ตอนที่ 10 ลูกไร้ประโยชน์
หลี่ฉิงชาน ทั้งกินและดื่มจนเต็มปาก ในวันนี้เขาเพียงได้กินแค่เนื้อกวางอย่างเดียวเท่านั้นมันจึงทำให้เขารู้สึกเบื่อ เขาต้องการที่จะลองกินอย่างอื่นบ้างจากนั้นเขาได้กวาดอาหารทุกอย่างตรงหน้าเขาหมดเกลี้ยง จนพุงกาง
"โดยปกติแล้ว ทุกคนในลานกว้างแห่งนี้นั้นอาวุโสกว่าข้า มันไม่ได้เป็นคำพูดที่เกินจริงเลยว่าทุกคนนั้นต่างได้เห็นข้าเติบโตขึ้นมา แต่กลับมีบางคนไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์เช่นนี้ ได้กดดันข้าทุกวิธีทางเพราะแค่เรื่องที่ดินอันน้อยนิดเท่านั้น หากในวันนี้มันผู้ในไม่มีคำอธิบายเรื่องนี้ให้แก่ข้า เช่นนั้นแล้วข้าจะให้คำอธิบายแก่มันแทน ถึงแม้วันนี้ข้าจะต้องตาย ข้าก็ไม่เสียใจ!"
จากนั้นหลี่ ฉิงชานได้ชี้มีดของเขาไปยังคนทั้งสอง"พ่อบ้านหลิว หั่วหน้าหมู่บ้านหลี่ ท่านเห็นด้วยหรือไม่"
แน่ว่าว่าพ่อบ้านหลิวนั้นไม่อยากกล้ำกลืนกินความข่มขืนเช่นนี้จากนั้นเค้ากล่าวด้วยเสียงที่รายกับยอมแพ้"หลี่เอ๋อร์ ที่ดินนี้ หากเจ้าต้องการมันเช่นนั้นแล้วก็จงเอาไป"
หลี่ฉิงชาน กล่าว"ข้าไม่ได้ต้องการเศษที่ดินผืนนี้ ที่ท่านได้จ่ายเงินซื้อมัน ข้าไม่ต้องการได้ประโยชน์อย่างไม่ยุติธรรม ข้าเพียงต้องการได้รับความยุติธรรม ท่านทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านพอใจในหมู่บ้าน แต่อย่าลืมว่ายังมีพระเจ้ามองอยู่จากข้างบน ความยุติธรรมนั้นมันอยู่ในใจของลูกผู้ชาย"เมื่อเขาพูดเสียงของเขาก็ยิ่งเริ่มดุดันมากขึ้น
พ่อบ้านหลิวนั้นอับอายซะจนพูดไม่ออกในขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านได้ตอบกลับไปว่า"พวกเราผิดพลาดไปในเรื่องนี้ พวกเราเชื่อว่าหลานข้า"
"ข้าไม่ใช่หลานท่าน!"หลี่ฉิงชานขัดจังหวะขึ้นมาทันทีด้วยเสียงที่เยือกเย็น
"ผู้อาวุโสหลี่ นั้นพูดเรื่องไร้สาระเสียจริง พวกเขานั้นหลงไหลเงินจนตาบอดและนั้นคือเหตุที่ทำให้พวกเขาทำเรื่องโง่ๆ ในวันนี้ข้านอนไม่หลับ ข้ากลัวว่าสักวันหนึ่งข้าจะตายและคงจะไม่มีหน้าไปเจอหน้าพ่อแม่เจ้า "หัวหน้าหมู่บ้านหลี่กล่าวไปพร้อมกับดวงตาของเขาเริ่มชื้นขึ้น ในขณะที่เขากำลังเดินไปน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดหย่อนมันทำให้เขาได้ระลึกถึงความทรงจำที่ทุกข์ทรมานที่เขาเคยผ่านมาในอดีต
หลี่ฉิงชานได้หันไปกล่าวกับผู้อาสุโสคนอื่น"เช่นนั้นแล้ว ข้าควรได้รับที่ดินผืนนั้น?"
