้กระจายไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฉิงชานไม่รู้ว่าตนเองได้มีชื่อเสียงขึ้นมาในบริเวณรอบๆแล้ว
เริ่มมันอิอิ
ฝากไลคเพจด้วยนะค้าบบบLegend of the Great Saint ครับ^^