ตอนที่12 ดาบ
หลี่ ฉิงชาน ไม่คิดว่าวัวสีเขียวพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่เขาไม่มีเวลาที่จะมาคิดมากเรื่องนี้ เขาเริ่มวิชาหมัดของเขาต่อทันทีและพยายามสัมผัสถึงพลังปราณไปด้วย
เขาพึ่งเริ่มฝึกวิชานี้ได้ไม่นาน เมือเขาเริ่มฝึก หมัดปีศาจวัวในวันนี้ มันรู้สึกราบลื่นขึ้น ผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิมราวกับเครื่องจักรเก่าๆสนิมกินได้น้ำมันหล่อลื่น มันรู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูก
นอกจากนี้เขาพักเพียงไม่กี่ลมหายใจ ความเหนื่อยเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง มันดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดาๆ แต่เมื่อคนธรรมดาต่อสู้ พวกเขาต้องใช่พละกำลังไปบางส่วนและแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าใช้แรงทั้งหมดในคราเดียว เพราะว่าหากใช้แรงทั้งหมดในคราเดียวเดียวแล้วหากศัตรูสามารถหลบได้ มันจะกลายเป็นเปิดช่องว่างที่สำคัญที่สุดของตัวเองแทน
แต่เขาไม่จำเป็นต้องมากกังวลเรื่องนี้ หากคนอื่นต่อยหมัดออกมาหนึ่งหมัด เขาจะต่อยออกไปสามพร้อมกับใสแรงเต็มที่ แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีพลังพอๆกันแต่มันก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี
หลี่ ฉิงชาน ได้ฝึกอย่างหนักหน่วงมาแล้วหลายวัน ในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเขารู้สึกว่าเขาได้ขยับไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว ค่อยๆเข้าใกล้เป้าหมายที่เขาตั้งไว้ไปทีละก้าวๆ
แต่เขานึกถึงความเหน็ดเหนื่อยของคืนที่ผ่านมาที่เกือบเอาตัวไม่รอด การแสดงออกของเขาพลันเป็นเยือกเย็นขึ้นมาทันที"อย่างไรก็ตาม ข้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนมอบโชคเช่นนี้ให้แก่ข้า"
วัวสีเขียวกล่าวราวกับไม่ได้ให้ความสนใจ"ไม่ว่ามันจะเป็นโชคดีหรือโชคร้าย คนผู้นั้นต้องเป็นคนคว้ามันมาให้ตนเองทั้งนั้น"
เกิดประกายแสงขึ้นในใจของหลี่ ฉิงชาน คำพูดพวกนี้เป็นคำพูดของเขาในตอนที่แม่มดมาหาเพื่อจะเอาเนื้อหมูป่า
เจ้าผีตนน้อยๆตนนั้นไม่ได้มาเกาะติดร่างของเขาอย่างไม่มีเหตุผล หลังจากที่ได้คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็สรุปได้ทันที
เขาเกิดที่หมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาแห่งนี้และเติบโตขึ้นมาบนโลกนี้ เขามีความคิดคร่าวๆเกี่ยวกับเรื่องสำคัญทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในหมู่บ้าน สิ่งที่อาจเรียกได้ว่าสำคัญนั้นมันมักจะไม่ค่อยมีมากนักในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้
ในหลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าในหมู่พวกเขา เมื่อมีเด็กในครอบครัวล้มป่วยครอบครัวนั้นจะพลันกลายเป็นพินาศทันที
หลี่ ฉิงชานก็ยังเป็นเด็กเช่นกันและเขารู้ว่าเด็กคนนี้ถูกเรียกว่า 'ผมน้อย'เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเด็กคนนี้จะตายเช่นนี้
นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างให้เห็นแล้วคือ หลี่ ฉิงชาน ได้ทำตัว เชื่อฟังทันทีหลังจากที่เขาดื่มน้ำมนต์ไปและเขาไม่กล้าทีจะเปิดเผยความสามารถพิเศษใดๆอีกเลยหลังจากนั้น ในขณะที่เขาก็เกลียดแม่มดสุดๆด้วยเช่นกัน
แม่ของเจ้าผมน้อยนั้น ตายอย่างลึกลับ มันเกิดขึ้นในพื้นที่ว่างปล่าวภายในคืนเดียว โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนอะไรเลย
เดิมที่ หลี่ ฉิงชานคิดว่าเธอไม่อาจจะทนทุกข์ทรมานกับการสูญเสียได้ แต่หลังจากที่คิดไปคิดมากล้วมันชัดเจนว่าเธอถูกจู่โจมโดยความมืดมนที่หนาวเย็นเช่นเดียวกับเขา
เขาลุกขึ้นยื่นพร้อมกับประกายแสงเยือกเย็นในตาของเขา"มันก็เลยเป็นเช่นนี้! จะไว้ชีวิตเธอไม่ได้"
วัวสีเขียวกล่าว"งั้นไปฆ่าเธอสิ"
"มันคงไม่ง่ายอย่างงั้นสิ"หลี่ ฉิงชานนั่งลงและก้มหัวขณะที่กำลังจมเข้าไปในความคิดของตนเอง
แม่มดนั้นไม่เหมือนกับหัวล้านหลิวที่เป็นคนชั่ว อิทธิพลของเธอยิ่งใหญ่ไม่เพียงแค่ในหมู่บ้านเท่านั้นเธอยังมีชื่อเสียงในทุกพื้นที่ชนบทที่อยู่ใกล้เคียง ผู้คนจากที่อื่น ๆ มักจะมาถามเรื่องดวงชะตาของตนเอง
เขาคงจะไม่มีทางเลือกอื่นหากเขาฆ่าเธอเขาคงต้องหนีไปไกลๆ อาจเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะถูกรายงานไปยังรัฐบาลและระบุว่าเขาเป็นคนร้าย นอกจากนี้เขายังไม่มีหลักฐานและไม่สามารถกล่าวหาเธอได้แน่นอน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเนื่องจากเธอสามารถสั่งผีตัวเล็ก ๆ ได้ เธอยังสามารถทำไรได้อีกรึปล่าว? เขาไม่มีทางรู้
วัวสีเขียวยืนอยู่ข้างๆเขาโดยไม่รบกวนอะไรเลย ในใจมันเต็มไปด้วยความเห็นด้วย ถ้าหากในวันก่อนหลี่ฉิงชานเลือดขึ้นหน้าและตรงไปฆ่าแม่มดทันทีมันคงจะเป็นความสูญเสียความพยายามที่ทำมาทั้งหมดของเขา
มันยากที่จะสมบูรณ์แบบในโลกนี้ มันยากที่จะเป็นลูกผู้ชายที่กล้าหาญที่ไม่ใจร้อนและไร้ความปราณี ในขณะที่คนฉลาดมักจะลังเลและขาดความแน่วแน่ ดังคำที่กล่าวว่า 'ความกล้าหาญดุเดือดราวกับดาบและหัวใจที่อ่อนโยนน้ันเป็นสิ่งที่หายากที่สุด'
หลี่ ฉิงชาน ได้ตัดสินใจแล้วและเดินช้าๆเข้าไปในหมู่บ้าน
"โอ้ นั้นหลี่เอ๋อร์หนิ เจ้ากินอะไรมารึยัง ถ้ายังเข้ามากินที่บ้านข้ามา"ที่ทางเข้าหมู่บ้านชายชราคนหนึ่งถือจอบและขุดดินอยู่ในสวนผักของเขา เขาได้ต้อนรับหลี่ฉิงชานอย่างอบอุ่น
เรื่องที่เกิดขึ้นในลานกว้างของพ่อบ้านหลิวได้กระจายไปทั่วถึงทั้งสี่มุมของหมู่บ้านแล้ว
ลูกชายคนที่สองของตระกูลหลี่คลุมเครือและเดิมทีนั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักของหมู่บ้านแต่ปัจจุบันนั้นใสหมู่บ้านไม่มีใครที่ไม่รู้จัก หลี่ฉิงชานอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นคนแก่หรือเด็กเล็ก พวกเขาทั้งหมดมีความเคารพต่อชายหนุ่มคนนี้มากขึ้น
หลี่ ฉิงชาน ตอบแต่ละคนในขณะที่เขาเดินผ่านหมู่บ้านมาครึ่งหนึ่งแล้ว...
