LSG-บทที่ 55: ตาย (อ่านฟรี)
บทที่ 55: ตาย
"ทำอะไร? หืม เจ้าคิดว่าข้ากลัวอำนาจการกลืนจิตวิญญาณในสุสานจริงๆหรอ? เจ้าพลาดแล้ว สุสานแค่ทำให้ความแข็งแกร่งของข้าอ่อนแอลงเท่านั้น การฆ่าเจ้าใช้เพียงแค่หนึ่งลมหายใจ! ในหนึ่งลมหายใจเป็นไปไม่ได้สำหรับสุสานที่จะฆ่าข้า! แม้ว่าข้าจะสูญเสียความแข็งแก่รงไปบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับข้า! ลองดูว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ไหม!
เสร็จแล้ววิญญาณชั่วก็เริ่มลงมือทันที
เมื่อซูยองเห็นสิ่งนี้หัวใจของมันก็เต้นเตลิดเปิดเปิง มันไม่เคยคิดเลยว่าตรรกะของจิตวิญญาณนี้จะเหี้ยมโหดปานนี้
มันไม่ได้แส่หาที่ตายจริงๆ
ซูหยุนไม่กล้าเสี่ยงสถานการณ์นี้เลย มันเริ่มถอยหลังและเตรียมพร้อมที่จะหลบหนีไปทุกขณะ
อย่างไรก็ตามในขณะนี้มันยังคงอยู่ในสภาพที่น่าสงสารมาก พลังวิญญาณของมันหมดไปแล้วในขณะที่ร่างกายของมันพรุนด้วยความเสียหาย มันแย่กว่านั้นเพราอำนาจกลืนกิน ไม่ต้องพูดถึงการหลบหนี ถ้ามันไม่ได้กินยารักษาบางส่วนจากแหวนมิติของมันเข้าไปในปากของมันในขณะที่มันกำลังพูดแล้วร่างของซูหยุนคงจะเดี่ยงไปแล้ว
ฟึบ!
วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วไม่อาจรอได้อีกต่อไป มันสร้างพลังมากพอต้องการและเปิดใช้วิชาของมัน มองไปที่หมอกดำวงกว้างที่ห้อมล้อมก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จากนั้นร่างกายทั้งหมดของหมอกก็วิ่งไปข้างหน้า กลิ่นอายจิตวิญญาณของซูหยุนมีอำนาจเหนือกว่า
มันต้องการกระโดดข้ามที่นี่ไหม?
ซูหยุนก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีทางเหลือเพื่อหนี ไม่มีทางหนีรอด
เนื่องจากมันได้มาถึงแล้ว เขากสามารถต่อสู้ได้แทน
ซูหยุนตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างหนัก ขณะที่กำลังถอยหลังมันคว้าดาบสลักมังกรวารีออกมาจากวงแหวนของมัน
ยัง…
ขณะที่มันค่อย ๆ ถอยกลับไปพลันพลังที่ทรงอนุภาพเหลือล้นก็กวาดไป ซึ่งมุ่งร้ายระยะไกล้เช่นลมจริงๆทำให้เส้นผมของซูหยุนตั้งขึ้น
ซูหยุนรู้สึกประหลาดใจ มันรีบหันไปมองรอบๆเท่านั้น พบครึ่งหนึ่งของร่างมันเองอยู่ภายในหลุมฝังศพสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางสุสาน
หลุมฝังศพ?
ซูหยุนเพ่งตามองแลยืดแขนขาออกจากหลุมฝังศพ มันประหลาดใจที่พบว่าหลุมฝังศพเป็นภาพลวงตา มันเป็นทางเข้าที่นำไปสู่พื้นที่อื่นภายใน
วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วโจมตีเรียบร้อยอยู่ที่นี่ แต่เมื่อมันเห็นซูหยุนเข้าไปทางปากหลุมฝังศพแล้วมันก็ถอยห่างออกไป มันก็ประหลาดใจเหมือนกัน
"เจ้าเด็กเหลือขอร์ถ้าเจ้าเข้าไปข้างในเจ้าต้องตาย!"
"หากข้าไม่เข้าไปข้างใน แล้วข้าก็ตายตอนนี้!"
