บทที่ 6 : เทพธิดาน้ำแข็ง
บทที่ 6 : เทพธิดาน้ำแข็ง
ถังเจิ้ง ได้ยินเสียงแปลกๆ เหนือศีรษะ ในใจของเขากลายเป็นหนาวเหน็บ โดยไม่จำเป็นต้องมอง เขาก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั่นเขาก็เคลื่อนที่จากจุดเดิมไป1เมตร
ซ่า ซ่า!
ถังน้ำขนาดใหญ่บนประตูได้ปล่อยน้ำลงมาใส่พื้น จนเกิดเป็นภาพดอกไม้น้ำแข็ง
ทั้งห้องกำลังมองมาที่ถังเจิ้ง ใบหน้ายิ้มแย้มที่กำลังคาดหวังว่าจะได้เห็นโชว์ดีๆ แต่ตอนนี้พวกเขาช็อค เดียว ... เกิดอะไรขึ้น การทดสอบล้มเหลวได้ยังไง ถังเจิ้งควรกลายเป็นหนูตกน้ำไปแล้วสิ?
การแสดงพลัง!
ถังเจิ้ง แสยะยิ้มเล็กน้อย ตามที่คาดไว้ ห้องนรกนั่นไม่ง่ายเลย นี้คือวิธีที่พวกเขาใช้ต้อนรับเด็กใหม่
เขากวาดสายตาไปยังพวกนักเรียนที่ยังคงตะลึงอยู่ และพบว่ามีที่นั่งสองที่นั่งอยู่แถวสุดท้าย เขาจึงเดินไปนั่งทันที
เมื่อเห็นภาพนี้ การแสดงออกของคนในห้องกลายเป็นซับซ้อน นัยน์ตาของหลายๆคนแสดงถึงความสุขในความโชคร้ายของผู้อื่น
ติ๊งต่อง!
เสียงระฆังดังขึ้น เป็นสัญญาณเริ่มเรียน คลื่นเสียงที่เกิดจากการนำส้นรองเท้ากระทบพื้นดังออกมา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ได้ยินเสียงนั่นผู้ชายทั้งหมดในห้องได้นั่งตัวตรงและกลั้นลมหายใจของพวกเขา ราวกับว่าเป็นยีราฟที่กำลังชะเง้อคอมองไปที่ประตู
ได้มีสาวสวยคนหนึ่งปรากฏตัวที่ประตู และในขณะนั้นห้องทั้งห้องดูเหมือนจะมีสีสันเพิ่มเข้ามาทำให้อากาศสดชื่นขึ้น
ถังเจิ้ง ได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของพวกเขา และความประหลาดใจได้แสดงในสายตาของเขา
เทพธิดา!
นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในใจเขา ผู้หญิงคนนี้มีใบหน้ารูปไข่ คิ้วเหมือนต้นหลิว เอวที่บางเหมือนงูน้ำ ใส่ชุดสูทแบบมืออาชีพ และมีหน้าที่เย็นชา เธอเหมาะที่จะเป็นเทพธิดาน้ำแข็งมากที่สุด
แม้ว่า ถังเจิ้ง จะเคยเห็นครูคนอื่นที่ใส่ชุดสูทมาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาเหล่านั่นก็ไม่สามารถเทียบได้แม้แต่นิดเดียว
ชุดสูทที่เธอใส่ได้แสดงให้เห็นถึงร่างกายอันสวยงามได้อย่างชัดเจน เธอมีหน้าอกที่ใหญ่จนราวกับว่าพวกมันจะทะลักออกมาจากเสื้อนั่น และถุงน่องผ้าไหมสีดำที่ใส่กับขายาวเรียวงามของเธอ สร้างภาพที่สามารถทำให้ผู้คนเป็นบ้าได้ง่ายๆ
