AST บทที่ 85 – สือฉิงจวง
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/
บทที่ 85 – สือฉิงจวง
ชิงสุ่ยเริ่มต้องการสร้างอาวุธจากแก่นแท้สกัดทองคำ เพราะอาวุธที่ได้มานั้นมีความคงทนที่สูงมาก แม้กระทั่งอาวุธเช่น กระบี่ครามสั้น 3 นิ้ว ที่ถูกสร้างจากการสกัดนั้น ก็มีน้ำหนักมากถึง 100 จิน ความแข็งแรงของมันนั้นอยู่ในระดับสูง อีกทั้งยังมีความคมที่สามารถตัดขาดได้แทบทุกอย่าง หากรวมกับความเร็ว และกระบี่แห่งสัจธรรม มันจะสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเขาได้
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องจินตนาการเท่านั้น ความจริงแล้วเขาไม่สามารถทำมันขึ้นมาได้เนื่องจากอาวุธที่เขาคิด จะต้องใช้แก่นแท้สกัดทองคำจำนวนมาก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นจะยินดีใช้แก่นแท้สกัดทองคำเพื่อสร้างอาวุธและชุดเกราะ เพื่อสร้างความมีฐานะและน่าเกรงขามให้กับตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีทางเลือกอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่ราคาถูกกว่าแก่นแท้สกัดทองคำแต่ให้ผลลัพธ์เกือบจะคล้ายคลึงกัน
ชิงสุ่ยเก็บเข็มทองคำ และออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ และมุ่งหน้าตรงไปยังร้านโอสถตระกูลชิง
ใบหน้าที่เรียบลื่นของหญิงที่ชิงสุ่ยได้พบที่ร้านช่างตีเหล็กอัคนีเพลิงเมฆา ปรากฏขึ้นอยู่ในใจของเขา ชิงสุ่ยสายหัวเพื่อลบล้างความคิดออกจากสมองของเขา
ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ได้ยินเสียงกลีบเท้า ชิงสุ่ยจึงมองตามเพื่อดูว่าใครเป็นคนขี่ม้า ดวงตาของเขาเบิ่งกว้างขึ้นเพราะม้าตัวนั้นคือม้าคชสีห์เหมันต์ของสือฉิงจวง
เขานั้นไม่พบเจอกับสือฉิงจวงมานานมากแล้ว มันช่วยไม่ได้เลยที่จะทำให้ชิงสุ่ยต้องจ้องมองม้าตัวนั้น เขามองเห็นสือฉิงจวงที่ส่งชุดเพลิงโลหิต ในขณะที่ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล และความอ่อนล้า เหมือนเธอรู้สึกไม่สบายใจและเธอจะมีโอกาสล้มลงจากม้าได้ตลอดเวลา
"มีบางอย่างผิดปกติไป!"ชิงสุ่ยพูดกับตัวเอง พร้อมทั้งเปิดใช้เนตรเบิกสวรรค์
"ฮืม ดูเหมือนว่าเลือกของเธอนั้นจะหมุนไหลเวียนเร็วมาก และการหายใจออกเธอผิดปกติ นอกจากนี้ยังมีแก๊สบางอย่างมากั้นขวางระหว่างระบบประสาทกับสติของเธอ……" สมองของชิงสุ่ยวิเคราะห์สภาวะสือฉิงจวงอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นม้าคชสีห์เหมันต์ก็เดินมาถึงหน้าของชิงสุ่ย เพียงชั่วขณะ เขาเองก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังมาจากด้านหลังเขา ชิงสุ่ยรู้แล้วว่าสือฉิงจวงมันถูกวางยา และเมื่อมองไปในดวงตาของสือฉิงจวงในตอนนี้ เธอนั้นกำลังจะหมดสติไป
