ตอนที่แล้วตอนที่ 80 จำได้หรือยัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 82 เขตเเดนโบราณพฤกษาเขียวขจี

ตอนที่ 81 หญ้าผนึกปฐพี


ได้ยินที่ฉางหยางถามออกมา นางเผยรอยยิ้มที่สดใสแล้วกล่าวอย่างภูมิใจ

“ท่านต้องจำไว้ด้วย ข้าไม่ได้ชื่อหนูน้อย แต่ข้าชื่อเยว่ฉาน เยว่ฉาน ท่านเข้าใจไหม ต่อไปนี้ท่านเรียกข้าด้วยชื่อนี้เท่าห้ามเรียกข้าว่าหนูน้อยอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธท่านจริงๆด้วย ฮึ! เอ๋แต่เดี๋ยวก่อน ข้ายังไม่รู้นามของท่านเลย”

ฉางหยางมองดูเยว่ฉานอย่างขบขัน เพราะสายตาของนางที่จ้องมองมาทางเขาเหมือนกับว่านางกำลังรอคอยขนมหวานจากเขาก็มิปาน เกือบทำให้เขาแทบจะกั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ และตอบไปทั้งน้ำตาเล็ด

“พิ...พี่ชายที่แสนดีผู้นี้ มีนามว่าฉางหยาง”

“ฉางหยางรึ อืม ต่อไปนี้ข้าจะเรียกท่านว่า ท่านพี่หยางและท่านจะต้องดูแลข้าไปตลอดด้วย” เยว่ฉานขบคิดอย่างน่ารัก พร้อมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่ก้องกังวาล

“แล้วเยว่ฉานผู้น่ารักของข้ามาอยู่ที่แห่งนี้ได้อย่างไร” ฉางหยางถามออกไปอย่างสงสัย เพราะเขาเองก็หลีกเลี่ยงผู้ฝึกวรยุทธพอสมควร แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าหนูน้อยเยว่ฉานผู้นี้จะตามหาเขาเจอได้

“จะอย่างไรได้เล่า ข้าก็เดินตามหาท่านพี่หยางไปทั่วบริเวณงานชุมนุมเลยสิ แต่ก็หาอยู่นานกว่าจะเจอท่านได้ ว่าแต่ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่ป่าแห่งนี้” เยว่ฉานถามด้วยใบหน้าที่สงสัย

“ข้าแค่มานั่งชมดาวเท่านั้น แต่เดี๋ยวข้าก็จะกลับไปที่พักแล้ว” ฉางหยางได้โกหกไป เพราะเขารู้แล้วว่าหากบอกว่าป่าแห่งนี้เป็นที่พักสำหรับคืนนี้ หนูน้อยผู้นี้ต้องขอร้องให้เขาไปพักที่ตระกูลของนางแน่นอน ซึ่งเขาเองก็จำได้เหมือนกันว่าตระกูลเยว่นั้นมีอำนาจไม่แพ้เหล่านิกายระดับสูงแม้แต่น้อย เหตุผลนี้เองทำให้เขากล่าวอย่างนั้นออกไป

ระหว่างนั้นเองก็ผู้ฝึกวรยุทธพุ่งมาหาพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว ฉางหยางรีบอุ้มเยว่ฉานแล้วกระถอยหลังกลับไป แล้วสายตาก็เพ่งมองตรวจสอบผู้มาใหม่อย่างระมัดระวัง แต่ทว่ากลับมีเสียงดังขึ้นก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร

“คุณหนูเยว่ฉาน! ไอ้หนูปล่อยนางซะ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

