Chapter 11 กลับสู่อารีน่าอีกครั้ง(Part 1)
Chapter 11 To the Arena Again (Part 1)
เมื่อมันมาถึงการสอบครั้งที่สอง ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมหดตัวและรู้สึกหดหู่ใจ แต่หัวใจของผมแข็งแกร่งกว่าตอนแรก นี่เป็นผลมาจากการฝึก.
ในวันแรกผมได้ทำการฝึกอัญเชิญสปิริตและการฝึกยิงโดยให้ซิลปรับมุมลำกล้องให้ก่อนจะยิง. มันก็แค่ให้ซิลเล็งให้ก็เท่านั้น.
สปิริตลม ซิล รู้วิธีในการที่จะเล็งปืนให้โดนเป้าหมาย100%
ดังนั้นผมก็แค่มีหน้าที่แค่ลั่นไกโดยแค่ให้ซิลเป็นคนเล็งให้นิดๆหน่อยๆ
ยิง 100 ตาย100!
ในการยิงปืนและความช่วยเหลือของซิล กลายเป็นว่าผมเป็นนักแม่นปืนมากกว่าหน่วยสไนเปอร์ของกองกำลังพิเศษเสียอีก.
ผมหมายความว่า ไม่ว่าจะอย่างไรเมื่อผมจะลั่นไก ปากกระบอกปืนก็เล็งไปที่เป้าหมายเสียแล้ว.
‘มันเป็นเรื่องที่ดีมากในการที่ได้รับอัญเชิญสปิริตเป็นสกิลหลัก.’
ผมรู้สึกปลอดภัยในการตัดสินใจของผมในการเริ่มต้น คุณสามารถเลือกสกิลหลักได้เพียงอย่างเดียวและไม่สามารถเปลี่ยนได้.
สกิลหลักที่ผมได้เลือกไว้ แค่ครั้งเดียวมันจะเป็นการช่วยเหลือการทดสอบของผมต่อไปเรื่อยๆในอนาคต ดังนั้นการกำหนดสไตล์การต่อสู้ของผมมันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องนี้.
ก่อนอื่นเลยอย่างน้อยๆผมต้องมีแนวทางสองแบบ แต่ผมไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้ วิธีการที่ผมเลือกปืนมาเป็นอาวุธ หมายความว่าการต่อสู้ระยะประชิดของผมจะอ่อนแอมาก.
เมื่อลิงแดงมาอยู่ข้างหน้าผมและผมไม่มีเวลามาใส่ลูกกระสุนก่อนที่ขวานหินกำลังจะพุ่งเข้ามาผมจะสามารถทำอะไรได้ในเวลานั้น?
‘สิ่งที่ดีที่สุดคืออย่าเข้าไปใกล้เป้าหมายจนเกินไปจะเป็นการดีที่สุด.’
ผมต้องหลบซ่อนและต้องไม่โดนจับโดยศัตรู แต่มันจะเป็นไปได้หรือ? ลองคิดย้อนกลับไปในการต่อสู้ครั้งแรก.
สถานที่ของมันเป็นป่า ศัตรูคือลิงแดงที่อาศัยอยู่ที่นั่น มันเป็นอะไรที่เหี้ยพอๆกับสถานที่ที่เจ้าถิ่นที่อยู่ในป่ามานานแล้ว.
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งมีชีวิตที่จะจับตัวผมได้ในขณะที่ผมแอบตามทางเดินมันเป็นไปไม่ได้ เหมือนกับครั้งแรกที่ศัตรูของผม พบผมก่อนและรอโอกาศที่จะโจมตี
‘ถ้าผมรู้แบบนี้แต่แรกผมคงได้เหรียญตราของนาวี่ซีล* ใครจะคิดว่าผมจะอยู่ในตำแหน่งนั้น?’
(TN: ความจริงแล้วมันพูดถึง ‘หน่วยรบทางทะเล’ ดังนั้นผมเลยคิดว่ามันเป็นกองทัพเรือ.)
ทักษะที่ผมใช้เวลาในการฝึกและรวบรวมมันภายในสองปีไม่ได้ช่วยอะไรเลย.
‘ไม่มีทางอื่นนอกจากว่าผมต้องใช้ซิลอย่างระมัดระวัง.’
ผมเรียกซิลออกมาและถาม.
“ซิล ฟังนะ.”
-เมี๊ยว?
ซิลเคียงหูของเธอไปข้างหน้าเพื่อที่จะได้ฟังคำพูดของผมได้ดียิ่งขึ้น.
หวาา ทุกอย่างน่ารักไปหมด!
“ลองแกล้งทำเป็นว่าคุณกำลังนั่งอยู่บนไหล่.”
-เมี๊ยว
ซิลกระโดดลงมาที่ไหล่ขวาอย่างนุ่มนวล.
รู้สึดว่าหางของเธอมันจะพันไปรอบๆคอของผมจากนั้นก็พูด.
“และจากนนั้นก็มีอะไรสักอย่างที่พยายามจะฆ่าผม ก่อนที่เขาจะเข้ามาหาผมคุณสามารถบอกได้หรือไม่ว่าเขากำลังใกล้เข้ามา?”
-เมี๊ยว!
ซิลพยักหน้าขึ้นลง
“คุณต้องทำอะไรบางอย่างที่ใกล้เคียง?”
ซิลกระโดดลงจากไหล่ของผมและหมุนไปรอบๆเหมือนกับสายฟ้า
หลังจากนั้นซิลก็เขียนตัวเลข200ออกมา.
“200 เมตร?คุณสามารถบอกได้ว่าศัตรูที่อยู่ใกล้ๆทั้งหมดได้ในระยะ200เมตร?”
น่าประทับใจ ถ้ามีซิลมาที่นี่ในการสอบครั้งแรกมันจะสามารถหาลิงแดงพบหรือไม่?
“เอาหล่ะแล้วหลังจากนี้?เราได้เข้ามาในที่อันตรายมากและเพื่อที่จะได้เห็นสิ่งที่อยู่รอบๆตัวผม ผมจะส่งคุณออกไปสอดแนม คุณสามารถสำรวจพื้นที่ได้มากแค่ไหน?”
ซิลเขียนเลข 900.
“900 เมตร? คุณสามารถอยู่ห่างจากผมได้900เมตร?”
-เมี๊ยว
ซิลพยักหน้า.
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณไม่สามารถอยู่ห่างจากผมได้เกิน900เมตร?”
-เมี๊ยว
“โอเค.ถ้าระดับการอัญเชิญเพิ่มเป็นไปได้ไหมว่าจะมีระยะทางที่เพิ่มขึ้น?”
-เมี๊ยว
พยักหน้า.
หลังจากนั้นซิลและผมได้พูดคุยกันเพื่อทดสอบเรื่องนี้และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอัญเชิญสปิริตมากขึ้นเป็นอย่างมาก.
อย่างแรก การเรียกซิลออกมาและส่งเธอออกไปสอดแนมมันไม่ได้ใช้พลังมากและเวลาก็ไม่ได้ลดลง
อย่างที่สอง อย่างไรก็ตามซิลจะมีพลังมากขึ้นเมื่ออยู่กับผม พลังของเธอจะอ่อนแอมากเมื่ออยู่ไกลออกไปกลับกันมันจะแข็งแกร่งมากขึ้นหากอยู่ใกล้ๆผม.
อย่างที่สาม หลังจากใช้เวลาตลอด10ชั่วโมงเพื่อที่จะเรียกเธอได้สองชั่วโมง หมายความว่าทุกๆห้านาทีเธอจะฟื้นพลังของเธอได้1นาที
เราต้องทดลองในชีวิตจริง หลังจากที่อัญเชิญครั้งต่อไป 5นาทีต่อมาผมก็เรียกเธอมาอีกครั้ง.
ซิลถูกเรียกมา1นาทีและหายไปอีกครั้ง.
‘โอเค.ที่อาจจะเป็นการถอดรหัสที่สมบูรณ์แบบ.’
การตรวจสอบ,การสอดแนม,การยิง ผมพึ่งซิลเป็นอย่างมาก.
เหนือ,ใต้,ออก,ตก ซิลสามารถบอกได้ว่าผมต้องเผชิญหน้ากับทิศทางไหน.
และในเวลาสองชั่วโมงมันเป็นจุดอ่อนที่อันตรายมากสำหรับผม แต่มันมีวิธีทีจะฟื้นฟู.ผมจะเรียกซิลออกมาเมื่อตอนที่ผมต้องการเธอ.ไม่ทางเลือกอื่นนอกจากการต่อสู้. แต่ในกรณีอื่นๆผมสามารถเรียกเธอออกมาได้ทุกๆ5นาที.เธอมีเวลาเพียง1นาทีก่อนที่จะต้องรอเรียกเธอใหม่อีกครั้งหลังจากผ่านไปห้านาที.ผมจะต้องอยู่กับซิลเพื่อที่จะไม่ได้ถูกโจมตีและนั่นคือความคิดที่เกิดขึ้น.
ถ้าผมถูกโจมตีภายในห้านาทีที่ซิลไม่ได้ออกมาแลัวสถานการณ์มันจะซับซ้อนเป็นอย่างมาก แต่มันก็มีโอกาศไม่สูงนัก.
ใน60วินาทีที่เธอถูกเรียกผมสามารถให้เธอสอดแนมไปได้เหมือนกัน
ดังนั้นหลังจากคิดถึงสถานการณ์หลายๆแห่งแล้วผมก็เตรียมตัวพร้อมที่จะเข้าสอบครั้งที่สอง โดยทุกๆเช้านอกจากการเดินขึ้นเขาแล้วผมก็ดันพื้น.
และหลังจากออกกำลังกายมาห้าวันมันก็ไม่ยากเท่ากับวันแรกผมคิดว่ามันจะต้องทำได้ดีในเวลาสั้นๆ ความเคยชินจะมาในไม่ช้า
อย่างไรก็ตามการเตรียมความพร้อมทั้งหมดของผมถูกอุปสรรคครั้งใหญ่ มันคือ…
“ลูกชายยย~!”
แม่เข้ามาในห้องของผม ด้วยความตกใจผมปิดแล็ปท๊อปที่ผมได้บันทึกเรื่องนี้และเกี่ยวกับการสอบ.
“หว๋าา นี่ แม่?”
“โอ้ลูกชายกำลังทำอะไรบางอย่างที่รวดเร็ว?”
“โอ้ ไม่มีอะไร.”
และแม่ก็ออกไปพร้อมกับถอนหายใจของเธอออกมา
“ลูกชาย ลูกชาย นี่เธอไม่ได้อยู่ในวัยรุ่นแล้วนะ ต่อไปเธอก็จะอายุ30…”
“อะไรนะ นี่เป็นการเข้าใจผิด! แม่มันไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดนะ…!”
“ฉันรู้ๆ ฉันขอโทษที่ฉันเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตูลูกชาย.”
“เอ่อ คุณรู้อะไรไหม...ช่างเถอะ อย่างไรก็ตามทำไมวันนี้ถึงยังไม่ไปทำงาน?”
“ลูกชายควรจะมากับแม่เพื่อไปทำงาน.”
“ทำไมต้องไปที่ร้าน? คุณความจำเสื่อมแล้วหรอ?”
“โอ้ ลูกชาย ไอ้คำพูดสวยๆนั่นคืออะไร?.”
ผมยักไหล่ แต่ผมรู้สึกว่าสิ่งที่คาดไว้ว่าจะมาในที่สุดก็ได้เกิดขึ้น.
ลูกชายที่ใช้เวลาหลายปีในการสอบและตอนนี้ก็เกือบจะอายุ30แล้วเขาได้กลับมาบ้านและไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งไปเรื่อยๆ แม่เป็นห่วงทุกๆวัน เพื่อที่จะลากผมเข้าสู่โลกของไก่ทอด
อย่างไรก็ตามระยะเวลาที่เหลือไว้มีแค่5วันเท่านั้น ผมไม่ต้องการใช้5วันสุดท้ายของผมไปกับการทอดไก่.
“แม่รู้ว่าเธอไม่ได้กลับมานานแล้วและต้องการให้พักผ่อนสักครู่ แต่ป้า*เยริมบอกว่าเธอป่วยและไม่สามารถเข้ามาทำงานได้.”
(TN: อาจุนม่า เป็นคำที่ใช้เรียกหญิงกลางคนด้วยความเครารพ.)
ฮึ เธอกำลังผลักผมเข้าสู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางหนี! คิดเกี่ยวกับมัน วิธีที่จะลื่นถไหลออกไปจากสถานการณ์นี้…
ในขณะเดียวกันหลอดไฟบนหัว(ไอเดีย)ก็ดับลง
“แม่ ผู้หญิงที่ร่วมทำงานมากกว่า4ปีและมาทำงานสี่วันต่อสัปดาห์และอีกหนึ่งวันคุณไม่ใช่ว่าจ้างหาคนทำงานชั่วคราวไม่ใช่หรอ?ผมได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการเวลาหกชั่วโมงเนื่องจากเธออายุ60ปี.”
“โอ้ คุณพระ คุณจำได้ด้วยหรอลูกชาย?”
แม่ตกใจ.
“แน่นอนว่าผมจำได้.คุณคงเคยจะได้ยินว่าการจ้างพนักงานพาร์ทไทม์มันจ่ายเป็น6000วอน(ประมาณ $6 USD) และนั่นแหละที่มันน่าเศร้าที่ผมเคยได้ทำ!”
“คุณควรจะจำเกี่ยวกับการเรียนให้มันได้อย่างนี้มั่งนะ.”
ความคิดของผมแน่วแน่.
มันก็เหมือนไอ้เทวดาหนอนด้วงนั่นที่มาบอกว่าชีวิตของผมกำลังตกอยู่ในห้วงอันตราย มันทำให้ผมหัวหมุนแล้วก็หมุน
“อย่างไรก็ตาม ผมจะออกไปที่ร้านและทำงานด้วย ปล่อยให้มันผ่านไปตอนนี้ได้หรือไม่? อย่างน้อยในขณะที่ผมอยู่บ้านผมก็ได้ทำความสะอาดและซักผ้า.”
“ที่จริงแล้ว บ้านของคุณมันก็สะอาดมาตั้งแต่แรกแล้ว ฉันไม่เห็นแม้แต่เส้นผมที่ติดอยู่ที่ฝากรองตรงท่อน้ำทิ้ง.”
“คุณเห็นไหม?ผม (ซิล) ทำความสะอาดได้ดี.”
“เอาหล่ะ ฉันจะปล่อยให่มันผ่านไป แต่ถ้าคุณไม่มาในเดือนถัดไปคุณจะไม่ได้เบี้ยเลี้ยง โอเคไหมลูกชาย?”
“ครับ คุณนาย.”
แม่ผมออกไปทำงานและผมก็ถอนหายใจลึกๆ
ผมมีเรื่องมากมายในการเตรียมตัวสอบของผม.
สามารติดตามทัดท้วงได้ที่ >>เพจ<<