ตอนที่ 105 – มิได้พบกันนานแล้วนะ ลุงเฉียน
ตอนที่ 105 – มิได้พบกันนานแล้วนะ ลุงเฉียน
ดวงตาของนกยูงบนบ่าถังเทียนเปล่งประกาย
รังสีสีน้ำเงินเปล่งประกายออกมาจากชุดเกราะขนนกสีน้ำเงินด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ขณะที่มันมารวมกันที่หมัดของถังเทียน
ขณะที่เขาอยู่ในท่าขี่ม้า เขาเอียงร่างของเขาพลางตะวาด
“ฆ่า!”
ด้วยพลังพลุ่งพล่านภายในขาของเขา ดินใต้เท้าของเขาก็ระเบิดออก ราวกับลูกศรหลุดออกจากแหล่ง เขาพุ่งไปข้างหน้า ลำแสงสีน้ำเงินมากมายรวมตัวอยู่รอบแขนที่เปิดกว้างของเขาและก่อตัวเป็นภาพราวกับปีกสีน้ำเงินคู่หนึ่ง
ร่างของถังเทียนเอียงไปข้างหน้าขณะที่เขาพุ่งไปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ด้วยความเย็นเยียบของลำแสงสีน้ำเงิน เขาเงยหน้าขึ้นอย่างช้าและดวงตาของเขาต่างลุกโชติช่วง
บุรุษอำมหิตเบื้องหน้าของเขาใกล้เขามาขณะที่เขาทะยาน ความตั้งใจสู้ของถังเทียนเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุด
อวี๋หมิงชิวแสยะยิ้มออกมา
เขายกฝ่ามือของเขาและดีดนิ้วไปยังถังเทียน
ฟิ้ว!
เกิดเสียงหวีดหวิวต่ำจนรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูก
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ถังเทียนหรี่ตาของเขา เขาก็กระโดดไปด้านข้างด้วยขาขวา และกำลังก็ส่งร่างของเขาออกไป
ตึง! เสียงกดกระแทกดังออกมาจากเบื้องหลังของเขา เศษดินและฝุ่นทั้งหมดกระจายขึ้น ความรุนแรงของนิ้วนี้ได้เป่าเป็นหลุมครึ่งเมตร
สิบนิ้วปีศาจดีดอย่างต่อเรื่องราวกับดอกไม้เบ่งบาน
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ภายใต้การดีดนิ้วราวกับพิรุณ ถังเทียนปกปิดใบหน้าของเขาและพุ่งไปยังเขา มันครอบคลุมพื้นที่กว้างและถังเทียนมิสามารถหลบหลีกได้
ถังเทียนแค่นเสียงและจากนั้นร่างของเขาก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นเลือนลาง
ราวกับกลุ่มก้อนเงาที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง การโจมตีของนิ้วที่ทรงพลังส่งไปยังกลุ่มก้อนเงานี้ แต่มันมิได้มีผลต่อถังเทียนเลยซักนิดเดียว
ผู้คนต่างอ้าปากค้าง พวกเขาต่างตกตะลึง
“นี่มันคืออะไรกัน...”
“มันคือวิชาตัวเบางั้นหรือ? ช่างเป็นวิชาตัวเบาที่แปกประหลาดนัก!”
…
ทุกผู้คนต่างถกเถียงกัน พวกเขารู้สึกขบขันกับสิ่งที่พวกเขาได้พบเห็น กำลังนิ้วของอวี๋หมิงชิวหนาแน่นนัก มันแทบจะมิมีช่องว่างเลย แต่ถังเทียนแลดูคล้ายสามารถที่จะหลบเลี่ยงมันได้ทั้งหมด
ช่างเป็นวิชาตัวเบาที่ทรงพลังอะไรเยี่ยงนี้!
บุรุษร่างสูงอ้าปากค้าง “สัญชาตญาณของเขาแข็งแกร่งนัก เขามาจากสมาคมนักสู้แห่งแสงจริงๆงั้นหรือ? เมื่อใดกันที่ผู้คนจากสมาคมนักสู้แห่งแสงเริ่มที่จะร่ำเรียนสัญชาตญาณกัน? ช่างแปลกประหลาดนัก!”