เขามาถึงที่ลานเล็ก ๆ ที่มีต้นไม้วิลโลว์หลายต้นปลูกไว้ข้างหน้า ชายชราตัวเล็ก ๆ ที่มีเสื้อผ้าที่เน่าเปื่อยพิงต้นไม้เมาอย่างกับคนตายตั้งแต่เช้าตรู่ เขามีท่างทางดูเหมือนนักบวชที่สูงส่งเล็กน้อย
หลี่ ฉิงชาน รู้ว่านี่ไม่ใช่นักบวชที่สูงส่งแต่เป็นเพียงชาวนาธรรมดา นอกจากนี้เข้ายังเป็นพ่อของ เจ้าเจ้าผมน้อย เขาถูกเรียกว่า หลี่ผู้มั่งคั่ง ที่จริงแล้วเข้าไม่ได้อายุสีสิบ แต่เขาดูเหมือนคนห้าสิบถึงหกสิบ
หลังจากการตายของภรรยาและลูกของเขา เขาละเลยการทำฟาร์มและดื่มแต่เหล้าราวกับคนบ้า
เมื่อเขาเห็นหลี่ฉิงชานผ่านมาใกล้ หลี่ผู้มั่งคั่ง ก็พูดพึมพำๆ"มา มา มาดื่มกัน"พร้อมกับกินเหล้าที่โชยออกมา
หลี่ฉิงชานขมวดคิ้ว เขาคว้าตัวหลี่ผู้มั่งคั่ง ลากเข้าไปในบ้านและเอาน้ำมากรอกใส่ปากหลี่ทันที ทำให้เขาหายใจไม่ออกแล้วอ้วกออกมา
หลี่ ฉิงชาน มองไปรอบๆบ้าน ทุกอย่างผุพังหมดแล้วมีใยแมงมุมเกาะตามขอบหน้าต่างเต็มไปหมด จริงมันควรจะเรียกว่า บ้านที่เอากำแพงมาตั้งล้อมไว้เฉยๆ เขาจำได้ว่าบ้านของหลี่ผู้มั่งคั่ง นั้นเป็นบ้ายสวยงามที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้านและจำนวนที่ดินที่เขาครอบครองนั้นเป็นรองเพียงพ่อบ้านหลิวเท่านั้น เขาสมควรแล้วที่จะได้ใช้ชื่อนี้พ่อแม่ของเขาทำให้เขาและครอบครัวของเขามั่งคั่งมั่งคั่ง
คงจะไม่มีใครคิดว่าจะมีผู้ชายที่มั่นคงเช่นเดิมไปตลอดในโลกนี้ และเมื่อไม่มีความมั่นคงดั่งเช่นเดิมชายผู้นั้น ก็จะนำจุดจบที่เลวร้ายมาสู่ตนเอง หลี่ฉิงชาน ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนทั่วไปนั้นก็เปราะบางเกินไป
แต่จิตใจของเขานั้นหนักแน่นและมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่อยู่ในใจ เขาเกลียดคนที่มัวแต่จมอยู่กับความเศร้าโศกที่ผ่านไปแล้ว ดังนั้นกริยาท่าทางของเขาจึงไม่ค่อยสุภาพมากนัก
หลี่ผู้รำ่รวยกล่าวอย่างฉุนเฉียว"เจ้า...เจ้า... นี้เจ้าทำอะไร!"
"ลุงหลี่ นี้ท่านเมารึ"
หลี่ผู้รำ่รวยตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัวหลังจากเห็นสายตาของหลี่ฉิงชานที่จ้องมองเขานั้นไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรนัก เขาไม่ได้ตาบอดหรือหูหนวกเขารู้ถึงสิ่งที่หลี่ฉิงชานได้ทำเมื่อไม่กี่วันก่อน นี่เป็นดั่งดาวรุ่งแห่งความชั่วร้ายจริงๆ
"เจ้า....เจ้าต้องการสิ่งใดรึ"
"ท่านรู้หรือไม่ว่าแม่ของเจ้าผมน้อยนั้นตายอย่างไร?" หลี่ ฉิงชานเข้าประเด็นสำคัญทันที
"ข้าไม่รู้....ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น"หลี่ผู้มั่งคั่ง กลัวจนหน้าของเขากลายเป็นขาวซีดเขาพยายามที่จะเดินออกไปจากตรงนีโดยไม่สนใจอะไรอีก
หลี่ ฉิงชาน คว้าขอมืออันผอมแห้งของเขาทันที"ท่านคงจะไม่ปล่อยเรื่องลูกและภรรยาของท่านไปเช่นนี้หรอกใช่ไหม?"
หลี่ผู้มั่งคั่ง อยู่ๆก็นิ่งไป"หลี่เอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากบอกเจ้าแต่มันไม่ใช่ปัญหาที่เจ้าจะไปยุ่งได้อย่าเอาชีวิตน้อยๆของเจ้าไปโยนทิ้งโดนเปล่าประโยชน์"
"ข้าไม่ได้มองหาปัญหา แต่ปัญหามันมาเคาะประตูบ้านข้าเอง ถ้าข้าต้องมีชีวิตเช่นท่าน ข้าคงจะโยนชีวิตข้าทิ้งไปแล้ว ท่านเพียงบอกข้ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น "
หลี่ผู้มั่งคั่ง ตกใจ"อะไรมาถึงประตูเจ้า?"เขาลังเลอยู่นานแต่หลังจากที่เขาสูดหายใจเข้าลึกๆเขาก็เริ่มพูด
"หลังจากที่แม่ของเจ้าผมน้อยไปร้องตะโกนสาปแช่งที่หน้าประตูบ้านของแม่มด เธอก็กลับมาที่บ้านและหลับไป แต่เช้าวันต่อมาเธอก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ร่างกายของเธอเย็นเฉียบและเป็นสีฟ้า สิ่งที่น่าขนลุกมากมายมันเกิดขึ้นในคืนนั้นและยัง ... ข้ายังเห็น"
"ท่านเห็นสิ่งใด?"
"เด็ก"
ในที่สุดหลี่ฉิงชานก็มั่นใจว่าฆาตกรนั้นก็คือแม่มดจริงๆ
นอกจากนี้แม่มดบอกว่า ลูกของเขาไม่ได้คิดถึงเพียงแค่แม่ของเขาเท่านั้นแต่ยังคิดถึงพ่อด้วย มันทำให้หลี่หวาดกลัวอย่างมาก
'ปังงงง'
หลี่ ฉิงชานทุบผนัง "แม่มดนั้นมันทำเกินไปจริงๆ อย่าบอกข้านะว่าท่านไม่เคยคิดที่จะแก้แค้นให้ภรรยาและลูกชายของท่านเลย? "
ใบหน้าที่หลี่ผู้มั่งคั่ง พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากที่ได้ยินคำดูถูกจาก หลี่ ฉิงชาน เขาวิ่งเข้าไปในบ้านทันที เขาหยิบของบางอย่างที่ถูกห่อไว้ออกมาจากใต้เตียง
เขาแกะห่อออก ข้างในเป็นดาบโค้งยาวตรงปลายดาบนั้นมีรอยหยัก
หลี่ฉิงชาน ดึงดาบออกจากฝัก มันมีกลิ่นอายหนาวเย็นราวกับพร้อมที่จะจู่โจมเขาทุกเมื่อ มันสะท้อนให้เห็นใบหน้าของเขา ทั้งผมและหนวดเครามองเห็นอย่างได้ชัดเจน
ด้ามจับของดาบเล่มนี้ยาวประมาณหนึ่งฟุตและโค้งเล็กน้อยพร้อมกับมีผ้าไหมสีดำพันอยู่รอบ มันทำให้รู้สึกสบายอย่างมากเมื่อถือไว้ในมือ คมดาบนั้นยาวสองฟุตกว้างห้านิ้วและมีความคมอย่างมาก แน่นอนว่ามันมีพลังมากยิ่งกว่ามีดสั้นกระจอกๆของ หลี่ ฉิงชาน ที่มีความยาวเพียงหนึ่งนิ้ว
ตรงสันดาบนั้นหนามากมันทำให้รู้สึกหนัก เขาเหวี่ยงดาบไปรอบๆและได้ยินเสียง คมมีดเสียดอากาศรอบๆ เขารู้สึกชื่นชมยินดีอย่างบอกไม่ถูก "เป็นดาบที่ดีจริงๆ" เขาไม่เคยเห็นที่ดีเช่นนี้ในตลาดมาก่อน ถ้าเขาต้องจะซื้อจริงๆ เขาเกรงว่าเขาคงจะต้องเอาที่ดินบางส่วนของเขาไปซื้อมัน
มีอะไรติชมได้นะครับบ
ติดต่อข่าวสารได้ที่เพจ Legend of the Great Saint ครับ^^