LSG-บทที่ 48: ภายในภูเขาเปียงกู่ (อ่านฟรีวันที่9กรกฏา)
บทที่ 48: ภายในภูเขาเปียงกู่
ซูหยุนได้ลืมเกี่ยวกับพ่อบ้านสำนักภายนอกเขารู้เพียงว่าชายชรานั้นฉลาดแกมโกงและเก่งในการวางแผนเพื่อให้ตนเองได้เปรียบ ทรัพยากรณ์สำนักภายนอกและผลตอบแทนของสำนักภายนอกที่ได้รับทั้งหมดถูกหักออกมาจากตัวมัน มันเป็นคนใจแคบและช่างเหน็บแนม ลับหลังมันคนอื่นๆหลายคนเรียกมันว่าเฒ่าจิ้งจอก
พ่อบ้านเห็นซูหยุนและหัวเราะเบา ๆ มันเปล่งเสียงแดกดัน "ท่านตัดสินใจมาจริงๆหรือนี่ นายน้อย ซูหยุน!"
"ข้าไม่รู้ว่าทำไมลูกน้องของเจ้าพาข้ามาที่นี่ เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?"
"ให้ท่านทำอะไรงั้นหรือ? ท่านพ่อเฒ่า ซูชิหลง ได้มอบคำสั่งมาแล้ว ท่านจะต้องมีส่วนร่วมในการทดสอบในเขาเขาเปียงกู่! "
"เข้าร่วมการทดสอบ?" ซูหยุนรู้สึกประหลาดใจสักพัก
"การทดสอบเป็นภารกิจสำคัญที่ตระกูลหลักสั่งมา เปิดโอกาสสำหรับสาวกทั้งหมดของสำนักภายในและภายนอก มันมีประโยชน์มากมายเช่นไร? ท่านไม่ต้องการเข้าร่วมกับเราหรือ? "
“แน่นอนว่าไม่!” ซูหยุนตอบอย่างรวดเร็ว
“สามหาว!”
"เป็นแค่สาวกสำนักภายนอก เจ้าจะปฏิเสธภาระกิจที่ตระกูลหลักมอบหมายมาหรือ...หึ!? บอกความจริงมาทำไมเจ้าถึงได้มาช้า เจ้าจะถูกลงโทษเจ้าจะไม่ได้รับเสบียงจาก พ่อเฒ่าชิหลง แต่เจ้าจะได้รับห้าเม็ดยาความเต็มอิ่มและสิบเม็ดยาป้องกันพิษ! พ่อเฒ่าซูชิหลง มีคำสั่งให้เจ้าต้องเข้าร่วมทดสอบ! เห็นอยู่ชัดๆว่าเจ้าไม่สามารถถอนตัวได้! "
"ตอนนี้เลยหรือ? มีแต่ข้าเนี่ยะน่ะ!" นัยน์ตาของซูหยุนเต็มไปด้วยความโกรธ "ข้าอยู่ในขั้นเขตแดนพื้นฐานจิตวิญญาณเท่านั้นแล้วจะให้ข้าเข้าไปในเขาเปียงกู่ นี่มันเป็นแค่การแกว่งเท้าเข้าหาความตาย แล้วยังมีสัมภาระเพียงแค่นี้เท่านั้นไม่ใช่ว่าพวกท่านแค่ส่งข้าเข้าไปตายหรือ? เพื่อจุดที่ไม่มีวันหันหลังกลับได้? "
"ที่เจ้าจะพูดคือ เจ้าไม่ต้องการไป?" เฒ่าจิ้งจอก จ้องมองด้วยสายตาของมันขณะที่พูดอย่างสงสัย
มันถามอย่างลังเลว่า "ถ้าข้าไม่ไปล่ะ...ท่านจะทำอะไร?"