"เจ้าควรได้ เจ้าควรได้"ในตอนนี้จะมีผู้ใดกล้ากล่าวคำว่า ไม่
หลี่ฉิงชาน แหงนหน้าขึ้นแล้วหัวเราะออกมาอย่างดัง ตอนนี้เขาได้สิ่งที่ต้องการแล้ว"ความยุติธรรมยังคงมีอยู่ในโลกนี้!" จากนั้นเขาหยุดหัวเราะและก้มหน้าลงมาเหมือนเดิมทันที สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป บางครั้งนั้นต้องแข็ง บางครั้งนั้นต้องอ่อน บางครั้งก็มีคำพูดที่น่าเศร้าที่ไม่สามารถพูดออกไปได้ เขาก้มลงมามองมีดสั้นที่อยู่ในมือเขา"ความยุติธรรมแท้จริงนั้นอยู่ที่นี้"
เขาขมวดคิ้วและพึมพำ"ข้างบนนั้นมันไม่มีพระเจ้า ความยุติธรรมนั้นมันมีแค่ในมีดเท่านั้น...ข้างบนนั้นมันไม่มีพระเจ้า ความยุติธรรมนั้นมันมีแค่ในมีดเท่านั้น" เสียงของเขาพลันดังขึ้นดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้คนๆรอบนั้นตกใจ
ในตอนแรกเขานั้นเขาไม่พอใจและกำลังถูกความโกรธเข้าครอบงำ เขาไม่มีความกังวลใดๆอยู่เลยแม้เขาอาจจะต้องฆ่าคน แต่ในตอนนี้เขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว เขาเก็บมีดแล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่แยแสคนทั้งหมดในลานแห่งนี้ ในพริบตาเขาก็หายไป
คนงานทั้งหลายต่างได้กินของฟรีและได้ดูการแสดงสนุกๆ จากนั้นเขาก็แยกกลับบ้านกันไป ทุกคงต่างพูดถึงเรื่องภายในวันนี้พร้อมกับที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม หลี่ ฉิงชาน
พ่อบ้านหลิวเช็ดเหงื่อออกจากผาก เขารู้แล้วว่าตอนนี้มันยากยิ่งกว่ายาก ที่จะรวบรวมคนมาจัดการกับหลี่ ฉิงชาน ถึงแม้ว่าทุกคนทั้งหมดจะยอมรับว่าเขาเป็นคนควบคุมที่ดิน แต่คนงานที่ทำงานให้เขานั้นไม่ใช่ทาสและคงไม่ทำตามคำสั่งเขา แม้แต่ทาสก็อาจจะต่อต้านเขาได้ มันอาจจะเป็นหายนะหากเขาปลุกเร้าทุกคนให้ต่อต้านหลี่ ฉิงชาน
แต่ก็โชคดีที่ หลี่ เอ๋อร์ รู้จักแยกแยะระหว่างบุญคุณและความแค้น เนื่องจากวันนี้เขาได้พูดอะไรไปหลายอย่าง เขาคงจะไม่วางแผนมาแก้แค้นแล้ว ตอนนี้คงสามารถนอนหลับได้สนิท แม้ว่าการจัดงานเลี้ยงนี้ไม่ประสบความสำเร็จ มันเกือบจะนับไม่ได้นับว่าเขาบรรลุผลตามที่เขาต้องการ เขาเห็นได้หัวหน้าหมู่ล้านหลี่ถูกช่วยโดยลูกชายทั้งสองของเขา แม้ว่าจะเป็นยังงั้นบนหน้าเขาก็ยังแสดงความละอายเหลืออยู่ การแสดงออกของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นดูโล่งเช่นเดียวกับเขา
ทั้งสองต่างหันมามองหน้ากันและกัน ทั้งคู่ต่างรู้สึกกระอักกระอ่วน
หลี่ หู่ไม่มันใจและกล่าว"ท่านพ่อ เราควรรอจนกว่าพี่ชายข้าจะกลับมา ด้วยทักษะการต่อสู้ของเขาข้าไม่เชื่อว่าเขาจะไม่สามารถทุบตีหลี่เอ๋อร์ได้" (ปล.เดียวรู้เหลือง!)
