ตอนที่ 11 พลังปราณ!
ความกล้าหาญช่วยเพื่มความแข็งแกร่งในขณะที่ความแข็งแกร่งช่วยเพิ่มความกล้าหาญของเขา ทั้งคู่ต่างช่วยเสริมกันและกัน
เมื่อตกเย็น..... หลังจากที่เขาฝึกเสร็จท้องของเขาก็เริ่มหิวอีกครั้ง
เขายังคงผอมมาก ซึ้งแตกต่างกับร่างกายที่แข็งแรงราวกับเสือ เขารู้อย่างแน่ชัดแล้วที่เขากินเลือดกินเนื้อกวางมานั้นไม่ได้เสียเปล่า เขาได้ดูดซับพลังงานเนื้อทั้งหมดเขาไปในร่างกายแล้ว
ร่างกายของเขาราวกับหลุมลึกที่ไม่มีวันสิ้นสุด มันได้ดูดกลืนย่อยทั้งเนื้อและไวน์อย่างตะกละ และเปลี่ยนให้พวกมันเป็นพลังแกเขา
หลังจากการฝึก หลี่ ฉิงชาน นั่งลงบนพื้นและปิดตาลง เขาสงบจิตสงบใจและรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างข้างในตัวเขา
กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ถูกใช้งานมากไปมันทำให้รู้สึกเจ็บปวดมาก เขายังจำวันที่สองที่เขาฝึก หมัดปีศาจวัวได้ มันทำให้เขาเจ็บปวดซะจนเกือบจะลุกไม่ไหว
วัวสีเขียวไม่ได้พยายามชักจูงให้เขาฝึก แต่เขายังคงยืนกรานที่จะฝึนและทนต่อความเจ็บปวดต่อไป
ด้วยความพยายามอดทนต่อการฝึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสิบกว่าวัน ในที่สุดมันก็ดีขึ้น มันเป็นเพราะความอดทนของเขาที่มันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย ตามปกติ ร่างกายของเยาจะสามารถปรับตัวได้เองหลังจากไม่กี่วันฝึก แต่ความเจ็บปวดนั้นไม่ได้ลดน้อยลงเลยราวกับว่าทุกวันที่ฝึกนั้นเป็นวันแรกที่เขาพึ่งเริ่มฝึก
การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในร่างกายนั้น มันสะท้อนอยู่ในใจเขา แต่น่าเสียดายที่ เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เรียกว่าพลังปราณเลยแม้แต่นิดเดียว ตามที่วัวสีเขียวบอก ไม่สำคัญว่าจะเป็นทักษะเหนือธรรมชาติไหนก็แล้วแต่ เจ้าต้องสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของปราณและบ่มเพาะค้นหาพลังปราณที่แท้จริง ก่อนที่จะพูดได้ว่า เจ้าได้เหยียบเข้าไปในเต๋าแล้วอย่างแท้จริง แต่เวลาที่เขาบ่มเพาะนั้นมันสั้นเกินไป
ในตอนนี้จู่เขารู้สึกว่ามีความเย็นไหลผ่านตรงหลังคอเขาราวกับสายลมโชยมา
แต่ในตอนนี้มันไม่ลมแม้แต่นิดเดียว
"หรือว่านี้อาจจะเป็น พลังปราณ!!"
หลี่ ฉิงชาน รู้สึกดีใจและเพ่งสามาธิทั้งหมดไปที่ความเย็นนั้นจากนั้นเขาค่อยๆรู้สึกว่าความเย็นกำลังซึมเข้าไปในผิวหนัง ค่อยๆลึกลง...ลึกลง... จมเข้าไปในกระดูกและวิญญาณของเขาแปรเปลี่ยนมืดขึ้นและหนาวมาก มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก
หลี่ฉิงชาน ส่ายหัวแล้วลุกขึ้นยืนและปล่อยหมัดออกไปสองสามครั้ง ความมืดมนก็หายออกไปเล็กน้อย แต่เมื่อเขานั่งลงมันก็มาหมุนวนอยู่รอบๆเขาอีกครั้ง
เขาไม่รู้จริงๆว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน จากนั้นเขาเลยเดินไปที่ลำธารแล้วเริ่มล้างเนื้อล้างตัว
คืนนี้แสงจันทร์นั้นสว่างสดใส เมื่อเขามองลงไปในน้ำ เขามองเห็นเด็กหน้าซีดคนหนึ่งที่ยึดมั่นในร่างกายของเขาโดยไม่สนสิ่งใด