"ทำอะไรน่ะ?" เฒ่าจิ้งจอกตะโกน "ท่านพ่อเฒ่าซูชิหลง ได้บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเจ้าต้องเข้าร่วมในช่วงเวลาในการทดสอบนี้ เจ้าต้องเข้าไปในเขาเปียงกู่ หากเจ้าไม่เข้าไปเท่ากับว่าเจ้าท้าทายคำสั่งของ พ่อเฒ่าซูชิหลง ในการต่อต้าน พ่อเฒ่า แห่ง ตระกูลซู เจ้าจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลซูทั้งหมด! การบ่มเพาะก็จะถูกทำลาย! "
หลังจากคำพูดที่รุนแรงของเขา เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหลังเขาได้เคลื่นไหวออกจากเขาเปียงกู่และเริ่มโอบล้อมรอบ ซูหยุน
ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่หลักของตระกูลซูความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในเขตแดนผลิวิญญาณ พวกเขามีอำนาจและปัจจุบัน ซูหยุน ไม่สามารถหยั่งถึงได้ เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเอาชนะพวกเขาได้ในตอนนี้
ซูหยุน ควบคุมลมหายใจเข้าลึก ๆ และครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า "งั้นข้าจะไปที่เขาเปียงกู่แต่ก่อนอื่นข้าจะไปซื้อเสบียงบางส่วนได้หรือไม่?"
"ไม่ได้ เจ้าสามารถมีเม็ดยาได้สองขวดนี้! เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้นำสิ่งอื่น ๆ มา! " เฒ่าจิ้งจอกหัวเราะเบา ๆ
หัวใจของซูหยุนเกือบกระโจนออกมา อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาความสงบมันหยิบยาสองขวดและเดินเข้าไปในเขาเปียงกู่อย่างเงียบ ๆ
"เปิดอาคม!" เฒ่าจิ้งจอกตะโกน
ครืนนนนน! ! ! !
มีเสียงแปลก ๆ ที่พัดผ่านภูเขา
ขณะที่ทุกคนมองดูม่านพลังจิตวิญญาณสีฟ้าขนาดใหญ่ที่แยกออกเป็นช่องว่างสองเมตร
ซูหยุน ยังค่อนข้างลังเลที่จะเข้ามา แต่ท้ายที่สุดเขาก็เดินผ่านกำแพง
"เจ้าเด็กเหลือขอ แม้ในตำแหน่งเดิมของเจ้า ตาเฒ่าซูก็ไม่ได้ชอบเจ้า ตอนนี้เจ้าอยู่ในสำนักภายนอก แต่ยังกล้าหยิ่งผยอง สังหารบุตรชายผู้อาวุโส ตงฟาง! ดูเหมือนว่า ซูชิหลง ต้องการให้มันตาย! "
เมื่อเฒ่าจิ้งจอกมองร่างที่ออกไปของซูหยุน ปากของมันก็เปล่งประกายด้วยร้อยยิ้มที่น่าขยะแขยง
มันออกไปทันทีทันใด
ซูหยุนไม่เห็นการแสดงออก
จิ้งจอกเฒ่าหันไปรอบ ๆ และรีบออกจากพื้นที่
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นเสียงเจาะทะลุออกมาและมุ่งตรงไปยังยามของเขาเปียงกู่
"ระวังท่านใต้เท้า!" ทหารยามบริเวณโดยรอบตะโกน
เฒ่าจิ้งจอกหันไปรอบๆและมองใบมีดที่ไกล้เข้ามาถึง กลายเป็นว่ามันตกใจน่าสะพรึงกลัว
ดูเหมือนว่าใบมีดบินเรียวยาวบินตรงมาที่นี่
บนดาบร่างเพรียวบางของดาบสลักมังกรวารีมีแสงแวววาวระยิบระยับอยู่ในนั้น ขณะที่มันมองที่อักขระมันรู้สึกสยดสยองทันที หนังศีรษะของมันรู้สึกเสียวซ่าและเขารู้สึกอึดอัดมาก
ขา เฒ่าจิ้งจอกเหมือนละลาย มันกลัวและรีบวิ่งกลับไป มันเป็นเพียงพ่อบ้านสำนักภายนอก อายุมากของมันมากแล้วและการบ่มเพาะไม่มากนัก มันมีประสบการณ์มาก แต่มัรไม่เคยเห็นใบมีดบินอะไรแบบนี้
อะไรว่ะ! ดาบบิน?