เพียงชั่วพริบตาก่อนที่เธอจะหมดสติ สือฉิงจวงดูเหมือนว่าเธอนั้นจะมองเห็นชิงสุ่ยอย่างไม่ตั้งใจ ดวงตาของเธอนั้นเป็นประกาย ทันใดนั้น เธอยื่นมือออกไปจับชิงสุ่ย "ขึ้นมา พาข้าหนีจากคนพวกนั้นที"
ชิงสุ่ยเดิมทีแล้วต้องการที่จะปกป้องเธอ เมื่อได้ยินประโยคที่เธอพูด เขาก็กระโดดขึ้นม้าคชสีห์เหมันต์และควบม้าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าบนหลังม้านั้นจะมีคนถึง 2 คน แต่ความเร็วของวันนั้นกับคงที่ราวกับมีคนเพียงคนเดียวอยู่บนหลังมัน ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อนี้จึงไม่แปลกใจเลยที่มันจะถูกยกให้เป็นยอดของสุดยอดม้า ในสายตาของชิงสุ่ย ม้าคชสีห์เหมันต์ สูงใหญ่และแข็งแกร่งเปรียบเทียบเล่นกับสิงโตและเสือจากโลกที่เขาผ่านมา
ชิงสุ่ยและสือฉิงจวงเริ่มรู้สึกอึดอัด อีกทั้งชิงสุ่ยนั้นไม่เคยได้ฝึกหัดขี่ม้า รวมทั้งเขายังต้องจับเอวน้อยๆของสือฉิงจวงเอาไว้ เมื่อสัมผัสกับความนุ่มและเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของเธอ มันทำให้ชิงสุ่ยถึงกลับสับสน
แต่สิ่งที่ตามมานั้นทำให้ชิงสุ่ยตกตะลึงยิ่งขึ้น แม้ว่าเขายังคงจับที่เอวของสือฉิงจวง แต่แทนที่เธอจะตำหนิชิงสุ่ย เธอกลับถ่ายน้ำหนักของเธอทั้งหมดไว้ในอ้อมกอดของชิงสุ่ย ทำให้จิตใจชิงสุ่ยอ่อนไหว
ชิงสุ่ยยังคงกอดลงบนล่างอันนุ่มนวล กลมกลืนและงดงามของร่างกายนั้น มันทำให้เขารู้สึกว่าเขานั้นตกอยู่ในความฝัน ตัวอย่างไรก็ตามความรู้สึกของชิงสุ่ยก็ให้จางหายไป พวกเขารู้สึกว่าสายตาอันเยือกเย็นของเธอนั้นกำลังจับจ้องเขาอยู่
จากการตรวจสอบชิงสุ่ย สามารถยืนยันได้ว่าสือชิงจวงนั้นโดนวางยาปลุกราคะและผลของยานั้นรุนแรงยิ่งนัก เขาไม่รู้ว่าใครถึงได้กล้าทำให้สือฉิงจวงตกหลุมพรางเช่นนี้ได้ ชิงสุ่ยยังคงกอดร่างกายของสือฉิงจวงเอาไว้ และรู้สึกไม่สบายใจ เขาควรจะใช้ประโยชน์จากเธอ? หรือเขาควรจะเริ่มหาทางรักษาเธอ? หรือเขาควรจะทำอย่างอื่น?
"ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร"ชิงสุ่ยรู้สึกสับสน เขาสามารถทำอะไรกับเธอก็ได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการกอดจูบหรือ…… แต่เขาก็ปฏิเสธความรู้สึกทั้งหมดออกไป
"หือออ พวกมันยังไล่ตามให้อีกเหรอ?"ชิงสุ่ยได้ยินเสียงเท้าที่ดังขึ้นจากด้านหลังเขา เมื่อมองย้อนกลับไป
"ไอ้พวกสารเลว"ชิงสุ่ยอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาต้องเร่งม้าให้วิ่งเร็วขึ้นเพราะคนที่ตามมานั้นคือ ซือถู้ปูฝานและบรรดาพรรคพวก ที่กำลังควบพยัคฆ์อัคคีสลาตันตามมา