ถึงแม้ว่าเขามีความกล้าหาญอยู่แล้ว เขาก็ยังประหลายใจที่เขายังมีเหงือเย็นๆไหลออกมาอยู่ ในฉากแบบนี้ทำให้เขานีกถึงภาพยนตร์ที่เขาเคยดูมาก่อนในอดีต 'The Grudge'
ถ้าหลี่ ฉิงชานเป็นคนธรรมดาเขาคงจะกลัวแต่มันก็มีทั้งดีและไม่ดีที่เขาได้พบปีศาจวัวมานานแล้ว
เขามองตรงไปยังเด็กที่อยู่ในน้ำ"เจ้าเป็นตัวอะไร? "
เด็กน้อยเพียงส่ายหัว และในเวลาเดียวกันก็เกิดละลอกคลื่นขึ้นมาบนผิวน้ำภาพสะท้อนเด็กที่อยู่ในน้ำพลัยหายไป แต่บรรยากาศที่มืดมนและหนาวเย็นยังคงอยู่รอบๆตัวเขา
หลี่ ฉิงชาน พยายามที่จะทำให้จิตใจเขามั่นคง"ทำไมผีนี้ถึงมาตามรังควานข้า ข้าคงทำได้แค่รอให้พี่วัวกลับมาแล้วค่อยคุยเรื่องนี้ละกัน ยังโชคดีที่มันไม่ได้มาขอเอาชีวิตข้าไป"
เขาไม่มีความมั่นใจและเขาก็รู้สึกกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวเขา ในขณะนั้นเองบรรยากาศหนาวเหน็บอันมืดมนเริ่มคลายลง เขาจึงรีบฝึกหมัดปีศาจวัวอีกครั้ง เฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้นที่ความมืดมนจะหายไป แต่หลังจากผ่านไปสักพักเขาต้องนั่งพักเพราะเขาไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ไม่รู้จักเหนื่อยสามารถฝึกได้โดยไม่ต้องพักและเขาพบว่าในช่วงเวลานั้นทำให้ความหนาวเย็นนั้นหนาวซะจนยากที่จะทน
เหมือนกับว่าเขาได้เข้าไปสู่ส่วนลึกสุดของความมืดมันเป็นที่ที่บรรยากาศมืดมนแข็งแกร่งที่สุด
ความมืดมนได้กล้ำกรายเข้ามาในร่างของหลี่ ฉิงชานมากกว่าครึ่งแล้ว แต่มันไม่มีความรู้เจ็บปวดแม้แต่นิด มันมีเพียงแค่มือกับเท้าของเขาที่ชาและสัมผัสทั้งห้าเขาก็ค่อยๆเริ่มพร่ามั่ว
มันทำให้เขารู้สึกว่ามันอันตรายสุดๆ และทำให้สมองของเขาทำงานเต็มที่
เขาเคยได้ยินคนบอกว่าภายในร่างกายของทุกคนมีปราณหยางที่สามารถยับยั้งหยิน ผีได้
เขาคิดว่าในขณะที่เส้นเลือดของเขาเต็มไปด้วยพลังงานในขณะที่เขาฝึกวิชาหมัดมันจึงทำให้ผีตัวเล็กๆไม่กล้าเข้ามาใกล้ ดังนั้นในขณะที่เขากำลังนั่งเขาพยายามที่รับรู้ความรู้สึกเดิมเช่นเดียวกับเมื่อตอนที่เขาฝึก
เขาหลับตาลง จัดการความคิด เกร็งกล้ามเนื้อและแน่นอนว่ามันมีประโยชน์อยู่บ้างในการต่อต้านการจู่โจมของบรรยากาศมืดมน
เขาอดทนด้วยการใช้วิธีนี้ตลอดทั้งคืน จิตของเขาบ้างครั้งก็มืดมัวบ้างครั้งก็สว่าง เขาพยายามฝึกฝนพลังจิตของเขาอย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งความมุ่งมั่นของเขาเกือบจะพ่ายแพ้....
และแล้วก็มีแสงสว่างจากพระอาทิตย์ มีเสียงไก่เริ่มขัน....
หลี่ ฉิงชานลืมตาขึ้น แสงสว่างส่องลงมาผ่านกิ่งไม้ตกลงมายังหน้าเขา ความมืดมนและหนาวเย็นได้ได้หายไปจากร่างกายเขาแล้ว วัวสีเขียวได้มองเขาจากที่ไม่ได้ไกลมากใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความสนใจ
หลี่ฉิงชานรีบกล่าว"พี่วัว ท่านไปไหนมา ท่านรู้รึปล่าวว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าเมื่อคืน"
"ข้ากลับมาได้สักพักแล้ว เจ้าคงจะพูดถึงผีตัวเล็กๆในร่างของเจ้า?"
"เช่นนั้นท่านก็แค่มองดูข้าเฉยๆ?"
"แล้วเจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?"
