ตอนที่ 77 ผลของเม็ดยา
ฉางหยางที่เดินเข้ามาภายในเมือง เขาสังเกตรอบข้างอยู่เรื่อย เพราะผู้คนภายในเมืองนั้นน้อยผิดปกติ อาจจะเป็นไปได้ว่าพวกเขาพากันไปร่วมงานชุมนุมเหล่าจอมยุทธกันหมดแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาต้องการที่พักก่อน เพื่อฟื้นฟูพลังลมปราณที่เสียไปตอนที่ช่วยเหลือชินไป๋ชุน
เขาได้เดินมาเรื่อยๆ จนถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง แต่ทว่าผู้คนที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมกลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ยิ่งทำให้เขาแปลกใจเข้าไปใหญ่ ว่าทำไมแค่งานชุมนุมเหล่าจอมยุทธถึงสามารถดึงดูดผู้ฝึกวรยุทธได้มากมายขนาดนั้น
ฉางหยางเดินเข้าไปที่โรงเตี๊ยมอย่างสบายใจ แล้วนั่งลงที่โต๊ะมุมสุดของโรงเตี๊ยม
เสี่ยวเอ้อเห็นบุรุษส่วมชุดจอมยุทธสีเหลืองแล้วมีหน้ากากปีศาจปิดที่ใบหน้า เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ เขาก็รีบเดินไปหาทันทีพร้อมเอ่ยกล่าวอย่างสุภาพ
“คุณชาย ไม่ทราบท่านต้องการรับอะไรดีขอรับ”
“จัดของที่ดีที่สุดมาให้ข้า” ฉางหยางกล่าวพร้อมโบกมือออกไป
“ขอรับข้าจะรีบไปจัดเตรียมมาให้” เสี่ยวเอ้อโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป แต่ระหว่างนั้นเองก็มีเสียงของฉางหยางดังขึ้นมาเสียก่อน
“ปกติแล้วงานชุมนุมเหล่าจอมยุทธที่กำลังจะจัดขึ้น พวกเขาจัดกันที่ไหนรึ”
“ขอรับ ปีนี้ได้เปลี่ยนสถานที่จัดใหม่ พวกเขาจัดกันที่เขตแดนโบราณพฤกษาเขียวขจีของราชวงศ์ชินกันด้วย เห็นว่าปีนี้จะเพิ่มการแข็งล่าสมุนไพรเข้าไปด้วยขอรับ แต่ทว่าการแข่งล่าสมุนไพรนี้ ข้าน้อยได้ยินมาว่าทางราชวงศ์ชินได้จำกัดอายุให้ไม่เกินยี่สิบปีเท่านั้น” เสี่ยวเอ้ออธิบายออกไป
“เขตแดนโบราณพฤกษาเขียวขจีงั้นรึ ? แล้วเจ้าพอจะรู้เส้นทางไปหรือไม่” ฉางหยางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไปอีกครั้ง
เสี่ยวเอ้อครุ่นคิดสักพัก แล้วตอบออกไป “อืม หากคุณชายต้องการจะไปที่แห่งนั้น ท่านต้องเดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือไปประมาณเก้าร้อยห้าสิบกิโลเมตร แล้วท่านจะเจอหอคอยขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างโดยราชวงศ์ชิน ซึ่งที่แห่งนี้เองจะเป็นที่จัดงานชุมนุมของเหล่าจอมยุทธ”
“เป็นเช่นนี้เองรึ แล้วอีกอย่างจัดเตรียมที่พักสำหรับข้าด้วย อ้อนี่สำหรับเจ้า” ฉางหยางพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วโบกมือเล็กน้อย หินจิตมารที่อยู่ในแหวนมิติก็ลอยไปที่มือของเสี่ยวเอ้อทันที
เสี่ยวเอ้อรีบยื่นมือออกไปรับอย่างมีความสุข และกล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ ก่อนจะรีบจากไปเพื่อจัดเตรียมอาหาร
“ข้าน้อยต้องขอบคุณท่านมากคุณชาย”