ซูพ่นลมออกจากลำคอกัดฟันกรอด หลังจากตัดสินใจเสร็จมันก็หันหลังให้เขาและเข้าไปในหลุมฝังศพ ไม่นานหลังจากนั้นทั้งร่างก็หายตัวไปในหลุมฝังศพ
เกือบจะทันทีทันใดมันรู้สึกว่ามันกำลังจะวูบ ความหนาวเย็นที่รุนแรงภายในถ้ำเจาะเข้าไปในร่างกายทำให้มันรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เขาตายได้
ซู่!
ทันใดนั้นเอง กระแสความร้อนไหลผ่านฝ่ามือของซูหยุนและส่งผ่านร่างกายของมัน แสงที่ความอบอุ่นทำให้ร่างกายของมันสว่างขึ้น
ทำให้สมองที่มึนของมันผ่อนคลาย ร่างกายของมันรู้สึกว่ามันจะหมดสติได้ตลอดเวลา
เป้ง!
หลังจากนั้นไม่นานร่างของมันก็ทรุดตัวลงบนพื้น มันร้องไห้เล็กน้อย ร่างทั้งร่างของมันแตกสลายขณะที่มันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เขาไม่มีแรงขยับอีกต่อไป
.........
วันที่สิบ
ตราประทับรอบภูเขาเปียงกู่ถูกเปิดอีกครั้ง
สาวกที่รอดชีวิตจากตระกูลซูออกมาทีละคน
แม้จะมีเพียงครึ่งเดียวของสาวกที่รอดชีวิตออกมาได้
มีเพียงไม่กี่คนที่เสียชีวิตจากสัตว์อสูร แต่ส่วนมากเสียชีวิตจากการต่อสู้กับเหล่าสาวกคนอื่น ๆเพื่อผลึกหยกโลหิต
อย่างไรก็ตามการต่อสู้แบบประจัญบานเป็นสิ่งที่ไม่มีใครพูดถึงภายนอกแม้ว่าพวกมันจะรู้ดีว่าไม่มีใครตัดสินใจบ่งชี้ใครๆ ถ้ามีใครสักคนปากบอนพวกมันจะป่าวร้องเพื่อการตายของตัวมันเอง
สองร่างที่น่าหลงไหลกำลังยืนอยู่ด้านหน้า พวกเขากำลังรอคอยสาวกพิเศษ คนสองคนนี้เป็นผู้นำของตระกูลซูและแม่เฒ่าหลงเชี่ยนหลี่
หลังจากครึ่งชั่วยามแล้วสำนักภายใน พ่อเฒ่าชิหลงส่วนตัวเดินเข้าไปในตระกูลหลัก รออยู่ข้างในคือผู้นำตระกูลซู และ แม่เฒ่าหลงเชี่ยนหลี่ ที่เข้ามาหลังจากที่รอเพียงไม่กี่นาที
"มีข่าวเกี่ยวกับซูหยุนรึเปล่า?" ผู้นำตระกูลซูถาม
"คาราวะท่านผู้นำ คาราวะแม่เฒ่าหลงเชี่ยน ตามที่สาวกบางคนของสำนักภายนอก ซูหยุนได้พบกับวิญญาณชั่วร้ายขั้นเขตแดนดวงจิตวิญญาณ เขาไม่สามารถหลบหนีจากวิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วและถูกกินไปแล้ว มันตายไปแล้ว!"
"ตายแล้ว?" ผู้นำตระกูลซูตกตะลึง
เพล้ง.
ในเวลานี้เสียงของวัตถุที่แตกสลายสะท้อนผ่านห้องโถงหลังการสนทนา
หลงเชี่ยนหลี่เงยหน้าขึ้นมองและภาพเงาของนางลุกขึ้นยืนราวกับว่านางกำลังเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง
ผู้นำแห่งตระกูลซูกำลังขมวดคิ้ว เขาจ้องที่หลงเชี่ยนหลี่และเฝ้าดูนางก้มหน้าลงจมไปกับความคิด จากนั้นนางก็ถามว่า "ท่านได้เห็นความตายของซูหยุนด้วยตัวเองหรือเปล่า?"