หลี่ฉิงชาน ยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไร วัวสีเขียวเคยบอกเขาเมื่อนานมาแล้วว่า ถ้าเจ้าเจอเรื่องอันตรายไม่ต้องหวังว่าข้าจะไปช่วยเจ้า มันไม่เคยทำให้เขามีโอกาสที่จะพึ่งพามันตั้งแต่แรก วัวสีเขียวได้ให้ความช่วยเหลือที่สำคัญที่สุดแก่เขาแล้วและเขาไม่สามารถที่จะไปพึ่งพาได้ทุกเรื่อง
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่อบอุ่น หลี่ ฉิงชานยืนขึ้นและยืดกล้ามเนื้อ"โชคดีที่เจ้าผีน้อยมันไม่กล้าออกมาในตอนกลางวันมิฉะนั้นข้าคงทนไม่ได้ พี่วัวมันดีหรือไม่ดีที่ข้ายังคงบ่มเพาะทักษะเต๋าอยู่ ไม่ต้องบอกนะว่าข้าจะรับมือเจ้าผีน้อยไม่ได้"
"ถ้าเจ้าไม่ฝึกฝนทักษะเหนือธรรมชาติเจ้าจะไม่รอดพ้นคืนนี้แน่ รอจนกว่าเจ้าจะบ่มเพาะความแข็งแกร่งของวัว1ตัวได้ก่อน ร่างกายของเจ้าจะเต็มไปด้วยเลือดที่สมบูรณ์ โดยธรรมชาติแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวผีน้องกระจอกๆตนนี้เลย"
"นานแค่ไหน"
"นอกเหนือจากนั้นข้ายังมีวิธีอื่น. "
"วิธีไหน?"
"ผีหยิน นั้นกลัวกลิ่นอายฆ่าฟันมากที่สุด ถ้ามือเจ้าเปื้อนเลือดของคนสักร้อยคน ข้ารับรองเลยว่าเจ้าจะสามารถขจัดความชั่วร้ายได้ทั้งหมด เจ้าผีน้อยตนนี้จะไม่กล้ามาเข้าใกล้เจ้าเกิน10ก้าว"
หลี่ ฉิงชานกลอกตาไปมา"นี้อย่าบอกนะว่าต้องให้ข้าไปฆ่าคนทั้งหมู่บ้านวัวหมอบ!"
"จริงๆแล้วแบบนั้นคงจะทำไม่ได้...แล้ว อยากลองมั้ยละ ฮี่ฮี่"วัวสีเขียวขำ
"ก่อนที่จะทำข้าจะฆ่าเจ้าก่อนแล้วเอาเนื้อเจ้าไปทำสเต๊กกิน!" หลี่ฉิงชาน ทำเป็นไม่สนใจและกินอาหารเช้า เขาเอาเรื่องนี้เก็บไว้ในใจก่อน เขาต้องทนเหนื่อยใจและเหนื่อยกาย ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มต้นการฝึกวันนี้
แต่ทันทีที่เขาเริ่มบ่มเพาะเขารู้สึกว่าวันนี้มันไม่ได้เหมือนปกติ มันมีปราณอ่อนๆและเบาบางไหลอยู่ในร่างกายของเขา หากเขาไม่เพ่งสมาธิเขาคงไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้
ปราณนี้ไม่ได้เหมือนปราณที่แท้จริง ในนิยายกำลังภายใน ที่เก็บไว้ในจุดตันเถียนและไหลผ่านเส้นพลังปราณ แต่มันกระจัดกระจายไปทุกทีราวกับมัจฉาที่แหวกว่ายผ่านไปยังแขนขาทั้งสี่และกระดูกทั้งร้อย เมื่อเขาขยับหมัดของเขาอย่างแรง เส้นพลังปราณก็ไหลไปยังแขนและหมัดของเขา แต่เรื่องนี้นี้มันเร็วเกินไป
เมื่อเขาผ่อนคลายสมาธิของเขา เส้นพลังปราณก็วิ่งหนีไปราวกับเด็กซนที่แทบจะควบคุมไม่ได้... เขาบอกสถานการณ์นี้กับวัวสีเขียว
วัวสีเขียวไม่ได้แปลกใจอะไรและพูดอย่างมีความหมายแทน"เจ้าต้องขอบคุณเจ้าผีน้อยตนนั้นที่ทำให้เจ้าสามารถสัมผัสถึงพลังปราณได้รวดเร็วเช่นนี้ เป็นดั่งพรแฝงมา"
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญระหว่างชีวิตและความตาย หลี่ฉิงชานได้รวบสมาธิและพลังจิตทั้งหมดเพื่อใช้ต่อต้านความมืดที่เข้าจู่โจมเขา เจ้าผีน้อยจากไป แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือสมาธิและพลังจิตได้กลายเป็นเศษเสี้ยวปราณที่แท้จริง
"งั้นมันกลายเป็นปราณที่แท้จริง?"หลี่ ฉิงชาน มองฝ่ามือตนเอง
"จริงๆแล้วอะไรคือการใช้ปราณที่แท้จริง"
"ปรับแต่งและสร้างพลังปราณ มันคงไม่ใช่ทั้งหมด เจ้าคิดว่ามันมีไว้เพื่ออะไร ถ้าเจ้าไม่สามารถสัมผัสถึงปราณได้แม้เจ้าจะบ่มเพาะตลอดทั้งชีวิตเจ้าคงได้แค่แค่ชาวชนบทที่มีความสามารถมากที่สุดและไม่มีความสำคัญอะไรเลย ถ้าหากให้ข้ากล่าวถึงประโยชน์ ข้าคงไม่มีวันนับได้หมด มีเพียงทางเดียวคือเจ้าค่อยๆหาประสบการณ์จากมันด้วยตนเอง"
ลงสดเลยผิดตรงไหนบอกได้นะครับ
ติดต่อข่าวสารได้ที่เพจ Legend of the Great Saint ครับ^^