หลี่เป่าก็กล่าวด้วยเช่นกัน"ลุงหลิว ไม่ใช่ว่าพี่ใหญ่ยังอยู่ในเมืองอาทิตย์อัสดง"
หัวหน้าหมู่บ้านหลี่ได้พูดด้วยเสียงดุร้าย"หุบปาก! นี้ข้าให้กำเนิดลูกที่ไร้ประโยนช์เช่นนี้ได้ไง!"
พ่อบ้านหลิวไม่ตอบ ทั้งคู่มีประสบการ์ณผ่านร้อนผ่านหนาวบ้าง พวเข้าย่อมไม่อยากเขาไปยุ่งกับเรื่องอันตรายเพียงเพราะปัญหาเล็กๆน้อยๆ
"พวกเจ้ามันพวกไร้ประโยชน์ พวกเจ้าทำให้พระเจ้าโกรธแล้ว ท่านไม่อนุญาติให้พวกเจ้ามีชีวติยืนแน่นอน!"แม่มดที่นั่งเงียบมาตลอด จู่ๆก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่.... หลายคนช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นเทาไปด้วยความกลัว ผู้คนในยุคนี้ต่างเชื่อในพระเจ้าและภูติผี พวกเขาคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของหลี่ฉิงชาน 'ข้างบนนั้นไม่มีพระเจ้าหรอก'บางทีเขาอาจจะไปทำให้พระเจ้าโกรธจริงๆ
บางจำได้ว่าเคยมีครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านได้เรียกให้แม่มดไปรักษาเด็กที่ป่วย จากนั้นแม่มดได้บอกว่าเด็กได้ถูกผีเข้าสิง เธอใช้ไฟเผาและจับกดน้ำจากนั้นจึงเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเขา เธอบอกว่านี้คือวิธีการไล่ผี ในท้ายที่สุดนั้นเด็กก็ตายจากไป
แม่มดเพียงบอกว่าราชานรกเป็นคนตัดสินใจ จากนั้นไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก แต่ผู้ใหญ่ในครอบครัวนั้นไม่ยอม โดยเฉพาะแม่ของเด็กนั้นไปที่ประตูหน้าบ้านของแม่มดตะโกนคำสบถสาปแช่งทุกวัน เรื่องทำให้เสียชื่อเสียงของแม่มดในหมู่บ้านอย่างมาก แต่อีกสองสามวันต่อมาแม่ของเด็กก็ตายด้วยโรคที่ลึกลับ
แม่มดเพียงพูดว่าเด็กในนรกนั้นคิดถึงแม่ของเขา ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นเธออีก แต่หลี่ฉิงชานได้เตะเธอและสบถคำสาปแช่งต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาได้ละเมิดเธออย่างเต็มที่
"พ่อบ้านหลิวเด็กคนนี้เป็นโชคชะตาของเจ้า ตอนนี้พระเจ้าจะช่วยหลีกเลี่ยงภัยพิบัติและช่วยแก้ปัญหาของเจ้า"
พ่อบ้านหลิวได้รีบสั่งให้คนนำ ไวน์และเนื้อมาให้แม่มด
แม่มดได้มองไปยังหัวหน้าหมู่บ้านหลี่อีกครั้ง
หัวหน้าหมู่บ้านหลี่กัดฟันเขาแน่นและหยิบเอาเศษเงินส่งให้แม่มดไป
คนงานได้แต่เพียงเก็บของขึ้นมาและเดินตามแม่มดไป พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากนัก พวกเขาได้มาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ทำด้วยอิฐสีเขียว นอกเหนือจากพ่อบ้านหลิวและหัวหน้าหมู่บ้าน ก็มีเธอเพียงคนเดียวในหมู่ที่สามารถมีบ้านที่สร้างจากอิฐและกระเบื้อง
ธูปถูกตั้งไว้ในห้องโถง มีควันลอยออกมาอยู่ตลอดทั้งวัน มันเป็นทั้งที่พักและเป็นเหมือนวัดด้วยเช่นกัน