ฉางหยางคิ้วกระตุกเล็กน้อย เขามองไปที่ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีดำทั้งตัว ใบหน้ามีผ้าคลุมปิดอย่างมิดชิด แต่เผยให้เห็นแววตาที่คมกริบสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย แต่ทว่าระดับการบ่มเพาะของชายผู้นี้อยู่ในชั้นปราณผันผวนขั้นที่แปดเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามเยว่ฉานที่ถูกฉางหยางอุ้มอย่างไม่ทันตั้งตัว นางก็ตกใจเช่นกันแต่ก็ได้ยินเสียงของท่านลุงที่คุ้นเคยกล่าวออกมาจนเรียกสติของนางกลับมาได้

“ท่านลุงไม่เป็นไรหรอก ท่านพี่หยางไม่ได้ทำอะไรข้า เขาแค่จะปกป้องข้าเท่านั้นเอง”

ได้ยินที่เยว่ฉานกล่าว เขาก็เข้าใจทันทีว่าชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นผู้ฝึกวรยุทธตระกูลเยว่ที่ส่งมาคุ้มกันหนูน้อยเยว่ฉานแน่นอน จากนั้นมือที่กำลังอุ้มเยว่ฉานก็คลายออกทำให้ร่างของนางร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบา พร้อมคำกล่าวอธิบายออกไป

“ข้าแค่นึกว่ามีผู้จะโจมตีเข้ามา เลยต้องป้องกันไว้ก่อน”

ชายวัยกลางคนเห็นฉางหยางคลายเยว่ฉานจากอ้อมแขน เขาก็รีบพุ่งไปคว้าตัวนางมาทันที แต่เขาก็ต้องแปลกใจอย่างมาก เพราะไอ้หนูผู้นี้ทั้งที่มีระดับอยู่แค่ปราณนิมิตรเท่านั้น แต่ทำไมถึงมีแววตาที่เยือกเย็นได้ขนาดนี้ แถมสัญชาตญาณของเขากำลังกรีดร้องบอกว่าไอ้หนูผู้นี้มันอันตรายมาก มันให้เขารู้สึกหวาดกลัวไปชั่วขณะเลยทีเดียว

“ท่านลุงกลับกันเถอะ เดี๋ยวท่านพ่อจะเป็นห่วงเอา ข้าต้องลาท่านแล้วท่านพี่หยาง” เยว่ฉานกล่าวกับชายวัยกลางคน จากนั้นนางก็หันหน้าไปโบกมือให้กับฉางหยางพร้อมกับเดินจากไป

ฉางหยางที่ยืนอยู่ก็ต้องสายหน้าให้กับความซุกซนของนางจริงๆ แต่ตอนนี้ก็ถึงเวลาของเขาที่จะได้พักเสียที

รุ่งเช้าได้มาเยือน วันเหล่าผู้ฝึกวรยุทธได้มารวมตัวกันอยู่ที่ทะเลสาบอย่างคับคั่ง เพราะว่าที่แห่งนี้เป็นทางเข้าของเขตแดนโบราณพฤกษาเขียวขจี

อย่างไรก็ตามตรงนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นทางเข้าเลยซะทีเดียว ปกติแล้วเขตแดนโบราณจะเป็นมิติที่ปิดตายแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง และก็จะไม่มีประตูเข้าเหมือนกับห้องพักหรือห้องเก็บสมบัติ

แต่เขตแดนโบราณทุกแห่งจะมีมิติที่อ่อนกำลังอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งผู้สร้างมันได้ทำจงใจทำเอาไว้เพื่อเป็นทางเข้าออกที่สะดวก เพียงแค่ปลดปล่อยพลังเล็กน้อยก็สามารถเปิดมิติที่อ่อนกำลังได้แล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะหามิติที่อ่อนกำลังเจอหรือไม่ และหากยังหาไม่เจอก็จะเป็นการยากที่จะเข้าไปภายในได้

ตอนนี้ฉางหยางกำลังยืนรวมกลุ่มกับเหล่าผู้ฝึกวรยุทธรุ่นเยาว์ เขาสำรวจทุกคนแล้วก็พบว่าพวกเขาเกือบทั้งหมดตัดผ่านเขาสู่ชั้นปราณบรรจบกันเกือบหมดแล้ว แต่ก็มีบ้างที่อยู่ในชั้นปราณนิมิตรเหมือนกับเขา

