บทที่ 5 : ห้องเรียนนรก
บทที่ 5 : ห้องเรียนนรก
วู่ชุยฮง เค้นเสียงดัง ‘เฮอะ’ อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ถังเจิ้ง ไม่สนใจเรียน ในครึ่งปีที่ผ่านมาคะแนนของเขาลดลงอย่างมาก และคะแนนสอบของเขาก็อยู่อันดับสุดท้ายตลอดทั้งปี”
“อะไรนะ เขาได้ที่สุดท้ายตลอดทั้งปี?” ชายชรากล่าวด้วยความตกใจ เขาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ หัวใจ ถังเจิ้ง เจ็บ ความจริงที่ว่าความลับที่เขาได้ปกปิดมาตลอด ถูกเปิดเผย ทำไมแม่มดเฒ่าถึงต้องทำขนาดนี้? นี่มันยังกับเอามีดมาเสียบหัวใจปู่ของเขา
วู่ชุยฮง ไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนฟังและพูดว่า “เขาไม่เรียนหนังสือ ความประพฤติก็ยังมีปัญหา วันนี้เขากล้าแม้กระทั่งขโมยเงินห้องไป ที่ยังไม่โดนไล่ออกเพราะทางโรงเรียนได้พิจารณาว่ามันยังไม่ถึงขั้นนั้น
“ขโมยเงิน?” ชายชรามองไปที่ วู่ชุยฮง อย่างโง่งม ราวกับว่า เขากำลังฟังพระคัมภีร์
“ถูกต้อง!” วู่ชุยฮง ตอบอย่างมั่นใจราวกับว่า เธอเห็นมันด้วยสายตาของเธอเอง(@อีตอแห....)
ปอดของ ถังเจิ้ง ราวกับว่ามันได้ระเบิดออกมา นี่มันน่ารังเกียจมาก เธอยังเป็นครูได้อีกเหรอ?
“ฉันไม่ได้ขโมย!” ถังเจิ้ง ปฏิเสธเสียงดัง
วู่ชุยฮง จ้องมองเขาอย่างดูถูกและกล่าวว่า “แน่นอน นายต้องไม่ยอมรับอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ใช่นายแล้วใครกัน? เฮอะ นายไม่ต้องมาเล่นลิ้นกับฉัน ดูจากฐานะของครอบครัวนายที่จน เฉียวเฟ่ย พูดว่าเขาจะจ่ายเงินแทนที่หายไปเอง นายควรมองไปที่ระยะห่างระหว่างนายกับ เฉียวเฟ่ย และการที่นายไม่ได้อยู่ห้องนั่นแล้ว ที่นายเป็นทั้งตัวถ่วง และเป็นภาระ ก็พูดได้ว่าเป็นของขวัญจากสวรรค์ ...”
“หุบปาก!”
“หุบปาก!”
ทันใดนั้นทั้งสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าของสองปู่หลานชายต่างแดงกรำ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชราที่โกรธจนตัวสั่น ชายชราจ้องที่เธอและกล่าวว่า “คุณมาพูดแบบนี้ที่บ้านฉัน เจิ้งน้อยไม่มีทางทำแบบนั้น จริงอยู่ที่พวกเราจน แต่คนจนก็มีความซื่อสัตย์ได้”(@ปู่หล่อจริงๆ)
วู่ชุยฮง กลัวจนเผลอกระโดดและกล่าวอย่ายงไม่พอใจว่า “พูดเรื่องเหลวไหลอะไรกัน!”
ถังเจิ้ง กำหมัดแน่น จนเกิดเสียง 'แกร๊กๆ' เขาจ้องมอง วู่ชุยฮง อย่างดุร้าย และกล่าวว่า "ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้ขโมย ก็คือฉันก็ไม่ได้ขโมย!"
“กลับไปซะ บ้านเราไม่ต้อนรับคุณ!” ชายชราก้าวไปข้างหน้า และตะโกนใส่
วู่ชุยฮง เดินถอยหลังอย่างลืมตัวและเกือบล้มลงกับพื้น เธอทั้งอายทั้งโกรธมาก พูดว่า “เป็นอย่างที่ฉันคิดเลย พวกแกมันเป็นพวกป่าเถื่อนไร้มารยาท เฮอะ พวกแกคิดว่าฉันอยากอยู่ที่นี่มากนักหรือไง? ทั้งสกปรก ยุ่งเหยิง และแทบไม่มีอะไรเลย แม้ว่าพวกแกจะให้รถฉันแปดคัน ฉันก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก” (@อีป้าน่าตบน่าต่อยมาก)
“นังแม่มด จำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ดี สักวันฉันจะทำให้เธอเสียใจ” ถังเจิ้งกัดฟันพูด
“ฮ่าๆ จะทำให้ฉันเสียใจ แกคิดว่าแกมีความสามารถมากพอเหรอ?” วู่ชุยฮง พูดเยาะเย้ย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของสองปู่หลานที่เริ่มมืดครึ้มลงเรื่อยๆ เธอก็รีบวิ่งหนีไป
ร่างของชายชราราวกับว่าสูญเสียจิตวิญญาณ เหมือนบอลลูนที่สูญเสียอากาศ ใจเขาแตกสลาย และมองไปที่ ถังเจิ้ง อย่างเงียบเชียบ
หัวใจของ ถังเจิ้ง ยังมั่นคง และรีบอธิบายว่า “ปู่ ผมไม่ได้ขโมยจริงๆนะ”
“ปู่รู้ดี ว่าหลานปู่ไม่ใช่คนแบบนั้น” ชายชรายิ้มและพูดเบาๆ
ถังเจิ้ง ถอนหายใจที่ผ่อนอย่างโล่งอก หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นมาก ในโลกนี้แม้ว่าจะไม่มีใครเชื่อเขา แต่ปู่ของเขาจะยืนเคียงข้างเขาไม่ไปไหน
“แต่อย่าคิดว่า หลานจะสามารถหลอกปู่ได้?” ทันใดนั้นใบหน้าของชายชราก็เครึ่งขรึมขึ้น “ทำไมเกรดของหลานถึงไม่ดี?”
“ปู่ ผมไม่อยากให้ปู่ต้องกังวล ก่อนหน้านี้ความจำของผมไม่ดี แต่ตอนนี้มันดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คอยดูได้เลย การสอบครั้งหน้า ผมจะเป็นที่หนึ่งของเมือง” ถังเจิ้ง พูดด้วยความมั่นใจแบบสุดๆ
ชายชรามองไปที่ถังเจิ้ง แล้วพยักหน้า “ปู่เชื่อในตัวหลาน” เขาไม่ได้ถามต่อ เพราะเขารู้ว่าหลานชายของเขา จะไม่พูดโกหก
"เจิ้งน้อย แม้ว่าหลานจะไม่ได้อยู่ห้อง 1 แต่เพชรไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังคงเป็นเพชร เพราะงั้นไม่ต้องท้อนะ” ชายชราตบไหล่ถังเจิ้ง และพูดอย่างสบายใจ (@ปู่โครตเท่ พระเอกสุดๆ)
ถังเจิ้ง พยักหน้าอย่างจริงจัง เขามีแผนบางอยู่ อีกสามเดือนกว่าจะมีการสอบ เขาไม่จำเป็นต้องรีบที่จะเปิดเผยว่า ความจำของเขาได้กลับมาดีเหมือนในอดีต เพราะถ้าเขาได้ที่หนึ่งในการสอบเดือนนี้ เขาก็จะถูกส่งกลับไปที่ห้อง 1 และแน่นอนที่สุด เขาก็ไม่ต้องการเจอหน้าแม่มดเฒ่านั่นทุกวัน
“จริงๆแล้วห้อง 7 ก็ไม่ได้แย่นัก สามารถผ่อนคลายได้อย่างสบายๆ จนกว่าจะถึงวันสอบในอีกสามเดือน และฉันจะเปล่งกระกายเพื่อเอาคืนอย่างหนักกับนังแม่มด”
ดวงจันทร์ส่องสว่าง ดวงดาวมีน้อย และทุกอย่างเงียบสงบ
ถังเจิ้ง นั่งในท่าขาไขว่กัน(ท่านั่งสมาธิปกติ)บนเตียงไม้ ในขณะที่เขาบ่มเพาะวิชาของ คัมภีร์โบราณล้างสวรรค์ (@เอาชื่อนี้แหละไม่เปลี่ยนละ) ความอบอุ่นจากปราณแท้ค่อยๆเอ่อล้นขึ้น ภายในเส้นลมปราณของเขา
เขาปล่อยลมหายใจออกเป็นเวลานาน ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายอย่างเหลือเชื่อ จิตวิญญาณของเขากำลังเพิ่มขึ้น เส้นลมปราณหลักทั้ง9 ใหญ่ขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์ และถ้าเขาเพิ่มอีก100เปอร์เซ็นต์ ปราณแท้ของเขาจะมีขนาด2นิ้ว
“เจ้าหนู กายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยางของเจ้าเข้ากันได้กับ คัมภีร์ล้างสวรรค์ อย่างมาก การบ่มเพาะเพียงสั้นๆของเจ้าเท่ากับ หนึ่งเดือนของผู้บ่มเพาะคนอื่น” เสียงของ เทียนซานจือ ดังขึ้นมาในทะเลจิตวิญญาณของถังเจิ้ง
หัวใจของ ถังเจิ้ง เต็มไปด้วยความสุข รู้สึกดีใจที่เขาบ่มเพาะเร็วกว่าคนอื่น เพราะนั่นหมายความว่าเขาจะมีพลังมากยิ่งขึ้น
“แต่ข้ามีข่าวร้ายมาบอกเจ้า” อยู่ดีๆเทียนซานจือก็เปลี่ยนเรื่อง และมาพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ข่าวอะไร?”
“พลังชีวิตของปู่เจ้าแทบหมดสิ้น เวลาที่เขาจะตายใกล้เข้ามาแล้ว”
“พูดว่าอะไรนะ!” หน้าของ ถังเจิ้ง ขาวซีด ราวกับโดนฟ้าผ่า ลางสังหรณ์ในใจของเขาตอนนี้มันจริงแล้ว ทำให้จิตใจของเขาว่างเปล่า
“การเติบโตและตายจากไปด้วยโรคภัยเป็นกฎของธรรมชาติ เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจ”
“พูดบ้าอะไร! เขาเป็นปู่ของฉัน ไม่ใช่ปู่ของนาย มันแน่นอนอยู่แล้วที่นายจะไม่เสียใจ”ถังเจิ้ง คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
เทียนซานจือ เงียบ หลังจากที่ได้บ่มเพาะมานานกว่าพันปี เขาก็ชินชากับความตายไม่ว่าจะจากแก่ตายหรือป่วยตาย แต่ไม่เคยมีอารมณ์ที่ครอบงำของถังเจิ้ง
“ปู่จะตายไม่ได้ นายเป็นผู้บ่มเพาะไม่ใช้หรือไง นายต้องมีวิธีการบางอย่าง ที่ช่วยปู่ได้ใช่ไหม?”จิตวิญญาณของ ถังเจิ้ง ลุกโชน ขณะที่เขารีบถาม
ข้าเป็นแค่จิตวิญญาณที่ใกล้แตกดับ ไม่สามารถช่วยปู่เจ้าได้
หัวใจของ ถังเจิ้ง เริ่มมืดมัว แม้ว่า เทียนซานจือ จะช่วยไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีวิธีช่วยปู่ของเขา
เทียนซานจือ เห็นท่าทางที่น่ากลัวของถังเจิ้ง เขาเปลี่ยนหัวข้อและลังเลก่อนจะพูดว่า “... บางทีอาจจะมีทาง ... แต่นี่เป็นไปไม่ได้ เว้นแต่จะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น”
ถังเจิ้ง มีความสุขอย่างมาก ได้โปรดอย่าพูดคลุมเครือแบบนี้ นายกำลังจะทำให้ใครบางคนหวาดกลัวจนตาย “วิธีไหนกัน? ฉันไม่สนและไม่กลัวว่ามันจะยากลำบากขนาดไหน ตราบใดที่ฉันสามารถช่วยชีวิตปู่ได้ ฉันทำได้หมด”
“มียาเม็ดที่ชื่อว่า ยาต่อชีวิต(Life Continuing Pill) ซึ่งสามารถยืดอายุขัยได้อีกสิบปี” เทียนซานจือ กล่าวอย่างลึกซึ้ง (@ไม่เก่งตั้งชื่อ ก็เหมือนเดิมใครมีชื่อดีๆบอกได้เลย)
“ยาต่อชีวิต? ฉันสามารถหายาที่ว่าได้ที่ไหน?”
“หาที่ไหนไม่ได้หรอก แต่เจ้าสามารถปรุงมันได้ ตราบใดที่เจ้าไปถึงระดับ ชำระล้างปราณขั้น3 ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเจ้าพบวัตถุดิบ ดอกไม้หอมสวรรค์(Heaven Flower Fragrant) ที่จำเป็นในการทำยา ข้าก็จะสอนคุณวิธีปรุงให้”
“ถ้างั้นฉันก็จะรีบฝึกให้ถึง ชำระล้างปราณขั้น3 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และฉันสามารถหา ดอกไม้หอมสวรรค์ ได้ที่ไหน? แล้วปู่ฉันเหลือเวลาเท่าไหร่กัน?
“ร่างกายปู่ของเจ้าสามารถอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน ดังนั้นในหนึ่งเดือน เจ้าต้องฝึกให้ถึงระดับ ชำระล้างปราณขั้น3 และยังมีดอกไม้หอมสวรรค์ ที่มักจะเติบโตตามหน้าผา ดังนั้นเจ้าจะต้องไปหามันด้วยตัวเอง”
“หน้าผา” ถังเจิ้ง ตื่นเต้น นอกเมือง ชางเฮิง มีภูเขาสูงชื่อ ภูเขาชางเฮิง(Chang Heng Mountain) ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,000 เมตร เมืองชางเฮิง ได้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อภูเขานี้ “ฉันต้องไปที่ภูเขาชางเฮิง เพื่อเสี่ยงโชคของฉัน ฉันต้องตามหาดอกไม้หอมสวรรค์ ให้เจอให้ได้”
“ดอกไม้หอมสวรรค์ แม้แต่สมัยก่อนก็ยังหายาก ยิ่งไม่พูดถึงในยุคปัจจุบัน แล้วเจ้ามีเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่จะไปให้ถึงระดับ ชำระล้างปราณขั้น3 ขณะที่ผู้บ่มเพาะคนอื่นๆจะใช้เวลาถึง2ปีเพื่อจะไปถึงขั้นนั้น
“นายไม่ได้พูดว่า ฉันบ่มเพาะหนึ่งวันเทียบเท่ากับหนึ่งเดือนของคนอื่น? งั้นยี่สิบวันก็เท่ากับฉันบ่มเพาะไปสองปีแล้วสิ นั่นหมายความว่า ฉันสามารถไปถึงระดับ ชำระล้างปราณขั้น3 ได้อย่างแน่นอน” หัวใจของ ถังเจิ้ง เต็มไปด้วยความสุขอันยิ่งใหญ่
ทันใดนั่นเทียนซานจือได้เทน้ำแข็งใส่เขาทันที “เด็กน้อย เจ้ากำลังทำให้ทุกอย่างดูเหมือนง่าย ถ้าการบ่มเพาะทำได้ง่าย งั้นทุกคนภายใต้สวรรค์ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญหมดสิ เจ้าเพิ่งเริ่มต้นบ่มเพาะมันเลยยังเร็วอยู่ แต่หลังจากนี้ไปไม่กี่วัน ความเร็วในการบ่มเพาะของเจ้าจะช้าลงจนเท่ากับความเร็วของคนปกติ ยิ่งกว่านั้น ข้าได้ตรวจสอบแล้วพบว่าพลังวิญญาณ ในยุคนี้น้อยมากเมื่อเทียบกับพันปีก่อน การพยายามไปถึง ชำระล้างปราณขั้น3 ในหนึ่งเดือนไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เจ้าพูด”
ถังเจิ้ง ช๊อคมาก นี้เขามองโลกในแง่ดีมากเกินไปเหรอ? แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับชีวิตของปู่ของเขา เขาต้องทำได้ เขากัดฟันและกล่าวว่า “เพื่อปู่ของฉัน ฉันจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้!”
ถังเจิ้ง รวมพลังของเขาและบ่มเพาะต่อไป อีกครั้งและอีกครั้ง เขารวบรวมพลังงานเพื่อวิชาของ คัมภีร์ล้างสวรรค์ และปราณแท้ของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้น
ท้องฟ้าเริ่มมีแสงเล็กน้อย ถังเจิ้ง ลุกขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะทำอาหารเช้าให้ปู่ เขาตื่นขึ้นมาเพื่อทานอาหารเช้าแล้วก็เตือนให้เขาออกไปทำงานข้างนอกไม่ได้ก่อนที่จะไปโรงเรียน
แม้ว่างานที่สำคัญที่สุดของเขาคือการปลูกฝังเขาไม่สามารถข้ามโรงเรียนมิฉะนั้นปู่ของเขาจะกลายเป็นความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น
ที่ประตูโรงเรียน เต็มไปด้วยรถหรูจำนวนมาก เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่นการแสดงรถขณะที่นักเรียนจำนวนมาก ก้าวออกจากรถของพวกเขา และเดินไปโรงเรียนอย่างหยิ่งยโส
“ถังเจิ้ง รอฉันก่อน” เสียงที่กำลังเคลื่อนที่ส่งมา ถังเจิ้ง หันไปดูและเห็นฟางซือซือ ก้าวลงจากรถอันหรูหราถือกระเป๋าเป้ แล้วรีบเดินตรงมาหาเขา
เมื่อวานนี้ ทั้งห้องคิดว่าเขาขโมยเงิน ฟางซือซือ เป็นคนเดียวที่เชื่อในตัวเขา ทำให้เขารู้สึกดีต่อเธอ
“ถังเจิ้ง ไปกันเถอะ” ฟางซือซือ ยิ้มให้ กลิ่นลมหายใจของเธอเหมือนกล้วยไม้ ผิวบอบบางของเธอส่องประกายภายใต้แสงแดด
ถังเจิ้ง พยักหน้าและทั้งสองเดินเข้าไปในโรงเรียน
“ถังเจิ้ง ฉันได้ยินมาว่า นายถูกย้ายไปเรียนที่ห้อง 7” ฟางซือซือ ถามอย่างมืดมน
ถังเจิ้ง ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ทำดีไม่มีใครสังเกตเห็น ขณะที่เรื่องอื้อฉาวรู้กันเร็วมาก”
“ขอโทษนะ”
"ไม่ใช่ความผิดของเธอ ทำไมเธอต้องขอโทษด้วยละ?"
“ทางโรงเรียนเดิมที มีแผนจะไล่นายออก ตอนแรกฉันขอร้องให้พ่อ ช่วยให้นายสามารถอยู่ในห้อง1ต่อไป แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่เห็นด้วย นั่นคือเหตุผลที่นายต้องทนทุกข์ทรมานกับความอยุติธรรมนี้ไปชั่วคราว และอยู่ในห้อง 7” ฟางซือซือ พูดด้วยความเห็นใจ
ถังเจิ้ง โกรธโรงเรียนที่อยากไล่เขา นี่ต้องเป็นเพราะแม่มดเฒ่าแน่ ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้ โชคดีที่เขาได้รับความช่วยเหลือจาก ฟางซือซือ ไม่งั้นเขาอาจถูกไล่ออกจากโรงเรียน
พ่อของ ฟางซือซือ ฟางชงกัว(Fang Chongguo) เป็นหนึ่งในประธานของ โรงเรียนนานาชาติ เทียนเพิง ถ้าเขาคนนี้ไม่ปรากฏตัว ก็คงเป็นเรื่องยากที่ ถังเจิ้ง จะอยู่ที่โรงเรียนนี้ต่อไป
ในความโกรธของเขา หัวใจของเขารู้สึกขอบคุณอีกครั้ง มองไปที่ ฟางซือซือ เขาพูดจากจริงใจว่า “ฟางซือซือ ขอบคุณมาก!”
ถังเจิ้ง ได้ยอมรับฟางซือซือจากใจ และความเขินอายปรากฏบนใบหน้าของเธอ ซึ่งมันดูล่อลวงมากกว่าแสงของดวงอาทิตย์เสียอีก เธอหัวเราะเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ฉันเชื่อว่าผลการเรียนของนายจะดีขึ้น”
เดิมที ถังเจิ้ง แทบจะสิ้นหวัง และไม่รู้ว่านอกจากปู่ของเขา จะมีคนที่สองที่จะเชื่อในตัวเขา และนั่นคือ ฟางซือซือ ทำให้เขารู้สึกว่ามีอารมณ์แปลกๆก่อตัวขึ้นภายในใจของเขา
“เจ้าหนู ข้ามีข่าวจะบอก ข้าพบหญิงสาวคนหนึ่งที่มีพลังหยินแข็งแกร่งพอสมควร” ทันใดนั้นเสียงของเทียนซานจือก็ดังขึ้น
ถังเจิ้ง ตกใจมาก “เธออยู่ที่ไหน?”
“เหอะๆ เด็กน้อยเจ้านี้มันโชคดีจริงๆ เธออยู่ไกลแต่ก็เหมือนอยุ่ใกล้ ผู้หญิงที่เดินคู่กับเจ้านั้นแหละ เธอมีกายหยินบริสุทธิ์ และพลังหยินภายในตัวเธอมีความเข้มข้นมาก” เทียนซานจือ มีรอยยิ้มแปลกๆ “พลังหยิน ในร่างกายของผู้หญิง แบ่งแยกออกเป็นประเภทต่างๆ นอกเหนือจากร่างกายปกติยังมี กายหยินบริสุทธิ์ กายหยินลึกลับ กายหยินปีศาจ และ กายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยิน”
“ฟางซือซือ” ถังเจิ้ง ได้มองไปที่เธอโดยไม่รู้ตัว และพบว่าปากของเธอยกขึ้น รอยยิ้มสดใส ดุจดอกบัวที่อิสระ ทำให้หัวใจของผู้คนที่เห็นเต้น
“ถ้าเธอเต็มใจที่จะเป็นแฟนของฉันจริงๆ มันคงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน” ถังเจิ้ง รู้ว่าภายในโรงเรียนมีหลายคนที่ไล่ตาม ฟางซือซือ หวังว่าเธอจะเป็นแฟนของพวกเขา แต่เธอก็ปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด
“ครอบครัวของเธอรวยมาก ทำไมเจ้าไม่จีบเธอ?”
เจ้าหนู อย่าดูถูกตัวมากนัก ตอนนี้เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะแล้ว เจ้าชอบเธอ มันก็เป็นความสุขของเธอแล้ว “เทียนซานจือ พูดอย่างผู้การศึกษา ทันใดนั้นเขาก็กรีดร้องออกมาว่า”เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าเจ้าถึงดูดซับพลังหยินบริสุทธิ์ของเธอได้?”
“ทำไมนายถึงต้องตะโกนและโอดครวญละ?”
"เด็กน้อย เจ้าต้องไม่เชื่อแน่ว่า ไม่จำเป็นต้องนอนกับผู้หญิงเพื่อที่จะดูดซับพลังหยินของเธอ นี้เป็นหนึ่งในความลับของ กายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยาง?” เทียนซานจือตะโกนเสียงดัง
ถังเจิ้ง มีความสุขมาก “นายจะบอกว่า ฉันแค่ต้องอยู่ใกล้ๆเธอเพื่อดูดซับพลังหยินบริสุทธิ์ใช้ไหม?”
นี่มันเป็นไปไม่ได้ แต่ เทียนซานจือไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้าเท่านั่น
“มันไม่ถูกต้อง นี้ต้องไม่ใช้เพราะ กายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยาง แน่ๆ ไม่งั้นมันก็ต้องไม่มีคนตายเพราะการระเบิดสิ นี้ต้องเป็นเพราะ คัมภีร์โบราณล้างสวรรค์”
ถังเจิ้ง ไม่เข้าใจสิ่งที่ใช้มัน แต่สิ่งที่สำคัญก็คือการที่เขามีวิธีการดูดซับพลังหยินบริสุทธิ์ นอกจากนี้เขาเพียงแค่ต้องอยู่ใกล้ๆผู้หญิง
“เจ้าหนู อย่าเพิ่งดีใจเร็วไปนัก ความเร็วในการดูดซับนี้ค่อนข้างช้า นอกเสียจากว่าเจ้าจะใช้เวลาอยู่กับเธอเยอะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะสร้างโอกาสเพื่อที่จะไปอยู่ใกล้เธอ” ตั้งแต่ที่ ถังเจิ้ง พบหนทาง อารมณ์เขาก็ดีขึ้นมาก
ขณะที่พวกเขาคุยกัน ทั้งสองก็เดินมาถึงประตูห้อง 1
“ฉันเข้าไปก่อนนะ นายทำได้อยู่แล้ว เพื่อนถังเจิ้ง!” ฟางซือซือ โบกกำปั่นของเธอให้กำลังใจและเหมือนนางฟ้า เธอเดินเข้าไปในห้อง
ถังเจิ้ง พยักหน้า เห็นเธอเข้าไปแล้ว เขาก็จ้องที่ป้ายประตูของห้อง1 และรู้สึกถึงสายตาเยาะเย้ยถากถางให้เขา ในใจเขาหัวเราะอย่างเย็นชา “พวกนายเยาะเย้ยเท่าที่ต้องการไปเถอะ รอจนถึงการสอบครั้งหน้า ฉันจะเหยียบพวกแกให้จมดิน!!”
เฉียวเฟ่ย นั่งอยู่ในห้องเรียน ใบหน้าของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล และมีความรู้สึกแสบร้อนตลอดเวลา ในขณะที่เขาจ้องมองที่ ถังเจิ้ง ที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นเขาก็มอง ฟางซือซือ ที่ยังคงหน้าแดงอยู่ มีความอำมหิตซ่อนอยู่ในสายตาของ เฉียวเฟ่ย
“ถังเจิ้ง แกถูกเตะออกจากห้อง 1 แล้วแท้ๆ แต่แกก็ยังคงได้รับความสนใจจาก ฟางซือซือ อยู่ดี เจ็บใจนัก เฮอะ ดูเหมือนว่าเพียงแค่เตะแกออกจากห้อง 1 จะไม่พอเสียแล้วสำหรับเป้าหมายของฉัน ฉันต้องสมบูรณ์แบบ แกหาเรื่องใส่ตัวเอง”
ถังเจิ้ง ไม่ได้ตระหนักถึงความดุร้ายที่ซ่อนอยู่ในสายตานั้น และเดินไปอย่างองอาจดุจทหาร ก้าวยาวๆไปห้อง7
ห้องนรก ม.6/7 ห้องเรียนตั้งอยู่ที่ส่วนท้ายสุดของทางเดิน ห้องโถงว่าง ที่นั่งเต็ม(the hall was empty, the seats were full เผื่อคนอ่าน งง)
ความแปลกใจเกิดขึ้นภายในหัวใจของ ถังเจิ้ง เมื่อตอนที่เขาเดินผ่านห้อง 7 จะมีเสียงดังเหมือนตลาด แต่มันไม่เคยเงียบแบบนี้ แต่เขาไม่ได้สนใจและเดินเข้าไป
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากด้านบนศีรษะ
(@เสียงอะไรกันน่อ? ลองเดาสิ ตอนผมอ่าน ผมเดาถูกด้วย 555 เด็กดีไม่น่าเดาถูก)