AST บทที่ 74 - เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์และฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 74 - เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์และฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเขากลับไปถึงตระกูลชิง ชิงสุ่ยมองเห็นชิงอี้กำลังให้อาหารเหล่าปลาและเต่าภายในบ่อ ใบหน้าของชิงอี้แสดงออกถึงความเงียบสงบทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจ
เสียงฝีเท้าได้ยินมาแต่ไกล รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนหน้าของชิงอี้เมื่อเธอหันไปก็พบกับชิงสุ่ย "ชิงสุ่ย เจ้ามานี่สิ!!! ดูขนาดปลาเหล่านี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน หรือว่าแม่ไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อน"
"อืมมม ลูกคิดว่าเมื่อวานปลาพวกนี้อาจจะซ่อนตัวอยู่ใต้บ่อน้ำแห่งนี้"
"ว่าแต่สัตว์น้ำตัวเล็กๆคนอื่นจะเป็นอย่างไรบ้าง? ในเมื่อปลาสีดำตัวนี้มีลักษณะที่ดุร้าย และมีการกินในอัตราที่ทำให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ข้าเกรงว่าปลาตัวอื่นจะต้องถูกมันกินเป็นแน่"ชิงสุ่ยคาดคิด
เมื่อปลาดำเหล่านั้นเติบโตขึ้นภายในดินแดนห่วงมิติ ชิงสุ่ยจะเคลื่อนย้ายพวกมันออกมาและนำลูกปลาชุดใหม่ขนาดเท่าฝ่ามือลงไปเลี้ยงต่อ นอกจากปลาดำแล้ว ชิงสุ่ยก็ไม่กล้าเคลื่อนย้ายพวกมันไปบ่ออื่นอีกเลยเนื่องจากมันจะกินปลาทุกๆตัว
"อืม ก็จะเป็นเช่นนั้น เพราะว่าบ่อแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยเหล่าพืชน้ำมากเกินไป ว่าแต่พบปลาและกุ้งตัวน้อยๆจะไม่ถูกปลาดำพวกนี้กินอย่างนั้นหรือ?"ชิงอี้ถามพร้อมแสดงใบหน้าอาจเป็นกังวล
"ถ้ายังเป็นเช่นนั้นต่อไป ลูกเก่งว่าอีกไม่กี่วันมันคงจะไม่เหลือปลาตัวใดๆเลย เว้นเสียแต่ปลาดำและเต่า!!!"ชิงสุ่ยรู้ผลที่จะเกิดอย่างแน่นอน เพราะมันจะต้องเป็นแบบเดียวกับที่เกิดในดินแดนยกยุพราชอมตะ
"แต่ท่านแม่ไม่ต้องกังวลไป พวกมันจะต้องเติบโตและในอนาคต พวกเราจะได้ลิ้มลองปลาพวกนี้" ชิงสุ่ยรู้รสชาติอยู่แล้ว เขาเพียงหวังว่าชิงอี้จะได้มีโอกาสลิ้มลองรสพวกมันด้วย แม้ว่าปลาสีดำยังปรับตัวไม่ได้ขนาดที่ต้องการ แต่ตอนนี้บางตัวก็ใหญ่พอที่จะกินได้
"อืม พวกมันยังเด็กอยู่อีก เราไม่ต้องรีบหรอก ถ้าลูกต้องการที่จะกินมัน แม่สามารถหาซื้อให้เจ้าได้"ชิงอี้ยิ้มตอบ
"แม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนมากภายในบ่อ แต่ลูกรับประกันได้เลยว่าปลาที่อยู่ในบ่อภายนอก ไม่มีวันที่จะรสชาติอร่อยสู้บ่อแห่งนี้ได้"ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่เขาจับปลาได้ 2-3 ตัว
"พอแล้ว พอแล้ว"ชิงอี้ตะโกนเพื่อให้ชิงสุ่ยหยุดจับปลาต่อ
ชิงสุ่ยรู้ว่าทักษะการทำอาหารของชิงอี้นั้นอยู่ในระดับแนวหน้า เขาเลียริมฝีปาก เช็ดน้ำลายเพราะรู้ว่ามื้อค่ำมื้อนี้จะต้องมีอาหารที่อร่อยอย่างมากเป็นแน่
เสียงตะเกียบดังขึ้นบนโต๊ะอาหาร ชิงสุ่ยมองเห็นลุงอู้ ชิงฉาน ชิงสือ กำลังกินปลาด้วยความเอร็ดอร่อย
"ข้ามันเคยกินปลาที่รสชาติดีขนาดนี้มาก่อน มันดีเซลยิ่งกว่าตอนที่เราไปกินที่โรงเตี๊ยมอวี้เหออีก"ชิงอู้ถูหน้าท้องและกะและความพึงพอใจขณะที่ ชิงฉานและชิงสือต่างพยักหน้าด้วยความเห็นด้วย
