ตอนที่ 74 ตื่นจากการหลับใหล
ฉางหยางที่ฝึกเข้าสู่สภาวะปิดผนึกได้แล้ว ตอนนี้ร่างกายของเขาว่างเปล่า ทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วขณะ พลังลมปราณไหลย้อนกลับเข้าสู่ประตูสวรรค์ ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาหยุดนิ่ง
สายตาของเขามองไปที่บึงสีเหลือง ก่อนจะเดินลงไปอย่างช้าๆ น้ำสีเหลืองจากที่เคยรู้สึกถึงไอความร้อนมหาศาล แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก
ตอนแรกเขารู้กลัวอยู่บ้าง เพราะน้ำสีเหลืองพวกนี้มันสามารถแผดเผาเขาได้พริบตา แต่เมื่อเขาฝึกเข้าสู่สภาวะปิดผนึกสำเร็จแล้ว มันกลับผิดจากที่เขาคาดไว้เยอะเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้เขากำลังจะครอบครองสมบัติของผู้ฝึกวรยุทธระดับสูง
ฉางหยางค่อยๆก้าวไปอย่างช้าๆ เพื่อไปให้ถึงชุดจอมยุทธสีเหลืองที่ลอยอยู่กลางบึง
เขายื่นมือออกไป เพื่อที่จะหยิบมันให้ได้แล้วจากนั้นเขาจะรีบขึ้นจากบึงสีเหลืองแห่งนี้ เพราะเขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเสียแล้ว ระหว่างนั้นเองนิ้วของเขาเอื้อมไปแตะชุดสีเหลืองเพียงนิดเดียวเท่านั้น น้ำสีเหลืองในบึงเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ฉางหยางจากที่เคยรู้สึกเย็นสบาย แต่ตอนนี้เริ่มร้อนขึ้นมาทีละนิดแล้ว สีหน้าของเขาเริ่มปรากฏร่องรอยความเจ็บปวด เพราะความร้อนของน้ำสีเหลืองในบึงเริ่มที่จะแผดเผาเขาแล้ว
“อะไรกัน? ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้”
ชุดจอมยุทธสีดำที่ทำจากใยไหมทมิฬ เริ่มถูกแผดเผาไปอย่างช้าๆ ตามร่างกายของเขาผิวหนังเริ่มไหม้เกรียม ส่งกลิ่นเหม็นไหม้ของผิวหนังออกมา
ฉางหยางระเบิดพลังลมปราณออกมาทันที แล้วรีบคว้าเอาชุดจอมยุทธสีเหลือง เตรียมที่จะพุ่งตัวออกบึงสีเหลืองแห่งนี้ ระหว่างนั้นเอง ชุดจอมยุทธสีเหลืองแตกสลายกลายเป็นเส้นใยสีเหลืองจำมหาศาล พุ่งเข้ามาห่อหุ้มร่างของเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความร้อนของชุดเริ่มสร้างบาดแผลให้เขาเรื่อยๆ
“อ๊ากกกกก”
ทั้งความร้อนของน้ำสีเหลืองในบึง ทั้งความร้อนของเส้นใยสีเหลืองที่ห่อหุ้มเขาไว้ ทำให้ผิวหนังจากที่เคยขาวเรียบเนียนเริ่มกลายเป็นสีดำ แล้วปริแตกออกมาเผยให้เห็นเนื้อสีแดงสดที่กำลังจะสุก เลือดไหลออกมาตามรอยแผลปะทะเข้าเส้นใยสีเหลืองและน้ำสีเหลืองในบึง ระเหยภายในพริบตาพร้อมส่งกลิ่นออกมา
เขาซึ่งยืนในบึงไม่สามารถขยับร่างกายได้แล้ว เหมือนกับมีอะไรมาตรึงไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ ประกอบกับบาดแผลที่เกิดขึ้นจากเผาทำลาย ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังตกบ่อลาวาก็มิปาน
แต่ทว่าเขาจะยอมแพ้ได้อย่างไรในเมื่อเขาเป็นคนลงมาที่บึงสีเหลืองแห่งนี้เอง ฉางหยางกัดฟันแน่น ก่อนจะระเบิดพลังลมปราณออกมาทั้งหมด เพื่อต้านทานความร้อนที่กำลังถาโถมเข้ามาใส่อย่างไม่หยุดหย่อน
“ตูม”
พลังลมปราณที่เหลืออยู่เพียงสองส่วน ถูกรีดเค้นออกมาจนหมด ที่ประตูสวรรค์บานที่สองลูกแก้วสีทองเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับส่งเปลวเพลิงสีทองทะลักออกมา
