AST บทที่ 81 - ความโศกเศร้าทุกข์ระทม
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique/
บทที่ 81 - ความโศกเศร้าทุกข์ระทม
"ข้าขอโทษ ข้าชอบท่าน และข้าคงชอบท่านมากจริงๆ"
คำพูดของชิงสุ่ยถูกพูดออกมาโดยไม่ทันได้คิด ภายใต้คำพูดเหล่านั้นเต็มไปด้วยความจริงใจและใสซื่อ
อวี้เหอ ก้มหัวและไม่พูดอะไรทั้งสิ้น
"ข้ารู้ว่าตอนนี้ข้าควรจะขอให้ท่านอภัยให้กับข้า แต่ข้ายังมีเรื่องที่ต้องการจะบอกกับท่าน ข้าชอบท่านมาก ชอบท่านไม่ว่าจะเป็นรูปร่างของท่าน บุคลิกของท่าน ปัญญาของท่าน ข้าไม่อาจหาข้อแก้ตัวใดใดมาอธิบายได้ ข้ายอมรับว่าข้านั้นเต็มไปด้วยความปรารถนา ข้านั้นราวกับคนโง่ที่สูญเสียตัวตนไปในทันทียามเมื่อเห็นรูปลักษณ์โฉมงามของท่าน ยามเมื่อท่านมองไปยังชายคนอื่น หัวใจของข้านั้นรู้สึกเจ็บปวดจนเกินจะทนไหว ข้า…..ข้าไม่รู้ว่าข้าพูดอะไรออกไป"ชิงสุ่ยอธิบายอย่างเยาะแยะในลักษณะท่าทางที่เป็นทุกข์
อวี้เหอได้แต่อำอึ้งขณะที่เธอมองไปยังชิงสุ่ย แม้ว่าเธอจะ รู้จักกับคนหลากหลายประเภทในโลก 9 ทวีปแห่งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั้นถูกบอกรัก เนื้อเพลงแค่นั้นผู้ชายคนนี้ยังบอกรักเธอโดยบอกว่าเขารักในหัวใจของเธอรวมถึงรูปร่างหน้าตาของเธอด้วย เขานั้นเป็นคนบ้าหรือเป็นคนที่จริงใจกันแน่?
ไม่ว่าเขาจะเป็นคนที่งี่เง่า หรือคนที่จริงใจ หรือคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างสูงมาก?
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญอีกต่อไปที่สำคัญก็คือ ชายคนนี้ได้ทิ้งเครื่องหมายบางอย่างเอาไว้บนหัวใจของเธอและมันไม่อาจจะลบออกจากหัวใจของเธอได้
เมื่อมองไปยังท่าทางที่แสดงออกของอวี้เหอที่แสดงความทุกข์ใจเลยลังเลเล็กน้อย ชิงสุ่ยไปข้างหน้าของเธอ รู้รักอ่อนโยนปรากฏขึ้นในดวงดาวเขาทำให้หัวใจของอวี้เหอสั่นอีกครั้ง ไปดวงดาวเขานั้นช่างชัดเจนยิ่งนัก?
"ชิงสุ่ย พี่สาวคนนี้ขอบคุณในความรู้สึกที่เจ้ามีให้กับข้า ทุกครั้งที่เจ้าบอกชอบข้า ข้านั้นรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ยินมัน แต่สิ่งที่เจ้าไม่รู้นั้นคือ พี่สาวคนนี้เป็นแม่หม้าย ในชีวิตนี้ข้าไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับชายคนอื่นได้อีกแล้ว"อวี้เหอ ยิ้มออกมาขณะที่เธอกอดชิงสุ่ย
แม่หม้าย…...ชิงสุ่ยไม่ได้ตกใจเลยสำหรับคำกล่าวแล้วนั้นเพราะอวี้เหออายุได้เกือบจะ 30 ปี แล้วแถมยังมีรูปลักษณ์ที่แสนสง่างามเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอที่เธอจะอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว? อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอยอมเปิดเผยความลับนี้ออกมา
อัตลักษณ์ของโลกเก้าทวีปนั้น แม้ไม่สามารถกล่าวได้ว่าทุกเพศทุกวัยนั้นเท่าเทียม แต่หากเทียบกับโลกแห่งผู้ฝึกฝนนั้น ผู้หญิงบางคนก็สามารถเป็นได้ทั้งแม่และผู้นำนิกายของคนบางกลุ่มได้
แต่อย่างไรก็ตามสถานะบางสถานะสร้างความอึดอัดใจให้กับคนเหล่านั้นได้อย่างเช่นหญิงหม้าย แม่หม้ายนั้นเป็นสิ่งที่หญิงสาวทุกคนต่างไม่เต็มใจที่จะเป็น มันทำให้พวกเธอนั้นเสียใจมากขึ้น และลดความมีเสน่ห์และน่าหลงใหลลง คนส่วนใหญ่นั้นไม่อาจยอมรับเรื่องเหล่านี้ได้
ถ้าพวกเธอเหล่านั้นต้องการที่จะแต่งงานใหม่ พวกเธอจะต้องได้รับความเห็นชอบจากครอบครัวของสามีเก่าซะก่อน ซึ่งเหล่านี้นั้นเป็นกฎเหล็กที่อยู่มาหลายชั่วอายุคน แต่กฎนั้นต่างเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยตามยุคสมัย สุดท้ายผู้ที่มีสถานะมั่งคั่งและร่ำรวยนั้น สามารถแต่งงานได้กับหญิงหม้ายโดยไม่ต้องสนใจเรื่องครอบครัวของสามีเก่าของเธอเลย แต่ถ้าหากว่าฝ่ายชายนั้นเสียชีวิตอีกครั้ง หญิงสาวเหล่านั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานใหม่อีกเลย ถึงแม้ว่าชายหญิงคู่นั้นจะไม่ได้รับงานแต่งงานอย่างแท้จริงจึงมีสถานะเพียงแค่การหมั้นแต่หากฝ่ายชายเสียชีวิตไป ฝ่ายหญิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานใหม่และจะต้องเข้าไปอยู่ในครอบครัวของฝ่ายชายก็เป็นของเล่น ถือเป็นชะตากรรมที่ทุกข์ทรมานเลวร้ายยิ่งกว่าความตายสิ
แต่ก็แน่นอนถ้าหากครอบครัวของฝ่ายหญิงแล้วมีอำนาจพวกเธอก็จะไม่มีข้อจำกัดใดๆ
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของอวี้เหอ ชิงสุ่ยก็สงสัยว่าใครคือชายผู้โชคดีและโชคร้ายที่ได้เป็นอดีตสามีของเธอ?
"ข้าไม่รังเกียจความจริงที่ว่าท่านนั้นเป็นหญิงหม้ายหรอกนะ ข้านั้นเพียงต้องการปกป้องท่าน และตัวข้านั้นต้องการให้ท่านออกไปผจญภัยท่องเที่ยวกับข้าบ่อยๆ โต้ตอบพูดคุยกับข้าเพื่อที่ข้าจะได้เห็นรอยยิ้มของท่าน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของท่านหัวใจของข้านั้นสั่นเครือ ตัวข้านั้นไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าหากไร้ซึ่งตัวท่าน ข้าจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร"ชิงสุ่ยกุมมือของอวี้เหอ แล้วค่อยค่อยจุมพิตลงบนใบหน้าของเธอ
อวี้เหอไม่ต่อต้านใดๆขณะที่ฟังคำกล่าวของชิงสุ่ย ด้วยใบหน้าอันสง่างามของอวี้เหอที่กำลังจ้องมองใบหน้าชิงสุ่ย เผยให้เห็นความซับซ้อนผ่านสายตาของเธอ
"ชิงสุ่ยเจ้ายังเด็กยิ่ง……..หลังจากนี้ผ่านไปอีกสัก 2-3 ปี ปีเจ้า เจ้าคงจะลืมความรู้สึกที่มีต่อพี่สาวคนนี้ เราควรจะมุ่งมั่นไปในการทำงานและบ่มเพาะพลังของตัวเจ้าเองในตอนนี้ ข้านั้นเปรียบได้ดั่งดอกไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์เต็มทน อีกทั้งคนพวกนั้นต่างไม่อนุญาตให้ข้าแต่งงานใหม่ได้อีก"
ชิงสุ่ยขมวดคิ้วลแม้เขาจะรู้เรื่องกฎเหล็กของโลกใบนี้แล้ว แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับมัน แต่ในใจจริงของชิงสุ่ยนั้นยังคงต้องการให้อวี้เหอเป็นของเขาจริงๆ
ในตอนแรกนั้นชิงสุ่ยตั้งใจว่าจะตามหาตระกูลเยียนก่อนที่เขาจะสร้างความสัมพันธ์ใดๆกับผู้อื่น อย่างไรก็ตามหลังได้พบเจอกับเหวินเหรินอูซวง และ ไป๋ลี่จิงเว่ย ทำให้ความคิดของเขานั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชิงสุ่ยที่มาจากโลกใบก่อนรู้จักถึงพลังอิทธิพล ซึ่งโลกใบนี้ก็เหมือนกับโลกใบก่อนด้วย แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ต้องการพึ่งพาปัจจัยภายนอกเพื่อการจัดศัตรูเขา แต่เขายังไม่ต้องการที่จะลดความรู้สึกที่มีในตอนนี้ ถ้าวันใดวันหนึ่ง ตัวเขานั้นแข็งแกร่งถึงจุดสูงสุด เขาจะตั้งกฎของตัวเองและสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้กับโลกใบนี้
"ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่จึงจะสามารถจัดการกับคนเหล่านั้น?"ชิงสุ่ย ขยับมือลูบบนใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของอวี้เหอ ขณะที่เขาถาม
ความซับซ้อนเกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอขณะที่เธอใส่หัวและจ้องมองไปที่ชิงสุ่ย "เจ้าอย่าเอาความแข็งแกร่งของเจ้าหรือเอาชีวิตของเจ้ามาเสี่ยงเพื่อพี่สาวคนนี้เลย พวกเขาแค่ไม่ต้องการให้พี่สาวคนนี้แต่งงานใหม่ก็เท่านั้นและ……."
อวี้เหอหยุดพูดอย่างกะทันหัน
"และอะไร?....หรือว่าพวกมันยังต้องการอะไรจากท่านอีก" ชิงสุ่ยพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธ
" ไม่...พวกเขาไม่อนุญาตให้ข้าคบหากับชายไร้ตัวตนคนอื่น"อวี้เหอกล่าว
"อะไร???"ชิงสุ่ยยืนงงและไม่เข้าใจความหมายที่ว่าคบหากับชายที่ไร้ตัวตนคนอื่น มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยอยากรู้เกี่ยวกับครอบครัวนี้มาก
อวี้เหอมองดูปฏิกิริยาของชิงสุ่ย
"แต่ท่านยังเยาว์วัยยิ่งนัก เหตุใดพวกเขาจึงกล้าตัดสินให้ท่านอยู่และมีชีวิตอย่างโดดเดี่ยว?"
อวี้เหอเงียบลงในแกล้งเธอเริ่มแดงขึ้นก่อนจะกล่าวว่า "เจ้าต้องบรรลุอย่างน้อยระดับปราณเทวะเซียนเทียน พวกเขาจะยอมปล่อยข้าไปจากพวกเขา เพราะว่าการที่เจ้าได้บรรลุระดับปราณเทวะเซียนเทียน พวกเขาจะได้รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าอายในเรื่องนี้"
ปราณเทวะเซียนเทียน อย่างน้อยระดับปราณเทวะเซียนเทียน ชิงสุ่ยรู้สึกเกลียดตัวเองยิ่งนักที่ตัวเขานั้นช่างอ่อนแอ โดยธรรมชาติแล้วคนทั่วไปไม่อาจก้าวเข้าสู่ระดับเทวะเซียนเทียนได้ ตัวเขาเองนั้นจะสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคนี้ได้หรือไม่?? แล้วมันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่? การที่จะสามารถแต่งงานกับอวี้เหอได้ คงลำบากเทียบเท่ากับการก้าวข้ามผ่านสวรรค์