มันคือการเคลื่อนไหวของสำนักกระบี่เซียน? อย่างไรก็ตามสำนักกระบี่เซียนไม่เคยเล็งเป้าหมายง่ายๆเหมือนมัน!!
ขณะที่ใบมีดกำลังจะทะลุผ่านหัวใจของเฒ่าจิ้งจอก บรรยากาศอันน่าสยดสยองเริ่มกระจายออกมา
"หยุดน่ะ พ่อบ้านกำลังจะถูกทำร้าย!"
ยามที่มีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว คนที่ไม่ได้ตกตะลึงกับอาวุธแปลก ๆ กระโดดขึ้นมาทันทีจากด้านข้างและฟันใบมีดบินออกไป
ใบมีดที่ถูกฟันออกไปนั้นยังหมุนคว้างอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ตกลงไปในพื้นดิน มันกลับมุ่งเป้าไปที่เฒ่าจิ้งจอกอีกครั้งอย่างมีเชิงยุทธ์
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้ทุกคนในตอนนี้สะดุ้ง
เฒ่าจิ้งจอกคิดจะหลบหนีแต่มันก็สายเกินไปแล้ว แขนข้างหนึ่งของมันถูกสบั้นออก เลือดไหลทลักออกมาจากบาดแผล มันนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นแล้วกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของมันซืดจาง
ยามคนอื่น ๆ ก็เริ่มฟื้นคืนสติ เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้วพวกมันจะกล้าอยู่ในความงุนงงได้อย่างไร? พวกมันรีบวิ่งไปเผชิญหน้ากับใบมีดแปลก ๆ
เว้นแต่.. .ใบบินบินที่เคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ในอากาศหยุดทันที จากนั้นมันก็บินกลับเข้าไปในทิศทางของเขาเปียงกู่ การสร้างความหลงใหลไม่ได้ถูกปิดกั้นอีก ใบมีดนั้นเพียงหายไปจากมุมมอง
ฟิ้ว..หมับ!
แขนเหยียดไปทางอากาศที่ว่างเปล่าและคว้าดาบสลักมังกรวารีเลือดที่ลอยในอากาศ นัยน์ตาของซูหยุน จ้องที่เฒ่าจิ้งจอกที่กำลังคลุ้มคลั่งด้วยอาการเจ็บปวดจนในที่สุดมันก็หมดสติไป หลังจากนั้นมันก็เริ่มเดินไปยังส่วนลึกของเขาเปียงกู่
"เขาเปียงกู่?"
พื้นที่ต้องห้ามที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลซู
เพียงแค่ต้องการที่จะเข้าไปในเขาเปียงกู่ ต้องกินยาป้องกันพิษ ซึ่งขณะที่มีฤทธ์ที่สภาพที่ดีที่สุดน่าจะมีอายุเพียงหนึ่งวันเต็ม
อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เหล่านี้เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงพอ มันไม่มีอะไรเลย วัสดุที่เหลืออยู่ภายในแหวนมิติของมันไม่ได้ใช้ประโยชน์ในสถานการณ์การอยู่รอดนี้ ขืนมันอยู่แบบนี้ที่เขาเปียงกู่ มันกลัวว่าจะนำมันไปสู่ชะตากรรมที่น่าสังเวช
