บทที่ 37: การต่อสู้แห่งเขากู่เจวี้ยว (อ่านฟรีวันที่11มิถุนายน)
บทที่ 37: การต่อสู้แห่งเขากู่เจวี้ยว
"เจ้าเป็นใคร!?" ตี้จร้างเหมิ่นตะโกน
"มอบศิลานิรันดร์มาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!"นักดาบสวมหน้ากากดำเหล็กตะโกน รัศมีกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวปกคลุมรอบๆดาบของเขา
"เป็นผู้ปรารถนาที่จะเอาศิลานิรันดร์อีกคนหรือ! มาดูซิว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่?
ตี้จร้างเหมิ่นกระทืบเท้าลงบนพื้นพร้อมขาทั้งสองข้างทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอยู่พักหนึ่ง ทันทีที่เขาเหวี่ยงมือทั้งสองทั้งร่างของเขาปรากฏเปลียวเพลิงลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรงเหมือนเทพเจ้ายิงเข้าสู่ท้องฟ้า
ผู้อาวุโสโดยรอบได้รับแรงกดดันทั้งหมดผงะถอยกลับไปสองสามก้าวไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้เปลวไฟของผู้นำสูงสุด
กระนั้น,นักดาบดำยังคงอยู่ในอากาศ ตี้จร้างเหมิ่นปลดปล่อยกำปั้นทั้งสองส่งการโจมตีที่น่ากลัวไปทางนักดาบดำ
หมัดของเขาชะโลมไปด้วยรัศมีเปล่งปลั่งละลานตามีรูปร่างคล้ายดั่งพยัคฆ์คำรามซึ่งบินตรงไปทางนักดาบดำ
ในขณะที่หมัดพยัคฆ์คำรามโผล่ขึ้นมาในอากาศความ,เพียงแค่ความเร็วอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เส้นผมของทุกคนตั้งชูชันได้ทันที มันไม่เพียงแค่รวดเร็วอุณหภูมิที่แผดจ้าได้เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างเห็นได้ชัดในครรลองสายตา
อย่างไรก็ตามนักดาบดำไม่ได้เกิดความตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว ซ้ำเขายังคว้าดาบของเขาและฟันออกมาแบบง่ายๆสบายๆได้แยกร่างพยัคฆ์คำรามออกเป็นชิ้นๆอย่างชัดเจนอย่างง่ายๆ
ไม่นานหลังจากนั้น,แรกกดดันมหาศาลของใบมีดได้ร่วงลงมาอย่างรวดเร็วปานอัสนีกัมปนาท แรงกดดันที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งนักดาบได้ฟันลงมานั้นได้กลืนกินภูเขาทั้งหมดออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหว
ตี้จร้างเหมิ่นอตกอยู่ภายใต้ความกังวลจ้องมองไปที่นักดาบแล้วสูดหายใจเข้าขณะที่เขายกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของนักดาบ
ขณะที่ดาบและกำปั้นปะทะกันทำให้เกิดการระเบิดที่ส่งคลื่นพลังอันน่าอัศจรรย์และน่าสพรึงกลัว พื้นดินแตกเป็นเสี่ยง ๆ ภูเขากู่เจวี้ยวทั้งหมดสั่นสะเทือนและสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่บนภูเขาลุกขึ้นยืนบนพื้นดินร่างกายของพวกมันทั้งหมดต่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวและยำเกรง
สาวกรอบข้างได้รับแรงกดันอย่างชัดเจนและส่วนใหญ่ก็พบว่าแม้แต่จะยืนขึ้นยังเป็นเรื่องยาก แม้แต่ใบหน้าของสาวกหญิงไป๋เอี้ยนซานก็แปลเปลี่ยนเป็นสีแห่งความตายซีดเซียว นัยน์ตาทั้งสองข้างของนางกำลังจดจ้องอยู่กับผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งมาถึง "คนๆนี้เขาคือใคร? เขาช่างกล้าหาญมากที่กล้าใช้กำลังมาชิงเอาศิลานิรันดร์? "
แรงกดจากการปะทะดาบส่งลงมาโดยตรงทันที เสี่ยวเฉินหมิง ได้เปิดใช้งานพลังวิญญาณและกลิ่นอายของเขาอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปใกล้ๆไป๋เอี้ยนซานเพื่อช่วยให้นางยืนขึ้น เมื่อเขามาถึงนางเขาก็ถามอย่างแสร้งวิตกกังวลว่า "เอี้ยนซานเจ้าเป็นอะไรมั้ย?"
