AST บทที่ 79 - อาณาจักรชางหลางแห่งมหาทวีปเมฆามรกต
บทที่ 79 - อาณาจักรชางหลางแห่งมหาทวีปเมฆามรกต
"ท่านผู้อาวุโส ท่านรู้ระดับความแข็งแกร่งของตระกูลเยียนที่อยู่ในนครเยียนภายใต้อาณาจักรเยียนเจี้ยงหรือไม่??"
ไป๋ลี่ จิงเว่ยจ้องมองมายังชิงสุ่ย แล้วหัวเราะขณะที่เขาถามอย่างอื่นออกมา " เจ้ารู้อะไรบ้างล่ะเกี่ยวกับโลกเก้าอาณาจักรแห่งนี้ ถ้าเจ้ามีความรู้และความคุ้นเคยเกี่ยวกับอาณาจักรชางหลาง เจ้าจะเข้าใจเองเกี่ยวกับพลังอำนาจของพวกเขา"
ภายใต้การตอบโต้กะทันหัน ชิงสุ่ยตระหนักดีว่าเขานั้นไร้ซึ่งความรู้ แต่เนื่องจากเขาไม่รู้นั่นเองเขาจึงต้องถาม!! ชายชราเบื้องหน้าของเขานั้นหาใช่คนธรรมดาไม่ เขาจึงควรคว้าโอกาสนี้ในการเพิ่มเติมความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับโลกที่เขาอาศัยอยู่
"ช่วยให้ความกระจ่างแก่ข้าน้อยคนนี้ด้วยเถิด"ชิงสุ่ยร้องขออย่างจริงจัง
ไป๋ลี่ จิงเว่ย ยิ้มและพยักหน้า
"ภายใต้แผ่นฟ้าแห่งสวรรค์ของโลก 9 ทวีป มหาทวีปเมฆามรกตของพวกเรานั้นตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกสุดขอบโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าทราบหรือไม่ ที่สุดขอบชายแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกของมหาทวีปแห่งนี้มีสิ่งอันตรายมากมาย เช่นทางด้านภูเขาทิศตะวันตกนั้นมีภูเขาที่สูงถึง 10 ล้านลี้ หามีผู้ใดเคยสำรวจมันทั้งหมดได้เนื่องจากอาหารและน้ำที่ไม่เพียงพอ"
ชิงสุ่ยฟังอย่างตั้งใจในขณะเขาเริ่มคิดวิเคราะห์เวลากว่าครึ่งปีที่เขาได้ใช้ไปภายในเทือกเขาล้านลี้นั้น
"อาณาจักรชางหลางนั้นเป็นหนึ่งใน 81 อาณาจักรภายในมหาทวีปเมฆามรกต และเป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันตก ขนาดผืนแผ่นดินที่พวกเขาครอบครองนั้นกว้างใหญ่ไพศาลและเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุด"
"ผู้คนที่อาศัยในอาณาจักรชางหลางต่างเป็นผู้ฝึกตนกันแทบทั้งหมด มีผู้คนจำนวนน้อยมากที่จะเดินทางออกจากอาณาจักรแห่งนี้ ส่วนใหญ่เหล่าผู้คนในอาณาจักรชางหลางจะเดินทางเยี่ยมเยียนเพียงแค่เขตแดนระหว่างอาณาจักรชางหลางและอาณาจักรอื่นๆ หากพวกเขาเดินทางออกไปพวกเขาก็ยังคงเดินทางอยู่ภายใต้ 81 อาณาจักรที่อยู่ในมหาทวีปแห่งนี้ เมืองร้อยไมล์ก็เป็นหนึ่งในเมืองนั้น แต่เมืองแห่งนี้ ถือเป็น 1 ในเมืองที่อ่อนแอและเล็กที่สุดภายในอาณาจักรแห่งนี้"
ชิงสุ่ยรู้รื่องนี้ดีเพราะ มันยากที่จะหาผู้ที่บรรลุปราณเทวะเซียนเทียนได้ภายในเมืองนี้
ไป๋ลี่ จิงเว่ยจิบน้ำชาจากถ้วยชาที่วางข้างตัวเขาและกวาดสายตาไปยังกลุ่มคนที่อยู่บนท้องถนนขณะที่เขาพูดเบาเบาว่า "อาณาจักรเยียนเป็นมหานครของอาณาจักรเยียนเจี้ยง และตระกูลเยียนนั้นเรียกได้ว่าเป็นตระกูล "หลวง" และเป็นดั่งผู้พิทักษ์ของมหานครเยียน ส่วนความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตระกูลเยียน ข้านั้นไม่อาจจะบอกได้ ตัวข้าไม่ได้มาจากอาณาจักรเยียนเจี้ยง แต่ที่สามารถบอกได้อย่างแน่นอนก็คือตระกูลเยียนนั้น มีผู้ฝึกตนมากมาย ที่อยู่ในระดับขั้นปราณเทวะเซียนเทียน"
คำพูดของไป๋ลี่จิงเว่ยทำให้ชิงสุ่ยสุดลมหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง จากคำบอกที่ว่าตระกูลเยียนเป็นถึงตระกูลผู้พิทักษ์ของมหานครเยียน เพียงแค่นี้ก็สามารถบ่งบอกได้ถึงขุมกำลังที่พวกเขาถือครอง
"ตัวข้านั้นคิดจะล้างแค้นเหยียบย้ำตระกูลเยียน ทั้งที่พวกมันบรรลุระดับปราณเทวะเซียนเทียน มันช่างน่าตลกยิ่งนัก มันน่าตลกยิ่งกว่าคือข้านั้นสัญญาไว้กับท่านแม่เอาไว้ ข้าบอกว่าข้าจะใช้เวลาอีก 5 ปีหลังจากนี้ ข้าจะต้องเอาชนะตระกูลเยียนทั้งหมด?" ชิงสุ่ยรู้สึกขมขื่นใจ
หลังจากที่เขาจมหายไปในห้วงความคิดเพียงชั่วขณะ หลังจากที่เขาฟื้นตัวขึ้นมา เขาว่าเห็นปู่และหลานทั้งสองกำลังจ้องมองเขาด้วยลักษณะที่แปลกประหลาดไป ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มมีรอยยิ้มกับขึ้นมา
" ท่านผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าสถานที่แห่งนั้นมีจำนวนผู้บรรลุระดับปราณเทวะเซียนเทียนมากเท่าไหร่กัน?"
ไป๋ลี่จิงเว่ยยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่เขาส่ายหัว และวางมือบนโต๊ะก่อนที่จะกล่าวว่า "ชิงสุ่ย โลกใบนี้นั้นต่างขับเคลื่อนและถูกควบคุมโดยหลักหลายนิกายและตระกูลอันยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ใครก็ตามที่มีกำลังก็จะสามารถพูดหรือเปลี่ยนแปลงใดๆหรือสั่งการอย่างไรก็ได้ เจ้าเข้าใจใช่ไหม?"
ชิงสุ่ยคุณคิดในคำพูดเหล่านั้นก่อนที่จะสงสัยและกล่าวแปลว่า "ข้าน้อยไม่เข้าใจที่ท่านผู้อาวุโสพูด!!!"
"เอาล่ะ อย่างเช่นตอนนี้ในเมืองร้อยไมล์นั้นถือได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆภายใต้การดูแลของอาณาจักรชางหลาง และเมืองร้อยไมล์แห่งนี้ นั้นต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมของอาณาจักรชางหลางนั่นก็คือการที่เมืองแห่งนี้ต้องจ่ายภาษีและเครื่องบรรณาการต่างๆ เจ้าเข้าใจหรือไม่? เนื่องจากว่าความแข็งแกร่งของอาณาจักรชางหลางนั้นยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเมืองร้อยไมล์ นั่นจึงถือได้ว่าอาณาจักรชางหลางถือได้เป็นผู้สนับสนุนคอยช่วยเหลือเมืองร้อยไมล์อีกด้วย"ไป๋ลี่จิงเว่ยมองชิงสุ่ยพร้อมอธิบายอย่างชัดเจน
"ท่านอาวุโส ท่านจะหมายถึงว่าตราบใดที่คนคนหนึ่งนั้นแข็งแกร่งมากพอ เขานั้นจะสามารถควบคุมเงินทุนหรือแม้กระทั่งประเทศจากในเงามืดก็ได้ ใช่หรือไม่"ชิงสุ่ย ถามด้วยความสงสัย
"พ่อหนุ่มน้อยเจ้าช่างฉลาดยิ่งนัก เจ้าคงมีอดีตบางสิ่งบางอย่างที่ตกลงไว้กับตระกูลเยียนสินะ ถ้ามันมีความประสงค์จำเป็นใดๆ พ่อหนุ่มน้อยสามารถขอความช่วยเหลือจากข้าได้ แม้ว่าตัวข้าเองนั้นจะอาจช่วยเหลือเจ้านายไม่มาก แต่หากมันเป็นสิ่งที่ข้าช่วยได้ ข้าจะช่วยเจ้าอย่างเต็มที่แน่นอน"ไป๋ลีจิงเว่ยยิ้มและกล่าวอย่างมั่นใจ
ชิงสุ่ยรู้สึกว่า ไป๋ลี่จิงเว่ยฉันเป็นคนที่มีสถานะที่พิเศษ หลังจากที่เขาถามเกี่ยวกับตระกูลเยียน และเขาก็รู้ว่าตระกูลเยียนและเป็นถึงตระกูลผู้พิทักษ์ของอนาจักรเยียนเจี้ยง ผู้อาวุโสยังคงจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา
"ท่านอาวุโส ข้าน้อยขอขอบคุณท่านมาก หากข้าน้อยต้องการความช่วยเหลือจากท่านจริงๆ ข้าน้อยจะไปหาท่านเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น"
แม้คำพูดที่เรียบง่ายแต่ออกจากปากของชายชรา ถึงแม้ชิงสุ่ยจะรู้สึกถึงความจริงใจผ่านสายตาของเขา อย่างไรก็ตามในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาง่ายๆ ชิงสุ่ยยังคงไม่เชื่อว่าชายชราจะช่วยเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่อาจคิดถึงแรงจูงใจเหล่านี้ได้
"ดีมาก ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า เจ้าจงปล่อยแสงจาก "กระบอกเพลิงเมฆา" ขึ้นไปบนฟากฟ้า ตราบใดที่เจ้ายังคงอยู่ในอาณาจักรชางหลาง ภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน จะมีคนมาตามหาเจ้า และหลังจากนั้นข้าจะเร่งรีบไปหาเจ้าเช่นกัน"
หลังจากคิดเพียงเล็กน้อย ชิงสุ่ยก็รับเอากระบอกนั้นมา แม้ว่าชิงสุ่ยยังคงเป็นเด็กและไม่ค่อยรู้เรื่องโลกภายนอก แต่สิ่งที่เขารู้ในตอนนี้นั่นก็คือจะบอกที่อยู่ในมือของเขานั้นจะสามารถช่วยชีวิตเขาได้จาก "นิกายกระบี่สวรรค์"
"ข้าน้อยขอขอบคุณท่านผู้อาวุโส"
"เจ้าไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณข้า ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเรานั้นโชคดีที่ได้พบเจอกัน นั่นก็หมายความว่าพวกเรานั้นต้องชะตากัน มันเป็นเรื่องง่าย ที่เราจะสามารถใช้ประโยชน์จากกันและกันได้"ไป๋ลี่จิงเว่ยตอบและยังคงรอยยิ้มอันอบอุ่นอยู่บนใบหน้าของเขา
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าสิ่งที่ชายชราพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด จากการคาดเดาเขานั้นคิดว่าเจตนาของชายชรานั้นไม่ได้บิดเบือนไปเลย แต่คำพูดล่าสุดของเขานั้นทำให้ชิงสุ่ยครุ่นคิดเล็กน้อย
"ท่านผู้อาวุโส ท่านบอกว่าเราโชคดีที่ได้พบกัน ว่าแต่ข้าสามารถช่วยอะไรท่านได้บ้าง?"ชิงสุ่ย ตัดสินใจถามตรงประเด็น
ไป๋ลี่ จิงเว่ย กล่าวอย่างชัดๆว่า "ช่วยหรือไม่ช่วยนั้นมันไม่สำคัญกับข้าหรอก แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าวันหนึ่งเมื่อเจ้าเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ข้าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตามข้ารู้สึกได้ว่าเจ้านั้นหาใช่คนธรรมดา ในปัจจุบันเจ้านั้นเปรียบดังปลาคราพแต่ในอนาคตเมื่อประตูมังกรเปิดขึ้นเจ้าจะก้าวผ่านและกลายเป็นมังกรที่ยิ่งใหญ่ ที่ข้าทำทั้งหมดเพื่อหมุนเวียนกงกำกงเวียนต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงชะตากรรมสำหรับเหล่าลูกหลานเยาวชนของข้า"
คำเหล่านี้ทำให้ชิงสุ่ยจึงจะเป็นใบ้ ไป๋ลี่จิงเว่ยกำลังวางแผนปูทางไปสู่อนาคต สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยถึงกับยืนอึ้ง ไม่ใช่เพราะไป๋ลี่จิงเว่ยบอกเขานั้นเป็นคนที่พิเศษ สัญญาที่ให้ไว้สำหรับอนาคตว่าเขาไม่ลังเลเลยที่จะช่วยชิงสุ่ยจากตระกูลเยียน
"ท่านผู้วิเศษรู้สึกพิเศษว่าข้าน้อยจริงๆอย่างนั้นหรือ รวมทั้งเชื่อมั่นว่าข้าน้อยจะสามารถประสบความสำเร็จได้ในอนาคต?"ชิงสุ่ยหัวเราะ
"มันก็เป็นเพียงสัญชาตญาณของข้า แต่ส่วนใหญ่มันมักจะถูกต้องเสมอ ถึงแม้ว่าตัวข้าเองนั้นจะแก่ชราไป แต่สายตาของข้านั้นหาได้ฝ้าฟางลงไปเลยแม้แต่น้อย"ไป๋ลี่ จิงเว่ยหัวเราะออกมาราวกับเป็นนักปราชญ์
"ข้าน้อยเกรงว่าจะทำให้ท่านผิดหวัง"ชิงสุ่ยถอนหายใจขณะพูด
"อย่าได้กังวลไปพ่อหนุ่มน้อย การช่วยเหลือผู้อื่นนั้นถือเป็นรูปแบบความสุขรูปแบบหนึ่งของข้า ฉะนั้นก็ว่ามันเป็นการลงทุนและกัน" ชายชราหัวเราะอย่างต่อเนื่องขณะที่ดวงตามเขานั่งจ้องมองไปยังชิงสุ่ย
"ถ้าท่านผู้อาวุโสกล่าวถูกต้อง แล้ววันหนึ่งข้าน้อยกลายเป็นคนที่สามารถเขย่าโลกทั้งใบได้ ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมความช่วยเหลือและความเมตตาที่ท่านผู้อาวุโสมีให้กับข้า"