ในกรณีนี้การตัดสินใจที่จะรั้งรอ สำหรับการทดสอบนี้ มันไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่ดีพอและรีบอกกไปอย่างรวดเร็วเมื่อมันจบลง มันยังต้องการได้รับ ผลึกหยกโลหิต บางส่วนสำหรับภาระกิจ มันไม่ต้องการเข้าสำนักภายในโดยใช้สิ่งนี้
หลังมันตัดสินใจ ซูหยุน พบก้อนหินขนาดใหญ่รอบขอบของสิ่ขวางกั้นและนั่งลง ตอนนี้มันเริ่มนั่งสมาธิ
จาก ผาอู่ไค่ กลิ่นอายจิตเทพวิถีฟ้าของมันยังปั่นป่วนอยู่มาก ในที่สุดมันก็สามารถเริ่มระงับจิตวิญญาณของมันได้
ดวงอาทิตย์ค่อยๆเลือนหายไปเหนือเส้นขอบฟ้าเพื่อส่งสัญญาณว่าวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว
ในทั้งวัน นอกจากเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องที่ส่งผ่านเขาเปียงกู่ นอกนั้นไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานกลิ่นอายจิตเทพวิถีฟ้าของมันก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ด้วยพลังวิญญาณ อย่างไรก็ตามซูหยุนไม่กล้าฝึกวิชา ที่ใช้ กลิ่นอายจิตเทพวิถีฟ้า ของมัน เนื่อจากเมื่อ พลังอำนาจวิญญาณของมันวิ่งออกมา ถ้าสถานการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็คงจะแย่มาก
ซูหยุน ถอด ผลึกสวรรค์ ออกมาเพื่อวิเคราะห์มัน
เมื่อ ผลึกสวรรค์ เคยถูกใช้ในสำนักกู่เจวี้ยวซินแล้ว มันก็อยู่ในช่วงฟื้นตัว
ห้าสิบวันนับจากเดือนที่ผ่านมาและผลึกสวรรค์ได้ฟื้นพลังราวแปดในสิบส่วน
ทันใดนั้นความคิดของมันก็ได้อุบัติขึ้นกับซูหยุน
การฟื้นฟูพลังงาน?
ถ้า ผลึกสวรรค์ ไม่อาจใช้ได้เพราะขาดพลังงานภายในนั้น ...หากมันริเริ่มใส่พลังจิตวิญญาณหรือรูปแบบของพลังงานเข้าไปในนั้นซึ่งจะเร่งการฟื้นตัวให้มันเร็วขึ้นละ
ด้วยความคิดที่น่าอัศจรรย์นี้ซูหยุนลังเลอยู่นาน มันต้องการขอให้ผู้อาวุโสกระบี่ออกจาก ฝักกระบี่นิรันดร์ ของมันแต่ผู้อาวุโสกระบี่ยังคงหลับลึกอยู่ในฝัก ยักษ์ศิลา มันจำเป็นต้องให้เขาถ่ายโอนอำนาจพลังวิญญาณบางอย่างไปให้กับซูหยุนอันที่จริงมันมีผลกระทบอย่างรุนแรงมาก นี่เป็นเพียงความลำบาก
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกมันจึงตัดสินใจลองทำ
ด้วยผลึกสวรรค์ที่อยู่ในฝ่ามือของมัน ซูหยุนสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง ด้วยมือข้างหนึ่งที่กำลังปกคลุมส่วนมืดมนที่เหลืออยู่ของผลึกสวรรค์ มันจึงนั่งลงและเริ่มเร่ง กลิ่นอายจิตเทพวิถีฟ้า ของมัน จากนั้นมันก็เริ่มใส่พลังวิญญาณของมันลงไปข้างใน ...
ครืนนน! !
