ตอนที่แล้วLSG-บทที่ 53: ตัดรากถอนโคน (อ่านฟรีวันที่19กรกฏา)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปLSG-ตอนชดเชย (ขออภัยด้วยครับ)

LSG-บทที่ 54: ถ้าหากแกกล้างั้นแกก็เข้ามานี่สิ! (อ่านฟรีวันที่21กรกฏา)


บทที่ 54: ถ้าหากแกกล้างั้นแกก็เข้ามานี่สิ!

ด้านนอกของ ตระกูลซู มีใครบางคนอยู่ที่ประตูด้านหน้าของสำนักด้านนอก

หญิงสาวอยู่ในชุดคลุมสีขาวราวหิมะกำลังขี่ม้าเดินทางมาที่นี่

หญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้า นางสูงเพรียวผิวของนางขาวเหมือนดั่งหิมะ นัยน์ตาของนางส่องประกายเหมือนดาราร่างกายของนางเปล่งแสงออร่าอันทรงพลัง ผมสีดำของนางปลิวสยายรอบ ๆ ไหล่เหมือนหมึกตัดกับแสงสีผิวของนาง

สาวกสำนักภายนอกสองคนปฏิบัติหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูเห็นคนเหล่านี้เดินมาที่นี่ช่วยไม่ได้ที่พวกมันได้แต่เพียงแค่จ้องมองอย่างโง่งม

"ไปเร็วเข้าไปแจ้งหัวหน้าเจ้าว่า แม่เฒ่าที่สามแห่งสำนักกระบี่เซียนมาเยือน! " หญิงสาวงดงามพูดด้วยความนุ่มนวล

เสียงของนางเหมือนสวรรค์

ยามสองคนตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านซ้ายจะฟื้นตัวและถามด้วยเสียงของมันสูงขึ้นเป็นสองเท่า "ท่านบอกว่าท่านเป็นใครน่ะ?"

"แม่เฒ่าที่สามแห่งสำนักกระบี่เซียน หลงเชี่ยนหลี่! ไปแจ้งด่วนเลย! " หญิงสาวตะโกน

แม่เฒ่า!”

ทั้งสองคนมองหน้ากัน "โปรดแสดงตราของท่านด้วย!"

"บังเอิญข้าไม่ได้เอามา"

"ถ้างั้นต้องขออภัยสำหรับเรื่องนี้ด้วย คุณผู้หญิงท่านไม่อาจเข้ามาในตระกูลเราได้" จากนั้นทั้งสองคนก็หัวเราะและพูดว่า "แต่ ... . มีวิธีอื่นที่จะเข้าสู่สำนัก ... เราอาจจะยอมให้เจ้าเข้าไปในสำนักหลังจากนั้นก็ได้!"

"ว่ามา! ว่ามา! ยามด้านขวายิ้มให้ "ไม่ใช่ว่าใครๆจะเข้ามาในตระกูลซูได้ อย่างแรกเราสองพี่น้องจะไม่ยอมให้ใครเข้าประตูได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ... "

บัดนั้นพื้นทั้งห้องก็แตกกระจายออกโดยพลัน ไม่นานหลังจากนั้นกระบี่มหึมากว่าสิบฟุตถูกฟาดลงมาจากฟากฟ้าเจาะลึกลงไปในพื้นดิน มันปะทะกับพื้นดินอันแน่นหนาด้วยเสียงดังกึกก้อง ...

ตูม!!!

พื้นปฐพีสั่นเทือนด้วยพลังอันมหาศาล ใบมีดวิญญาณเริ่มปรากฏขึ้นทีละเล่มๆและเริ่มสร้างรอยแตกมากมายเหมือนใยแมงมุม

ประตูรั้ว ... . กลายเป็นหินเรียบร้อย

ปากทั้งสองคนห้อยลงมาเปิดเป็นรูปไข่ใบหน้าของพวกมันแข็งค้าง

"เจ้ากล้าท้าทายข้าหรือ รนหาที่ตาย!" หลงเชี่ยนหลี่ตะโกนออกมาพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายจิตวิญญาณของนางด้วยการสะบัดแขนเบาๆ