"ซูโม่วหลี่ ได้เห็นวิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วจับ ซูหยุน เขตแดนดวงจิตวิญญาณมีพลังอำนาจเพียงใด? แม้ด้วย ซูหยุนร้อยคน มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับมันที่จะหนีจิตวิญญาณ ข้าเกรงว่าว่ามันจะตายไปแล้ว "
"สำหรับประเภทของความชั่วร้ายนี้ข้ากลัวว่าแม้จะเปรียบเทียบชนชั้นสูงของสำนักภายในพวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีความชั่วร้ายนี้ได้ ขยะอย่างมันจะสามารถจัดการกับปีศาจนี้ได้อย่างไรขนาดตระกูลหลักยังแทบไม่สามารถจัดการกับความชั่วร้ายนี้ได้ "
"แม้ว่าวิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วเป็นเพียงวิญญาณเท่านั้น เพียงแค่มองไปที่การบ่มเพาะทางจิตวิญญาณ แค่เขตแดนดวงจิตวิญญาณพื้นฐาน แต่อีกฝ่ายการบ่มเพาะนั้นเพียงแค่เขตแดนพื้นฐานวิญญาณเท่านั้น ช่องว่างระหว่างอำนาจทั้งสองส่งผลชัดเจน สาวกเขตแดนพื้นฐานวิญญาณเล็กๆจะไม่สามารถอยู่รอดได้ต่อไป "
หลังจากที่หลงเชี่ยนหลี่ได้ยินเช่นนี้นางก็ขมวดคิ้วขึ้นบนใบหน้าของนาง "ถ้าเป็นอย่างนั้น ... ก็ขออภัย ... .บางทีคนที่ขโมยสมบัติจากสำนักกระบี่เซียนอาจจะไม่ใช่ซูหยุน บางทีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้นเอง "
"ถ้ามันเป็นเพียงความเข้าใจผิดมันก็ดีแล้ว!" ผู้นำตระกูลหัวเราะเบา ๆ
เกี่ยวกับการตายของซูหยุน ผู้นำสูงสุดไม่ได้สนใจ
ไม่นานหลังจากนั้น หลงเชี่ยนหลี่ ลุกขึ้นยืน นางประจัญหน้ากับผู้นำสูงสุดแล้วพุดว่า "ขออภัยสำหรับความวุ่นวายนี้ โปรดอภัยให้ข้าด้วย หลงเชี่ยนหลี่มีเรื่องที่จะต้องดูแลข้าจึงไม่อาจอยู่ได้นาน ดังนั้นข้าต้องขอตัวลา "
หลังจากที่นางพูดแล้วนางก็พร้อมที่จะออกไป
"รักษาตัวด้วย แม่เฒ่าหลงเชี่ยน ฝากทักทายผู้อาวุโสของสำนักของท่านในนามของตระกูลซูด้วย ของขวัญเล็กน้อยจะพร้อมโดยทางออก หากท่านไม่รังเกียจ ข้าอยากจะเชิญท่านในเวลาว่างของท่าน วันหน้า ซูโม่ว จะขึ้นไปที่เทือกเขาสำนักกระบี่เซียน ข้าจะตอบแทนผู้อาวุโสอย่างเป็นทางการ " ผู้นำสูงสุดพุดในขณะที่เขายังลุกขึ้นยืน
"ท่านผู้นำท่านช่างเป็นคนใจกว้างนัก"
.........