เช่นเดียวกับจรวดที่พุ่งออกไป ผลึกสวรรค์ ระเบิดด้วยคลื่นพลังงานของมันออกมา
ร่างกายซูหยุนทั้งหมดสั่นเล็กน้อยเนื่องจากพลังวิญญาณของมันกำลังถ่ายโอนไปยังผลึกสวรรค์ มันยากที่จะดึงออกมาจากผลึกสวรรค์ เนื่องจากพลังวิญญาณของมันถูกดูดอย่างมากและทำให้ กลิ่นอายจิตเทพวิถีฟ้า ของมันอ่อนแอลงไป
หลังจากนั้นไม่นานซูหยุนก็ได้ตกใจและทรุดตัวลง มันรีบหดมือขวาและผลึกสวรรค์หล่นลงบนพื้น
ผลึกสวรรค์หลุดออกจากฝ่ามือของมันในทันที ในขณะที่ร่างของมันอยู่บนพื้นดินและร่างกายของมันไม่มีแรงเหลือแม้แต่น้อย ร่างกายของมันกลายเป็นคนอ่อนแออย่างผิดปกติราวกับว่ามันป่วยหนัก
"อะไร ... . เกิดอะไรขึ้น?" ซูหยุนจ้องมองผลึกสวรรค์ที่สีเข้มเพิ่มมากขึ้น หัวใจของมันเต็มไปด้วยความสงสัย
มันค่อยๆนั่งขัดสมาธิอีกครั้งและหายใจเข้าลึก ๆ มันฟื้นคืนอำนาจจิตวิญญาณของมันเล็กน้อย
จากนั้นมันก็หยิบผลึกสวรรค์ขึ้นมาและมองเข้าไปใกล้ๆ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพลังงานภายในผลึกสวรรค์ยังไม่ฟื้นตัวแม้แต่น้อย
มันได้ผลมั้ย?
กระนั้น ...ผลึกสวรรค์สามารถดูดพลังงานได้ทันทีทำให้กระปกกระเปลี้ยและอ่อนแอ แค่ว่าความลึกลับและลึกซึ้งแค่ไหนนี้เป็นเพียงความต้องการขอวัตถุลึกลับนี้?
ตอนนี้การรับประกันเพียงอย่างเดียวที่มันมีก็คือผลึกสวรรค์ มันไม่มีตัวเลือกมากนัก ศิลานิรันดร์สามารถใช้ได้เฉพาะในการบ่มเพาะเท่านั้น สำหรับ เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง แม้ว่ามันจะเข้าใจในรูปแบบกระบี่ที่หนึ่ง แต่มันก็ยังลึกลับมาก มันเป็นการดีที่สุดที่จะไม่แข่งขันกับชนชั้นสูงใด ๆ
ซูหยุน พ่นลมหายใจออกมาแล้วหยิบเอาผลึกสวรรค์อย่างระมัดระวัง แน่นอนว่ามันไม่กล้าใส่พลังจิตวิญญาณเข้าไปภายในอีกต่อไป มิฉะนั้นมันอาจจะใส่ลงไปมากเกินไปและทำให้มันตกอยู่ในภาวะวิกฤต
หลังจากพักอยู่ที่ก้อนหินขนาดใหญ่สำหรับคืนนี้ กลิ่นอายจิตเทพวิถีฟ้า ของมันก็ฟื้นฟูไปได้สามสิบส่วน
ตอนกลางคืนเขาเปียงกู่ดูน่าขนลุก
ท้องฟ้ามืดครึ้มดังนั้นแสงจากดวงจันทร์และดวงดาวไม่สามารถซึมผ่านเมฆลงมา ในเวลากลางคืนสายตาของทุกคนจะมี จำกัด ในความเป็นจริงมันไม่ฉลาดเลยที่จะเคลื่อนไหวในเวลากลางคืน ดังนั้นในช่วงกลางคืน ไม่มีการเคลื่อนไหวจากเหล่าสาวกในเขาเปียงกู่ แม้แต่เสียงคำรามจากสัตว์อสูรยังน้อย
ในที่สุดก็เข้าสู่รุ่งอรุณ
ตูม! ตูม!...ตูม! ตูม!...ตูม! ตูม!...ตูม! ตูม!...
ห่วงโซ่ของการระเบิดดังติดต่อกันทำให้ซูหยุนที่นั่งสมาธิอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
ซูหยุน รีบเปิดตาและมองไปที่บริเวณรอบ ๆ ภูเขา
เสียงระเบิดไม่ไกลจากที่นี่ ที่ตำแหน่งของมัน มันสามารถสำรวจบริเวณโดยรอบบริเวณกึ่งกลางของภูเขาซึ่งดูเหมือนจะมีต้นไม้มากกว่าหนึ่งโหลล้มลง มีส่วนของ กลิ่นอายวายุเชี่ยว ที่ปล่อยออกมาจากบริเวณนั้นในเทือกเขา มันปะปนกับกลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยลงมาที่ซูหยุนอยู่
เป็นสาวกของตระกูลซู?