ในยามราตรี ชิงสุ่ยก็กลับเข้าสู่ดินแดนห้วงมิติอีกครั้ง สถานที่แห่งนี้นั้นคือที่ที่ดีที่สุดสำหรับเขา 1 วันผ่านไป ปลาสีดำก็หยุดโตขึ้นความแตกต่างของมันจากเดิม คือผิวที่มันวาวจากเกล็ดสะท้อนแสงสว่างออกมา ในขณะที่เต่าตัวใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยและรวดเร็วว่องไวยิ่งขึ้น
ชิงสุ่ยคิดว่าปลาสีดำนั้นจะตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะหากมันเป็นเช่นนั้นเขาคงหาวิธีแก้ไขมันไม่ได้เนื่องจากทะเลสาบคริสตัลนั้นยังมีอาณาเขตที่จำกัด
สำหรับเหล่าเต่าทั้งหลาย พวกมันนั้นสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวภายในโลกหล้าทวีปนี้ได้ มีสัตว์ดุร้ายจำนวนมากมายที่ต้องตายก่อนที่พวกมันจะสามารถสร้างแก่นอสูร พวกมันต่างต้องใช้โชคลาภบางสิ่งบางอย่างเพื่อค้นพบสมุนไพรแห่งจิตวิญญาณหรือผลไม้วิเศษเพื่อยืดอายุของพวกมัน หรือแม้กระทั่งการกินเหล่าเต่าทั้งหลาย มันจึงเป็นเรื่องยากที่สัตว์ร้ายเหล่านั้นจะสามารถก้าวข้ามเข้าสู่สัตว์อสูรได้
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยไม่ต้องกังวลเลยว่าเราปาดำนั้นจะพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นสัตว์อสูร เพราะมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเหล่าสัตว์ดุร้ายที่จะสามารถบรรลุขั้นเทวะเซียนเทียนได้ แต่สำหรับเรานั้น พวกมันมีอายุไม่ต่ำกว่า 1000 ปี แม้มันจะถูกพิจารณาเป็นสัตว์อสูรไร้แก่น แต่ก็ไม่อาจรับรองได้ว่าอีก 500 ปีนั้นมันอาจจะสามารถสร้างแก่นอสูรขึ้นมาก็เป็นได้
แต่สำหรับเนื้อของเต่านั้น ยิ่งพวกมันอายุมากเท่าไหร่ ยิ่งช่วยบำรุงมากเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยต้องการเลี้ยงดูพวกมันจนกว่าพวกมันจะอายุมากกว่า 1000 ปี เพื่อรอเวลาลิ่มรสที่น่าพิสมัย
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าเนื้อจากสัตว์อสูรนั้นมีรสชาติสุดยอด แต่บรรดาผู้ที่ได้ลิ้มรสมันจริงๆแล้วนั้นสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้น ในอนาคตหากเขาแข็งแกร่งพอ เขาคงต้องออกล่าสัตว์อสูรเพื่อที่จะได้ลิ้มรสเนื้อของพวกมัน
ภายในดินแดนห้วงมิติ ชิงสุ่ยฝึกฝนหลากหลายเคล็ดวิชา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา
ยามเขาหิว เขาก็เพียงแค่ย่างปลาเพื่อกิน ยามเขาเบื่อ เขาเพียงแค่ดื่มน้ำและพักผ่อนบนเตียงที่ถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาสู่ดินแดนห่วงมิติ ชิงสุ่ยยังค้นพบอีกว่าพื้นที่บางส่วนบนดินแดนห่วงมิติแห่งนี้ มีความสามารถในการรักษาวัตถุดิบให้ดูสดตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงย้ายเครื่องปรุงจำนวนมากเข้ามาเก็บไว้
"เปลวเพลิงก่อเกิด"ชิงสุ่ยขยายฝ่ามือทั้งสองของเขา บนฝ่ามือเกิดเป็นเพลิงสีเทาหมุนวนอยู่อย่างช้าช้า ชิงสุ่ยกำลังใช้เปลวเพลิงเหล่านั้นย่างปลา
เปลวเพลิงก่อเกิดนั้นดูดกลืนพลังปราณในระดับที่สูง ชิงสุ่ยสามารถใช้งานเปลวเพลิงหยิน-หยางได้เพียงแค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น
ในระหว่างที่อยู่ภายในดินแดนห้วงมิติ ชิงสุ่ยกำลังวิเคราะห์เคล็ดวิชาข้อมูลทั้งหมดที่ถูกปลดผนึก และมันทำให้เขาพบว่า ยังมีอีก 2 เขตวิชาที่เขาค้นพบ คือ เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ และฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์!!!
หลังจากศึกษาเนื้อหาทั้งสองเขตวิชาแล้ว ชิงสุ่ยพบว่าเราเคล็ดวิชานี้ใช้สำหรับทางการแพทย์ ความลับวิชาเนตรสวรรค์นั้น เมื่อเขาเปิดใช้พลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพ มันจะทำให้ดวงตาของเขานั้นสามารถมองได้ทะลุปรุโปร่งราวกับเครื่องสแกนที่ใช้รังสีเอ็กซ์ เพียงแค่การมอง ก็สามารถมองเห็นอวัยวะภายในรวมทั้งช่องพลังปราณต่างๆในร่างกาย อีกทั้งยังสามารถระบุตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บหรือตำแหน่งที่เกิดปัญหาขึ้นได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่ฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์ นั้นสามารถกำหนดตำแหน่งของแต่ละกระดูกได้อีกทั้งยังเพิ่มความรวดเร็วให้กับความมือของเขา นอกเหนือจากนั้นหาก เคล็ดวิชานี้ถูกเปิดใช้งาน ชิงสุ่ยสามารถถ่ายเทพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพที่อยู่ในเมืองเขาไปสู่ร่างกายของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งมันจะทำให้เกิดผลประโยชน์อย่างมาก
ในตอนนั้นชิงสุ่ยคิดว่าการปลดผนึกเรื่องราวเกี่ยวกับการปรุงยานั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิต แต่ในตอนนี้มีเคล็ดวิชาอีก 2 เคล็ดวิชา ถูกสรรสร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มทักษะในการแพทย์ของเขา มันยิ่งตอกย้ำความคิดเห็นของชิงสุ่ยที่ว่าเคล็ดวิชากายาบรรพนั้นอาจเป็นเคล็ดวิชาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
การปลดผนึกทักษะการปรุงยาผ่านการรู้แจ้ง บางทีมันอาจจะแบ่งออกเป็นพื้นที่หลากหลายพื้นที่ภายใต้ทะเลแห่งปัญญา จะเกิดอะไรขึ้นหากการรู้แจ้งของเขานั้นถูกปลดผนึกมากยิ่งขึ้น?
การรู้แจ้ง!!! เปรียบดังทางเข้าของสวรรค์ แล้วเมื่อไหร่กันล่ะที่ข้าจะสามารถสัมผัสมันอีกครั้ง?
เป็นโชคดีของชิงสุ่ย ที่พื้นฐานทั้งเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์และความมือศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแนวคิดเดียวกันจึงทำให้เขาสามารถเรียนรู้ได้ง่าย แต่ความแข็งแกร่งของมันนั้นขึ้นอยู่กับพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพ
มันน่าเสียดายที่เขานั้นติดอยู่เพียงขั้นที่ 3 ถ้าหากเขาสามารถทะลุผ่านขั้นที่ 4 ไปได้ ชิงสุ่ยรู้ว่าเขาจะต้องก้าวเข้าสู่ระดับปราณเทวะเซียนเทียน อย่างแน่นอน!!!