ร่างทั้งร่างสาวกทั้งสองสั่นสะท้าน พวกมันหวาดกลัวรีบพยักหน้าขณะที่พวกมันตะโกนว่า "แค่เรื่องเข้าใจผิด ... แค่เรื่องเข้าใจผิด ! ผู้อาวุโสโปรดอภัยให้พวกเราด้วย.. ยกโทษให้เราด้วย ... ข้าน้อย ... ข้าน้อยจะรีบไปบอกเขาเดี๋ยวนี้เลย ... " จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งสองก็จากไป

เพียงไม่กี่นาทีต่อมาสำนักภายนอกได้แจ้งสำนักภายในทันที สำนักภายในได้แจ้งผู้นำตระกูล จากนั้นผู้นำตระกูลรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็วขณะที่เขาพาผู้ติดตามมาไม่กี่คน

เมื่อผู้นำมาถึงและเดินออกไปนอกประตูหน้าเขาเห็นม้าและคนข้างๆ เขามองไปที่นาง นางคือแม่เฒ่าสำนักกระบี่เซียนจริงๆ เขารีบก้าวไปข้างหน้าและทักนาง "คาราวะแม่เฒ่าหลง สำหรับการมาเยือนที่นี่ด้วยตัวเอง  โปรดอภัยให้ข้าน้อยที่ไม่ได้มารับด้วยตัวเอง ข้าเสียมารยาทแล้ว แต่ข้าขอเทพธิดาอย่าได้ขุ่นเคืองใจเลย! "

"ท่านผู้นำสุภาพเกินไปแล้ว อันที่จริงแล้ว เชี่ยนหลี่เองก็มาโดยไม่ได้แจ้งให้ท่านผู้อาวุโสทราบ ด้วยเหุนี้การต้อนรับจึงถูกละเลยเป็นสิ่งที่ข้าเข้าใจดี ถ้าการมาเยือนของเชี่ยนหลี่โดยไม่ได้กล่าวล่วงหน้าทำให้ท่านผู้นำลำบากใจโปรดขออภัยไว้ตรงนี้ด้วย! หลงเชี่ยนหลี่ตอบด้วยท่าทีเฉยเมย

"แม่เฒ่าหลง เกรงใจมากไปแล้ว เร็วเถิด เข้ามาด้านในก่อน! " ผู้นำตระกูลพูด

"ข้าไม่อยากรบกวนท่านผู้นำนักหรอก เชี่ยนหลี่มาที่นี่มีจุดประสงค์หนึ่งเท่านั้น! " หลงเชี่ยนหลี่พูดด้วยสายตาฉายแววไปด้วยความเย็นเฉียบ

จากนั้นนางก็ตอบว่า "ข้ามาที่นี่เพื่อยืนยันบางสิ่งกับสาวกท่าน ถ้าหากไม่เป้นการรบกวนข้าอยากให้ท่านนำมันมามอบให้กับข้า! "

"สาวกหรือ?"

คิ้วของผู้นำกระตุกเมื่อเขาถามว่า "ข้าไม่ทราบว่าสาวกคนไหนที่แม่เฒ่าหลงกำลังพูดถึง?"

"ใครๆก็เรียกมันว่า ซูหยุน ภายในตระกูลซูของท่าน ข้าคิดว่าอย่างนั้นน่ะ? "

"ใช่ ... . แต่ท่านแม่เฒ่าหลงถามหาซูหยุนทำไมหรือ?"

"จริงๆแล้ว มันแอบเอาสมบัติจากสำนักกระบี่เซียนของข้ามา วันนี้ที่ข้ามาที่นี่เพื่อให้แน่ใจว่าในมือมันมีของสิ่งนั้น แล้วนำกลับไปสำนักกระบี่เซียน! " หลงเชี่ยนหลี่พูดอย่างเยือกเย้น

หลังจากได้คำพูดเหล่านี้ไปแล้วกลุ่มนี้ก็เริ่มตื่นตระหนก

"เป็นไปไม่ได้? ขยะขนานแท้ จะขโมยสมบัติจากสำนักกระบี่เซียน? "