หลังจากที่กินอิ่มแล้ว ฉางหยางก็เดินไปจ่ายค่าที่พักและค่าอาหาร ซึ่งมันก็แพงนักเพียงแค่สี่ร้อยกว่าหินจิตมารเท่านั้น จากนั้นเขาก็เดินออกจากโรงเตี๊ยมไป เพื่อหาซื้อเม็ดยาสักเล็กน้อย
ผ่านมาสักพักฉางหยางก็ได้เดินมาถึงร้านขายโอสถแห่งหนึ่ง ซึ่งสภาพร้านนั้นดูค่อนข้างเก่าแก่พอสมควร แต่ภายในร้านก็เต็มไปด้วยขวดแก้ววางอยู่เป็นชั้นๆ ภายขวดแก้วมีเม็ดยาหลากหลายชนิดบรรจุอยู่ภายใน แต่ก็มีกลิ่นหอมของตัวยาเล็ดลอดลอยออกมาบ้างเล็กน้อย ซึ่งทำให้ร่างกายเขารู้สึกสดชื่นและคึกขึ้นไปอีก
ฉางหยางรีบก้าวเท้าเข้าไปในร้านอย่างช้าๆ สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเห็นเด็กหนุ่มท่าทางร่ำรวยเดินเข้ามาในร้านของตน เขารีบลุกขึ้นเดินมาพร้อมรอยยิ้มอันเบิกบาน และกล่าวออกมาอย่างนุมนวล
“ไม่ทราบว่าเด็กหนุ่มเช่นเจ้าต้องการสิ่งใดภายในร้านของข้ากัน”
“ข้าต้องการเม็ดยาที่ฟื้นฟูพลังลมปราณสิบเม็ด และเม็ดยาที่เพิ่มระดับการบ่มเพาะ แล้วท่านพอมีมันบ้างหรือไม่”
ชายวัยกลางคนยืนคิดอยู่สักพัก “เม็ดยาฟื้นฟูพลังลมปราณสิบเม็ดข้ามีอยู่ แต่เม็ดยาที่เพิ่มระดับการบ่มเพาะ เจ้าหมายถึงเม็ดยาปราณโลหิตหรือไม่”
“ใช่แล้ว” ฉางหยางพยักหน้าเล็กน้อย
“จากที่ข้าดูแล้ว เจ้าคงจะเคยกินเม็ดยาปราณโลหิตเข้าไปสินะ แต่ทว่าหากเจ้ากินอีกเม็ดเข้าไป ประสิทธิภาพของมันจะลดลงไปทุกๆสี่ส่วนต่อครั้ง เพราะว่าส่วนผสมที่เอามาปรุงยาเม็ดนี้ มันมีบัวสีเงินรวมอยู่ด้วย เม็ดแรกจะให้ประสิทธิภาพเต็มสิบส่วน ส่วนเม็ดที่สองให้ประสิทธิภาพเพียงหกส่วนเท่านั้น และจะลดลงเรื่อยๆตามจำนวนที่เจ้าได้กินเข้าไป” ชายวัยกลางคนรีบอธิบายออกไป
“ทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้นกัน ?” ฉางหยางถามออกมาอย่างงุนงง เพราะเขาเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าผลของตัวยาจะลดลงไปด้วยตามครั้งที่กินเข้าไป ซึ่งหากเขากินเข้าไปครั้งนี้ ระดับการบ่มเพาะของเขาก็เพิ่มแค่สองขั้นเท่านั้นเอง
“เจ้าจะรู้ก็ไม่แปลก เพราะบัวสีเงินที่นำมาปรุงยาเม็ดนี้ มันหายากและลึกลับเป็นอย่างมาก ทำให้มันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมันสักเท่าไร ซึ่งข้าได้ทดลองศึกษามันมาหลายปีจนพบว่า บัวสีเงินอันนี้มันจะไปผนึกตัวยาบางส่วนในเม็ดยาปราณโลหิตไว้ ทำให้ร่างกายของเจ้าไม่สามารถนำตัวยาไปใช้ได้อีกต่อไป แล้วจากนั้นตัวยาก็จะถูกขับออกมาทางเหงื่อของเจ้า
แต่ทำไมครั้งแรกถึงได้ตัวยาเต็มสิบส่วนไป ก็เพราะครั้งแรกบัวสีเงินมันจะไปสะสมตามร่างกายของเจ้าก่อน ส่วนครั้งที่สองพวกที่สะสมตามร่างกายเจ้าก่อนหน้านี้ก็จะเข้ามาผนึกตัวยาที่อยู่ในเม็ดยาปราณโลหิตทันที
เหตุผลเช่นนี้เองจึงทำให้เหล่าผู้ฝึกวรยุทธหลายคน เลือกที่จะกินเม็ดยาปราณโลหิตตอนที่ระดับการบ่มเพาะของตนติดคอขวดอยู่ จึงทำให้ราคาของมันพุ่งสูงขึ้นยังไงล่ะ” ชายวัยกลางคนกล่าวอธิบายออกไป เพราะเขาเองก็ได้ศึกษาบัวสีเงินร่วมกับบิดาของเขาตั้งแต่ยังเยาว์
เพื่อที่จะสานต่อความฝันของบิดาของเขา ทำให้เขารู้เรื่องวัตถุดิบปรุงยามากมายเกือบเทียบเท่าตระกูลหลางได้เลยทีเดียว
“เป็นเช่นนี้เอง ข้าต้องขอบคุณท่านมากที่ชี้แนะท่านลุง ข้าเองก็ไม่ความรู้เรื่องสมุนไพรสักเท่าไร ทั้งนี้เพราะข้าเองยากจนมาก่อน ทำให้ข้าได้แต่อาศัยอยู่ตามป่าเขาเท่านั้น” ฉางหยางกล่าวอธิบายออกไป
“เฮ้อ! ข้าก็นึกว่าเจ้าเป็นบุตรหลานตระกูลที่มั่งคั่งเสียอีก”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนกล่าวจบ เขาก็เดินไปหยิบขวดยาสองขวดมาพร้อมกับตำราเก่าแก่เล่มหนึ่งมา แล้วยื่นให้ฉางหยาง
“เม็ดยาที่เจ้าได้สั่งเอาไว้อยู่ในขวดแก้วพวกนี้แล้ว ส่วนตำราอันนี้เป็นของบิดาข้าที่บันทึกเกี่ยวกับวัตถุดิบปรุงยาต่างๆเอาไว้ ข้าให้เจ้าเอาไว้ศึกษา”
“ขอบคุณท่านมาก”
ฉางหยางผสานมือคารวะ แล้วโบกมือเล็กน้อยหินจิตมารจำนวนมากก็ปรากฏออกมาจากแหวนมิติ ลอยไปทางวัยกลางคน จากนั้นเขาก็รับเอาขวดยาพร้อมตำราเก่าแก่เก็บเข้าแหวนมิติแล้วเดินออกจากร้านไป
ภายในห้องพัก ฉางหยางจ้องมองไปที่ขวดแก้วที่มีเม็ดยาปราณโลหิตบรรจุอยู่ เพราะครั้งนี้เขาได้ใช้หินจิตมารไปเกือบหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงสองสามหมื่นก้อนเท่านั้น
ขวดแก้วถูกเทลงมืออีกข้าง จากนั้นฉางหยางกินเข้าไปทันที เม็ดยาปราณโลหิตเริ่มไหลสู่ร่างกายของเขาพร้อมกับตัวยาที่อัดแน่นแผ่กระจายออกมา ไหลไปตามเลือดภายในกายแล้วเข้าสู่เส้นชีพจรทะลวงเข้าประตูสวรรค์บานที่หนึ่งและสอง ส่งผลให้ระดับการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปราณนิมิตรขั้นที่หก
ปราณนิมิตรขั้นที่เจ็ด
และสุดท้ายก็หยุดลงที่ปราณนิมิตรขั้นที่เจ็ด เพียงเท่านี้เขาก็รู้สึกพอใจแล้ว เพราะอย่างไรในวันข้างหน้าเขาคงจะหาวิธีเพิ่มระดับการบ่มเพาะได้อยู่ดี
เมื่อเลื่อนระดับบ่มเพาะได้สำเร็จแล้ว แต่ทว่าพลังลมปราณภายในร่างยังเสถียร เขารีบนั่งปรับแต่งพลังลมปราณภายในร่างทันที
เวลาได้ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง ฉางหยางลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ตอนนี้พลังลมปราณภายในร่างของเขานิ่งแล้ว พลังกายของเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ชั้นปราณผันผวนแล้ว ทำให้เขาสามารถต่อกรกับผู้ฝึกวรยุทธปราณบรรจบได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
ซึ่งหากเขาไม่ฝึกฝนคัมภีร์กายาหมื่นสวรรค์ ก็จะไม่ทางเป็นไปได้เลยที่จะต่อกรกับผู้ฝึกวรยุทธที่ห่างกันได้ถึงหนึ่งชั้นปราณได้ แต่ทว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาสามารถสำเร็จขั้นที่สอง ปฐพีเพลิงโลกันตร์ได้ เขาจะสามารถสังหารผู้ฝึกวรยุทธชั้นปราณผันผวนขั้นต้นได้ทันที
แต่ทว่าตอนนี้สำหรับเขายังเป็นไม่ได้ เพราะยังขาดผลึกนภาที่จะใช้เปิดประตูสวรรค์บานที่สามอยู่ บางที่อาจจะใช้สองถึงสามก้อนเลยก็เป็นได้ที่จะใช้เปิดประตูบานนี้.....