LSG-บทที่ 53: ตัดรากถอนโคน (อ่านฟรีวันที่19กรกฏา)
บทที่ 53: ตัดรากถอนโคน
ขณะที่กลุ่มคนเหล่านี้ปรากฏตัว
ตามที่กลุ่มผู้คนมองไปรอบ ๆ และนับสักครู่ก็มันแน่นอนแล้วว่ากลุ่มคนที่เพิ่งมาถึงมีคนมากกว่าห้าสิบคน
นอกจากนี้พวกเขามีความพร้อมและเต็มไปด้วยพลัง สาวกบางคนก็สะอาดสะอ้านดังนั้นบางคนอาจจะยังไม่เคยมีประสบการณ์กับการต่อสู้แบบใดเลย ในกลุ่มมีสาวกหลายคนการบ่มเพาะอยู่ในเขตแดนพื้นฐานวิญญาณขั้นที่เก้าหรือสิบ ยิ่งกว่านั้นยังมีสาวกภายในสองคน!
เมื่อคนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นพวกเขาก็ค่อยๆเดินไปที่กลุ่มของซูเฉวียนและล้อมพวกเขาไว้
ขณะที่ซูเฉวียนเหลือบมองกลุ่มที่เข้ามาใบหน้าของเขาจางหายไป เขามุ่งความสนใจไปที่สองสาวกสำนักภายในซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าสาวกสำนักภายนอก ด้านหน้าคือสาวกที่มีอำนาจชั้นสูง "ซูโม่วหลี่! เจ้า ... .บางทีพวกเจ้าอยู่ใกล้ๆพวกเราตลอด!? "
ซูโม่วหลี่สวมเสื้อคลุมสีม่วงผมถักเปียพลิ้วไหวไปตามกระแสลมขณะที่มันพยักหน้า ใบหน้าของมันไม่ได้เปลี่ยนไปในขณะที่มันตอบว่า "มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในบริเวณนี้ จากนั้นเราก็มาถึงที่นี่และสาวกภายในทั้งสองของเราได้ใช้วิชาของพวกเขาและซ่อนกบิ่นอายจิตวิญญาณของพวกเราเอาไว้ ทำให้พวกเจ้าไม่ได้สังเกตเห็นกลิ่นอายจิตวิญญาณของพวกเรา! เรารออยู่ ด้วยเหตุนี้จากความลำบากของเจ้าพวกเราจะได้รับผลประโยชน์! "
“โอ้...ข้าไม่นึกเลยว่าสองกลุ่มที่แตกต่างกันจะเข้าร่วมกองกำลัง! อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกคุณมีปลาจำนวนมากดังนั้นพวกเจ้าตะจัดการรางวัลได้อย่างไร?” ซูเฉวียรถามเสียงดัง
"ผลึกหยกโลหิตทั้งหมดที่ได้มาจะเป็นของข้า สำหรับคนอื่น ๆข้าได้ให้สัญญาว่าจะให้รางวัลที่เหมาะสมในภายหลัง! เมื่อข้ากลับไปยังสำนักภายในข้าจะมอบผลตอบแทนให้! " ซูโม่วหลี่ตะโกน
"พวกเจ้าคงมั่งคั่งผิดหูผิดตามากเลยสิน่ะ!"
ฮ่า ๆ ๆ ... "
"แล้วเจ้าจะจัดการกับพวกเราได้ยังไง?" ซูเฉวัยรถามอย่างอ่อนแอ จากนั้นเขาก็พูดว่า "แล้วเจ้าจะฆ่าพวกเราทั้งหมดหรือไม่"
"ข้าไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น"
ฃนัยน์ตาของซูโม่วหลี่หดแคบลงไปที่อาวุธที่จับแน่นอยู่ในมือของกลุ่มและพูดว่า "ถ้าหากว่าเจ้ายอมจำนนเอาผลึกหยกโลหิตทั้งหมดออกมาและวางอาวุธของเจ้าแล้วพวกเราอาจสัญญาว่าจะไม่ฆ่าเจ้า หลังจากที่ทุกอย่างจบพวกเราไม่ได้โจมตีเจ้าด้วยมือของพวกเราดังนั้นแม้ว่าการทดสอบจะสิ้นสุดเจ้าจะไม่ต้องพูดอะไรแม้กระทั่งหลังจากที่เจ้ากลับไปที่ตระกูลซู"
ตามความเป็นจริง
เหตุผลคืออีกฝ่ายเห็นการต่อสู้ ดังนั้นซูเฉวียนกังวลว่าหลังจากที่พวกมันกลับมาตระกูลซูแล้วเรื่องนี้จะถูกนำเข้าไปยังตระกูลหลัก เนื่องจากการฆ่าสาวกภายในเป็นสิ่งต้องห้ามเมื่อพวกมันถูกเปิดเผยพวกทันจะถึงคราวซวย
ถ้าพวกเขาใช้กำลังบังคับเอา ผลึกหยกโลหิต แน่นอนว่ามันคงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอน่างแน่นอน จะไม่มีความเสียใจเพราะอีกฝ่ายจะไม่มีอำนาจที่จะบ่น
"ศิษย์พี่พวกเราจะทำยังไงดี? ถ้าเราต่อสู้กับพวกเขาด้วยสถานะปัจจุบันของพวกเรา เราจะไม่มีโอกาสชนะ. " เด็กรุ่นเยาว์ที่มีผมยาวกระซิบต่อต้านกับหูของซูเฉวียน
ซูเฉวียน ไม่ได้พูดคำใด ๆ ในขณะที่เขายังคงจมลึกลงไปในความคิด
"ข้ายินดีที่จะมอบของผลึกหยกโลหิต ทั้งหมดให้กับเจ้า ข้าแค่หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ฆ่าข้า! " ทันใดนั้นสาวกสำนักภายนอกตะโกน
เสียงของมันสั่นเทา เห็นได้ชัดว่ามันกลัว
หลังจากที่ซูโม่วหลี่ได้ยินมันก็พยักหน้า "ยังไม่พอ"
ซูเฉวียนเงยหน้าขึ้นมองและจ้องไปที่สาวกที่เต็มไปด้วยความยินดีที่จะส่งผลึกหยกโลหิตให้ ขณะที่เขาวิเคราะห์ใบหน้าเขาจำได้ว่าเป็นซูจว่อ
"ซูจว่อทำไมแกถึงได้โง่นัก?" ซูเฉวียนพูดอย่างรุนแรง
"ศิษย์พี่นี่เป็นวิธีเดียวของพวกเราที่จะออกไปได้ ถ้าเราไม่ยอมแพ้เราจะทำยังไงละ? พวกเรากำลังจะสู้กับพวกเขาจริงๆหรือ? ด้วยระดับสถานะปัจจุบันของเรา? เป็นไปไม่ได้เลยที่จะประสบความสำเร็จ แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเราก็อาจยังไม่แข็งแกร่งไปกว่ากลุ่มนี้ " ซูจว่อพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
ซูเแวียนยังคงเงียบอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจหนัก
"ถ้าหากเรายอมจำนนผลึกหยกโลหิตของพวกเราทั้งหมดผลึกไม่กี่วันที่ผ่านมาจะไร้ประโยชน์?" ซูเฉวียนยิ้มในขณะที่เขากำกำปั้นไว้หลวมๆ
"ดีมาก! ได้….ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าออกไป! " สุดท้ายซูจว่อตัดสินใจที่จะไม่รอซูเฉวียน เพื่อประนีประนอม
ซูจว่อเดินไปและเอาถุงออกจากเอว มีผลึกหยกโลหิตเพียงไม่กี่โหล ทุกอย่างถูกมอบให้กับซูโม่วหลี่
เมื่อซูโม่วหลี่หยิบมันขึ้นมามันกวาดสายตาด้วยตาของมัน จากนั้นมันก็พยักหน้า "ดีมาก!"
"แล้วข้าจะสบายมั้ย? อีกวันก่อนหน้านี้ที่ข้าสมามารถออกไปจากที่นี่ได้ พระเจ้าทอดทิ้งข้า ข้าไม่อยากตายที่นี่ " ซูจว่อโอบกอดใบหน้าของมัน
"ใช่มันคงเป็นวันสุดท้ายที่เหลืออยู่ น่าเสียดายจริงๆหากตอนนี้เจ้าตาย เจ้าสามารถวิ่งไปที่สัตว์อสูรบางตัวซึ่งข้ากลัวจะนำไปเจ้าไปสู่ความตายเจ้าจะทำตามพวกเรา? พวกเราจะคุ้มกันเจ้าและเราจะออกไปด้วยกัน? " ซูโม่วหลี่ถาม
ซูจว่อเริ่มรู้สึกปลาบปลื้มเมื่อเขาพยักหน้า "ดีๆ! “เยี่ยมไปเลย!!”
หลังจากที่เขาพูดแบบนี้แล้วเขาก็เดินไปยังกลุ่มของซูโม่วหลี่
อย่างไรก็ตามทั้งสองสาวกสำนักภายในปิดกั้นเขาด้วยมือของพวกเขา
"เจ้าหนุ่มเจ้าต้องยืนอยู่ตรงนี้!" หนึ่งในสาวกสำนักภายในตะโกนขณะที่เขาชี้ไปยังพื้นที่ที่ซูโม่วหลี่กำลังยืนอยู่
ทำไม? ซูจว่อสับสน
"ทำไมน่ะหรือ? ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า! " สาวกสำนักภายในบอกกับซูจว่อ
ภายในใจซูจว่อโมโหขึ้นเล็กน้อย แต่มันก็สงบลง มันเดินไปทางอีกด้านหนึ่ง
ซูโม่วหลี่เห็นสิ่งนี้เขาตะโกนว่า "มีใครเต็มใจที่จะให้ผลุกหยกโลหิตมั้ย? ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าไปคิดดู ข้าจะให้เวลาพวกเจ้ายอมจำนนหนึ่งก้านธูป แล้วอย่าหาว่าข้าซูโม่วหลี่เป็นคนไร้ความปรานี! "
"ข้ายินดีที่จะมอบผลึกหยกโลหิตของข้า!"
"ข้ายินดีตราบเท่าที่ท่านจะไม่ฆ่าข้า ข้าสัญญาว่าฉันจะให้ทุกคน!"
"ข้าด้วย!"
"ข้า….
.........
ทุกคนยินดีที่จะยอมรับเงื่อนไขของซูโม่วหลี่
"พอ! พอ!"
ซูเฉวียนส่ายหัว เขาสั่งให้รุ่นเยาว์ที่มีผมยาวและสั่ง "เอาผลึกหยกโลหิตออกมา พวกเขาจะได้รับการตอบแทนด้วย
“ครับ....ศิษย์พี่ ... .”
"ทุกคนที่ยืนอยู่ในพื้นกว้างนี้ข้าต้องการนับทุกอย่างทีละชิ้น! หากใครคิดที่จะสร้างปัญหามันจะถูกฆ่าทันที!
ซูเฉวียนไม่ได้ขยับและยืนอยู่ที่นั่นรอ
"น้อง ...น้องสาว ... . ไปที่นั่นกันเถอะ" ซูซิงหยางพูดอย่างอ่อนโยนขณะที่มันสูดลมหายใจเข้า
"อ่า ... . แต่พี่ชายข้าคิดว่าเรื่องน่าสงสัยเล็กน้อย ทำไมเราควรไปยืนที่นั่น อ่าา ... . "
"ใครสนล่ะ!"
"อา ... . เรายืนอยู่บนเส้นขอบของพื้นที่เปิดโล่ง เราจะไม่จอแจกับพวกมัน ข้ารู้สึกสงสัยบางอย่าง. "
"เอาล่ะตั้งใจฟังเถอะ"
พวกเขาเห็นว่าซูโม่วหลี่ก้าวไปข้างหลังสาวกภายในและปะปนกลับเข้ามาในกลุ่ม เขาหายไป
การกระทำนี้คนอื่น ๆ ไม่ได้สังเกตเห็น ซูเฉวียนบังเอิญจับภาพในมุมหนึ่งของสายตาได้อย่างสบายๆ
ในใจเขานึกสงสัยจ้องมองอย่างเงียบ ๆ ที่สาวกภายในภายในฝูงชน เขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าสาวกอื่น ๆ หลายคนมาข้างหน้าและขวางร่างของเขา ซูเฉวียนมองเห็นใบหน้าของสำนักภายในได้ครึ่งหนึ่งเท่านั้น
เขาก็แปลกใจอีกครั้ง เขาพบว่าสำนักภายในปิดหน้าปิดตาเริ่มเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเปิดใช้งานรูปแบบของทักษะบางอย่าง
มันกำลังทำอะไร?