“เห็นด้วย เขามิธรรมดาเลย!” ดวงตาบุรุษมีหนวดเปล่งประกาย
มีเพียงพวกเขาทั้งสองที่สามารถพบเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถังเทียนมิได้ใช้เพียงวิชาตัวเบาเท่านั้น ภายในสายตาเขา แปดก้าวหยั่งรู้มินับเป็นวิชาตัวเบาอันใด เพียงแค่พึงพาแปดก้าวหยั่งรู้และสำเร็จได้เช่นนั้น มันมิมีทางเป็นไปได้ สาเหตุที่ถังเทียนหลบหลีกการโจมตีของดัชนีได้หมด มันเป็นเพราะสัญชาตญาณของเขา เขามักจะคาดเดาข้อเสียของความรุนแรงนิ้วได้เสมอ
แม้ว่าถังเทียนจะหยิบยืมกำลังจากรองเท้าอาชาทะยาน เขาช่างกล้าแกร่งนักที่สามารถบรรลุได้ถึงสภาพดังกล่าว
นี่มันเป็นคราแรกที่พวกเขาพบเห็นนักสู้ที่มีการหยั่งรู้แข็งแกร่งเช่นนี้ สิ่งที่น่าขันมากยิ่งขึ้นคือนักสู้ที่มีการหยั่งรู้นี้แท้จริงเป็นบุคคลแรกที่มาจากสมาคมนักสู้แห่งแสง!
สมาคมนักสู้แห่งแสงมิเคยมีดีด้านสัญชาตญาณมาก่อน
จากสิ่งที่พวกเขาเห็นถังเทียน พวกเขาตั้งสันนิษฐานว่าเขาจะต้องได้รับการฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญมาก่อนถึงสามารถที่จะบรรลุมาตรฐานที่น่าตกใจอันนี้ แต่การร่ำเรียนในสัญชาตญาณ และสามารถเพียงพอที่จะใช้ออกและฝึกฝนพลังนี้ มันมีไม่มากที่สามารถกระทำเช่นนั้นได้
เจ้าเด็กผู้นี้...
ถังเทียนเผชิญหน้ากับการโจมตีของดัชนี สภาพจิตใจของเขาสงบนิ่ง และเขาก็สมาธิอย่างผิดปกติ สัญชาตญาณอันปราดปรียวและการระเบิดพลังอันรุนแรงทำให้เขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าท่ามกลางดัชนีจู่โจม
แต่ขณะที่เขาเข้าใกล้อวี๋หมิงชิว แรงกดดันก็เพิ่มมากขึ้น
แม้กระทั่งถังเทียนก็ต้องยอมรับว่าวิชาดัชนีของอวี๋หมิงชิวอยู่ในขั้นลึกซึ้งและดี การโจมตีที่เขาดีดนิ้วมิสามารถมองเห็นได้ แต่มันรุนแรง หนักแน่นและรวดเร็ว
ดัชนีเผด็จการกราดเกรี้ยวของถังเทียนด้อยกว่าวิชาดัชนีของอวี๋หมิงชิว
แต่… ระยะห่างระวังทั้งสองเพียงสิบเมตรเท่านั้น ระยะห่างนี้ควรจะต้อง...
ถังเทียนรักษาความมั่นคงของร่าง ราวกับไม้สองท่อน เขาฝังขาของเขาลึกลงไปในดดิน ปราณแท้จริงที่สะสมและเฝ้ารออยู่ภายในร่างของเขาพลันระเบิดออก
ดูธรรมดาแต่สมบูรณ์ของ [หมัดสั่นสะเทือน]!
พุ่งผ่านไปตามทาง!