"เป็นไปไม่ได้ ข้าขออนุญาติถาม แม่เฒ่าหลง ได้ไหม ท่านแน่ใจมั้ยว่าคนร้ายคือซูหยุน? ความจริงแล้วซูหยุนเป็นเพียงแค่ขั้นพื้นฐานวิญญาณเท่านั้น! ข้าได้ยิน ...ข้าได้ยินมาว่าการบ่มเพาะของมันอยู่ขั้นที่หกเอง!  สาวกสวะอย่างนี้ขะขโมยของสมบัติมาจากท่านได้ยังไง? นี่ ... อาจจะเป็นความเข้าใจผิด? "

"สาวกคนนี้ไม่ได้ถูกส่งไปยังสำนักภายนอกหรอกหรือ? มันมีความสามารถมากแค่ไหน? "

"ไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เลย" คนที่อญุ่ด้านหลังผู้นำพูดออกมา ใบหน้าของทุกคนมึนงง

หลังจากที่หลงเชี่ยนหลี่ได้ยินนางขมวดคิ้วเป็นครั้งที่สอง จากนั้นนางตอบว่า "ข้าไม่แน่ใจว่าเป็นเขาหรือไม่ ข้าสามารถยืนยันได้ในการพบหน้าตัวต่อตัว! "

"เอาล่ะในเมื่อมันเป็นแบบนี้ข้าจะพาซูหยุนออกมา ข้าไม่อาจปล่อยให้เรื่องผ่านไปเฉยๆทำให้เกิดความไม่พอใจระหว่างตระกูลซูและสำนักกระบี่เซียนได้! " ผู้นำตระกูลไม่อยากสร้างความขุ่นเคืองในทางใด ๆต่อสำนักกระบี่เซียน เขาโบกมือทันทีเพื่อขอให้พ่อเฒ่าซูชิหลงนำตัวซูหยุนออกมา

หลังจากที่พ่อเฒ่าซูชิหลงเดินเข้าไปหาผู้นำตระกูลมันกระซิบสถานการณ์ข้างหูของผู้นำตระกูลทันที

หลังจากที่ผู้นำตระกูลได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์เขาพยักหน้าตัวเองสองสามครั้ง มองดูกังวลนิดหน่อยเขาขบคิดสักครู่แล้วพูดว่า "แม่เฒ่าหลงข้าเกรงว่าท่านจะต้องอยู่พักที่ตระกูลซูอีกสักวันหนึ่ง"

"โอ้! หลงเชี่ยนหลี่ตอบและถามว่า "ทำไมหรือ?"

"เพราะซูหยุนยังอยู่ในเขาเปียงกู่เพื่อทำการทดสอบของตระกูลซู พรุ่งนี้มันน่าจะออกมา! "

"จริงหรือ? หลงเชี่ยนหลี่ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นข้าจะพักอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งวัน"

"เด็กๆต้อนรับแม่เฒ่าหลงเร็วเข้า!" ผู้นำตระกูลตะโกน

"ครับนายท่าน!"

.........

.........

ฟึบ!

เลือดสาดกระจายแขนข้างหนึ่งลอยขึ้นไปในอากาศ

“อ้าาาา! ! ! !” เสียงร้องอันแสนเจ็บปวดดังขึ้นหลังจากนั้น

นามของทักษะศักดิ์สิทธิ์ ฟาดเจาะทลวงปฐพี ได้ฆ่าเหล่าสาวกสำนักภายนอกหลายคน ร่างกายของพวกเขาวางเหยียดลงบนพื้นดิน

ไม่ต้องรอให้พวกเขาลุกขึ้นให้เสียเวลาหมอกดำที่ลอยอยู่ในอากาศเริ่มล่องลอยไป ภายในพริบตาหมอกเริ่มเปิดขึ้นและโครงกระดูกโลหิตแดงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าสาวก ร่างกายทั้งหมดของผู้คนรวมทั้งผิวกระดูกเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวได้ถูกห้อมล้อมด้วยหมอกที่น่าสะพรึงกลัว

ในสายตาของสาวกสำนักภายนอก สาวกสำนักภายในที่พวกมันเคารพบูชาได้จบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าก่อนหน้าพวกเขา