ขณะที่เขากำลังมองดูรอบๆอยู่ ก็มีชายชราเดินมาที่ข้างของพวกเขา แล้วกล่าวออกมาเสียงดัง

“ข้าชินกุนหลี่ วันนี้ข้าจะมาอธิบายเกี่ยวการแข่งล่าสมุนไพรที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้ เพราะอย่างไรทางราชวงศ์ชินของพวกข้าได้เจอทางเข้าเขตแดนโบราณแห่งนี้ เมื่อไม่นานนี้เอง แต่ทว่าเขตโบราณแห่งพฤกษาเขียวขจีกลับมีกฎของอักขระโบราณจารึกลงไปตอนสร้างเขตแดนขึ้นมา

ใช่แล้วกฎที่ว่านั้นก็คือ ผู้ที่จะเข้าเขตแดนโบราณแห่งนี้จะต้องมีอายุน้อยกว่ายี่สิบปีเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกข้าเปิดรับเพียงผู้ฝึกวรยุทธรุ่นเยาว์เท่านั้น ส่วนสำหรับการแข่ง ข้าจะให้พวกเจ้าตามหาสมุนไพรบางอย่าง”

หลังจากที่ชินกุนหลี่กล่าวจบ เขาก็หยิบหญ้าชนิดหนึ่งขึ้นมา ตามลำต้นและใบมีสีเขียวเหมือนกับหญ้าที่เกิดตามพื้นธรรมดา แต่ทว่าดอกของมันกลับเป็นผลึกสีน้ำตาลส่องแสงสะท้อนแสงตะวันเป็นประกาย

ฉางหยางเห็นหญ้าที่อยู่ในมือของชินกุนหลี่ เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องเป็นหญ้าผนึกปฐพีแน่นอน เพราะเขาเคยเห็นมันตำราเก่าแก่ที่ชายวัยกลางคนให้เขาไว้

“หญ้าผนึกปฐพี อันนี้คือสมุนไพรที่จะใช้สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ แต่ว่าการจะหามันพบนั้นยากกว่าปีนขึ้นภูเขาก็มิปาน เพราะหญ้าผนึกปฐพีต้นนี้ มันจะเกิดจากพลังลมปราณบริสุทธิ์ที่สะสมตามพื้นดิน แล้วจากนั้นมันก็จะผนึกเอาพลังลมปราณเหล่านั้นมาใช้ในการเติบโต

ซึ่งทำให้พวกเราเหล่าผู้ฝึกวรยุทธไม่รู้บริเวณที่มันเกิด เพราะพลังลมปราณบริสุทธิ์ที่สะสมตามพื้นดินผู้ฝึกวรยุทธอย่างเราสัมผัสมันได้เบาบางมาก ซึ่งมันก็ขึ้นกับความสามารถของพวกเจ้าทุกคน แล้วว่าจะหาหญ้าผนึกปฐพีเจอได้รึไม่เท่านั้นเอง

ส่วนสำหรับผู้ชนะจะตัดสินกันที่จำนวนของหญ้าผนึกปฐพีที่พวกเจ้าได้เก็บมา แล้วของรางวัลในคราวนี้เป็นอาวุธระดับปราณก่อเกิด ซึ่งสามารถไปเลือกได้จากคลังสมบัติของราชวงศ์ชินได้ สำหรับผู้ที่เจอหญ้าผนึกปฐพีแต่พ่ายแพ้วพวกเจ้าสามารถนำมาแลกหินจิตมารได้ถึงหนึ่งแสนก้อนเลยทีเดียว ”