นกยูงบนบ่าถังเทียนร้องเสียงแหลม รังสีแสงภายในดวงตาของมันสว่างไสว และขนด้านหลังของมันก็เหยียดตรงราวกับพวกมันเป็นกระบี่
รังสีหมัดสีน้ำเงินเปล่งประกายและแรงกระเพื่อมมากมายก็พุ่งไปยังอวี๋หมิงชิว
ยามเมื่อรังสีหมัดพุ่งออกไปจากมือเขา มันก็พลันขยายขนาดใหญ่เท่าใบหน้า ภายในรังสีหมัดสีน้ำเงินนี้มันมีพลังอันคมกริบมากมายพุ่งและหมุนวนอยู่รอบๆ
อากาศรอบๆพวกมันต่างหมุนเป็นเกลียว และเสียงหวีดหวิวก็ดังก้องผ่านทำให้หัวของหลายผู้คนด้านชา
ทุกผู้คนตกใจกับหมัดนี้!
ถ้าหากอวี๋หมิงชิวมิได้เปิดผยชุดเกราะของเขาในก่อนหน้านี้ หลายคนคงเข้าใจในพลังของชุดเกราะ แต่ในตอนนี้ ภายในพลังทำลายล้างของหลัง สำหรับผู้ชมแล้ว พวกเขามิสามารถเก็บอาการอีกได้ พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าตกใจ และหลายคนก็สั่นสะท้าน
นี่มันคือพลังที่น่ากลัวอย่างแท้จริงของชุดเกราะ...
อวี๋หมิงชิวตกตะลึงกับหมัดนี้ ใบหน้าของเขาแต้มไปด้วยความหวาดกลัวก่อนที่เขาจะดีดนิ้วทั้งสิบไปยังรังสีหมัด
พลังอันน่ากลัวของการโจมตีด้วยดัชนีปะทะไปยังรังสีหมัดสีน้ำเงิน แต่มันก็หายไปอย่างไม่มีหวังว่าจะกลับมา พวกมันสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หมัดสั่นสะเทือนของถังเทียนได้เกิดแรงสั่นสะเทือน รวมกับชุดเกราะมันก็เสริมสร้างความเข้มแข็งถึงขอบเขตที่น่าทึ่ง รังสีหมัดปลดปล่อยแรงกระเพื่อมที่มันค่อยๆปกคลุมโดยชั้นสีฟ้า
ในตอนนี้อวี๋หมิงชิวหน้าซีดขาว ใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เหตุใด… เหตุใดชุดเกราะของเขาช่างแข็งแกร่งและน่ากลัวนัก!
เหตุใด!
ดวงตาของอวี๋หมิงชิวพลันแดงก่ำ เขากรีดร้องออกมาจากปอดของเขาขณะที่เขาผสานนิ้วทั้งหมดรวมกันแต่ชี้ออกไปยังรุนแรง
ลำแสงสีขาวพุ่งออกโดยพลันและปะทะไปยังเส้นทางของรังสีหมัดสีน้ำเงิน!
เปรี้ยง!
เกิดเสียงระเบิดดังลั่นจนเขามิสามารถได้ยินอะไรเลยในช่วงเวลานั้น ควันระเบิดอันรุนแรงปกคลุมไปบนท้องฟ้า ราวกับอสูรกายถูกปลดปล่อยและแข็งขืนเบื้องหน้าของเขา
อวี๋หมิงชิวกระอักโลหิตสดๆออกมา ดวงตาอันแดงก่ำของเขาแสดงความบ้าคลั่ง
เขาคล้ายกับคนบ้าขณะที่เขาหัวร่อออกมาเสียงดัง
เหตุใดชุดเกราะของเขาถึงทรงพลังเยี่ยงนี้? มันยังคงหมดหวังสำหรับตัวเขาแล้ว!
ม่านหมอกที่ร่ายรำอยู่ภายในอากาศและทันใดนั้นรังสีน้ำเงินก็สว่างวาบ
“หื้ม?” อวี๋หมิงชิวผงะถอยหลัง
นั่นคืออะไรกัน…
ราวกับดาวตกสีน้ำเงิน มันระเบิดอย่างฉับพลัน
ภายในชั่วพริบตา แสงสีน้ำเงินก็ปรากฏออกมาเบื้องหน้าของเขา รังสีน้ำเงินเปล่งประกายและพริบตามันก็บดบังสายตาของเขา
อวี๋หมิงชิวสูญเสียการควบคุมราวกับอสูรที่โดนจับขัง เขาตะโกนและด้วยนิ้วทั้งห้าก็ชี้ออกไป เขาผสานนิ้วทั้งสิบเข้าด้วยกัน
พลังอันโดดเด่นปรากฏจากนิ้วทั้งสิบของเขาและพุ่งออกไป
แสงสีน้ำเงินที่มาถึง
ราวกับมหาสมุทรสีน้ำเงิน
เขาขัดขวางแรงสั่นสะเทือน เขาก็ขัดขวางปราณมังกรสวรรค์เช่นเดียวกัน แต่ความแหลมและปราดเปรียวของปราณกระเรียน มันราวกับตะปู พลังป้องกันของปราณแท้จริงของเขาเริ่มที่จะเกิดรอยแตก สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงทันที ไม่แม้แต่ที่เขาจะมีโอกาสตอบสนอง พลังสีน้ำเงินอันเยือกเย็นก็พุ่งผ่านมาราวกับคลื่นอันบ้าคลั่งและชั่วอึดใจ บดขยี้พลังป้องกันของปราณแท้จริงของเขาเป็นชิ้นๆ
มันกำลังจบแล้ว...
ขณะที่เขาถูกปกคลุมไปด้วยรังสีสีน้ำเงิน หัวใจของเขาพลันรู้สึกสงบ
ทั้งหมดจบแล้ว...
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
หลุกลึกมากกว่าห้าเมตรถูกเผาไหม้ราวกับเถ้าถ่านและเศษชิ้นส่วนที่ถูกทำลายของชุดเกราะหยก
ถังเทียนยังอยู่ในท่าออกหมัดของเขา หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างของเขาดำราวกับเถ้าถ่าน การระเบิดครั้งสุดท้ายมันไม่ใช่เรื่องเล็กที่เขาจะจัดการได้เช่นกัน
นูกยูงบนบ่าของเขายังคงยโส แต่มันดูมิค่อยมีพลังเล็กน้อย
ประกายรังสีสีน้ำเงินยังคงปกคลุมที่หมัดขวาของถังเทียน และพันรอบแขนขวาของเขา เปลวเพลิงสีเขียวบนสนับมือเตาหลอมลอยอยู่กลางอากาศ
พลังที่ระเบิดครั้งล่าสุดจากอวี๋หมิงชิวทำให้ถังเทียนตกใจ
ถ้าหากเขามิได้มีชุดเกราะนกยูง ถ้าหากเขามิได้ใช้เวลาฝึกชุดเกราะของเขา ถ้าหากอวี๋หมิงชิวมีความเชื่อใจในชุดเกราะของเขา ถ้า...
จุดจบของการต่อสู้มันคงมิสามารถคาดเดาได้ อวี๋หมิงชิวทรงพลังและกล้าหาญอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับพี่ใหญ่จิ่งเหาแล้วเขามิได้ด้อยกว่าเลย
ขณะที่เสียงเงียบกริบ ถังเทียนยืนขึ้น
มองไปยังชุดเกราะหยกที่อยู่ในหลุม เขาก็รู้สึกโล่งใจ แต่เขาก็รู้สึกเสียดายด้วย เนื่องจากมันมิได้พบเจอเจ้าของที่ดี...
ผู้คนรอบๆที่เฝ้าดูอยู่ ต่างตกใจกับการต่อสู้ที่พวกเขาได้พบเห็น
บุรุษร่างสูงยังคงเงียบเป็นเวลานานก่อนที่จะกล่าวอย่างบางเบา “จากหมัดทั้งสอง ข้าเชื่อว่าเขามาจากสมาคมนักสู้แห่งแสง”
หมัดทั้งสองเพิ่มพลังจากชุดเกราะ นี่เป็นรูปแบบการต่อสู้ของสมาคมนักสู้แห่งแสง
บุรุษร่างสูงกล่าวและบุรุษมีหนวดก็เห็นด้วย แต่เขาพลันตระหนักได้ว่าเขามิมีอะไรจะพูดอีก เขาทำได้เพียงส่ายหัวของเขาและกล่าว “เจ้าเด็กผู้นี้ช่างน่ากลัว พวกเราประสบปัญหาแล้วในคราวนี้”
บุรุษร่างสูงแสดงรอยยิ้มที่ขมขื่น
พวกเขาคิดว่าถ้าซางกวนเชียนฮุ่ยมิได้อยู่ที่นี้ มันหมายความว่าตระกูลซางกวนกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอ ผู้ใดจะรู้ว่าบุรุษของซางกวนเชียนฮุ่ยจะโผล่ออกมาปราศจากที่มา พวกเขามิคาดคิดถึงบุรุษหนุ่มเช่นเขา ผู้ที่ดูสามัญธรรมแต่กับกล้าหาญอย่างยิ่ง
แต่สิ่งที่พวกเขากังวลมันเป็นสมาคมนักสู้แห่งแสงที่อยู่เบื้องหลังของบุรุษหนุ่มนี้
ด้วยวัยของเขาสามารถที่จะทรงพลังเช่นนี้ ตำแหน่งของบุรุษหนุ่มผู้นี้ภายในสมาคมนักสู้แห่งแสงจะต้องไม่ต่ำต้อยแน่ แน่นอนว่าอาจารย์ของเขาจะต้องเห็นเขาราวกับสมบัติ นี่มันหมายความว่าได้รับพลังและอำนาจที่ยิ่งใหญ่
แผนการที่พวกเขาวางไว้ตั้งแต่แรกถูกทำลายไม่เหลือ
“ถอยกันก่อนเถอะ” บุรุษร่างสูงพึมพำ “พวกเรามิสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวพวกเรา ลองดูก่อนว่าพวกระดับสูงจะจัดการเช่นไร”
“อืม ถูกของเจ้า” บุรุษมีหนวดเห็นด้วย
จากนั้นทั้งสองก็หายไป
ซางกวนจู้กระซิบ “ท่านลูกเขย เจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก!”
ดวงตาของซางกวนเวยต่างเต็มไปด้วยความชื่นชมและหลงใหล “ลูกเขยของตระกูลพวกเรา…”
ซางกวนเฉียนมองไปยังบุรุษหนุ่มเทพที่ยืนอยู่ด้านข้างหลุมที่เผาไหม้อย่างว่างเปล่า ในหัวของเขารู้สึกงุนงง
นี่… นี่มันคือนายน้อยเทียนจริงๆงั้นหรือ…?
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นายน้อยเทียนทรงพลังถึงขนาดนี้...
‘ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่เทียนจะต้องกลายเป็นแข็งแกร่งและแข็งแกร่งขึ้นมาก แข็งแกร่งจนเขาสามารถปกป้องเชียนฮุ่ยได้…’
ทันใดนั้น ประโยคที่กล่าวโดยคุณหนูก็ปรากฏมาภายในหัวของซางกวนเฉียน มันมิใช่คราแรกที่คุณหนูพูดกล่าวเช่นนั้น ทุกคราที่นางกล่าวออกมานางก็มีความมั่นใจอย่างยิ่ง
คุณหนู...
ซางกวนเฉียนมองไปยังเงาร่างที่สมส่วนและแข็งแรง
นายน้อยเทียน… หลายปีที่ผ่านมา… เกิดอะไรขึ้นกับร่างของท่าน...
ราวกับเขารับรู้ได้ถึงสายตาของซางกวนเฉียน ถังเทียนพลันหันมา แสดงเปิดเผยฟันขาวหิมะของเขาและรอยยิ้มอันร่าเริงอย่างเช่นเคยที่เขาแสดงเมื่อสองปีก่อน
“มิได้พบกันนานแล้วนะ ลุงเฉียน!”
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