พลังลมปราณที่ระเบิดออกมากะทันหันส่งผลให้น้ำสีเหลืองในบึงแยกตัวออกจากฉางหยางจนเกิดเป็นช่องว่างขึ้นมา แต่ทว่ายังไม่จบแค่นั้น เปลวเพลิงสีทองที่หลับใหลมาอย่างยาวนานบัดนี้มันได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเต็มที่แล้ว เหมือนกับว่ามันได้เจอสิ่งที่ตามหามานานแสนนาน
“ซู้มมมม”
เปลวเพลิงสีทองเริ่มลุกโหมกระหน่ำออกมาจากร่างของฉางหยางบ้าคลั่งสูงถึงห้าเมตร พร้อมกับความร้อนที่แผดเผาหลอมละลายผนังหินในพริบตา เส้นใยไหมสีเหลืองที่กำลังห่อหุ้มร่างเขาถูกเปลวเพลิงสีทองหลอมละลายอย่างช้าๆ แล้วเปลี่ยนรูปกลายเป็นของเหลวสีเหลืองส่องประกายสวยงาม
น้ำสีเหลืองในบึง เริ่มไหลมารวมกันที่ฉางหยางอย่างบ้าคลั่ง ส่วนหนึ่งไหลหลอมรวมเข้ากับของเหลวสีเหลือง อีกส่วนหนึ่งซึมผ่านเข้าตามรอยแผลที่เกิดจากการเผาไหมอย่างช้าๆ แล้วหลอมรวมเข้ากระแสเลือดภายในร่างกายของเขา แล้วก็มีบางส่วนไหลผ่านเข้าไปที่ประตูสวรรค์บานที่สองแล้วรวมเข้ากับลูกแก้วสีทอง
ร่างของฉางหยางเริ่มลอยขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งตัวของเขาเริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา น้ำสีเหลืองในบึงเริ่มลดลงเรื่อยๆ จนกระทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
แต่ว่ายังไม่จบแค่นั้น ของเหลวสีเหลืองที่ไหลวนตามร่างของเขา หลังจากที่มันดูดกลืนน้ำสีเหลืองอย่างพอใจแล้ว มันไหลคลุมไปทั่วร่างกายของเขาแล้วค่อยๆ เปลี่ยนรูปกลายเป็นชุดจอมยุทธสีเหลืองอร่าม ส่องแสงเป็นประกาย พร้อมกับไอความร้อนแผ่ออกมา
จากนั้นแสงที่ส่องออกมาจากชุดค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ แล้วไอความร้อนที่เคยแผ่ออกมาก็เริ่มหายไปพร้อมแสงที่ส่องออกมาจากชุด
ร่างกายของฉางหยางหลังจากที่ได้รับน้ำสีเหลืองเข้าไปแล้ว ก็เริ่มกลับคือสู่สภาพเดิม บาดแผลจากการเผาทำลายเริ่มสมานตัวเข้าด้วยกัน
ภายในร่างของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากน้ำสีเหลืองที่หลอมรวมเข้ากับกระแสเลือด มันเริ่มเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก จุดชีพจร เส้นชีพจร ทุกอย่างในร่างของเขาถูกทำให้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นพร้อมกับความสามารถที่ทนต่อความร้อนสูงขึ้นไปอีก
ทำให้โคจรพลังลมปราณได้รวดเร็วขึ้น หน่วงพลังลมปราณไว้ตามจุดชีพจรได้มากขึ้น และสุดท้ายพลังกายที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดตัดผ่านเข้าสู่ชั้นปราณบรรจบขั้นสูง โดยแม้ที่เขาไม่ต้องโคจรพลังลมปราณเลย
เพราะถ้าหากเขาโคจรพลังลมปราณ แบบผสานจะทำให้ร่างกายของเขาพุ่งทะยานเข้าสู่ปราณผันผวนขั้นกลางในพริบตาเลยทีเดียว ซึ่งจะทำให้เขาต่อกรกับผู้ฝึกวรยุทธชั้นปราณผันผวนได้อย่างสูสี
ฉางหยางที่ลอยอยู่กลางอากาศ ค่อยๆหล่นลงพื้นอย่างช้าๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับได้เกิดใหม่พร้อมกับเปลวเพลิงสีทองที่สามารถควบคุมมันได้สามส่วนเท่านั้น แต่ทว่าเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