เมื่อซูโม่วหลี่่เห็นสถานการณ์ของเหล่าสาวกคนอื่น ๆ มันจะหลงเหลือความกล้าที่จะสู้ต่อไปได้อย่างไร? มันรีบกวยเท้าออกไป

ซูหยุนได้หุ้มเราะเบาเป็นคนที่ถูกหมอกไล่ตาม เมื่อใดก็ตามที่สาวกวิ่งไปซูหยุนวิ่งตามไปด้วย

แม้พูดได้ว่ามันแปลก ถึงแม้การบ่มเพาะของซูหยุนจะไม่สูงมากนัก แต่ความคล่องตัวของมันมีประสิทธิภาพมาก การโจมตีที่ร้ายกาจของหมอกส่วนใหญ่ถูกหลบได้ แต่ความเร็วโดยรวมยังคงช้ากว่าหมอก ในช่วงเวลาที่หมอกเข้ามาใกล้ ซูหยุนมักจะเอากระดาษแปลก ๆ เพื่อผลักดันหมอกซึ่งจะถูกผลักกลับไปเป็นคู่ ๆ

ถึงแม้ดูเหมือนว่าดีแต่ซูหยุนยังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก

ตอนนี้ใบหน้าของมันไม่มีสีอีกแล้ว ร่างกายของมันดูเหมือนจะหมดอำนาจจิตวิญญาณของมันและความเร็วของมันเริ่มช้าลงและช้าลง มันประทังฝีเท้าของมันไว้ขณะที่มันหนีไปอย่างน่าเหลือเชื่อ จึงดูเหมือนว่ามันจะหลุดออกมาเวลาใดก็ได้จากการแรงจำนวนมหาศาลที่มันกำลังทำอยู่ในขณะนี้

สาวกคนอื่น ๆ กระจายออกขณะที่พวกเขาหนีไป ซูหยุนจ้องไปทางซูโม่วหลี่เพราะความสูงของพวกมัน มันต้องการเปลี่ยนความสนใจของวิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่ว 默死亡ไปที่กลุ่มนี้ โชคดีที่มันได้ผล วิญญาณชั่วร้ายได้กินสาวน้อยหลายคนที่ติดตามซูโม่วหลี่แล้ว อย่างไรก็ตามมันยังไล่ตามซูหยุน

เห็นว่าวิญญาณนี้เป็นอมตะมันก็ไม่ยอมแพ้

“บัดซบเอ้ย!”

ช่วยไม่ได้ที่ซูซูหยุนได้แต่สาปแช่งในภาษาชั่วๆขณะที่มันยังหนีไปข้างหน้าต่อไป

รอบ ๆข้าง ไม่มีป่าที่มืดอีกต่อไป แต่ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดสูงสุดของเขาเปียงกู่

พื้นที่โดยรอบค่อนข้างเต็มไปด้วยพืชที่สั้นๆซึ่งมีหนามหลายชนิด ระหว่างทางมันวิ่งไปขาของมันถูกเี่ยวหลายครั้งและมีเลือดไหลออกมา

ซูหยุนทนรับความเจ็บปวดและหนีด้วยความตื่นตระหนก คราวนี้ถ้ามันหยุดมันจะกลายเป็นกองกระดูกแน่ๆ มันต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ฟิ้ว ...

ทันใดนั้นมีลมหนาวพัดกระหน่ำพัดมาซึ่งช่วยไม่ได้ที่ซูหยุนได้แต่สั่นเล้กน้อย อุณหภูมิโดยรอบก็กลายเป็นน้ำแข็งเย็นราวกับเลือดจะกลายเป็นน้ำแข็ง

"เกิดอะไรขึ้น?"

ซูหยุนกังวล

ในขณะนั้นไม่มีคนเหลือมากนัก อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงหนีต่อไป

"เจ้าหนู เจ้าหนีจริง ๆ ... เจ้าหนีมาที่นี่จรองๆ!"

คราวนี้ด้านหลังมันวิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่ว 默死亡 กำลังไล่ตามมันอย่างไม่ลดละ มันไม่กล้าเข้าใกล้ มันลอยอยู่ในบริเวณนั้นและจ้องเขม็งไปที่ซูหยุน

เช่นเดียวกับที่มันหยุดไล่?

ซูหยุนคิดในใจ แต่ร่างกายของมันสั่นสะท้านจากความหนาวเย็น

เมื่อเห็นว่าจิตวิญญาณไม่ได้ไล่ล่าอีกต่อไปมันก็หยุดวิ่งหนี มันกำลังหอบอย่างหนัก แต่มันก็ตัดสินใจที่สำรวจบริเวณโดยรอบ

อันที่จริงมันเห็นแต่บริเวณที่เป็นหินราบเรียบเท่านั้น มีเพียงไม่กี่พืชพันธุ์ที่อยู่ใกล้กับหน้าผาของยอดเขา แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของมันอยู่ที่ด้านบนของหน้าผามีหินยักษ์ซึ่งสูงประมาณสามเมตร

หินมีสีเข้ม มีจารึกเลือดอันซับซ้อนสลักอยู่บนพื้นผิว มันดูน่าเกรงขามยิ่งนัก

"ผู้นำตระกูลซูรุ่นที่สาม ซูเทียนหลง?" ซูหยุนอ่าน

ซูเทียนหลง? บุคคลนี้เกี่ยวข้องกับประวัติของตระกูลซูอย่างไร?

"ดูเหมือนว่าเจ้ามีความตระหนักในวิญญาณที่กำลังกลืนกินอยู่ภายในสุสาน นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าหนีมาที่นี่! " วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วที่กำลังลอยอยู่ตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว

มีเสียงแหลมล้อมรอบภูเขาเปียงกู่

ในภูเขาที่ไกลออกไปในที่สุดซูโม่วหลี่ก็ออกจากอันตรายเมื่อได้ยินเสียงนี้ มันมองสภาวะอย่างรุกรี้รุกรนเพียงเพื่อดูวิญญาณวิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วกำลังเผชิญกับซูหยุน

"ดูเหมือนว่าแกจะมีชีวิตอยู่ไม่อยู่นาน!" ซูโม่วหลี่กระซิบขณะสูดลมหายใจเฮือก จากนั้นมันก็รีบเดินออกไป

ที่ยอดเขาซูหยุนได้ยินเสียงคำรามจากวิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วและเริ่มตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็ส่ายหัว "ไม่! ข้าไม่รู้จริงๆ "

"เจ้าไม่รู้หรือ?"

"ใช่! ข้าตื่นตระหนกและหลบหนีมาที่นี่ ดูอาการของแกแล้วเนี่ยะ เจ้าปีศาจ ดูเหมือนว่าแกกลัวสถานที่นี้มากนิ? แกไม่สามารถจับข้าได้ใช่มั้ย? แกไม่ได้บอกว่าแกจะใช้สามดวงวิญญาณมนุษย์และเจ็ดดวงวิญญาณอมตะให้ว่างเปล่าและทรมานพวกเขา? ทำไมแกยังไม่ก้าวเข้ามา? " ซูหยุนกินยาบางอย่างและฟื้นฟูกำลังของมัน หลังจากนั้นมันก็เริ่มเยาะเย้ยวิญญาณ

หลังจากวิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วได้ยินอย่างนี้มันก็โกรธ มันครอบงำจิตสังหารของมัน

หลังจากช่วงเวลาหนึ่งความโกรธจู่ ๆ ก็หายไป ...

ซูหยุนรู้สึกประหลาดใจสักพัก "อะไรกัน?แกฆ่าข้าไม่ได้หรือ? "