เหล่าผู้ฝึกวรยุทธได้ยินของรางวัลสำหรับผู้ชนะ พวกเขาถึงกับตาโตด้วยความโลภอย่างช่วยไม่ได้ เพราะต้องรู้ไว้ก่อนว่าอาวุธชั้นปราณผันผวนนั้นหายาก และการจะสร้างมันขึ้นมาได้ต้องเสียวัตถุดิบจำนวนมหาศาลเลย โดยเฉพาะหินจิตมารที่ให้สำหรับการสร้างมันไม่อาจจินตนาการได้

“จะบ้ารึไร ทำไมรางวัลแค่การแข่งล่าสมุนไพรมันถึงล้ำค่าขนาดนั้น ในอาณาจักรชินมีอาวุธชั้นปราณก่อเกิดไม่ถึงยี่สิบชิ้นด้วยซ้ำ”

“ใช่แล้ว พวกเขาบ้าไปแล้วที่กล้าเอาอาวุธชั้นปราณก่อกำเนิดมาเป็นรางวัลในครั้งนี้ หรือว่าพวกเขาต้องการหญ้าผนึกปฐพีขนาดนั้น ถึงกลับตั้งรางวัลล่อเหล่าผู้ฝึกวรยุทธรุ่นเยาว์อย่างนี้”

“ข้าว่าพวกเจ้าอย่าพึ่งได้ตื่นตระหนกไป เพราะเขตแดนพฤกษาเขียวขจีแห่งนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างที่รอต้อนรับเหล่าผู้ฝึกวรยุทธรุ่นเยาว์แน่นอน”

กลุ่มผู้ฝึกวรยุทธพากันพูดคุยกันอย่างเสียงดัง เพราะมันแปลกเกินไปที่ราชวงศ์ชินนำสมบัติล้ำค่ามาเป็นรางวัล พวกเขาทั้งหมดได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ

ณ มุมหนึ่งของงานชุมนุม หลางชิงเหอที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ปั้นยาก เพราะหญ้าผนึกปฐพีมันส่วนผสมในการปรุงเม็ดยา “เบิกสวรรค์” ซึ่งมันใช้ในการตัดผ่านปราณก่อเกิดเข้าสู่ปราณธรรมชาติ มันก็คือปราณปฐพีนั้นเอง

“งั้นก็หมายความว่าราชวงศ์ชินมีผู้ที่สามารถจะข้ามผ่านเข้าสู่ปราณปฐพีได้แล้ว มันต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน”

ใช่แล้วระดับการบ่มเพาะตั้งแต่ชั้นปราณนภาจนถึงปราณก่อเกิดเป็นเพียง “ปราณมนุษย์”เท่านั้น ส่วนชั้นปราณปฐพีขึ้นไปจะเรียกโดยรวมว่า “ปราณธรรมชาติ”

แต่ทว่าการจะข้ามผ่านปราณมนุษย์ไปปราณธรรมชาติ ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างของร่างกายใหม่ทั้งหมดด้วยเม็ดยา “เบิกสวรรค์” ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อ  ผิวหนัง กระดูก จุดชีพจร เส้นพลังลมปราณ ประสาทสัมผัสทั้งห้า ทุกอย่างจะถูกเม็ดยานี้ทำให้ขยายแข็งแกร่งขึ้น รับรู้ได้เฉียบคมขึ้น ทนทานและยืดหยุ่นมากกว่าเดิม และสำคัญที่สุดคือสามารถรองรับพลังลมปราณที่เข้มข้นบริสุทธิ์ของธรรมชาติได้นั้นเอง

ลำพังแค่เม็ดยาปราณโลหิตมันไม่พลังลมปราณเพียงพอที่จะนำไปใช้ปรับปรุงร่างกายและตัดผ่านเข้าสู่ปราณปฐพี เหตุผลนี้เองจึงต้องเอาวัตถุดิบที่ดูดซับปราณธรรมชาติเอาไว้มาปรุงเป็นเม็ดยา แล้วให้ร่างกายค่อยๆชินกับพลังลมปราณธรรมชาติไปก่อนที่จะผ่านเข้าสู่ปราณปฐพี.....

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด