ตอนที่ 44 ป่าอสูรคลั่ง
“ใช่! เป็นพวกข้าแล้วเจ้าจะทำไม” หลางหลู่กล่าวอย่างไม่พอใจ
“ก็ได้ๆ ข้าขอโทษที่พูดออกไปแบบนั้น ว่าแต่พวกเจ้าทำไมกลับกันมาเร็วจัง ภารกิจนี้มันต้องเดินทางไกลไม่ใช่รึ อย่างต่ำก็น่าจะสิบวัน แต่นี้พึ่งผ่านไป สามสี่วันเอง” หลวนเฟยเห็นพวกนางกลับมาจากทำภารกิจก็แปลกใจ เพราะเวลาที่ใช้เดินทางและหาหญ้าแห่งชีวิต มันน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสิบห้าเลยนิ แล้วพวกนางทำไมถึงกลับมาเร็วเช่นนี้
“พวกข้ามีเรื่องด่วนต้องทำ ฉางหยางอยู่กับเจ้าไหม” หลางหลู่เออร์กล่าวตัดบทออกไป
“หา! เขาไปกับพวกเจ้าไม่ใช่รึ แล้วจะมาถามข้าได้อย่างไร” หลวนเฟยถึงกับงุนงง พวกนางนั้นไปทำภารกิจกับเขาสามคนไม่ใช่รึ ไปพร้อมกันกลับก็มาพร้อมกันสิ เขาที่นอนอยู่บ้านพักจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร
หลางหลู่เออร์และหลิ่งซูได้ยินที่หลวนกล่าวออกมา เหมือนกับไม่รู้ว่าฉางหยางได้อยู่ที่ใด นี้ทำให้พวกนางต้องไปเข้าไปหาตามหอต่างๆในสำนักแทน
“ข้าว่าเขาคงไม่รู้หรอกว่า ฉางหยางไปที่ไหน พวกเราควรจะไปดูที่หอภารกิจอีกครั้งเผื่อเขากำลังส่งภารกิจอยู่” หลิ่งซูรีบแสดงความเห็นของนางออกไป เพราะหากไม่อยู่กับหลวนเฟยก็ต้องอยู่ที่หอภารกิจ หรือหอคัมภีร์เป็นแน่
“อืม ข้าก็ว่าจะดูอยู่ งั้นพวกเราไปดูหน่อยแล้วกัน” หลางหลูเออร์ครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะกล่าวออกไป
หลวนเฟยตอนนี้ยื่นมองหลางหลู่เออร์และหลิ่งซูคุยกันอย่างสนิทสนม ทำให้เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง พวกนางทั้งสองสนิทกันตั้งแต่เมื่อไรกัน ก่อนออกไปทำภารกิจพวกนางยังส่งสายตาประสานกันราวกับคู่แข่ง แต่นี้พอกลับมาครั้งนี้กลับเป็นหน้ามือเป็นหลังเท้าเช่นนี้
“ร....รึว่าเป็นเพราะพวกนางจะเสร็จฉางหยางไปแล้ว บัดซบเอ้ยไอ้สหายทรยศ” หลวนเฟยคิดอย่างหมกมุ่น
หญิงสาวทั้งสองรีบเดินออกมาจากภูเขาทันที หลวนเฟยเห็นทั้งสองเดินไปไกลแล้ว ก็ตะโกนออกไป “รอข้าด้วย ข้าไปด้วย ข้าจะไปจัดการกับไอ้สหายทรยศนั้น”
ระหว่างที่ทั้งสามกำลังคุยกัน ฉางหยางก็ได้เดินออกมาถึงหลังสำนักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขากำลังคิดบางอย่างอยู่นั้นไม่แน่ใจว่าจะไปฝึกฝนเคล็ดวิชาอยู่ที่ใดดี เขาต้องหาป่าที่มีอาหารเพียงพอ เพราะเขากับเฉินตี้ต้องกินตลอดเวลา แถมก็มีเม็ดยาปราณธาราเพียงสองเม็ดเท่านั้น
เม็ดยาสองเม็ดนี้ เขาต้องเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาเขาจะได้ใช้มัน เพราะหินจิตมารที่อยู่กับเขาตอนนี้ไม่มีแม้แต่ก้อนเดียว แถมยังติดหนี้ก้อนใหญ่กับหญิงสาวทั้งสองอีก อย่างนี้เขาคงต้องออกเดินทางเพื่อล่าหินจิตมารอย่างเร่งด่วนแล้ว
“อืม ข้าน่าจะลองไปป่าอสูรคลั่งดูก่อน หากที่นี้ไม่เหมาะค่อยหาที่อื่น”
หลังจากนั้นฉางหยางก็อัดพลังลมปราณเข้าไปที่สัญลักษณ์มังกรสีทองที่มือ เพื่อเรียกเฉินตี้ออกมา สัญลักษณ์ค่อยเปล่งแสงสีทอง ร่างของเฉินตี้ก็กำลังบินอยู่อากาศอย่างมั่นคง เขาจ้องมองเฉินตี้อยู่สักพัก เพราะยังไม่ได้ให้อาหารมันกินตั้งแต่มันอยู่ในป่านิรันดร์แล้ว ทำให้ตอนนี้มันน่าจะหิวพอสมควร
“เฉินตี้ กลับร่างเดิมของเจ้าซะ พวกเราจะไปที่ป่าอสูรคลั่งกันก่อน เพื่อหาอาหารให้เจ้ากิน”
ร่างของเฉินตี้ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ เปลวไฟสีทองก็ลุกโหมจนท้วมตัว จากนั้นร่างก็ขยายกลับมาเป็นขนาดเท่าเดิม ฉางหยางก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนหัวของเฉินตี้และออกคำสั่งออกไป
“ไปได้”
สายลมโบกสะบัด พร้อมกับร่างของเฉินตี้บินขึ้นสู่ท้องฟ้าหายลับไปตามขอบฟ้า
เวลาได้ผ่านแล้วประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่ทั้งสองบินมาได้ระยะทางประมาณแปดสิบกิโลเมตร เฉินตี้และฉางหยางก็ได้มาถึงป่าอสูรคลั่ง ที่ข้างหน้าของเขา เป็นป่าที่กว้างถึงเกือบร้อยตารางกิโลเมตร ในป่ามีต้นไม้ปกคลุมเป็นบางส่วน แสงตะวันสามารถส่องถึงลงพื้นดินได้
ภายในป่ามีเสียงคำรามของสัตว์อสูรและเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกวรยุทธจากอาณาจักรชินมากมายก็มาที่ป่านี้กัน เพราะสัตว์อสูรภายในป่านี้มีหลายเผ่าพันธุ์ที่สามารถเป็นวัตถุดิบในการปรุงยาได้
ฉางหยางได้บอกให้หาที่เหมาะและบินลงต่ำ เพื่อที่เขาจะได้ลงไปสำรวจป่าคลั่ง
ห่างจากพื้นที่ความสูงประมาณสองร้อยเมตร ฉางหยางก็กระโดดลงมาจากหัวของเฉินตี้ ส่วนเฉินตี้ก็ลดขนาดของตัวเองลงเพื่อไม่สร้างความลำบากให้แก่เจ้านายของตน
ตอนนี้เขาได้จ้องมองไปที่ป่าอสูรคลั่งอย่างตื่นเต้น เขาหวังเพียงว่าจะพบสมบัติที่มากพอให้เขาได้ใช้หนี้ของหลางหลู่เออร์และหลิ่งซู
“เอาละพวกเราเข้าไปกันเถอะ”
ฉางหยางที่กล่าวบอกเฉินตี้เสร็จก็เดินนำหน้าเข้าไปที่ป่าอสูรคลั่ง และตามด้วยเฉินตี้ ผ่านไปสักพักเขาก็ได้เดินมาถึงที่แห่งหนึ่ง ข้างหน้าของเขาเป็นถ้ำขนาดไม่กว้างนัก ซึ่งมันเหมาะสำหรับเป็นที่พักอย่างมาก
ห่างออกจากถ้ำไปประมาณสี่กิโลเมตร เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณแปดร้อยเมตร ฉางหยางคิดว่าในทะเลสาบแห่งนี้มันน่าจะมีปลาอยู่ มันอาจจะทำให้เขาและเฉินตี้อยู่ที่นี้ได้หลายวัน
ระหว่างที่เฉินตี้กำลังบินอยู่ หลางหลู่เออร์ หลิ่งซู และหลวนเฟยตอนนี้ พวกเขาทั้งสามคนได้เดินหาฉาหยาง ตามหอต่างๆ ภายในสำนักแล้ว แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของฉางหยางเลยแม้แต่น้อย
หลางหลู่เออร์ตอนนี้นางนั้นเหมือนคุณหนูเจ้าอารมณ์อย่างมาก นางได้กล่าวออกมาด้วยความคับข้องใจ “ฮึ! หรือว่าเขาจะหนีพวกเราไปแล้ว”
“หากเป็นอย่างที่เจ้ากล่าวออกมาแล้วเขาจะไปที่ใดกัน” หลิ่งซูถามออกไปด้วยความสงสัย
หลวนเฟยที่ยืนอยู่ตอนนี้บนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความอิจฉา และกำลังก่นด่าสหายอยู่ภายในใจ “หนี? ฉางหยางทำอะไรผิดถึงต้องหนี สาวสวยทั้งสองคนด้วย ระ..ระ.ระ หรือว่าจะเป็นอย่างที่ข้าคิด หลางหลู่เออร์และหลิ่งซู ทั้งสองเสร็จฉางหยางเรียบร้อยแล้ว ข้าว่าแล้วมันก็แปลกๆอยู่
อยู่ดีๆทำไมพวกนางทั้งสองถึงตามหาฉางหยางอย่างบ้าคลั่ง นี้มันได้ทั้งสองเป็นภรรยาแล้วยังไม่รับผิดชอบอีก หากได้สาวสวยขนาดนี้มาเป็นภรรยา ข้าคงตายตาหลับแล้ว บัญชีแค้นครั้งนี้ข้าจะให้แกได้ชดใช้สหาย โดยที่ต้องพาข้าไปสถานเริงรมย์ ฮ่าๆ”
ระหว่างที่หลวนเฟยกำลังก่นด่าสหาย หลางหลู่เออร์ก็กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “บังอาจหนี ข้าไปหากเจ้ากลับมาเตรียมรอรับการลงทัณฑ์จากข้าผู้นี้ได้เลย”
ทั้งสามคนได้แต่เดินกลับบ้าพักของตัวเองเพื่อพักผ่อน พวกนางสองคนก็เดินทางกลับสำนักมาหนึ่งวันเต็ม ตอนนี้ทั้งสองเหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว หลิ่งซูตอนนี้นางไม่เต็มใจนักที่จะแยกจากบุรุษที่นางหลงรัก นางอยากตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง นางเดินเคียงข้างเขาไปตลอด แต่เขาก็ไปโดยไม่บอกกล่าวนี้ทำให้นางเศร้าใจเป็นอย่างมาก
ป่าอสูรคลั่ง
ตอนนี้ตะวันก็ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มทีแล้ว ภายในถ้ำฉางหยางกำลังยางปลากินอยู่ ส่วนเฉินตี้ก็นอนขดตัวอยู่ข้างๆ
เขาและเฉินตี้ได้เข้าป่าเพื่อล่าหาอาหารกลับมากิน ตอนนี้เขาเหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว เขายังไม่ได้พักตั้งแต่ป่านิรันดร์เลย เขาได้แต่หวังว่าวันนี้จะหลับอย่างเต็มที่
แต่ก็มีกังวลอยู่บ้างว่าสัตว์อสูรจะเข้ามาจู่โจมตอนหลับ ฉางหยางค่อยๆเดินออกมาแล้วมองไปรอบๆ ถ้ำพบว่าบริเวณรอบถ้ำนั้นเงียบเป็นอย่างมาก นี้ทำเขาก็แปลกใจ
“ทำไมมันถึงเงียบเช่นนี้มันเกินอะไรขึ้น”
แต่พอเขาสังเกตรอบๆอีกครั้ง และพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็เดินกลับเขามาในถ้ำอย่างกังวล แต่ก็เห็นเฉินตี้นอนขดตัวอยู่ก็เอะใจขึ้นมาทันที
“นี้หรือว่าจะเป็นเพราะเฉินตี้ เฮ้อมิน่าเล่า ทำไมถึงเงียบเช่นนี้ เพราะพวกมันกลัวเฉินตี้นี้เอง”
สัตว์อสูรที่อยู่รอบๆไม่กล้าเข้ามาใกล้ถ้ำนี้ เป็นเพราะกลิ่นอายพลังลมปราณชั้นบรรจบของเฉินตี้ แผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริเวณใกล้ถ้ำไม่มีสัตว์อสูรมารบกวนพวกเขาทั้งสอง
ตอนนี้ฉางหยางก็หายกังวลเรียบร้อยแล้ว มันคงถึงเวลาแล้วที่เขาจะพักเสียที เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นเขาจะเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวซะที แล้วก็ผลึกนภานั้นอีกที่จะใช้เปิดประตูสวรรค์บานที่สอง...