นี่ช่างเป็นการล่อลวงที่รุนแรงถึงตาย แม้แต่กับคนเคยชินกับความงามแล้วก็ตาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกวัยรุ่น ที่เป็นวัยฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใบหน้าที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของเธอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนรู้สึกต่ำต้อยกว่า แต่ในเวลาเดียวกันไม่สามารถที่จะหยุดเพ้อฝันได้
“เธอเป็นครูประจำห้องเรียนนี้เหรอ?” ในใจของถังเจิ้งเกิดคำถามขึ้น ว่าทำไมเขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อน
เธอหยุดยืนที่ประตูครู่นึง มองลงมาที่พื้นที่เปียกโชก เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูดีมาก
เธอก้าวเดินไปที่แท่นยืน จากการที่เธอกำลังกอดหนังสืออยู่ ทำให้เห็นหน้าอกขนาดใหญ่ได้ชัดเจนมาก เป็นภาพที่สวยงาม
เด็กผู้หญิงหลายคนมองด้วยความอิจฉา และรู้สึกราวกับว่าโดนระเบิดครั้งใหญ่ พวกเธอก้มหัวมองลงไปที่.....ขนาดเล็กของตัวเอง เกิดความอับอายและไม่สามารถแสดงใบหน้าของพวกเธอได้
“ได้เวลาเรียนแล้ว” เธอพูดเบา ๆ
“ทั้งหมดยืนขึ้น” ก้อนไขมันที่นั่งด้านหน้าของ ถังเจิ้ง พูดเรียกดัง
“สวัสดีตอนเช้าครับ/ค่ะ ครู” นักเรียนทุกคนยืนขึ้น ผู้ชายร้องตะโกนดัง ในขณะที่ผู้หญิงพูดเบาๆ
เธอพยักหน้า แล้วให้สัญญาณทุกคนนั่งลงได้ เธอกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ก่อนที่จะหยุดที่ถังเจิ้ง เธอพูดเย็นชาว่า “นักเรียนใหม่ ถังเจิ้ง ฉันเป็นครูของนาย หลิวชิงเหมย(Liu Qingmei) อย่างแรกนายต้องแนะนำตัวเองก่อน”
ถังเจิ้ง ยืนขึ้นมองไปที่คนในห้อง และพูดเบาๆว่า “ฉันชื่อ ถังเจิ้ง ถัง มาจาก ถังเจิ้ง และ เจิ้ง มาจาก ถังเจิ้ง”
(@เล่นใช้ชื่อตัวเอง เพื่อแนะนำตัวเอง lol สุดยอด)
หลิวชิงเหมย พยักหน้าให้ เธอรู้สึกพึงพอใจกับคำพูดรวบรัดของเขามาก เพราะเธอไม่ชอบคนที่ยืดเยื้อ
เธอรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของ ถังเจิ้ง มาบ้าง คือเขาเคยเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์ซึ่งตกสู่ชั้นล่าง ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ จะทำให้คนที่อยู่รอบๆรู้สึกอึดอัด แต่การได้เห็นเขายังคงมีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก ทำให้เธอต้องเพิ่มระดับของความชื่นชมต่อเขา และรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย
“นั่งได้” หลิวชิงเหมย มองไปที่ที่เขานั่ง เธอกระพริบตาอย่างประหลาดใจ และพูดว่า “นายไม่อยากเปลี่ยนที่นั่งเหรอ?”
ถังเจิ้ง ไม่เข้าใจ ที่นั่งนี้อยู่ด้านหลังแถมยังเป็นที่นั่งว่าง ทำให้ยากที่จะมองเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากำลังมองหาอยู่
“ไม่ครับ ผมชอบตรงนี้ ขอบคุณครับ”
หลิวชิงเหมย อ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูด สีหน้าของคนในห้องบอกอย่างชัดเจนว่ากำลังสนุกเพลิดเพลินกับความโชคร้ายของคนอื่น ทำให้ ถังเจิ้ง รู้สึกสับสนมาก
หลิวชิงเหมย เริ่มบทเรียนของเธอ ขณะที่ ถังเจิ้ง ฟังเงียบๆ บทเรียนนี้สอนดีมาก และตัวของครูเองก็ยังมีแรงดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้
“เธอดูเหมือนจะมีอายุเพียง 25 หรือ 26 ปี แต่เธอดูชำนาญในการสอนมาก ยิ่งกว่าครูคนอื่นๆ ซึ่งน่าประทับใจมาก” ถังเจิ้งแอบพูดแบบเงียบ ๆ
เส้นเลือดอุดตันในสมองของเขาได้รักษาแล้ว และจากการที่ความรู้มากมายฟื้นกลับมา ทำให้บทเรียนดูง่ายมาก
เขาเลิกฟังครูบรรยาย แต่มาบ่มเพาะ คัมภีร์โบราณล้างสวรรค์แทน โดยไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาต้องไปถึงระดับ ชำระล้างปราณขั้น3 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โดยไม่รู้ตัว ได้หมดเวลาเรียนแล้ว หลิวชิงเหมย กอดหนังสือของเธอและเดินออกจากห้องไป ทันใดนั่นทั้งห้องก็เกิดเสียงดังราวกับว่าเป็นตลาดขึ้นมา
“ถังเจิ้ง มันจะดีกว่า ถ้านายรีบเปลี่ยนที่นั่งซะ” ก้อนไขมันด้านหน้า พูดอย่างลับๆ ถังเจิ้ง สงสัยและถามว่า “ทำไมฉันต้องเปลี่ยน? ฉันคิดว่าที่นั่งนี้ค่อนข้างดีเลยนะ”
“อ่า มันจะดีกับตัวนายเอง ไม่งั้นมันจะสายเกินไป โอ้ ให้ฉันแนะนำตัวเองฉันชื่อ เฟิงหยาง(Feng Yong) และเป็นหัวหน้าห้องนี้”
“เจ้าอ้วน แกกำลังจะพูดอะไร ที่นั่งนี้มีอะไรไม่ดี? ระวังตัวไว้ ถ้าพี่สาว ติงต่าง(Dingdang) ได้ยิน เธอด่าแกเปิงแน่”เสียงหยาบกร้านดังออกมา และชายร่างใหญ่ยืนหน้าโต๊ะของถังเจิ้งดุจเจดีย์เหล็ก
ถังเจิ้ง เหลือบมอง ชายคนนี้สูง185เซนติเมตร ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
เฟิงหยาง หดคอลง ขณะที่รีบอธิบายว่า “เกาต้าจือ(Gao Dazh) ฉันไม่เคยพูดอะไรไม่ดีกับที่นั่งนี้เลยนะ ฉันแค่กังวลว่าเพื่อนร่วมชั้นถังเจิ้ง จะนั่งห่างกระดานเกินไปจนไม่เห็นตัวหนังสือ
เกาต้าจือ หัวเราะ 'เหอะๆ' ไม่ให้ความสนใจใดๆกับ เฟิงหยาง หันไปหา ถังเจิ้ง และพูดว่า “งั้นแกก็เป็นหมายเลข 1 คนก่อนของโรงเรียนสินะ? ฮี่ ฮี่ ดูไป แกก็ไม่ค่อยเท่าไหร่เลยนี่หว่า และตอนนี้แกก็ตกลงมาที่ห้องนรกของเราแล้ว”
“ฉันคิดว่าห้อง 7 ก็ไม่เลว” ถังเจิ้ง พูดเบาๆ
“จริงดิ? ห้อง 7 เป็นห้องต่ำสุด ตัวแกที่เป็นถึงนักเรียนดีเด่น คงจะไม่เห็นห้องนี้อยู่ในสายตาเลยสินะ” เกาต้าจือ พูดเยาะเย้ย
“ถ้าแม้แต่นายยังคิดว่าห้องนี่มันชั้นต่ำ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด นายเป็นส่วนนึงของห้องนี้แต่ก็ใช้ว่านายจะสามารถเป็นปากเสียงแทนคนทั้งห้องได้”
“เพื่อนร่วมห้อง ถังเจิ้ง พูดถูกแล้ว จริงอยู่ที่ห้องเรามันแย่ แต่ฉันเชื่อว่าสักวันมันจะดีขึ้น” เฟิงหยาง พูดขึ้นมา
“เจ้าอ้วน ตรงนี่ไม่มีที่ให้แกออกเสียงหรอกนะ” เกาต้าจือ โกรธ “ถังเจิ้ง แกเป็นที่โหล่ของแท้ในโรงเรียนนี่ ฮ่า ฮ๋า สายตานั่นมันอะไรกัน”
ตาของถังเจิ้งเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ไม่นานก็หายไป ใจเขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไปมีเรื่องกับ เกาต้าจือ
เมื่อเห็นว่า ถังเจิ้ง ไม่พูดอะไร เกาต้าจือ ก็ยิ้มอย่างภูมิใจในตัวเอง และในขณะที่เขากำลังจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เขาได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “เกาต้าจือ แกกำลังทำลับๆล่อๆอะไร ถึงมายืนตรงที่นั่งของฉัน?”(@แม่มาแล้ว555)
ร่างกายของ เกาต้าจือ แข็งค้าง และรีบถอยกลับมา3ก้าว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “พี่สาวสาว ติงต่าง ฉันแค่กำลังช่วยพี่สอนเด็กใหม่ ที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
เย่ ติงต่าง(Ye Dingdang) ก้าวเดินไปย่างมั่นใจและองอาจ ดวงตาที่ชาญฉลาดกวาดมองไปที่ ถังเจิ้ง ซึ่งดูเหมือนนั่งสบายๆ ภายใต้พายุ และเธอยกคิ้วขึ้นก่อนที่จะถามว่า “นายเป็นใคร และทำไมถึงมานั่งที่นั่งของฉัน?”
ติงตาง ที่กำลังมีความสุขกับความซวยของถังเจิ้ง ยิ้มแย้มแจ่มใสกล่าวว่า “พี่สาว ติงต่าง มันเป็น .....”
“หุบปาก ฉันไม่ได้ถามแก ฉันถามนายคนนี้อยู่” เย่ติงต่าง พูด ขณะที่จ้องมอง ถังเจิ้ง เสียงของเธอไร้ซึ่งไมตรี เกาต้าจือ หุบปากด้วยความกลัว
ถังเจิ้ง มองไปที่เธอ พี่สาว ติงต่าง เธอเป็นใคร? ผู้หญิงที่คาดคิดไม่ถึงคนนี่ทำให้ เกาต้าจือ ต้องหยุดด้วยความกลัว แน่นอนว่าเธอต้องไม่ธรรมดา
"ชื่อของฉันคือ ถังเจิ้ง ที่นั่งนี้ยังว่าง และไม่ใช่ของเธอ” ถังเจิ้ง พูดด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบา
“นายคือเจ้าหนอนหนังสือ ถังเจิ้ง!” เย่ติงต่าง กล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น “งั้นถ้านายคือ ถังเจิ้ง ตอนนี้นายกำลังนั่งที่นั่งของฉันอยู่ ฉันจะบอกอะไรให้ ทั้งสองที่นั่งนี่เป็นของฉัน”
ถังเจิ้ง มองไปที่ก้นของเธอ และคิดในใจว่า 'ก้นเธอก็ค่อนข้างใหญ่(‘your butt is pretty perky เผื่อแปลผิด) แต่มันไม่ใหญ่พอที่จะนั่งสองที่นั่ง'
เย่ติงต่าง กำลังคลั่ง ชายนี้กล้าที่จะจ้องมองก้นของเธอ และยิ่งไปกว่านั้นท่าทางของเขายังแสดงออกมาหมดว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ลุกขึ้น!” เย่ติงต่าง พูดด้วยความโกรธ
ถังเจิ้ง ย่นคิ้ว พี่สาว ติงต่าง สวยเทียบได้กับ ฟางซือซือ แต่ลักษณะนิสัยของเธอแตกต่างกันมาก เธอคนนี้ไม่มีเหตุผลเลย
เมื่อก่อน ถังเจิ้ง หมกมุ่นอยู่กับการเรียน ดังนั้นจึงไม่เคยได้ยินชื่อ เย่ติงต่าง แต่เธอก็เป็นที่นิยมเหมือนกับ ฟางซือซือ
“ฉันกำลังจะเรียนต่อ ได้โปรดอย่ารบกวนฉัน” ถังเจิ้ง พูดอย่างเย็นชา
คนทั้งห้องถูกดึงดูดด้วยฉากนี่ ราวกับว่ากำลังดูการแสดง ติงต่าง เป็นเหมือนกับพระเจ้าของห้อง 7 เพราะไม่เพียง เธอสวย แต่เธอยังแข็งแกร่ง แม้แต่คนโง่ เกาต้าจือ ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเอกลักษณ์ของเธอก็ยังลึกลับ และพวกเด็กรวยก็ยังไม่กล้าขัดใจเธอ
วันนี้ นักเรียนใหม่ ถังเจิ้ง กล้าต่อต้านเธอ พระอาทิตย์ต้องขึ้นจากทิศตะวันตกแน่ๆ
เย่ติงต่าง โกรธ และมองซ้ายขวา เนื่องจากไม่มีอะไรเกี่ยวกับ ถังเจิ้ง ดูธรรมาดาไปหมด เธอคว้าไปที่หนังสือในมือของ ถังเจิ้ง และพูดว่า “เฮอะ ฉันไม่ให้นายอ่าน”
มือของ ถังเจิ้ง ขยับ และหลบได้อย่างชาญฉลาด
เย่ติงต่าง ช็อค มือของเธอไม่เคยพลาดเป้า แต่คราวนี้มือเธอคว้าได้แต่อากาศ
ถังเจิ้ง ยังก้มหน้าต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และอ่านหนังสือต่อ
"ใช่แล้ว มันก็แค่ผิดพลาดนิดหน่อย ดูสิว่า ฉันจะสอนบทเรียนนายยังไงดี” เย่ติงต่าง ปลอบตัวเอง ขณะที่เธอจับขอบโต๊ะ และดึงออกมา ในเวลาเดียวกันก็เตะใส่ ขาถังเจิ้ง
มีเสียงชนดังออกมา
“โอ๊ย!”
เสียงร้องอนาถดังออกมา และทุกคนรู้สึกมีความสุข ในใจพวกเขาคิดว่าถังเจิ้งโดนดี เพราะเขาดันไปมีเรื่องกับคนที่เขาไม่ควรหาเรื่อง เช่น เย่ติงต่าง
คนอย่าง เย่ติงต่าง คุณสามารถตอแยได้หรือไง?
ฟางหยางปิดตา ไม่กล้ามองฉากโหดร้ายได้
เกาต้าจือ ยังมีรอยยิ้มที่ชั่วร้าย และดูภูมิใจในตัวเอง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็แข็ง อ่า ทำไมคนที่กำลังกอดขาตัวเองและกรีดร้องอย่างน่าสังเวชคือ เย่ติงต่าง ไม่ใช่ ถังเจิ้ง
ทำไมคนนอกคนนี้ ถึงได้อ่านหนังสือราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่แตกต่างเพียงอย่างเดียวคือตอนนี้มีเก้าอี้พิเศษอยู่ข้างหน้าเขา(@กันลูกเตะแม่เสือสาว)
คนอื่นๆก็เริ่มรู้สึกตัว พวกเขาช็อค เมื่อพวกเขามองไปที่ฉากนี้ สมองของพวกเขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์นี้ได้
@cultivator ผู้บ่มเพาะดีไหมครับ หรือ ผู้บำเพ็ญตน ดี?
ลงช้าติดนิยาย บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ครับ มันมากวางไม่ลงเลย ใครไม่เคยอ่านควรลอง555