"อานน้อย อานน้อย ยายกลับมาแล้ว"แม่มดพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง พร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยริ้วรอย
คนงานทั้งหมดรู้ว่าแม่มดไม่มีหลานและตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว เขารีบวางของต่างๆลงแต่จู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนมีคนถึงขากางเกง เมื่อเขาหันหน้าไปมองแต่ไม่เห็นใคร เขาตะโกนอย่างดังออกมา"แม่จ๋า แม่จ๋า" เขารีบวิ่งออกไปจนสะดุดล้ม จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะแหลมๆดังออกมา
"อานน้อย ยายจะเล่าอะไรให้เจ้าฟัง..... มันมีคนมารังแกยาย"
ในห้องโถงที่ว่างเปล่า ไม่มีคนตอบ
"เจ้ากล้าที่จะไม่เชื่อฟังยายเรอะ" ท่าทางของแม่มดพลันกลายเป็นดุร้าย เธอแสดงท่าดูถูกและสั่นระฆังทองแดงในมือเธอ
ลมที่ดูชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาในบ้าน
หลังจากนั้นไม่นานแม่มดก็กลับมาอ่อนโยน"ถูกต้อง ตอนนี้ถูกต้องแล้ว" ยายไม่น้องการตีเจ้า หลานที่น่ารักของข้า
ตั้งแต่ต้นจนจบเธอนั้นพูดอยู่คนเดียว
วัวสีเขียวรีบวิ่งกลับบ้านเมื่อรู้ว่าหลี่ ฉิงชานกลับมาแล้ว มันอาจจะพึ่งออกไปล่าสัตว์เพื่อเขา
เขาใช้ประโยชน์จากความมึนเมาแล้วฝึกหมัดปีศาจวัว เขาไม่คุ้นเคยกับทักษะพื้นฐานทั้งสามอีกต่อไปแล้ว และร่างกายของเขาก็เริ่มขยับไปเอง ในใจของเขากำลังคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าเขาเลือกที่จะหันหลังให้พ่อบ้านหลิวและวิ่งหนี เขาคงจะไม่มีวันได้เห็นความลับ
ในเรื่องนี้ ศัตรูที่แท้จริงของเขานั้นไม่ใช่พ่อบ้านหลิวหรือหัวหน้าหมู่บ้านหลี่แต่มันคือความกลัวข้างในตัวเขา คนที่ยิ่งใหญอย่างแท้จริงคืออะไร เถา เท่ ชิง ได้ให้คำตอบแก่เขาเมื่อนานมาแล้ว 'คนที่พิชิตผู้อื่นได้คือคนแข็งแกร่ง แต่คนที่พิชิตตนเองได้นั้นคือคนที่ยิ่งใหญ่'
"ความกล้าหาญคือการไม่เกรงกลัวสิ่งใด"หลี่ ฉิงชาน คำรามออกมาราวกับว่าเขาได้ผ่านอุปสรรคที่มองไม่เห็นไปแล้ว ทันใดนั้นก็มีแรงผลักดันราวกับไม่หวาดกลัวสิ่งใดพุ่งไปข้างหน้าด้วยวิชาหมัดของเขา ไม่ว่าความยากลำบากและอันตรายจะอยู่ตรงหน้า เขาแค่ตรงไปข้างหน้าและทำลายมันผ่านไป จะไม่วันก้มหัวและไม่มีวันถอย
ข้างบนนั้นไม่มีพระเจ้า ข้านี่แหละคือพระเจ้า ความยุติธรรมไม่ได้อยู่ในใจของบุรุษ มันอยู่ในมือของข้า
มือและขาทั้งสี่ รวมถึงกล้ามเนื้อทุกส่วนดูเหมือนจะเชื่อมต่อกันภายใต้ความตั้งใจครั้งนี้ และหมัดของเขาสามารถประสานกับความแข็งแรงจากทั้งร่างกายได้ เขารู้สึกว่าหากเขาต้องเผชิญหน้ากับสองพี่น้องหลี่ในตอนนี้ เขามั่นใจว่าเขาสามารถทุบตีพวกมันทั้งสองได้โดยไม่ต้องใช่อาวุธ!
มีอะไรติชมได้นะครับบ
ติดต่อข่าวสารได้ที่เพจ Legend of the Great Saint ครับ^^