เป็นไปได้หรือไม่ที่มีบางคนพบสัตว์อสูรหรือการปะทะกันระหว่างพวกสาวก?
ตระกูลหลักได้มีคำสั่งให้กับสาวกภายในซึ่งได้โอนมอบอำนาจแก่ผู้อาวุโสซูชิหลง เขาได้รับงานนี้มอบไปยังสำนักภายนอก ถึงแม้เขาเปียงกู่จะอันตราย แต่ผลตอบแทนก็น่าสนใจมาก โอกาศที่จะไม่มีการต่อสู้ระหว่างสาวกสำนักภายนอกได้อย่างไร? หนึ่งพันผลึกหยกโลหิตไม่มาก เนื่องจากการประมาณการอนุรักษ์นิยมของเขาเปียงกู่คือมีประมาณสองพันผลึกหยกโลหิต หากลบสถานที่ที่อันตรายที่สุดออกไป ตระกูลซู ควรเก็บผลึกได้ 1000 ก้อน
หน้าที่ของซูชิหลงไม่ใช่เรื่องง่าย มันเกี่ยวข้องกับการนำสาวกสำนักภายในมาช่วยเขา สาวกสำนักภายในที่ให้ความช่วยเหลืออาจจะได้รับรางวัลหลังจากงานนี้เสร็จสิ้น สำหรับวัตถุประสงค์ของเขาสาวกคนใดสามารถใช้วิธีการใด ๆ ก็ได้เพื่อให้ได้ผลึก
เช่นการสังหารสาวกที่สามารถรวบรวม ผลึกหยกโลหิต บางส่วนได้
ตูม! ! ! !
ในเวลานี้ที่ทุ่งหญ้าข้างก้อนหินยักษ์มีเงาเล็กๆ วิ่งออกไป
เส้นประสาทของซูหยุนตื่นตัวขึ้นและมันก็ดึงดาบสลักมังกรวารีออกมาทันที เหมือนเสือชีต้า มันจ้องมองไปที่เหล่าสาวกที่รีบวิ่งออกมา
ขณะที่มันวิเคราะห์ทั้งสามชายและหญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงหน้ามัน มันสังเกตเห็นว่าพวกนางเต็มไปด้วยเลือดและทุกคนกำลังหอบ ดูเหมือนว่าพวกนางได้รับความเดือดร้อนจากการเดินทางเป็นจำนวนมาก มือของทุกคนถือผลึกหยกโลหิตจำนวนมาก ในขณะที่ชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าสีเหลืองสดใสและหญิงสาวอยู่ในชุดสีแดงแขนยาว พวกเขาทั้งสองตั้งใจฆ่าและอาวุธของทั้งสองสาวเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดใส
เขาเปียงกู่ ให้กำเนิดสัตว์อสูร ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ทมิฬ เลือดของสัตว์ประหลาดนั้นมักจะเป็นสีดำหรือไม่ก็สีน้ำเงิน แต่เป็นสีแดงมีน้อย
ดังนั้นเลือดของอาวุธทั้งสองจึงน่าจะเป็นเลือดของมนุษย์ซ่ะส่วนใหญ่
ขณะที่สาวกห้าคนหนีไปพวกเขาเห็นว่าซูหยุนอยู่บนก้อนหิน หลายคนประหลาดใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่นานนักชายหนุ่มที่ใส่ชุดเกราะสีเหลืองก็ปล่อยเจตนาฆ่ายิ่งกว่า เมื่อดาบที่อยู่ในมือของเขาลอยขึ้นไปในอากาศเขารีบพุ่งเข้าหาสถานที่ของซูหยุน ...
นัยน์ตาของซูหยุนโป่งพองขึ้น "แม่งเอ้ย ****** ... "