หัวใจของซูเฉวียนเต้นระรัว เขารู้สึกว่าบางอย่างถูกปิด ซูโม่วหลี่ตะโกนจากฝูงชน "ซูเฉวียนทำไมเจ้าไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น?"
"ทำไม ... . ทำไมข้าต้องยืนอยู่ตรงนั้น?"
"ทำไมน่ะหรือ? ข้าแค่อยากให้เจ้ายืนอยู่ในพื้นที่นั้น แล้วเจ้าเพียงแค่ไปที่นั่น อย่าโทษว่าข้าใจร้าย "
"พวกเราให้ผลึกหยกโลหิตพวกเจ้าไปแล้ว เราไม่แข่งขันกับพวกเจ้า พวกเราน่าจะออกไปได้แล้ว ทำไมข้าต้องไปยืนอยู่ที่นั่น? " ซูเฉวียนแอบพาเด็กหนุ่มกลับมา ในเวลาเดียวกันสาวกอื่น ๆ บางคนก็เริ่มก้าวถอยหลัง
ซูโม่วหลี่เริ่มรู้สึกว่าสาวกบางคนตระหนักว่ามีกับดัก ด้วยจิตสังหารฆ่าอย่างรุนแรงจากดวงตาของมัน "ถ้าเจ้าไม่ต้องการที่จะยืนอยู่ที่นั่นก็ไม่ต้องยืนอยู่ที่นั่น นี่พอแล้ว! "
"ดี!"
"??"
ใต้ฝ่าเท้าของคนที่ยืนอยู่ด้านหน้ามีการไหลเวียนของกลิ่นอายที่ลึกลับ จากนั้นโลกเริ่มสั่นคลอนและมีหนามแหลมขึ้นจากพื้นดิน
ฉึก!..ฉึก!..ฉึก!..ฉึก!..ฉึก!..ฉึก!..
มีสาวกหลายคนถูกแทงตายและตายอย่างทรมาร สาวกที่รอดเพียงคนเดียวคือสาวกที่ขอบของพื้นที่ชุมนุม
เพราะความระมัดระวังของซูซินเยี่ยพี่น้องซูซินเยี่ยรอดพ้นจากความตาย
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในกลุ่มของซูเฉวียนได้ตกใจ
"แกไอ้ระยำ ... " ดวงตาของซูเฉวียนกว้างขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
"ฆ่าพวกมันทั้งหมด อย่าให้ใครรอด! "
กลุ่มคนของซูโม่วหลี่เดินไปหาพวกเขา พวกมันง้างกระบี่ของพวกมันทีละคนๆมุ่งตรงไปยังผู้รอดชีวิตกลุ่มซูเฉวียน
หนี?
ซินเยี่ยและซิงหยางหน้าซีด
"Xin Yue, คุณไปก่อน! ข้าจะต้านพวกมันไว้! " ซูซิงหยางพูดอย่างอ่อนระทวย ในขณะที่มันพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นยืน
"ท่านพี่เราหนีไปไม่ได้ ด้วยสภาพตอนนี้ของเรา ...ข้ากลัวว่าเราจะไม่สามารถหนีไปได้ ... "
ซูซิงหยางกำหมัดไว้ "หมอนั่นเป็นไงเป็นกัน ... วันนี้จะเป็นวันที่เราตายไปพร้อมกับกลุ่มคนน่ารังเกียจที่เรายอมจำนนมอบผลึกหยกโลหิตของพวกเราให้ไปแล้ว? ทำไมพวกมันต้องการที่จะฆ่าเรา?! "
"พวกมันต้องกังวลว่าพวกเราจะมีความเสียดาย กลัวว่าในอนาคตพวกเราจะหาโอกาสแก้แค้น พวกมันจึงต้องตัดรากถอนโคน! " ซูซินเยี่ยพูดอย่างขมขื่น
ฟิ้ว!
มีเงามากมายวิ่งผ่าน
กลิ่นอายแห่งความตายพุ่งขึ้นรอบตัวราวกับว่าน้ำป่าไหลผ่านรอบสนามรบ
ใบมีดฉายแววเย็นยะเยือกแห่งความตายกำลังปรี่เข้าหาพวกเขา
เมื่อกลิ่นอายอันเยือกเย็นท่วมท้นทำให้มันกระตุ้นรูขมขนทุกเส้นทั้งหมดของพวกเขา
ซูซิงหยางจ้องที่อาวุธวิเศษที่เข้ามาใกล้ ขณะที่ซูซินเยี่ยหลับตาลง
ตูม! ! ! !
ทันใดนั้นกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกปลิดปลิวไป ตามมาด้วยเสียงแหลมร้องเสียงแหลมสูง
“เจ้าเด็กเหลือขอ! มาลองดูว่าข้าจะเลอะหนักลอกกระดูกทั้งหมดของแกออกมาได้ไหม! ข้าจะกระชากดวงวิญญาณที่เป็นอมตะทั้งสามตัวของเจ้าและเจ็ดร่างมนุษย์ไว้ในช่องว่าง! ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้รับความทรมาน!” ขณะที่เขาได้ยินซูโม่วหลี่รู้สึกประหลาดใจที่ได้พบชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีเงินมาที่นี่
คนผู้นี้ไม่ได้สวมหน้ากาก เมื่อพวกเขามองไปที่ใบหน้าของคนทุกคนรู้จักเขา
"ซูหยุน?"
"ศิษย์พี่ซูหยุน!" ซูซิงหยาง และ ซูซินเยี่ย ร้องไห้ออกมาทันที
"ศฺษย์พี่ซูหยุนออกไป! ซูโม่วหลี่จะฆ่าพวกเราที่นี่มีคนมากเกินไปรีบหนีเร็ว! " ซูซินเยี่ยรีบเตือน
อย่างไรก็ตามซูหยุนไม่ได้ยินเสียงของนางเลย มันายังคงวิ่งราวกับกำลังบินและเล็งตรงไปยังซูโม่วหลี่
ในไม่ช้าเหล่าสาวกเห็นก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขาอย่างใกล้ชิด
"นี่ ... นี่คือ ... " ขณะที่สาวกภายในมองเห็นเมฆดำผิวหนังของเขาก็ซ๊ดจาง เขาตกใจมาก "ระดับดวงจิตวิญญาณ วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่ว 默死亡!" ป 3 lvls เหนือ Su Yun)
"วิญญาณปีศาจจรื่อหวังโม่ว 默死亡?"
"วิญญาณที่ตายไปแล้วของคนตายมีพลังที่จะกลั่นตัวเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว? ไม่ ... อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับบางอย่างเช่นรูปแบบนี้? มันจะปรากฎในเขาเปียงกู่ได้อย่างไร? "
"บรรดาพ่อเฒ่าที่ทำหน้าที่หลักต้องมีอำนาจระดับสูง นอกจากนี้นักรบจำนวนมากถูกฝังอยู่ในภูเขาเปียงกู่ กลิ่นอายของความชั่วร้ายที่ปล่อยออกมาหลังจากความตายต้องเป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนี้ "
ทุกคนตะลึง พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านขณะที่ขาของพวกเขากระปกกระเปลี้ย
ทั้งสองสาวกสำนักภายในและซูโม่วหลี่หันไปรอบ ๆ และรีบหนีไป
ไปๆ!
ซูหยุนพูดหลังจากที่เขายกคิ้วขึ้นขณะที่วิ่งผ่าน ซูซิงหยาง และ ซูซินเยี่ย
ทั้งสองไม่ลังเลที่จะรีบลุกขึ้นและเดินโซเซไป
เมื่อเห็นมวลของวิญญาณชั่วร้ายวิ่งเข้าหากลุ่มสาวกห้าสิบคนหนีไปในทุกทิศทาง
ภาพความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทุกคนหนีไปในทิศทางของตัวเอง ...