เขาหันมองรอบๆก็พบว่าน้ำสีเหลืองหายไปหมดแล้ว จากนั้นก็มองมาที่ตนเองพบชุดจอมยุทธสีเหลือง เขาพยักหน้าอย่างพอใจ เพราะชุดนี้มันน่าจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเปลวเพลิงสีทองปริศนาเป็นแน่ แต่เขาก็ไม่อยากเก็บมาคิดเท่าไรนัก
หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดแล้ว เขาก็เดินออกจากหลุมขนาดใหญ่อย่างสบายใจ เป็นเพราะคราวนี้เขาโชคดีทั้งสองต่อเลย ได้ทั้งวิธีควบคุมเปลวเพลิงสีทอง แล้วยังได้ชุดจอมยุทธสีเหลืองอะไรก็ไม่รู้ แต่เขารู้สึกว่ามันต้องมีประโยชน์ในข้างหน้าแน่นอน
เมื่อฉางหยางได้เดินออกจากประตูผลึกโบราณไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฏร่างจิตวิญญาณเหนือโล่งศพของชายชรา พร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างออกมา
“ในที่สุดก็เกิดขึ้นมาจนได้ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นจะครอบครองมันได้ ทั้งที่ผู้ฝึกวรยุทธทั่วหล้าออกตามล่าหามัน แต่ในเมื่อเจ้าสามารถปลุกมันทั้งสองสิ่งให้ตื่นได้พร้อมกันแล้ว จักรวาลจะเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าหนุ่ม”
ชายชราผู้นี้ได้เฝ้ามองฉางหยางตั้งแต่เข้ามาในมิติแห่งนี้จนกระทั่งออกจากประตูผลึกไป สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ปลดภาระที่แบกมาตลอดได้ซะที เขามองไปทางที่ฉางหยางได้เดินจากไปแล้วเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ร่างจิตวิญญาณจะจางหายกลายเป็นละอองแสงทันที
ฉางหยางที่เดินออกมาจากประตูผลึกโบราณเรียบร้อยแล้ว เขามองไปรอบๆสักพัก ก่อนจะเริ่มโคจรพลังลมปราณแบบผสาน เพราะมันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องออกสถานที่แห่งนี้สักที
พลังลมปราณเริ่มทะลักออกจากร่างมหาศาล พร้อมกับเปลวเพลิงสีทองที่ลุกออกมาอย่างโชติช่วง
ความร้อนที่แผ่ออกมาจากเปลวเพลิงสีทอง เริ่มแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง อากาศเริ่มแห้งกร้าน พื้นดินกลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว ฉางหยางตอนนี้เขาสามารถควบคุมมันได้เพียงสามส่วนเท่านั้น แต่ทว่าพลังของมันก็มากพอที่จะทำลายทุกสรรพสิ่งให้เป็นผุยผง
“หมื่นทลาย”
ฉางหยางปลดปล่อยหมัดที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ความร้อนและแรงส่งที่หนักหน่วง ฉีกกระชากอากาศ เผยให้เห็นช่องว่างขนาดหนึ่งเมตรทันที
“วื๊งงง”
ณ หุบเขาราชันย์อสูร เปลวเพลิงสีทองทะลุออกมาจากอากาศ จนเกิดเป็นช่องว่างขึ้น พร้อมกับพุ่งต่อไปแผดเผาทำลายทุกอย่างที่สัมผัส
“มาแล้ว ตอนนี้ละ”
ฉางหยางเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจ ก่อนจะรีบพุ่งตัวเข้าไปที่ช่องว่างในอากาศอย่างรวดเร็ว
“ฝุ่บ”
ในที่สุดเขาที่ออกมาจากมิติแห่งนั้นได้แล้ว แต่ทว่าพลังลมปราณที่เขาได้ปล่อยออกไปกับเคล็ดวิชาหมื่นทลาย มันถึงสิบส่วนกลับสามารถเปิดช่องว่างมิติได้เพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเขาโชคดีแล้วที่ไม่ติดอยู่ที่นั้นตลอดไป....