มีเรือนร่างที่เดินกระเพลกไปยังทางเข้าของเขาเปียงกู่ มีคนกำลังรออยู่ที่ประตู
คนๆนี้เป็นผู้หญิงที่สวมชุดเกราะป้องกันตัวสีขาว ใบหน้าของนางซีดจางและตาของนางแดงก่ำ มีรอยเปื้อนหยาดน้ำตาสองสายบนใบหน้า
ภายในฝักด้านหลัง กระบี่เล่มหนึ่งกำลังไหวขณะที่นางกำลังเดินเซ ใบมีดสีขาวหิมะแม้แต่หยิบฝุ่นขึ้น
ยืนอยู่ข้างนอกเป็นพี่น้องเยี่ย หยาง พวกเขากำลังยืนโศกเศร้าเพื่อเสียใจกับซูหยุน จากนั้นพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ขอบฟ้า
"นางคือ ... "
"ซูชิงเอ๋อ?" พี่น้อง เยี่ย หยาง ตัวแข็ง
"ข้าขอบอกพวกเจ้า เจ้ายังไม่ได้กลับไปที่ตระกูลหลังเพื่อจบภาระกิจการทดสอบของเจ้า ผู้ชายคนนั้นมันตายไปแล้ว ถ้ามันตาย ทำไมมันไม่ไปตายไปไกลๆ แต่อย่าให้มันอุจาดในสายตาของพวกเราเลย "
หน่วยพิทักษ์พิเศษที่ปฏิบัติหน้าที่กำลังตะโกนใส่พี่น้อง เยี่ย และ หยาง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ซูซินเยี่ย และ ซูซิงหยาง ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ แต่พวกเขาไม่รีบร้อนเพื่อรักษาตัว แต่พวกเขากำลังรอเค้าหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลบนใบหน้าของพวกเขา
"ยังมีคนอญู่ อย่าทิ้งเขาไว้ ท่านต้องเปิดิาคม ไม่อย่างนั้นเขาจะออกมาไม่ได้ " ซูซินเยี่ย ตะโกนออกมา
หน่วยพิทักษ์พิเศษ
"หืม?ฮ่า ๆ ๆ เจ้ากำลังพูดถึงซูหยุนใช่มั้ย? อ่าาา ตอนนี้มันอยู่ในเขาเปียงกู่คนเดียว ข้าคิดว่ามันน่าจะถูกกินปแล้วโดยวิญญาณชั่วร้าย มันจะออกมาได้อย่างไร? พวกเจ้าไม่ควรอยู่ที่นี่ พยายามไปมันก็เปล่าประโยชน์ ถ้าพวกเจ้าใส่ใจจริงๆเกี่ยวกับตัวมันแล้วพวกเจ้ากลับมาจากการทดสอบได้ยังไง เนื่องจากเราไม่สามารถหาซากศพได้เราจึงไม่จำเป็นต้องมีการฝังศพเลย "
"ฮ่าฮ่าฮ่า ... " หน่วยพิทักษ์พิเศษคนอื่น ๆ เริ่มหัวเราะ
ซูซินหยินลงเล็กน้อย ผิวของนางแดงก่ำ แต่นางก็เถียงคำพูดของเขาไม่ออก
สาวกสองคนกลืนยารักษาบางอย่างเพื่อรักษาบาดแผล อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ทางออกที่ถาวร พวกเขาจะต้องรีบออกเดินทางเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม มิฉะนั้นถ้าพวกเขารอนานเกินไปไม่ต้องพูดถึงร่างกายของพวกเขา แม้แต่ผลสำหรับการบ่มเพาะของพวกเขาด้วย เรื่องนี้พวกเขาเชื่อมั่นในสิ่งหนึ่ง
พวกเขาเชื่อว่าซูหยุนจะออกมาอย่างปลอดภัย
แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขา
ในช่วงเวลานี้หน่วยพิทักษ์พิเศษได้สังเกตเห็นซูชิงเอ๋อเดินเข้าหาพวกเขา ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้จักคนๆนี้ก็ตาม แต่ป้ายบอกสถาณะก็แขวนอยู่บนเอวของนาง พวกเขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับการละเลยหน้าที่ของตน
นี่เป็นสัญลักษณ์ที่ผู้ที่อยู่ในตระกูลหลักเท่านั้นสวมใส่
เมื่อเทียบกับบริวารของตระกูลหลัก สมาชิกที่ขึ้นตรงกับตระกูลหลักเป็นเหมือนท้องฟ้าเหนือพวกเขา
"คาระวะศิษย์พี่!" หน่วยพิทักษ์พิเศษทุกคนก็คำนับและรีบเอาใจ
"เปิดอาคม!" เป็นเสียงเรียบสงบและราบเรียบของหญิงสาว
"น้องสาวชิงเอ๋อ!"
ซูซินเยี่ย จ้องที่นางและรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าตาของชิงเอ๋อโบ๋ พวกเขาดูซบเซาราวกับว่านางสูญเสียจิตวิญญาณของนาง การเคลื่อนไหวของนางทำให้ดูเหมือนว่านางกำลังจะตาย ...
หน่วยพิทักษ์พิเศษหลายคนมองหน้ากัน พวกเขาลังเลและหัวหน้าก้าวไปข้างหน้าและคำนับ ด้วยความเคารพเขากล่าวว่า "ด้วยความนับถือศิษย์พี่ เขาเปียงกู่เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ต้องห้ามในตระกูลซู ยกเว้นในกรณีพิเศษเช่นเส้นทางต่างๆเราไม่สามารถเปิดอาคมได้ เว้นแต่คำสั่งของผู้อาวุโสฝ่ายในนเช่น พ่อเฒ่าชิหลง หรือท่านผู้นำมอบอำนาจเราไม่สามารถปลดผนึกได้
"เปิดอาคม!""ข้า….ข้าจะไม่บอกซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง " ชิงเอ๋อกระซิบ
เสียงนั้นเย็นยะเยือก ภายในนั้น หมดอาลัยตายอยาก
"โปรดอย่าทำให้ข้าและสาวกคนอื่น ๆ ลำบากใจเลย" หน่วยพิทักษ์คุกเข่าลงและก้มหน้า
ชิงเอ๋อไม่สนใจเกี่ยวกับท่าทางนี้มากนัก
พวกเขาเห็นนางดึงใบมีดเรียวยาวส่องแวววับด้วยมือข้างหนึ่งของนาง จากนั้นนางก็ค่อยๆเดินไปทางหน่วยพิทักษ์
กระบี่มีความคมมากและรัศมีฉายออกมากัดกินหนาวสั่นลึกเข้าไปถึงกระดูก
ขณะที่หน่วยพิทักษ์เห็นร่างทั้งร่างเริ่มสั่นสะท้าน พวกเขากลัวอำนาจ
พวกเขาไม่กล้าต่อต้านอีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์ในสาวกชั้นในสำนักภายในและไม่สนใจสาวกภายนอก แต่เมื่อเทียบกับตระกูลหลักพวกเขาไม่มีอำนาจที่จะต่อต้าน แม้ว่าตระกูลจะฆ่าพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง
แม้ว่าพวกเขาจะมีอำนาจที่จะต่อต้าน แต่พวกเขาจะเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของ ซูชิงเอ๋อได้อย่างไร? นางได้รับการฝึกฝนอย่างเอาใจใส่จากผู้อาวุโสในตระกูลหลักซึ่งมีความแข็งแกร่งของสวรรค์ พวกเขาจะคู่ต่อสู้ได้อย่างไร?
"เมตตาด้วยศิษย์พี่!" ยามร้องดังออกมาขณะที่พวกเขาก้มกราบตาถล่นเสียงของพวกมันสั่นเครือ เห็นได้ชัดว่าพวกมันกลัวมาก
อย่างไรก็ตามหญิงสาวไม่ได้หยุดเดินหน้ากับใบมีดอยู่ในมือ
ใบมีดเหมือนน้ำแข็งปกคลุมไปด้วยรัศมีกระบี่และจิตสังหารของนางอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาไม่สามารถคุกเข่าได้ต่ำกว่าที่พวกมันได้คุกเข่าลงแล้ว
"น้องสาวชิงเอ๋อ, หยุดก่อนเร็ว!"
ซูซินเยี่ยรีบตะโกน
หากมีการเผชิญหน้ากันสถานการณ์จะกลายเป็นเรื่องร้ายแรง
"นางสาวชิงเอ๋อ! ได้โปรดหยุดก่อน! แม้ว่าเราจะปลดตราประทับในพื้นที่ขนาดใหญ่ของภเขาเปียงกู่เราก็จะไม่สามารถหาสถานที่ของซูหยุนได้ เราได้แต่รอที่นี่และหวังว่าซูหยุนจะไม่ได้มีอุบัติเหตุ พวกเราหวังแค่ว่าเขาจะจากไปด้วยตัวเอง! " ซูซิงยางพูด
อย่างไรก็ตามชิงเอ๋อดูเหมือนจะไม่ได้ยินเรื่องนี้ นางไม่ได้ยิน นางตรงดิ่งยกใบมีดของนางเพื่อเริ่มการต่อสู้
"ข้าต้องการที่จะพบนายน้อย... . ใครขวางข้า ... .ตาย ... ." ริมฝีปากสีชมพูอ่อน ๆ ของพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยา
นางเหมือนดวงจันทร์ที่เย็นจัดจ้องมองพวกเขาด้วยนัยน์ตาที่หนาวสะท้าน