บทที่ 3 : ความลับของคัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ
บทที่ 3 : ความลับของคัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ
คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณดูลึกลับและลึกซึ้ง ถังเจิ้งใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงเพื่ออ่านตัวอักษรเป็นพันตัวนี้
เขาเพิ่งวางคัมภีร์โบราณลง ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงกระแสลมอุ่นๆ ไหลเข้าสู่เส้นเลือดของเขาและเริ่มไหลเวียน เขาไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันทำให้เขารู้ว่ากำลังจะเข้าสู่ดินแดนลึกลับบางอย่าง
“เอ๊ะ? ทำไมข้าถึงตื่นขึ้นมาเร็วขนาดนี้?” เสียงของเทียนซานจือก็ดังออกมาอีกครั้งเห็นได้ชัดว่าเขาตกใจมาก
"นายตื่นแล้ว!" ถังเจิ้ง ยังคิดว่า เขาจะหลับไปอีกสักพัก แต่สุดท้ายก็ตื่นอย่างรวดเร็ว
“ปราณ! ร่างกายเจ้ามีปราณได้ยังไง? เจ้าทำอะไรลงไป?” เสียงเทียนซานจือราวกับเห็นผี และถามด้วยความตกใจ
“ปราณ? กระแสลมอุ่นๆ ในตัวฉันเนียนะปราณ” ถังเจิ้งตกใจมาก “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่อ่านคัมภีร์โบราณนี้แค่ครั้งเดียวเอง”
“เจ้าบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ....? เป็นไปไม่ได้! หยินโม่และข้าได้ค้นคว้าคัมภีร์นี้มานานกว่าพันปีและยังไม่มีความคืบหน้ามันลึกลับมาก ทำไมเจ้าบ่มเพาะมันได้ง่ายเยี่ยงนี้?” เทียนซานจือแทบกระอักเลือด
“ฉันแค่อ่านมันครั้งเดียวเท่านั้นเองนะ” ถังเจิ้ง อธิบาย
"อ่าน ... เจ้าเพิ่งอ่านมัน?"
ถังเจิ้ง กลอกตา "ใช่ อ่านมัน นายมีวิธีอ่านแบบอื่น นอกจากอ่านทีละคำไหมละ"
“เจ้า! อ่านมันให้ข้าฟังหน่อย” เทียนซานจือ รีบพูด
ถังเจิ้งต้องอ่านอย่างเลี่ยงไม่ได้ คำต่อคำ
"หยุด!" ทันใดนั้น เทียนซานจือตะโกนเสียงดังขึ้น "เจ้าอ่านได้อย่างไร?"
"นายอ่านไม่ได้หรือไง?" ถังเจิ้งถามด้วยความสับสน หลังจากอยู่มานาน เขาไม่มีความสามารถที่จะอ่านมัน? (@โดนเด็กดูถูก555)
"เจ้าไม่ได้อ่านมันจากซ้ายไปขวา และจากบนลงล่าง? เจ้าอ่านจากขวาไปซ้ายและจากด้านหนึ่งไปอีกด้าน?"
"ปกติไม่ได้อ่านจากขวาไปซ้ายในแนวนอนหรือไง?"
นี่คือความรู้ทั่วไปในยุคปัจจุบัน
เทียนซานจือ คิดลึกไปชั่วขณะพร้อมกับถอนหายใจยาว และพูดว่า “เข้าใจแล้ว แบบนี้เอง หยินโม่และข้าใช้เวลาหลายปีในการค้นคว้ามันโดยไม่มีผลลัพธ์ใดๆ ที่ผ่านมาเราทำผิดพลาดหมด”
ตามปกติ ผู้คนในสมัยเขาจะอ่านจากซ้ายไปขวา บนลงล่าง ด้วยเหตุนี้เขาและหยินโม่จึงคิดไม่ถึงว่าจะมีวิธีอ่านแบบอื่น จึงทำให้ไม่สามารถเข้าใจความลับของคัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณได้
“ความต้องการของสวรรค์? ทั้งหมดนี้เป็นความต้องการของสวรรค์สินะ? คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณถูกลิขิตให้เป็นของเจ้าหนูนี้” เทียนซานจือ ถูกท่วมไปด้วยความรู้สึก
พันปีก่อน เทียนซานจือ และ หยินโม่ ค้นพบคัมภีร์โบราณนี้ ทั้งสองต่อสู้กันทั้งวันทั้งคืนเพื่อครอบครองมัน ในที่สุดพวกเขาทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายของพวกเขาหายไปและจิตวิญญาณของพวกเขาถูกดูดกลืนโดย คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ
ทั้งสองยังคงต่อสู้อย่างลับๆและตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่สามารถกำจัดกันและกันได้ นอกจากนี้ทั้งคู่ยังพยายามตรวจสอบความลับของคัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ แต่ทั้งสองก็ล้มเหลว
เดิมที คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ ก็เป็นสิ่งลึกลับที่ไม่สามารถไขปริศนาได้ ซึ่งแตกต่างจากตำนานอย่างสิ้นเชิง ที่บอกว่าเป็นวิชาที่โหดร้าย
หลังจากพบเห็นสิ่งต่างๆในพันปีที่ผ่านมา มองทุกสิ่งค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามการเวลา ด้วยการเคลื่อนตัวของแผ่นดิน คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ ถูกฝังอยู่ในพื้นดินซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของหิน ซึ่งหินชิ้นนี้ถูกใช้ในการสร้างห้องแล็บของโรงเรียน ดังนั้นทั้งสองที่ถูกขังอยู่ในคัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ จึงสามารถเคลื่อนย้ายภายในชั้นใต้ดินได้
พวกเขาต้องการที่จะหาคนที่เหมาะสม ที่จะไปครอบครองร่างกายของพวกเขา แต่ความต้องการของพวกเขา สำหรับร่างกายโฮสต์มันรุนแรง เพราะถ้าร่างกายอ่อนแอก็จะไม่สามารถที่จะทนต่อจิตวิญญาณของเขาได้ สุดท้ายก็จะตาย
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่มีกายหยินลึกลับเข้ามาที่นี้ ซึ่งมันให้ความหวังกับหยินโม่ และในความวิตกกังวลของเขาที่จะเข้าสู่สมองของเธอเพื่อควบคุมร่างกาย ในที่สุดหยินโม่ก็ล้มเหลว ทำให้ร่างของเธอถูกสูบจนแห้ง
ถึงแม้ว่าหยินโม่จะล้มเหลวที่จะเข้าควบคุมร่าง แต่เขาก็สามารถดูดพลังงานหยินลึกลับของนักเรียนหญิง ทำให้พลังของเขาเพิ่มมากขึ้น ทำให้เขาสามารถชนะ เทียนซานจือ ได้
หลังจากผ่านการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุด เทียนซานจือ ก็ใกล้แตกดับและสูญสลาย ในเวลานี้เอง ถังเจิ้ง ก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งกลายเป็นต้นเหตุของสถานการณ์นี้
หลังจากได้ยินสาเหตุและผลกระทบของสถานการณ์ ถังเจิ้ง ก็รู้สึกดีใจมากที่เขาไม่ได้กลายเป็นมัมมี่เช่นเดียวกับนักเรียนหญิงคนนั้น เพราะเขามีกายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยาง
"เทียนซานจือ จริงๆแล้วความลับของกายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยางมันคืออะไรกันแน่?"
“ข้าไม่แน่ใจนักกับความลับที่ร่างกายเจ้าซ่อนไว้ ตามตำนานกล่าวไว้ว่า กายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยาง แข็งแกร่งมาก ขนาดปกคลุมทั่วท้องฟ้า”
"ขนาดนั้นเลย!" หัวใจของ ถังเจิ้ง สั่นไหว หมายความว่าในอนาคต เขาจะมีพลังที่จะเดินทางไปในอากาศและฉีกกระชากโลกได้?
"อย่างไรก็ตาม ต้องมีโชค ไม่ใช้ทุกคนที่สามารถแข็งแกร่งได้" คำพูดเทียนซานจือ ราวกับว่ากำลังสาดน้ำแข็งใส่เขา
ถังเจิ้ง ส่งเสียง เหอะ อย่างไม่พอใจและตอบไปว่า "นายกำลังอิจฉาฉันอยู่"
“......”เทียนซานจือ เงียบ จริงๆแล้วเขากำลังอิจฉา ถังเจิ้งบังเอิญไปบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณของเขาได้ ถ้าเรื่องนี้ไม่ทำให้คนอื่นอิจฉาแล้วต้องเรื่องอะไรละ?
“เจ้าหนู อย่าเพิ่งฝันหวาน เนื่องจากร่างกายของเจ้าเป็นร่างกายที่หายากมาก มันเลยมาพร้อมกับจุดอ่อนร้ายแรง เพราะความจริงที่ว่าร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถทนต่อพลังหยางบริสุทธิ์ได้ ภายใต้สวรรค์ต้องมีความสมดุลระหว่างหยินกับหยางเพื่อให้มีชีวิต ยิ่งพลังหยางทรงพลังเท่าใดก็ยิ่งต้องการพลังหยินที่ทรงพลังเพื่อรักษาความสมดุลเท่านั้น เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เทียนซานจือ เตือนสติ
ความกระตือรือร้นของถังเจิ้งถูกระเบิดทิ้ง และเขากล่าวว่า "แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันไม่มีพลังหยินบริสุทธิ์ที่จำเป็นในการสร้างความสมดุล?"
“ปราณหยางของเจ้าจะพุ่งพล่านและร่างกายของเจ้าจะระเบิด ตายไงละ นอกจากนี้ยิ่งเจ้าเก่งขึ้นพลังหยางก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นตามเจ้าด้วย วันที่เจ้าใกล้ตายใกล้เข้ามาแล้ว เจ้าหนู จริงๆแล้ว เจ้าควรคิดว่าตัวเองโชคดีนะ ถ้าเจ้าไม่ได้มาเจอข้า เจ้าหนูเจ้าจะตายหลังจากผ่านช่วงอายุ20ปี เพราะมันไม่มีความสมดุลจากพลังหยินบริสุทธิ์ เจ้าจะต้องตายแน่นอน”
ถังเจิ้ง รู้สึกราวกับว่าเขาตกจากสวรรค์สู่ขุมนรก สิ่งที่ดีคือหัวใจของเขาแข็งแรงพอและรีบถามว่า “อายุ20ปี? ตอนนี้ฉันอายุ18ปี หมายความว่าฉันมีเหลือเวลาแค่2ปีใช้ไหม? นายพูดเองไม่ใช้เหรอว่า ตราบเท่าที่มีพลังหยินบริสุทธิ์เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างหยินและหยาง ฉันจะไม่ตาย? ฉันสามารถหาพลังหยินบริสุทธิ์ได้ที่ไหน?
เทียนซานจือ มีรอยยิ้มแปลกๆ “เหะ เหะ ใต้ท้องฟ้านี้มีนับหมื่นนับพัน สิ่งมีชีวิตจะมีด้านตรงข้ามเสอมเพื่อความสมดุล เนื่องจากเจ้ามีพลังหยางบริสุทธิ์ ก็ต้องมีพลังหยินบริสุทธิ์ตามธรรมชาติด้วย พลังหยินส่วนใหญ่พบในพื้นที่ที่หายาก แต่ตอนนี้เจ้าอ่อนแอเกินไป ไปที่นั่นตอนนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย”
หัวใจของถังเจิ้งรู้สึกราวกับว่ามันกลายเป็นขี้เถ้า และเขาคิดว่าเป็นคำพูดที่ไร้ประโยชน์จริง
“เจ้าหนูไม่ต้องรีบร้อน ข้ายังพูดไม่จบ แหล่งพลังหยินอีกที่หนึ่งอยู่ใกล้เจ้ามากจนคิดไม่ถึงเลยละ”
"อยู่ที่ไหน?" ถังเจิ้ง เป็นเหมือนคนที่คว้าฟางเส้นสุดท้ายได้
“หญิงสาว!!” เทียนซานจือยิ้มอย่างมีเลศนัย
“หญิงสาว?” ถังเจิ้ง ถามสับสน
“ถูกต้อง ร่างกายของผู้ชายมีพลังหยางบริสุทธิ์ ในขณะที่ร่างกายของผู้หญิงมีพลังหยินบริสุทธิ์ ตราบเท่าที่เจ้าดูดซับพลังหยินภายในผู้หญิงแล้ว เจ้าสามารถสร้างสมดุลหยินหยางได้ ด้วยวิธีนี้ชีวิตน้อยๆของเจ้าจะปลอดภัยชั่วคราว”
"แล้วฉันจะดูดซับพลังหยินบริสุทธิ์ได้ยังไง?"
"วิธีที่เร็วที่สุดคือการมี sex"
ใบหน้าของถังเจิ้งเหอแดงกร่ำ สำหรับวัยรุ่นอายุ18ปีสิ่งเหล่านี้ยังน่าอาย แม้ว่าพวกเขาจะคาดหวังกับมันก็ตาม
“เทียนซานจือ นายไม่รู้จักคำว่าน่าอายบ้างหรือไง”
เทียนซานจือ พูดด้วยความไม่พอใจ “เจ้าหนู ฉันอยู่ที่นี่ พยายามที่จะสอนวิธีรักษาชีวิตของเจ้า และเจ้าก็ยังมีความกล้าที่จะพูดแบบนี้กับชายชราคนนี้ด้วย”
“เอาล่ะๆฉันจะพูดแบบนี้อีก แต่วิธีนี้เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่สามารถไปบนถนนและลากสาวบางคนไปนอน” ถังเจิ้ง ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
“แน่นอนมันทำไม่ได้ เป็นความจริงที่ว่าสาวๆ มีพลังหยินบริสุทธิ์ แต่ใช้ผู้หญิงทุกคนจะมีหยินที่เหมาะกับเจ้า เฉพาะผู้ที่มีพลังหยินจริงๆจะสามารถช่วยส้รางสมดุลในหยินและหยาง ให้ข้าสอนความรู้ทั่วไปให้เจ้าบ้าง กลิ่นที่เรียกว่า 'ผู้ชาย' คือพลังหยางที่เล็ดลอดออกจากร่างกายในขณะที่กลิ่นที่เรียกว่า”ผู้หญิง" เป็นพลังหยินที่กระจายตัวออกจากร่างกายของพวกเธอ ยิ่งกลิ่นดีเท่าไหร่ก็ยิ่งบริสุทธิ์ การบอกว่า มีกลิ่นเหมือนธูปหมายถึงมีการสะสมของพลังหยินมานานกว่าสิบปีแล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเจิ้ง ได้ยินเรื่องแบบนี้ และเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นถามว่า “งั้นฉันต้องไล่ตามผู้หญิงที่มีกลิ่นหอม แล้วก็ไปนอนกับเธอ?”
"ใช่ ถูกแล้ว แต่สำหรับความจริงที่ว่าเจ้ามีร่างกายที่หายาก ทำให้ผู้หญิงคนเดียวไม่สามารถสร้างความสมดุลได้”
ใบหน้าของถังเจิ้ง กลายเป็นบูดบึ้ง “นายล้อฉันล่นเหรอ? นี้ฉันยังต้องไล่ตามสาวหลายคนอีก?”
“เจ้าหนู ไม่ต้องคิดมาก เนื่องจากเจ้าสามารถใช้ คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ ได้จึงไม่จำเป็นต้องให้ ข้าบอกเคล็ดวิชาให้ เนื่องจาก คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ เป็นเคล็ดวิชาที่ลึกลับและมีพลังมากกว่าวิชาที่ข้าสอน” เทียนซานจือ กล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ เพราะความหวังที่จะกลับไปยัง นิกายกุย ถูกทำลาย
ถังเจิ้ง สงบอารมณ์ลงเล็กน้อย และพูดว่า “เนื่องจากนายก็รู้วิธีบ่มเพาะคัมภีร์นี้แล้ว งั้นนายก็คงสามารถบ่มเพาะวิชานี้ได้ด้วยสินะ”
“ทำไม่ได้ ข้าลองแล้ว ดูเหมือนว่า คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ ต้องการให้ผู้บ่มเพาะไม่มีพื้นฐานมาก่อน ในขณะที่ข้ามีประสบการณ์การบ่มเพาะมายาวนาน ช่วงแรกหยินโม่กับข้าต่อสู้กับอย่างดุเดือด แต่ใครจะคิดละว่า พวกข้าทั้งสองคนจะไม่เหมาะกับการบ่มเพาะมัน และในท้ายที่สุดเจ้าได้ประโยชน์ไปคนเดียว”
"แต่ คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ เป็นเพียงวิชาพื้นฐาน ยังมีสิ่งอื่นที่เจ้าต้องเรียนรู้จากข้า มั่นใจได้เลย ข้าจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างสอนเจ้า ยิ่งเจ้าเก่งขึ้นเท่าใดข้าก็จะยิ่งฟื้นตัวเร็วขึ้นเท่านั่น” หมายความว่าเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เขาก็จะสามารถออกจากสมองของถังเจิ้งได้
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะพยายามเรียนอย่างสุดความสามารถ” ถังเจิ้ง เข้าใจถึงความสำคัญของการบ่มเพาะแล้ว
เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น!
แม้ว่ามันจะทำให้พลังหยางของเขามีพลังมากขึ้น และความเสี่ยงต่อการตัวระเบิดตัวเองเพิ่มมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความปรารถนาที่จะกลายเป็นคนแข็งแกร่งน้อยลงเลย
"ตอนนี้ ให้ข้อสอนเกี่ยวกับการบ่มเพาะก่อน โดยพื้นฐานแล้วการบ่มเพาะจะใช้พลังจากฟ้าดิน ในกรณีที่พลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกาย เราต้องใช้วิชาที่บ่มเพาะควบคู่ไปเพื่อจะเปลี่ยนมันเป็นปราณของตัวเอง และยิ่งได้ปราณที่ทรงพลังเท่าไหร่ ปราณเจ้าก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
“เรียกว่าแปดเส้นลมปราณที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นแปดเส้นลมปราณหลักภายในร่างกายมนุษย์ ทุกเส้นลมปราณเหล่านี้สามารถกักเก็บปราณได้ ผู้บ่มเพาะถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับซึ่ง ได้แก่ ชำระล้างปราณ พื้นฐานลมปราณ ละทิ้ง แก่นแท้สีทอง วิญญาณแรกก่อกำเนิด(@เอามาจากพี่เมิ่ง) เซียน และ ตรัสรู้ โดยแต่ละระดับแบ่งออกเป็นเก้าขั้น ถ้าเจ้าไปถึงชำระล้างปราณขั้น2 เจ้าจะมีปราณแท้1นิ้ว และเมื่อเจ้ามีปราณแท้2นิ้วก็เท่ากับเจ้าถึงชั้น2แล้ว ... รอเดียว ไม่น่าเชื่อ มันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”
ทันใดนั่น เทียนซานจือก็กรีดร้องออกมา
“ทำไมอยู่ๆนายก็ร้องละ?”
“ทำไมเจ้ามีเส้นลมปราณหลักพิเศษกัน รวมทั้งหมดแล้วมี 9 เส้น?” เทียนซานจือราวกับเห็นผี
ร่างกายมนุษย์มีเส้นเลือดนับไม่ถ้วน แต่เส้นเลือดหลักเท่านั้นที่สามารถมีปราณแท้ได้ ตอนนี้ร่างกายของ ถังเจิ้ง มีเส้นลมปราณทั้งหมด 9 เส้นซึ่งมีปราณแท้อยู่
ถังเจิ้ง ช่างลึกลับ ใจเขาเต้น และเขาก็แน่ใจว่ามีเส้นลมปราณ 9 เส้น ที่มีปราณแท้
“มันเป็นไปได้ไหม ว่านี่เป็นความลับของ กายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยาง?” เทียนซานจือ พูดพึมพำกับตัวเองว่า “อ่า ข้าไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ข้าจะทำได้แล้ว”
“ตกลงนี้เป็นเรื่องดีรึเปล่า?”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร?” เทียนซานจือกล่าวด้วยความหงุดหงิด
ถังเจิ้ง ดูถูกและไม่ได้ถามคำถามนี้อีก แต่ถามคำถามอื่นๆ “แล้วฉันจะได้วิชาไหมเนีย?”
“เหอะ เจ้าคิดว่ามันเรียนง่ายเหรอ? ก่อนอื่นเจ้าต้องไปถึง ชําระล้างปราณขั้นที่3เสียก่อน เจ้าจึงสามารถเริ่มฝึกวิชานี้ได้”
“แล้วตอนนี้ ฉันควรทำอะไร?” ถังเจิ้งดูผิดหวัง เขาต้องการเรียนทันที แต่พบว่าเขายังต้องรออีก
“แน่นอนว่ามีบางอย่างที่เจ้าสามารถทำได้ นั้นคือฝึกศิลปะการต่อสู้”
"ศิลปะการต่อสู้?"
"ถูกต้อง ภายใต้สวรรค์นี้ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้บ่มเพาะพลัง ยังมีผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ซึ่งไม่ได้อ่อนแอกว่าผู้บ่มเพาะพลังเลย ผู้ที่สามารถฝึกศิลปะการต่อสู้ได้ถึงจุดสูงสุดจะสามารถรู้แจ้งใน เต๋าที่ยิ่งใหญ่ ได้โดยใช้เส้นทางที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายปลายทางคือที่เดียวกัน”
“เก่งขนาดนั่นเลย? ที่ฉันเห็นในโทรทัศน์ก็แค่แสดงปาหี่ไร้สาระเอง” ถังเจิ้งมีความสงสัย เพราะนี่เป็นยุคของวิทยาศาสตร์ ศิลปะการต่อสู้เลยน้อยลง ดูไม่เห็นเหมือนที่ เทียนซานจือ บอกเลย
“เจ้าจะรู้อะไร? ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง จะปรากฏตัวต่อหน้าคนธรรมดาได้อย่างไร? เจ้าต้องจำไว้ว่า ในโลกนี้มีคนที่เก่งจริงเต็มไปหมด เจ้าอาจจะบังเอิญเจอก็ได้ ดังนั้นเจ้าต้องรีบเก่งขึ้นเร็วๆ ตอนนี้ข้าจะส่งทักษะการต่อสู้ หัตถ์ล้อมสวรรค์ (Heaven Gathering Hand) ให้เจ้า”
ทันทีพูดจบ ถังเจิ้งก็รู้สึกว่าในหัวของเขา เกิดภาพที่บันทึกการเคลื่อนไหวขึ้นมา
"นี่คือ หัตถ์ล้อมสวรรค์ ถึงแม้จะเป็นวิทยายุทธพื้นฐาน แต่ถ้าฝึกซ้อมมันจนถึงจุดสูงสุดจะสามารถแสดงพลังอันไร้ขอบเขตได้ หัตถ์ล้อมสวรรค์ เป็นชื่อที่แสดงถึงการสร้างตาข่ายที่หลบหนีไม่ได้ซึ่งครอบคลุมฟ้าดิน ทำให้ศัตรูของเจ้าไม่สามารถหลบหนีได้”
ถังเจิ้ง เป็นเหมือนผู้ชายที่หิวโหย ในขณะที่วิทยายุทธก็เหมือนกับสามงามที่โดดเด่น แน่นอนเขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ นอกจากนี้ เทียนซานจือ กล่าวว่ามันมีพลัง ดังนั้นมันต้องเป็นความจริง
“ฉันใช้มันแบบนี้ถูกไหม?” ร่างกายของ ถังเจิ้ง วูบวาบไปมา ขณะที่เขาทำตามการเคลื่อนไหวที่อยู่ในหัวเขา
เกิดกระแสลมพัด และเขาก็เหมือนภูติในห้องใต้ดินที่กำลังร่ายรำ
เทียนซานจือ กลายเป็นโง่งม ความสามารถในการเรียนรู้ของเจ้าหนูนี้มันบ้าเกินไปแล้ว เพียงแค่ดูรูปภาพครั้งเดียว เขาก็สามารถควบคุมได้แล้ว นี้ยังปล่อยให้คนอื่นมีชีวิตอยู่?
“ฉันฝึกถูกไหม” ถังเจิ้ง หยุดและถาม
เทียนซานจือ ตกตะลึงจนเงียบไป ในที่สุดเขาก็เขาก็เลิกทำหน้าเหวอหวา และกล่าวอย่างอ่อนแรง ว่า “ใช่ ... มันถูกต้อง”
อาการดีใจของถังเจิ้ง ปรากฏขึ้นที่ปลายคิ้วของเขา ความรู้สึกแข็งแกร่งนี้มันมีมากกว่าความรู้สึกถึงความสำเร็จที่เขาได้รับหลังจากเรียนรู้ทักษะบ่มเพาะ
“เอาล่ะ นั่นคือสำหรับวันนี้ จากนี้ไปเจ้าต้องขยันบ่มเพาะ คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ ให้มากไว้” เทียนซานจือ กล่าวและก็เงียบไป ... เขารู้สึกเหมือนโดนระเบิด หลังจากเห็นความเร็วในการเรียนรู้ที่ผิดมนุษย์มนาของ ถังเจิ้ง
เมื่อ ถังเจิ้ง เดินออกจากห้องแล็บ ดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ตกบนร่างของเขา ทำให้เงาของเขายืดออกไป ตอนนี้โรงเรียนปิดแล้ว
โรงเรียนนานาชาติ เพิงเชิ่ง ไม่มีหอพัก เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากอยู่ในโรงเรียน
ถังเจิ้ง ออกจากโรงเรียนและวิ่งไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาตั้งอยู่ติดกับด้านทิศเหนือของเมือง ชางเฮิง ซึ่งเป็นย่านเก่าหรือย่านชานเมืองที่ยังมีชีวิตอยู่
ทิศเหนือนี่เมื่อเทียบกับภาคกลาง เปรียบเสมือนสวรรค์กับพื้นดิน ถังเจิ้ง อยู่มานานจนชิน หลังจากวิ่งไปประมาณสิบกิโลเมตรเขาก็ถึงบ้าน ไม่ได้หอบเหมือนปกติ แต่รู้สึกดีและโล่งหัว
“นี่คงเป็นความรู้สึกลึกลับของการได้เป็นผู้บ่มเพาะสินะ”
เขาหายใจเข้าลึกๆ ปลดปล่อยอารมณ์ของเขาและผลักประตูที่เปราะบาง นี่คือบ้านเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่เพียง 40 ตารางเมตรเท่านั้น เพดานต่ำและมีแสงสลัว
"ปู่ ผมกลับมาแล้ว" เขาตะโกนบอก แต่ไม่มีใครตอบ บ้านดูเหมือนไร้ชีวิต
ถังเจิ้ง ยกคิ้วของเขา ปู่ของเขายังฝืนร่างกายที่ยังป่วยไปทำงาน หัวใจของเขารู้สึกเหมือนถูกแทง เขาก้มศีรษะและวิ่งออกไปข้างนอก
ในถังขยะ กลิ่นเหม็นได้ทำร้ายจมูก ทำให้คนธรรมดาๆจะรักษาระยะห่างของพวกเขา กับคนใช้ขยะเพื่อหาเลี้ยงชีพเช่นปู่ของเขา ถังขยะก็เหมือนภูเขาสมบัติ
ถังเจิ้ง ชินกับสภาพแวดล้อมของถังขยะ เขาเป็นเหมือนปู่ของเขา และขึ้นอยู่กับการเก็บขยะ เขาเติบโตมากับการลอดผ่านอุจจาระและปัสสาวะพวกนี้
“เหี้ย!! ไอ้แก่เหม็นเน่า! ที่นี่คืออาณาเขตของ พี่ชายฮู! มึงกล้ามาขโมยของในพื้นที่ของพี่ชายฮู มึงอยากตายมากใช้ไหม?” เสียงตะโกนดังออกมา ทะลวงเข้าไปในแก้วหูของ ถังเจิ้ง
@คัมภีร์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ ใครนึกชื่อดีๆ กว่าที่ผมคิดก็บอกได้นะครับ
Ancient Clear Heaven Scroll เป็นวิชาบ่มเพาะไปแล้วใช้คำว่า คัมภีร์มันแปลกๆ?