ไป๋เอี้ยนซานส่ายหัว "ผู้อาวุโสลำดับสิบเอ็ดเอี้นซานไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามเราต้องนำศิลานิรันดร์กลับไปกับเรา ถึงแม้ว่าคน ๆ นี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่เราก็ไม่สามารถจากไปด้วยมือเปล่าได้ ... "
"พักผ่อนก่อนเขื่อมั่นได้เลย,มีข้าเสี่ยวเฉินหมิงอยู่ตรงนี้ทั้งคนเขาจะบ้าเอาไปได้อย่างไร? เอี้ยนซานเจ้าควรนำสาวกคนอื่น ๆ ออกจากภูเขานี้ไปอย่างระมัดระวังเพื่อให้พวกเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บ "
จากนั้นเสี่ยวเฉินหมิงก็เปล่งเสียงหึในลำคอเบาๆด้วยการขยับมืออย่างรวดเร็วปรากฏกระบี่เหมือนแส้ที่เรียวยาว
แม้คำพูดของเขาจะมีเพื่อเอี้ยนซานแต่เขาก็รอให้ฝ่ายตรงข้ามเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามได้กลั่นตัวและสร้างรัศมีของดาบ ในไม่ช้าบนท้องฟ้าสีสดใสได้ถูกผนึกไว้ด้วยใบมีดแห่งจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดเป็นกลุ่มก้อนมากมายมหาศาลซึ่งเกิดขึ้นจากรัศมีแรงดันจิตวิญญาณจากดาบเล่มนั้น ใบมีดจิตวิญญาณเหล่านี้สามารถชักนำให้ไปได้ทุกๆที่และเป็นที่ชัดเจนว่ามใบมีดจิตวิญญาณเหล่านี้สามารถทะลุผ่านชั้นฟ้าได้ทุกช่วงเวลา
บรรยากาศที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นคาวความกระหายเลือดและเจตนาฆ่าทุกอย่างอยู่ภายใต้ท้องฟ้า จากนั้นอุณหภูมิของพื้นที่โดยรอบได้ลดลงทันทีหนึ่งในสาม
เสี่ยวเฉินหมิงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่เมื่อเขาได้เห็นฉากดาบอาบโลหิตที่บินอยู่ในอากาศ? ผิวของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อถึงจุดนี้เขารู้สึกอยากจะหนีออกจากสนามต่อสู้นี้ไป
"นี่คือเคล็ดวิชากระบี่เซียน?" ไป๋เอี้ยนซานและเหล่าสาวกสำนักเซียนกระบี่ถึงกับอยู่ในความตะลึง
อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะเป็นเคล็ดวิชากระบี่ระดับเซียน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วจะใช้ใบมีดวิญญาณหลายๆเล่มในเวลาเดียวกันได้อย่างไร? แต่เมื่อเป็นเคล็ดวิชากระบี่ระดับเซียนมันสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกระบี่และดาบได้อย่างง่ายดาย?
วูดด!วูดด!วูดด!วูดด!......ฟิ้ว!ฟิ้ว!ฟิ้ว!
กระบี่จิตวิญญาณโลหิตบินว่อนไปมาเดือดพล่านสับสนอลมาน จากนั้นพวกมันก็บินพุ่งตรงไป,เสี่ยวเฉินหมิงเปิดใช้งานรัศมีกระบี่ของเขาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการโจมตีที่เข้ามา ขณะที่เขาเตรียมพร้อมเขาก็ตระหนักได้ถึงความรู้สึกกดดันอย่างมาก
ผิวของเสี่ยวเฉินหมิงซีดลง,ขณะที่เขาเสริมความแข็งแกร่งไว้รอบ ๆ กระบี่ ขยายชั้นบางๆของออร่าห่อหุ้มรอบใบมีดทั้งหมดและแผ่ขยายไปทั่วร่างของเขา รัศมีกระบี่ที่มีพลังงานเปี่ยม
กระบี่จิตวิญญาณโลหิตเหมือนพายุใบมีดกว่าหมื่นเล่มเตรียมพร้อมที่กำลังจะโจมตีพร้อมๆกัน,ใบมีดเหล่านี้สามารถตัดผ่านการป้องกันของรัศมีกระบี่ได้ อย่างไรก็ตามการใช้งานของพวกมันถูกขัดจังหวะเมื่อพวกมันเข้าปะทะกับร่างๆหนึ่งในอากาศ พวกมันเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เสี่ยวเฉินหมิงถูกล้อมไปด้วยกระบี่จิตวิญญาณโลหิต
ความแข็งแกร่งของคนๆนี้น่าเลื่อมใส ใครคือคนที่แต่งตัวประหลาดนรกนี้และเขาสามารถใช้ใบมีดได้มากมายนี้ได้อย่างไร!? "
ดวงตาของไป๋เอี้ยนซานเต็มไปด้วยความหลงไหล
เดิมนางเป็นศิษย์ธรรมดาๆ นับตั้งแต่ที่นางเกิดมานางมุ่งเป้าไปที่จุดสุดยอดของการบ่มเพาะจิตวิญญาณ นางมักจะนับถือผู้มีอำนาจดังนั้นนางจึงคิดว่าสำนักเซียนกระบี่ เป็นสถานที่ของผู้มีอำนาจสูงสุด ผู้นำสูงสุดแห่งสำนักเซียนกระบี่เป็นหนึ่งในสุดยอดผู้เชี่ยวชาญ เขาอยู่ที่จุดสุูงสุดของอำนาจพลังเขาชีนำเหล่าผู้อาสุโส อย่างไรก็ตามนางไม่เคยคิดว่านั่นคือการดำรงอยู่ของอำนาจพลังที่สามารถเอาชนะผู้อาวุโสเสี่ยวเจิ้นหมิงได้อย่างสมบูรณ์ ผู้อาวุโสไม่สามารถตอบโต้ได้แม้ว่าจะสู้อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ...
เขายังระดมยิงใบมีดไปหาเสี่ยวเจิ้งด้วยพายุดาบ
เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือผู้นำสูงสุดสำนักวิชากู่เจวี้ยวซิน, ตี้จร้างเหมิ่น!
ใครกัน ??
"เขาเป็นใครกัน!"
ไป๋เอี้ยนซานเหลือบมองไปที่คนๆนั้นด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น
ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้
ในขณะที่ผู้นำตี้จร้างเหมิ่นหัวเสียอย่างแท้จริง คนที่เพิ่งมาถึงไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งมากมาย แต่ยังใช้เทคนิคที่ไม่รู้จัก!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นอายจิตวิญญาณลึกลับที่นักดาบดำเปล่งออกมา; แม้ว่าจะไม่ได้ชั้นเลิศและลึกซึ้ง แต่ก็ยังชัดเจนว่ามีคุณสมบัติที่รุนแรงและยุ่งเหยิงในรัศมี เทคนิคส่วนใหญ่ที่ใช้กลิ่นอายจิตวิญญาณจะมีความสงบและราบลื่นเช่นกลิ่นอายจิตวิญญาณตี้จร้าเหมิ่น กลิ่นอายวิญญาณของเขาสงบ แต่มีความรุนแรง
อย่างไรก็ตามกลิ่นอายพลังวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามเป็นประเภทเทคนิคที่ใช้ในการกำจัดผู้บ่มเพาะ เมื่อคู่ต่อสู้ของเขาเริ่มสู้ตี้จร้าเหมิ่นจะต้องประมาทเพราะเขาไม่ลังเลที่จะฆ่าคนนับพันถึงแม้ว่าจะมีเพียงแปดร้อยคนเท่านั้นที่มีความผิดก็ตาม (Tl: สำนวน: การรักษาความปลอดภัยดีกว่าเสียใจภายหลัง)
เปลวไฟสีแดงเปล่งประกายขึ้นสู่ท้องฟ้า กองไฟขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นและมีตี้จร้าเหมิ่นอยู่ตรงกลาง สำนักวิชากูเจวี้ยวซินทั้งหมดเหมือนถูกจับโยนลงไปในเตาเผาเพราะอุณหภูมิที่เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในสำนักวิชา สาวกเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ถอยกลับแม้กระทั่งพวกผู้อาวุโสยังยากที่จะทนต่อเปลวไฟ ผู้อาวุโสอยากเห็นการต่อสู้ขณะที่พวกเขาจ้องที่กองไฟขนาดใหญ่ แต่พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้
อย่างไรก็ตามในใจกลางของสำนักกู่เจวี้ยวซินที่มีพรสวรรค์จำนวนมากยังกล้าที่จะเข้าไปไป ขณะที่พวกเขารอโอกาสโจมตีที่สนามต่อสู้
เปลวไฟปะทุขึ้นและยังคงเปล่งประกายเจิดจ้าอยู่สิบครั้งก่อนที่มันจะหยุดลง หลังจากจบลงปรากฏคนสวมชุดเกราะเปลวไฟก้าวขึ้นมาจากควัน ผิวของตี้จร้าเหมิ่นซีดจางลงอย่างรวดเร็ว
เขาเงยหน้าขึ้นมองและจ้องไปในอากาศ เขารีบเดินไปทางนักดาบด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธไม่มีที่สิ้นสุด
"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่กลิ่นอายที่เจ้าปล่อยออกมาคือความมืดและความชั่วร้าย เพราะฉะนั้นเจ้าต้องมาจากทวีปปีศาจ! เจ้าคนจรจัดรีบยอมจำนนซ่ะดีๆอย่าคิดต่อสู้ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นผีไร้ญาติ! "
"ดี!"
หลังจากตี้จร้างเหมิ่นพูดจบเขาลุกฮือขึ้นไปในอากาศพร้อมกระบี่ เดินเข้าไปในแนวหน้า (Tl: สำนวน: โดยทั่วไปมีความหมายตามคำสั่ง) นักดาบดำได้เคลื่อนไหวเช่นเดียวกับการต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับไป๋เอี้ยนซานที่ชนะหลินจื่อกับ "ด้วยการโจมตีกลางอากาสที่ราวกับพุ่งตรงลงมาจากสวรรค์" นักดาบบินตรงไปเพื่อฆ่า
"ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะสามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้?รนหาที่ตาย! ฮ่า ๆ ๆเจ้านักดาบ วันนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นพยานได้เห็นเทคนิคจิตวิญญาณที่ทรงพลังที่สุดของสำนักวิชากู่เจวี้ยวซิน! ข้าจะแสดงให้เจ้าได้ดู จงลุกโชน เปลียวเพลิงสวรรค์พิโรธ ย้ากกกก"
หลังจากนั้นตี้จร้างเหมิ่นก็กู่ร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ร่างทั้งร่างของเขาเปล่งประกายเป็นเปลวไฟสูงสามเมตร จากนั้นกลิ่นอายจิตวิญญานสีดำที่มีอำนาจมหาศาลเริ่มห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ในขณะที่เปลวไฟลุกโชติช่วง เปลวไฟไม่มีที่สิ้นสุดมีขนาดใหญ่สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าทันทีประหนึ่งเหมือนการร่ายรำในช่วงเวลาที่บ้าคลั่งของไฟนรกและแม้ว่ามันจะจางลงไปในบ้างในระดับหนึ่ง
เปลวไฟเปลี่ยนเป็นมังกรพุ่งสูงขึ้นไป
มันน่าจะเป็นการตัดสินทุกๆอย่างด้วยการโจมตีครั้งนี้ ไกลออกไปนักดาบดำเพียงแค่จ้องไปที่สำนักกู่เจวี้ยวซินบนภูเขาเพื่อดูมังกรพิโรธตัวเคื่องกระโจนไปทางเขาในท้องฟ้า
ราวกับว่ามีอาเพสได้ตกลงมา
กระนั้น
นักดาบดำ ไม่ได้ใช้ดาบสลักมังกรวารีของเขาปะทะกับตี้จร้างเหมิ่น ในเสี้ยววินาทีเขาเอื้อมมือออกไปและคว้าการโจมตีตามเส้นขอบฟ้าที่ใกล้เข้ามาของตี้จร้างเหมิ่น จากนั้นคนนี้ก็บินตรงไปยังตี้จร้างเหมิ่น
"ฮืม?
ตี้จร้างเหมิ่นตกใจมาก
อย่างไรก็ตามในชั่วพริบตาทั้งท้องฟ้าก็มืดลงทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวตี้จร้างเหมิ่นกลับกลายเป็นความมืด ก้อนเมฆในพื้นที่โดยรอบเริ่มจับกลุ่มกันเป็นก้อน ต่อจากนั้นท่ามกลางความมืดมัวมังกรวายุในตำนานตัวใหญ่มโหราฬดุร้ายมีความยาวหลายสิบเมตรของมังกรพุ่งลงมา
คำราม! ! !โฮกกกกก!!!
เสียงคำรามดังกึกก้องของมังกรวายุในตำนานดังสะท้อนผ่านภูเขา
ตี้จร้างเหมิ่นรีบผงะถอยจ้องมองมังกรวายุในตำนาน แต่ไม่ได้แสดงความกลัวใด ๆ เสียงคำรามเกิดแผ่นดินไหวปะทุออกมาถูกโจมตีด้วยจิตวิญญาณมุ่งหมายสู่จิตใจ
โลกบริเวณโดยรอบมืดสนิท,ความมืดเริ่มสูญสลายและวายุมังกรในตำนานเริ่มจางหายไป ทุกๆอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม
อย่างไรก็ตาม
ฟึบ!ฟึบ!ฟึบ!
เสียงของใบมีดเจาะร่างกาย
ร่างของตี้จร้างเหมิ่นสั่นสองสามครั้ง
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น
เขาก้มหัวลงเพื่อมองร่างกายของเขา เขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นใบมีดโลหิตจำนวนมากมายเจาะผ่านหน้าอกของเขา
"นี่คือ .. ดาบโลหิต?"
"เป็นอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าหากดาบมีเจตนาฆ่าข้าน่าจะรับรู้มันได้ ... แต่นี่เกิดขึ้น?"
เขาหันหัวไปรอบๆและเห็นว่าเสี่ยวเฉินหมิงยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่เมตร ในขณะนี้เขาถือดาบแสร้,ซึ่งตอนนี้ถูกเจาะทะลุผ่านเขาไป...
"เจ้า…"
ตี้จร้าเหมิ่น แทบจะพูดอะไรไม่ได้เพราะเขาบาดเจ็บหนัก
"ข้า ... ข้าไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น ดาบเหล่านี้ความจริงแล้วมันมุ่งเป้ามาทางข้า,ข้าไม่รู้จริงๆว่าทำไมพวกมันจู่ๆก็พยายามฆ่าท่าน ... "
เสี่ยวเฉินหมิงเกาหลังศีรษะขณะที่พูดเจื่อนๆ
“เจ้า ...”เจ้า
อย่างไรก็ตามในเสี้ยววินาทีต่อมาที่ใบมีดที่เฉียบคมเจาะผ่านร่างของเขา หัวของเขาถุกตัดออกทันที จากนั้นมีใครคนหนึ่งยื่นมือออกมาถอดสร้อยคอของตี้จร้างเหมิ่น
ศิลาคล้ายหยกได้ถูกฉกฉวยไปอย่างรวดเร็ว,ความจริงแล้วมันคือศิลานิรันดร์!