ร่างกายของพยัคฆ์อัคคีสลาตันเป็นการผสมกันระหว่างสีแดงและสีขาว ด้านหน้าครึ่งตัวของมันนั้นมีสีแดงราวจับเปลวเพลิง ส่วนด้านหลังของวันนั้นเป็นสีขาวราวกับหิมะ ตัวของมันนั้นยาวกว่า 5 เมตร และสูงกว่า 2 เมตร ทั่วร่างกายนั้นเต็มไปด้วยมัดกล้าม มันจึงมีความว่องไวเป็นอย่างมาก แม้มันจะเป็นสัตว์ระดับดุร้าย แต่ความเร็วและความแข็งแกร่งของมันนั้นอยู่ในระดับค่อนข้างดี ข้อบกพร่องเดียวที่ปรากฏในตอนนี้ก็คือร่างกายของมันนั้นเหมาะที่จะวิ่งในระยะทางใกล้ใกล้มากกว่าวิ่งระยะทางไกล
ชิงสุ่ยยังคงจ้องมองไปที่สือฉิงจวงที่ยังคงไม่ได้สติ ภาพลักษณ์ของเธอในตอนนี้นั้นช่างตรงข้ามกับภาพลักษณ์ที่เคยเป็นถึงเจ้าหญิงน้ำแข็ง มันยิ่งทำให้เธอดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
ตอนนี้มือของสือฉิงจวงเรื่องสัมผัสส่วนต่างๆในร่างกายของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยสามารถใช้ได้เพียงมือข้างเดียวเท่านั้นในการกอดเอวของเธอไว้ และมือหนึ่งยังคงควบคุมม้าคชสีห์เหมันต์และเริ่มถ่ายทอดพลังจากเคล็ดกายาบรรพกาลสู่ร่างของมันด้วย
ชิงสุ่ยรู้ว่าเขาต้องการเวลาอีกไม่นานเท่านั้น พยัคฆ์อัคคีสลาตันที่พาคนจำนวนมากมานั้นจะ เริ่มหมดแรงในไม่ช้า
ม้าคชสีห์เหมันต์ที่ถูกกระตุ้นจากพลังปราณเคล็ดวิชากายาบรรพกาลของชิงสุ่ย วิ่งเร่งความเร็วขึ้นราวกับถูกสารกระตุ้น และเริ่มห่างจากผู้ที่ไล่ตามมาทีละน้อย ชิงสุ่ยเริ่มได้ยินเสียงสาปแช่งตามหลังมาอย่างไม่หยุดหย่อน
ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกรังเกียจการกระทำของคนเหล่านี้ ทั้งหยิ่งยโส ทั้งท้าทาย ทั้งโจ่งแจ้ง ถึงกล้ากระทำต่อคู่หมั้นของเขาเองแบบนี้ได้
ม้าคชสีห์เหมันต์ เริ่มพาชิงสุ่ยและสือฉิงจวงวิ่งข้ามถนนสายกว้างและมุ่งหน้าออกนอกเมือง
ทันใดนั้น ชิงสุ่ยก็รู้สึกเสียวสันหลัง "ให้ตายเถอะ!!!!"
มือของสือฉิงจวงคว้าอวัยวะเพศของชิงสุ่ยอย่างไม่รู้ตัว และคว้ามือของชิงสุ่ยไปสัมผัสหน้าอกของเธอ
ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล ความรู้สึกที่เขาได้รับนั้นทำให้ในวงเขานั้นถึงกลับสูญสิ้นสติ
อาจเป็นเพราะว่าชิงสุ่ยเริ่มสัมผัสหน้าอกเธอ หรือเป็นเพราะว่าสัญชาตญาณของเธอ ดวงตาของสือฉิงจวงก็จางหายอีกครั้งและเคยเห็นใบหน้าสีชมพูอันยั่วยวนใจ ที่เกิดมาจากผลของยา
"เจ้าใช้ประโยชน์จากข้ามากเกินไปแล้วนะ ฉะนั้นข้าขอใช้ประโยชน์จากเจ้าบ้าง"ชิงสุ่ยบ่นพึมพำ ในขณะที่มือเขานั้นเริ่มบรรจงนวดคลึงหน้าอกเธอ
เสียงหายใจของสือชิงจวง เปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็พลิกตัวยกแขนของเธอกอดคอของชิงสุ่ย เธอเริ่มบรรจงกัดริมฝีปากของชิงสุ่ย และเริ่มเลียไปทั่วบริเวณใบหน้าของชิงสุ่ยอีกด้วย
"ข้าควรจะต้องทำอะไรกับเจ้าดี?"