ตอนที่ 57 เเผนร้าย
ตอนนี้เกาฉางและเยี่ยนฉือยืนนิ่งค้างอยู่ พวกเขาทั้งสองไม่เข้าใจว่านี้มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นเช่นนี้ แต่ระหว่างทั้งสองกำลังงุนงงอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมา
“เกาฉาง เยี่ยนฉือ พวกเจ้าทั้งสองมาร่วมมือกับพวกข้า” ผู้ฝึกวรยุทธใส่ชุดจอมยุทธสีฟ้ากล่าวปลุกระดมสหาย
ทั้งสองได้ยินที่สหายของตนกล่าวก็จ้องมองกันสักพัก แล้วเกาฉางก็กล่าวขึ้นมา “นี่มันอะไรกัน เลี่ยงหวง ทำไมพวกเจ้าทั้งสามถึงทำเช่นนี้”
“พวกเจ้าทั้งสองไม่รู้รึ สมบัติในคราวนี้มันมีค่ามากกว่าสมบัติที่พวกเราเจอมาทั้งหมดอีก พวกข้ามคนเก็บมันไว้ในแหวนมิติทั้งสามวงนั้น” ผู้ฝึกวรยุทธใส่ชุดจอมยุทธสีเขียวอ่อนกล่าวเสริม
เยี่ยนฉือตอนนี้กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก คิ้วเริ่มขมวดแน่น เขามองไปที่ผู้ฝึกวรยุทธที่ใส่ชุดจอมยุทธสีเขียวอ่อนและกล่าวถามออกไป “มันเป็นจริงเช่นนั้นรึ เหวินฉิน”
“ใช่แล้ว พวกเจ้าทั้งสองมาร่วมมือกับพวกเราซะ หากพวกเจ้าทั้งสองปล่อยให้มันได้สมบัติในแหวนมิติไป มันก็จะแบ่งเราเพียงหินจิตมารไม่กี่หมื่นก้อนดังเช่นกาลก่อน ทั้งที่มันไม่เคยทำอะไรแม้แต่น้อยคอยแต่ยืนสั่งพวกเรา เร็วเข้ารีบตัดสินใจหากชักช้าเดียวจะไม่ทันการ” หวังเจี้ยงกล่าวปลุกระดมสหายขึ้นไปอีก เพราะตั้งแต่ที่ทำภารกิจมาเขาก็ได้ส่วนแบ่งเพียงน้อยนิดเท่านั้นเมื่อเทียบกับสมบัติที่พบเจอ นี้ทำให้เขาเก็บความแค้นไว้จนสามารถหาสหายร่วมอุดมการณ์ได้ก่อนจะมาถ้ำมารเยือกแข็ง
แต่เมื่อเขาเห็นสมบัติในหอคอยน้ำแข็งมันมีค่ามากมายมหาศาล เขากับสหายก็ตัดสินใจที่จะปลิดชีพของซือหยวนซะ แล้วก็หาโอกาสกล่าวกับสหายที่เหลือให้ร่วมมือจนเหตุการณ์เป็นเช่นดั่งปัจจุบันนี้
“ย่อมได้”
เกาเฉาและเยี่ยนฉือกล่าวออกมาเช่นกัน พวกเขาทั้งสองก็เคยคิดเหมือนกันว่าภารกิจแต่ละครั้งช่างอันตรายยิ่งนัก พวกเขาเสี่ยงชีวิตหลายรอบแต่ผลตอบแทนกลับไม่คุ้มค่าเสียจริง จนทำให้พวกเขาทั้งสองเริ่มแปลกใจขึ้นเรื่อยๆ ว่าหัวหน้าของตัวเองแอบหมกเม็ดสมบัติไว้คนเดียว
หลังจากได้ยินที่เกาฉางและเยี่ยนฉือกล่าวออกมาเช่นนี้ เขาที่กำลังบาดเจ็บอยู่ หากต้องต่อสู้กับผู้ฝึกวรยุทธทั้งห้าคนในเวลาเดียวกันคงเป็นเรื่องที่ลำบากแน่ เขาจึงได้กัดฟันกล่าวออกไปอย่างเจ็บแค้น
“เกาฉาง เยี่ยนฉือ อย่าไปฟังพวกมัน หากพวกเจ้าทั้งสองร่วมมือกับข้าจัดการสวะสามตัวนี้ ข้าจะแบ่งสมบัติให้พวกเจ้า สองส่วน”
อย่างไรก็ตามหลังที่เขาสังหาร หวังเจี้ยน เหวินฉิน เลี่ยงหวงแล้ว เขาก็จะสังหารสองคนนี้ซะเพราะพวกมันบังอาจมีความคิดที่จะทรยศเขา ตอนนี้ที่ใบหน้าของเขาปรากฏรอบยิ้มที่ชั่วร้ายเล็กน้อย
เกาฉางเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของซือหยวน แล้วเขาก็สังเกตเห็นรอยยิ้มที่มุมปาก นี้ทำให้เขาเข้าใจทันทีว่าซือหยวนมันต้องหลอกใช้พวกเขาแน่นอน ทำให้เขาเผยรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมา
“เสียใจด้วยท่านหัวหน้า อ๋อไม่สิซือหยวน ข้อเสนอของแกมันก็น่าสนใจดีอยู่หรอก แต่มันก็ยังไม่ดีพออออ”
“พรึบ”
หลังจากที่เกาฉางกล่าวจบเพียงเสี้ยววิ ร่างของเขาก็หายไปทันที ปรากฏตัวอีกครั้งข้างหน้าของซือหยวนพร้อมดาบที่ฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามซือหยวนที่ระวังตัวตลอดเวลา เขารีบหยิบแหวนสามวงจากพื้น แล้วกระโดดหลบทันที
“ตูม”
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วป่า พื้นดินโดนดาบฟันแตกกระจายไปทั่ว กลุ่มควันเริ่มบดบังทัศนวิสัยการมอง
ฉางหยางที่กำลังนั่งอยู่บนหัวของเฉินตี้ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น เขาได้บอกให้เฉินตี้บินไปดู สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา เป็นกลุ่มชุมนุมดาบสังหารที่กำลังจ้องมองกันอยู่ คนหนึ่งบาดเจ็บ อีกห้าคนกำดาบในมือแน่น นี้ทำให้เขาเข้าใจทันทีว่ามีการทรยศกันเกิดขึ้นแล้ว
ฉางหยางบอกให้เฉินตี้ลดขนาดของมันลง พร้อมกับเขากระโดดลงมาที่พื้นแล้วเดินไปอย่างสบาย ที่ใต้หน้ากากเริ่มปรากฏรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
แต่ระหว่างนั้นเยี่ยนฉือรู้สึกเหมือนมีคนกำลังเดินมา แต่เขารู้สึกได้ว่ามันมีระดับการบ่มเพาะแค่ปราณนิมิตรเท่านั้น เพื่อไม่ให้แผนการของพวกเขาผิดพลาด เขาพุ่งทะยานตัวออกไปอย่างรวดหวังปลิดชีพในกระบวนท่าเดียว
ฉางหยางที่กำลังเดินมาอย่างสบายสัมผัสจิตสังหารได้ เขากระโดดหลบม้วนตัวกลับหลังหายไปซ่อนตัวอยู่ต้นไม้ทันที
“ตูม”
ดาบสีดำทมิฬฟันเข้าที่พื้นอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นหลุมขนาดหนึ่งเมตร ตามด้วยเสียงของเยี่ยนฉือที่ตะโกนออกมาดังลั่น
“นั้นใคร แสดงตัวออกมาซะ”
สักพักเสียงหัวเราะก็ดังออกมาพร้อมกับร่างของฉางหยางหล่นลงมาที่พื้น
“ฮ่าๆ ท่านลุงท่านลืมข้าไปได้อย่างไร”
หลังจากที่เยี่ยนฉือเห็นฉางหยางเขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นไอ้หนูคนเดียวกันกับเมื่อตอนที่อยู่ในถ้ำมารเยือกแข็ง นี้ทำให้เขาเริ่มมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีหนัก
“ไอ้หนูแกมาทำอะไรที่นี้ หรือแกอยากเป็นศพอยู่ที่นี่”
“โอ้ ท่านลุงอย่าได้กล่าวเช่นนั้น ข้าแค่คนผ่านทางมาเท่านั้น แต่ข้าได้ยินเสียงระเบิดก็เลยจะมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็แค่นั้นเอง” ฉางหยางกล่าวด้วยท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์
ซือหยวนเห็นสัตว์อสูรสีทองที่บินอยู่ข้างฉางหยาง เขาก็กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ไอ้หนู หากแกมาร่วมมือกับข้าจะดการกับสวะห้าตัวนี้ ข้าจะให้สมบัติสามส่วนเลย”
“ฮ่าๆ ดูท่าแล้วข้อเสนอของท่านก็ไม่เลวเท่าไรนัก อีกอย่างท่านมีสมบัติติดตัวอยู่รึไม่ข้าก็ยังไม่รู้เลย ท่านอาจจะหลอกใช้ข้าอยู่ก็เป็นได้” ฉางหยางกล่าวออกมาพลางเดินหัวเราะไปที่ซือหยวน
ได้ยินที่ฉางหยางกล่าวออกมา ซือหยวนก็ครุ่นคิดบางอย่าง “ฮึ! ไอ้หนูนี่ฉลาดไม่เบา หากข้าสามารถหลอกล้อให้ไอ้หนูนี้ถ่วงเวลาให้ ข้าก็ใช้โอกาสนั้นรีบหนีไปซะ”
ซือหยวนตอนนี้ที่กำลังบาดเจ็บอยู่ เขาไม่สามารถรีรอได้อีกต่อไปแล้ว เขาหยิบเม็ดยาห้ามเลือดออกมากินแต่มันสามารถหยุดเลือดได้เพียงสองชั่วโมงเท่านั้น หลังจากผ่านไปแล้วสองชั่วโมงหากเขายังไม่รีบรักษา เขาจะต้องเลือดหมดตัวตายอย่างแน่นอน
ตอนนี้เขามองไปที่ฉางหยางที่กำลังเดินมาอย่างสบายๆเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ลูกน้องที่ทรยศเขาทั้งห้าคน เพราะพวกมันอาจลอบโจมตีเขาเหมือนครั้งก่อนนี้ก็เป็นได้ สุดท้ายเขาได้แต่ขบฟันแน่นเพราะต้องเสียสมบัติไปถึงสามส่วนแล้วชีวิตยังตกอยู่ในอันตรายอีก
“นี่ไง สมบัติมันอยู่ในแหวนทั้งสามวงนี้ เจ้าสามารถเอาไปได้หนึ่งวง หลังจากที่ช่วยข้าสู้แล้ว”
เยี่ยนฉือที่กำลังยืนอยู่ หลังจากที่เห็นฉางหยางปรากฏตัวพร้อมกับสัตว์อสูรสีทอง เขาไม่กล้าที่จะโจมตีอีกต่อไป เพราะจากที่ดูแล้วไอ้หนูผู้นี้เหมือนจะมีแผนอะไรสักอย่างอยู่ในใจ แต่ระหว่างนั้นเขาก็สังเกตเห็นแสงออร่าสีทองอ่อนๆ ออกมาจากเท้าของฉางหยาง เขารีบพุ่งทะยานเพื่อโจมตีทันที แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
ฉางหยางใช้เคล็ดวิชาท่องนภาอย่างรวดเร็ว
“พรึบ”
พริบตาร่างของฉางหยางปรากฏตัวอยู่ที่ข้างหน้าของซือหยวน ฉกเอาแหวนมิติสามวงจากมือ แล้วใช้เคล็ดวิชาท่องนภาอีกครั้ง
“พรึบ”
ร่างของฉางหยางปรากฏตัวอีกครั้งห่างออกไปสามร้อยห้าสิบเมตรทันที พร้อมกับเสียงออกคำสั่งดังลั่น
“เฉินตี้กลับร่างเดิมของเจ้าเร็วเข้า”
เฉินตี้ได้ยินที่เจ้านายสั่งก็รีบบินไปหา คำรามออกมา “กรร” พร้อมกับเปลวเพลิงสีทองเริ่มโหมกระหน่ำ ร่างกายขยายขนาดกลับมาเหมือน
ฉางหยางก็รีบกระโดดขึ้นบนหัวของเฉินตี้ทันที แล้วสั่งออกไป
“เร็วเข้าบินขึ้นที่สูง”
ตอนนี้ซือหยวนที่กำลังยืนงงอยู่ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เพียงแค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น เขามัวแต่สนใจลูกน้องที่ทรยศทั้งห้าอยู่ เลยไม่ได้ระวังฉางหยางเอาไว้ แต่สิ่งที่เขาตกใจมากก็คือไอ้หนูนี้มีเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร หายตัวไปมาอย่างไร้เสียง ได้ยินแต่เสียงที่แสนเบาตอนที่ร่างปรากฏออกมาเท่านั้น เขาได้แต่กล่าวออกมาอย่างสั่นเครือ
“มะ...มันอะไรกัน”
“บัดซบ” เยี่ยนฉือสบถออกมาดังลั่น เขาไม่คาดคิดเลยว่าไอ้หนูนั้นจะตั้งใจชิงแหวนตั้งแต่ตอนแล้ว แถมซือหยวนที่เป็นหัวหน้าของเขาก็ไม่เคยเห็นเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวที่น่ากลัวของไอ้หนูนี้ ทำให้เขาประมาทจนเสียสมบัติไปในที่สุด
อีกสี่คนที่กำลังยืนมองไปที่ซือหยวนเพื่อหาโอกาสสังหาร แต่เขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าไอ้หนูหน้ากากปีศาจจะร้ายได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะหวังเจี้ยน เหวินฉิน เลี่ยงหวงที่กำลังยืนอ้าปากค้าง ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“แก! คืนแหวนสามวงมาซะแล้วข้าจะไว้ชีวิตแก” เกาฉางตะโกนออกมาอย่างคับแค้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทั้งกลุ่มชุมนุมดาบสังหารจ้องมองไปที่ฉางหยางด้วยแววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
แต่ตอนนี้ฉางหยางกับเฉินตี้ได้บินขึ้นสูงแล้ว เขามองไปที่กลุ่มชุมนุมดาบสังหาร กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านลุงทั้งหลาย ข้านั้นต้องขอบคุณพวกท่านเสียแล้ว หนี้บุญคุณครั้งนี้ข้าจะตอบแทนพวกท่านตอนนี้เอง”
ทั้งหกคนได้แต่กัดฟันแน่น เพราะมีไอ้หนูนรกที่ไหนก็ไม่รู้มาชิงสมบัติต่อหน้าต่อตาพวกเขาเช่นนี้ แต่ขณะนั้นเสียงของฉางหยางก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เฉินตี้ตอบแทนพวกลุงๆหน่อยเร็ว เอาแบบส่งไปกลับบ้านเก่าเลยนะ”
หลังจากที่ได้ยินเจ้านายของตนสั่งให้สังหารคนทั้งหก เฉินตี้ก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่วิวัฒนาการในตอนนั้นออกมา....