"ฮ่าฮ่าฮ่า ๆ เจ้าเด็กเหลือ เจ้าฉลาดยิ่งกว่าข้าเสียอีก " วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วหยุดหัวเราะและพูดต่อ "บางทีเจ้าอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับวิญญาณกลืนกินที่ออกมาจากหลุมฝังศพนี้ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข้าอธิบายมัน ตั้งแต่ที่เจ้าเดาว่าข้าไม่สามารถเข้าไปได้เจ้าเริ่มหัวเราะเยาะเข้า เจ้าต้องการที่จะกระตุ้นข้าเพื่อที่ข้าจะวิ่งเข้าไปในสุสานเพื่อกินจิตวิญญาณของเจ้า ซึ่งวิญญาณของสุสานข้าอาจจะถูกกินแทน ...โอ้ เจ้าฉลาดมาก! ยังไงก็ตามแต่เจ้าไม่มีวันประสบความสำเร็จหรอก! ข้าจะไม่หลงกลเจ้า! "

หลังจากซูหยุนได้ยินเรื่องนี้ท่าทางเยาะเย้ยของมันก็หยุดลงทันที จากนั้นมันก็ตอบว่า "โอ้ ในกรณีนั้นแล้วอยู่ข้างนอกรอข้า "

"แค่รอ! แค่รอ! อย่าด่วนดีใจเร็วไป! " วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่รู้สึกเฉลียวใจไม่ใยดี "แม้ว่าวิญญาณจะเริ่มกินพลังจิตของข้า แต่พวกมันก็จะส่งผลต่อเจ้า เจ้าหนู ร่างกายของเจ้าไม่รู้สึกหนาวจัดหรอ ราวกับร่างกายของเจ้าได้กลายเป็นแข็งทั้งตัว? ฮ่าฮ่า ใช่มันสามารถกลืนกินอำนาจจิตวิญญาณของร่างกายเจ้าได้ มันสามารถอม้แต่กินแก่นแท้ชีวิตของเจ้าได้ ไม่นานเจ้าจะตายอย่างน่าเวทนา! เจ้าก็จะกลายเป็นดอกไม้เหี่ยวๆ! ฮ่า ๆ ๆ ... "

หลังจากที่ซูหยุนได้ยินเช่นนี้ดวงตาของมันก็จมลึงลงและกัดฟันกรอด

"ถุยๆๆ ... ." วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วมองผ่านและด้วยเสียงที่โน้มน้าว "ข้าเห็นว่าเจ้าจะประสบเคราะห์มากถ้าเจ้าตายแบบนั้น ว่าไงล่ะเจ้าเพียงแค่ออกมาเท่านั้น? แล้วข้าจะให้เจ้าตายอย่างสบาย "ตกลงมั้ย!" ข้าจะไม่ทำให้เจ้าทรมารหรอก! "

ตอนนี้คนที่เจ็บแค้นคือซูหยุน!

"ไปหา****เเกสิ! ถุย!" ซูหยุนถ่มน้ำลายลงบนพื้น จากนั้นมันก็ตะโกนว่า "ถึงแม้จะต้องตายที่นี่ข้าก็จะไม่ปล่อยให้แกได้ใจหรอก! ถ้าแกกล้างั้นแกก็เข้ามาเลยม่ะ! งั้นๆแหละ แกมันก็ไม่ได้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่อะไร?แก ฆ่าสาวกขั้นพื้นฐานวิญญาณยังไม่ได้เลยหรอ? นี่มันเรื่องตลกชัดๆ! !”

"เจ้า…" วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่ว หอบหายใจถี่ยิบ คู่ดวงตาสีเขียวอี๋ของมันฉายแสงแลบ และหมอกทั้งตัวของมันสั่นสะท้านเหมือนเด็ที่ไม่ดี

ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทนต่อการยั่วยุของซูหยุนได้อีกต่อไป มันกรีดร้องออกมา "เจ้าเด็กน้อย! ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไป! หากว่าเจ้ากระหายที่จะลงนรกแล้วละก็ข้าจะสนองให้กับเจ้า! ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหน้าข้าเจ้ามันก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเศษธุลีเล็ก ๆ ของเม็ดกรวด! "

หลังจากที่มันพูด วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่วเริ่มแผ่กระจายออกไปและร่างกายของมันก็เริ่มกระจายตัวเป็นหมอกคล้ายกับปล่องไฟ พลังปีศาจหยินน่าขนลุกเริ่มมีการสั่งสม

หัวใจของซูหยุนสั่นสะท้านเมื่อมันถามว่า "แกกำลังจะทำอะไร?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด