AST บทที่ 91 - วิวัฒนาการก้าวไร้วิญญาณ
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/
บทที่ 91 - วิวัฒนาการก้าวไร้วิญญาณ
ชิงสุ่ยกอดร่างของสือฉิงจวงด้วยความนุ่มนวล เมื่อมองไปที่สีแดงบนแก้มของเธอ ท่าทางของเธอนั้นราวกับนางฟ้ามันทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหวตลอดเวลา เธอนั้นช่างเป็นผู้หญิงที่เติมเต็มรสชาติในชีวิตเขาได้
ชิงสุ่ยไม่ทราบจริงๆว่าสำหรับผู้หญิงคนอื่นนั้นจะเหมือนเธอหรือไม่ แต่สำหรับสือฉิงจวงร่างกายของเธอนั้นราวกับมีน้ำหอมที่ออกมาจากรูขุมขนแม้กระทั่งเหงื่อที่ไหลออกมาก็ยังมีกลิ่นน้ำหอมที่เย้ายั่วยิ่ง
ม้าคชสีห์เหมันต์ยังคงวิ่งไปตามถนนเส้นเล็กๆ ชิงสุ่ยยังคงกอดเธอไว้แน่น ปล่อยให้การเคลื่อนไหวของม้าคชสีห์เหมันต์ทำให้พวกเขามีความสุขต่อไป
"พวกเรามาถึงประตูเมืองแล้ว เจ้าจะต้องลงไป และโปรดจำไว้ว่า หากข้าไม่ต้องการพบตัวเจ้า อย่ามาหาข้าด้วยเหตุผลใดๆของเจ้าเอง มันจะดีกว่ากับทั้งตัวเจ้าและตัวข้า" สือฉิงจวงหยุดม้าและกระซิบเบาๆ
ชิงสุ่ยยังคงกอดเอวไว้ในขณะที่เขาเอนศีรษะ ก่อนที่รักจุมพิตสือฉิงจวงจนทำให้เธอถึงกับตกตะลึง ก่อนที่เขาจะลงจากม้าคชสีห์เหมันต์ "คุณผู้หญิง ข้าจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี่เอง หากว่าเจ้าประสบพบเจอกับปัญหาใดๆ เพียงแค่บอกข้า ข้าจะทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาให้กับเจ้า"
สายตาที่กำลังจ้องมองของชิงสุ่ยนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นราวกับเหล็กกล้า สายตาที่ชัดเจนของเขานั้นเต็มไปด้วยร่องรอยความรักในขณะที่เขาต้องมองไปยังสายตาของสือฉิงจวง บางที่สือฉิงจวงก็อาจจะรับรู้ได้ถึงความจริงใจในคำพูดของชิงสุ่ย การตอบสนองอย่างเดียวของเธอนั่นคือพยักหน้าเบาเบาๆก่อนที่จะควบม้าออกไป
เงาสะท้อนความสวยงามและค่อยห่างไกลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอก็หายตัวไปจากสายตาเขา
ตอนบ่ายเมื่อพวกเขากลับมาถึงที่เมือง และเมื่อเขาเดินผ่านประตูเมืองไป สายตาของยามเฝ้าประตูนั้นมองดูเขาด้วยลักษณะที่แปลกไป อย่างไรก็ตามยามเหล่านั้นก็ไม่ได้หยุดยั้งไม่ให้ชิงสุ่ยเข้าไปในเมือง ให้ตายสิ พวกเขาจำข้าได้เช่นนั้นรึ หวังว่าจะเป็นการจำในเรื่องที่ดี
เขามุ่งตรงไปยังตระกูลชิง ชิงสุ่ยกำลังถอนหายใจให้กับโชคชะตาอันน่ามหัศจรรย์นี้ ในวันนี้ ชิงสุ่ยและสือฉิงจวงได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน มันเป็นเพียงความบังเอิญหรือหลังจากมีโชคชะตาเขาจะต้องเปลี่ยนไป?
แท้จริงแล้ว ชิงสุ่ยก็มีความคิดอีกอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นในใจ เขาตั้งใจที่จะทำลายคู่หมั้นของสือฉิงจวง ซือถูปู้ฝานในตอนนี้เหมือนกับก้าวขาเข้าสู่ความตายไปครึ่งตัวแล้ว อย่างน้อยที่สุด เขาต้องการที่ทำให้ซือถูปู้ฝานพิการจนไม่อาจสร้างทายาทได้
ในขณะที่เขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ชิงสุ่ยรู้สึกฉันกลัว เขานั้นไม่โหดร้ายอำมหิตเกินไปหรือ? หลังจากนั้นเมื่อคิดถึงสิ่งที่ซือถูปู้ฝานได้กระทำลงไป มันก็เปลี่ยนให้จิตใจของชิงสุ่ยกลับคืน เพื่อจัดการกับขยะ ทำไมเขาถึงต้องห่วงวิธีการของเขาว่ามันจะเลวร้ายหรือไม่?
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ชิงสุ่ยก็เดินตรงไปยังสวนหนึ่งร้อยโอสถ สมุนไพรมากมายที่อยู่ในสวนแห่งนี้เปล่งประกายถึงความแข็งแรง มันแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยได้ใช้น้ำที่อยู่ในทะเลสาบคริสตัลภายในดินแดนห้วงมิติมารดน้ำให้กับพืชเหล่านั้น และดูเหมือนว่าเหล่าสมุนไพรจะได้รับผลจากพลังปราณเหล่านั้นด้วย แต่ด้วยความโชคดีของชิงสุ่ยดูเหมือนว่าทุกคนจะมัวแต่ดีใจจนไม่ได้หันมาถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มันจะเป็นเรื่องดีที่ทุกคนยอมรับ
วันคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากที่ชิงสุ่ยใช้เวลาในการฝึกตน เวลาที่เหลือของเขานั้นเขามักจะเดินไปตามถนนและมองหาสมบัติ สิ่งที่เขามองหาในตอนนี้คือสมุนไพรแห่งจิตวิญญาณ เพียงแค่เขาเปิดใช้พลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล เขาจะสามารถรับรู้ถึงพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากเหล่าสมุนไพร มันทำให้เขาง่ายต่อการตัดสินคุณค่าของเหล่าสมุนไพรนั้นๆ
สมุนไพรที่หายากและมีค่า มักจะปลดปล่อยพลังปราณแห่งความแข็งแกร่งออกมา และด้วยพลังดังกล่าวมันจึงทำให้สามารถตรวจพบได้ง่ายโดยพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ดังนั้นชิงสุ่ยจึงมักจะใช้เวลาว่างของเขาในการเยี่ยมชมร้านขายสมุนไพรต่างๆเพื่อหวังว่าจะพบเจอกับสมุนไพรจิตวิญญาณที่หายากยิ่ง
ในช่วงเวลายามราตรี ชิงสุ่ยจะเข้าไปฝึกตนในดินแดนห้วงมิติ เขามักจะฝึกเคล็ดวิชาทั้งหมดที่เขาได้เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชากายาบรรพกาล เคล็ดวิชาเปลวเพลิงบรรพกาลหยินหยาง เคล็ดวิชาเข็มสยบลิขิตฟ้าแรกเริ่ม ก้าวไร้วิญญาณ หมัดอสูรสันโดษ และท้ายที่สุด คือฝึกฝนการปรุงยา
สำหรับการปรุงยานั้น ชิงสุ่ยยังไม่สามารถทดลองมันได้จนกว่าเขาจะมีส่วนผสมที่เพียงพอ แต่มันมีอะไรที่แปลกประหลาดใจต่อชิงสุ่ยเป็นอย่างมาก นั่นคือเคล็ดวิชาในการหลบหนีของเขา อย่างก้าวไร้วิญญาณ มันรวดเร็วยิ่งขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด มันเป็นเพราะว่าหลังจากที่เขากินผลไม้เสริมความว่องไวเข้าไป เขาได้รับความเร็วมากขึ้นถึง 2 เท่า เงาของชิงสุ่ยที่อยู่ภายใต้ดินแดนหยกยุพราชอมตะ กระพริบอย่างไม่หยุดหย่อน มันทำให้เขารู้สึกว่าเขานั้นจางหายออกไปและไร้ซึ่งการดำรงอยู่ "อืม ดูเหมือนการเปลี่ยนแปลงนี้จะมากเกินขีดจำกัดของก้าวไร้วิญญาณไปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น?"
ฝีเท้าของเขาเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่แปลกที่สุดคือการเคลื่อนไหวของเขานั้นไร้ซึ่งเสียงและลม ทุกขั้นตอนทุกย่างก้าวดูเหมือนจะไหลไปตามธรรมชาติ เฉกเช่นเดียวกับคลื่นมหาสมุทร
ชิงสุ่ยยิ้มที่มุมปากก่อนที่เขาจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
"แรงบันดาลใจนั้นคือสิ่งสำคัญ" ชิงสุ่ยเผยรอยยิ้มออกมา
ในขณะที่เขาทดลองความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากการใช้เคล็ดก้าวไร้วิญญาณ เขาเริ่มพัฒนาการเคลื่อนไหวของเขาบนพื้นฐานของก้าวไร้วิญญาณ ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นสองเท่านี้ มันก็หมายความว่า แรงระเบิดในการโจมตีอย่างเขานั้นยอมเพิ่มขึ้นสองเท่าเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าความเร็วนั้นถือเป็นรูปแบบหนึ่งของความแข็งแกร่ง
"อ้ากกกก" ชิงสุ่ยรับรู้ว่าเขานั้นค้นพบเคล็ดวิชาที่เปลี่ยนไปจากก้าวไร้วิญญาณ เขาเรียกมันว่า ก้าวปลดปล่อยวิญญาณ
"อะไรกัน ทำไมมันถึงวิวัฒนาการได้ แต่ทำไมถึงไม่มีเคล็ดวิชาใดๆเลยที่ถูกปลดผนึก?"
"ก้าวปลดปล่อยวิญญาณ มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นรึ และดูเหมือนอย่างน้อยมันก็ดีกว่าก้าวไร้วิญญาณ"ชิงสุ่ยปลอบตัวเองในขณะที่เขามองดูสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปเมื่อเร็วๆนี้
สมุนไพรที่เติบโตในสถานที่แห่งนี้น้ำตกโตนรวดเร็วและแข็งแกร่งมากกว่าภายในสวนหนึ่งร้อยโอสถ สมุนไพรที่อยู่ภายใต้ดินแดนห้วงมิตินี้พิจารณาแสดงว่ามีอายุหลายสิบปีแล้ว เมื่อเขาเหลือบมองไปในสวนสมุนไพร ชิงสุ่ยก็สังเกตเห็นดอกเหมยที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร มาทำให้เขานึกถึงบทกวีในโลกก่อนหน้านี้
๏ พุ่มเหมยริมกำแพง
ผลิดอกแซงแข่งลมหนาว
รู้ใช่หิมะพราว
ด้วยหอมโปรยโชยลมมา ๏
ชิงสุ่นนั้นชอบแนวความคิดบทกวีนี้มาก ตราบใดที่พวกเขายังคงแข็งแกร่ง พวกเขาก็สามารถอยู่รอดได้ เมื่อเหลือบมองไปยังสมุนไพรติดวิญญาณต่างๆที่อยู่ในดินแดนห้วงมิติ มันช่วยไม่ได้เลยที่มันจะทำให้ชิงสุ่ยนึกถึงยาเม็ดทองคำเทวะเซียนเทียนอีกครั้ง นี้ข้าจำเป็นต้องใช้มันจริงๆอย่างนั้นหรือ?