ตอนที่ 41 เคล็ดวิชาท่องนภา
ภายในห้องพัก ตอนนี้ฉางหยางรู้สึกท้อใจเป็นอย่างมาก ทำไมสถานการณ์ถึงเป็นเช่นนี้ ถ้าหากหลางหลู่เออร์และหลิ่งซู ตื่นขึ้นมาจะเกิดอะไร เขานั้นแทบไม่อยากจะคิด แถมตอนนี้เขาก็เริ่มไม่สามารถควบคุมความอยากของตัวเองได้
เขาจะทำอย่างไรดีจะจัดการหญิงสาวทั้งสองซะ หรือจะปล่อยกระต่ายให้เข้าป่าไป ตอนนี้ทำให้ฉางหยางครุ่นคิดอย่างหนัก “เฮ้อ ข้าจะทำอย่างไรดี หากข้าทำอะไรพวกนางตระกูลของพวกนางจะต้องเล่นข้าแน่ แล้วก่อนที่พวกนางจะหมดสติไปก็เห็นท่อนซุงของข้า พอตื่นขึ้นมาพวกนาง...... เฮ้อข้าไม่อยากจะคิดเลย”
ฉางหยางได้แต่สายหน้าเดินกลับไปที่ห้องน้ำ หยิบเสื้อผ้ามาใส่ จ้องมองไปที่หญ้าแห่งชีวิต ตอนนี้มันมีเจ็ดต้น เขาได้ครุ่นคิกสักพักก็หยิบมันขึ้นมา
“ข้าควรเอาไปขายก่อนสักสองต้น อีกห้าต้นค่อยเอาไปให้พวกนางทั้งสองแบ่งกัน”
ฉางหยางได้เดินออกจากห้องพักไป ตอนนี้เขาต้องการขายในส่วนของเขาทั้งสองต้น เพื่อที่เขานั้นจะได้หาซื้อเคล็ดวิชาเคลื่อนไหว เพราะเวลาต่อสู้ และเวลาหนีมันจำเป็นอย่างมาก
ฉางหยางได้เดินตามถนนไปเรื่อยๆ เพื่อหาร้านขายหญ้าแห่งชีวิต แต่ตอนนี้ภายในเมืองเต็มไปด้วยผู้ฝึกวรยุทธจำนวนมาก พากันจับกลุ่มคุยกันอย่างคับคั่ง ทุกกลุ่มนั้นพูดถึงสัตว์อสูรที่อาละวาดในป่านิรันดร์ ทำให้เขาเดินไปด้วยฟังไปด้วย
“นี่พวกเจ้าได้ข่าวหรือป่าว ข้าได้ยินมาว่าท่านเจ้าเมืองส่งผู้ฝึกวรยุทธระดับสูง เพื่อไปล่าสัตว์อสูรที่อาละวาดในป่านิรันดร์ มันได้ทำลายป่าไปหลายส่วน ทำให้เจ้าเมืองโกรธเป็นอย่างมาก” กลุ่มผู้ฝึกวรยุทธกล่าว
“อืม ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่มันก็น่าแปลกแค่ทำลายป่าถึงกับส่งผู้ฝึกวรยุทธระดับสูงไปล่าเลยรึ” คนในกลุ่มถามออกไปอย่างงุนงง
“เจ้าช่างไม่รู้อะไรซะเลย ป่านี้หากต้นไม้ใหญ่ถูกทำลายบริเวณนั้นจะไม่มีหญ้าแห่งชีวิตเกิดแม้แต่ต้นเดียว เพราะหญ้าชนิดนี้มันจะเติบโตขึ้นโดยคอยดูดสารอาหารจากต้นไม้ไง มันก็เหมือนที่ข้าไปเกาะเจ้ากินไงสหาย ฮ่าๆ” อีกคนกล่าวออกมาอย่างน่าไม่อาย
“เป็นเช่นนี้เองรึ มิน่าล่ะ ท่านเจ้าเมืองถึงโกรธขนาดนั้น แต่ก็เห็นว่ายังหาไม่เจอเลยนิ” คนข้างบนกล่าวถามออกมา
“ใช่แล้วจนถึงตอนนี้ ยังหามันไม่เจอเลย ผู้ฝึกวรยุทธที่จะไปที่ป่านิรันดร์ต่างหวาดกลัวมันกันทั้งนั้น เพราะได้เห็นพลังทำลายของมันแล้ว มันน่าจะเป็นสัตว์ระดับสูง” คนที่เกาะสหายกินกล่าวเสริม
ฉางหยางตอนนี้เริ่มมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีแล้ว หากเรื่องนี้มีคนรู้ว่าเขานั้นเป็นคนสั่งเฉินตี้ไปทำลายป่า เขาคงถูกตามล่าอย่างบ้าคลั่งแน่
“เห็นทีข้าต้องรีบไปจากเมืองนี้ซะแล้ว”
หลังจากเดินมาสักพักเข้าก็ได้มาถึง ตรงหน้าของเขาเป็นร้านที่ขายพวกวัตถุดิบในการปรุงยา กลิ่นหอมอ่อนๆของวัตถุดิบลอยจากร้าน ข้างบนร้านมีป้ายขนาดใหญ่ติดอยู่ และเขียนไว้ว่า “อู่หลัน”
ฉางหยางได้มองเข้าไปที่ข้างในร้าน ก็เห็นเป็นชายชราคนหนึ่งที่กำลังตรวจสอบวัตถุดิบจากผู้ฝึกวรยุทธที่มาขาย เมื่อเขามันใจแล้วก็เดินเข้าไปในร้านตรงไปที่ชายชรา
“ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสรับซื้อหญ้าแห่งชีวิตหรือไม่”
ชายชราได้ยินสิ่งที่ฉางหยางกล่าวออกมา ก็สั่นเล็กน้อยแล้วค่อยๆหันหน้ามามอง ก็เห็นฉางหยางแต่งตัวค่อนข้างดูดี และระดับการบ่มเพาะก็มิอาจดูถูก ทำให้ชายชราคนนี้คิดว่าเขานั้นต้องมาตระกูลชั้นสูงแน่นอน
ชายชราเผยรอยยิ้มออกมา “ไม่ทราบว่าคุณชายมีหญ้าแห่งชีวิตกี่ต้น หากมีหลายต้นข้าจะให้ราคาพิเศษกับคุณชายเลย”
“ข้ามีอยู่ทั้งหมดเจ็ดต้น แต่ข้าต้องการจะขายเพียงต้นเท่านั้น” ฉางหยางกล่าวออกไป
ชายชราได้ยินเช่นนี้ ดวงตาก็เบิกกว้าง แต่ก็รีบสีหน้าปกติแล้วยิ้มออกมา “โอ้ คุณชายถึงกับมีเจ็ดต้นเลยรึ คุณชายช่างโชคดียิ่งนัก ตอนนี้หญ้าแห่งชีวิตนั้นหายากมาก เลยทำให้ราคาของมันพุ่งสูงถึงหนึ่งหมื่นหินจิตมารเลยทีเดียว”
ตอนนี้สีหน้าของเขาตกตะลึงเล็กน้อย เขานั้นแทบไม่อยากจะเชื่อว่าราคาของมันจะสูงขนาดนี้ เขาคิดเพียงว่าหากขายทั้งสองต้นคงได้เงินประมาณเจ็ดถึงแปดพันหินจิตมารเท่านั้น และรามกับเงินที่มีอยู่ตอนนี้ประมาณหมื่นหินจิตมาร ก็คงพอหาซื้อเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวระดับปฐพีได้
“ข้าก็ไม่นึกเลยว่าราคามันจะสูงขนาดนี้”
ชายชราที่เห็นสีหน้าแปลกใจกับราคาของหญ้าแห่งชีวิต ก็กล่าวออกมา “แน่นอนอยู่แล้วคุณชาย ตอนนี้นิกายและสำนัก ได้พากันกว้านซื้อ หญ้าชนิดนี้เพื่อไปปรุงยากันทั้งนั้น เพราะการชุมนุมของเหล่าจอมยุทธใกล้เข้ามาแล้ว”
“อืม เป็นเช่นนี้เองรึ” ฉางหยางพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“คุณชายไม่ขายทั้งเจ็ดต้นหน่อยรึ ข้าจะให้ราคา ต้นละหนึ่งหมื่นห้าหินจิตมารเลยนะคุณชาย” ชายชรารีบโน้มน้าวฉางหยางให้ขายทั้งหมด เพราะหากเขาได้ทั้งเจ็ดต้นเขาก็สามารถไปปั่นราคาให้สูงขึ้นอีกได้
“ข้าต้องขออภัยผู้อาวุโส ส่วนที่เหลือเป็นของสหายของข้า” ฉางหยางบอกปัดออกไป
“งั้นข้าก็ไม่ ขอรบกวนคุณชายแล้ว” ชายชรากล่าวออกมาอย่างหมดหวัง
ฉางหยางก็ได้หยิบหญ้าออกมาสองต้นให้ชราชาย และก็ถามออกไป “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโส รู้จักสถานที่มีเคล็ดวิชาขายบ้างรึไม่”
ชายชราที่กำลังจะยื่นถุงหินจิตมารให้เขา ก็ครุ่นคิดสักพักก็กล่าวออกมา “โอ้ คุณชายสนใจเคล็ดวิชาแบบไหนงั้นรึ ข้านั้นสามารถหาให้คุณชายได้”
หลังจากที่ได้ยินชายชรากล่าวออกมาเขาก็แปลกใจเล็กน้อยเพราะว่าดูแล้วมันไม่น่าจะมีเคล็ดวิชาอยู่ที่นี้แม้แต่เคล็ดวิชาเดียว ทำให้เขาสับสนและถามออกไป
“หื๊อ ผู้อาวุโสท่านพูดว่าอะไรนะ ร้านของท่านจากที่ข้าดูแล้ว ก็น่าจะมีเพียงวัตถุดิบในการปรุงยา มิใช่รึ”
“คุณชาย ท่านอย่าได้ดูถูกร้านของข้าน้อยเลย ร้านของข้าน้อยนั้นอาจจะขายวัตถุดิบในการปรุงยาเป็นธุรกิจหลัก แต่ก็มีเคล็ดวิชาระดับสูงขายอยู่เหมือนกัน” ชายชรากล่าวออกไปอย่างภูมิใจ
“เช่นนั้นผู้อาวุโสก็พาข้าไปดูเคล็ดวิชาที่ท่านมีหน่อย” ฉางหยางกล่าวออกมา
ทั้งสองได้เดินเข้าไปในร้าน และเปิดประตูเข้าไปในห้องหลังร้าน ข้างในปรากฏศิลาทักษะมากมาย เรียงกันอยู่ตามชั้นว่างของ ทั้งหมดในห้องนี้มีศิลาเกือบสามร้อยก้อน
ฉางหยางที่เดินตามหลังชายชราเข้ามาก็อ้าปากค้างอยู่นาน เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าร้านขายวัตถุดิบจะมีศิลาทักษะอยู่มากมายขนาดนี้
ชายชราที่เดินเข้ามาก่อนเขา ก็หันหลังกลับมามองเห็นเขากำลังตกตะลึงก็ยิ้มออกมา “ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการศิลาทักษะระดับไหน”
ฉางหยางมองไปรอบๆ และคิดถึงจำนวนหินจิตมารที่เขามีอยู่ มันสามารถซื้อเคล็ดวิชาระดับปฐพีได้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเขาเคยเห็นที่เมืองเทียนตี้ มันขายอยู่ประมาณห้าพันถึงเจ็ดพันหินจิตมาร แต่ตอนนั้นเขามีเพียงหนึ่งหมื่นสองพันหินจิตมารเท่านั้น
หากเขาใช้หินจิตมารซื้อเคล็ดวิชาระดับปฐพีมา เขาก็จะเหลือเพียงสี่ถึงห้าพันหินจิตมาร ประกอบกับช่วงที่เขาไม่มีสำนักอยู่ ทำให้ค่าใช้จ่ายนั้นลดลงมาเรื่อยๆ แถมยังมีเฉินตี้ที่ต้องเลี้ยงดูอีกเขาเลยไม่อาจตัดสินใจใช้เงินส่วนนั้นได้
“ข้าต้องการเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวระดับสวรรค์”
“คุณชาย ท่านรอข้าสักครู่” ชายชรากล่าวจบก็เดินไปที่ชั้นศิลาทักษะวางอยู่ แล้วก็หยิบศิลาทักษะประมาณสามก้อนออกมา และเดินตรงมาที่ฉางหยาง
“คุณชายเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวระดับสวรรค์ที่ข้ามีนั้น มีอยู่เพียงเท่านี้ ทั้งหมดนี้มีสามอัน สองอันนั้นสมบูรณ์ แต่อีกอันนั้นเสียหาย” ชายชรากล่าวอธิบายออกไป
“เสียหาย?” ฉางหยางพึมพำออกมา
“คุณชาย เคล็ดวิชาที่อยู่ในศิลาทักษะอันนี้ มันมีชื่อว่า ท่องนภา มันเสียหายไปถึงเจ็ดส่วนเลยทีเดียว แต่ก็นะคุณชาย เพียงแค่ฝึกฝนสำเร็จสามส่วนก็สามารถเทียบเท่ากับเคล็ดวิชาระดับสวรรค์แล้ว ทำให้มันถูกจัดอยู่ในระดับสวรรค์” ชายชรารีบอธิบายออกไป เนื่องจากเขาได้ซื้อมาจากขอทานคนหนึ่งในราคาเพียงสามร้อยหินจิตมารเท่านั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าเคล็ดวิชานี้แท้จริงแล้วมันอยู่ระดับเท่าไร แต่เพียงแค่สามส่วนก็เทียบเท่าระดับสวรรค์แล้ว
เห็นฉางหยางกำลังจองมองอยางสนใจ เขาก็รับกล่าวโน้มน้าวไปทันที “คุณชาย ปกติราคาของเคล็ดวิชาระดับสวรรค์จะสูงถึงหนึ่งแสนหินจิตมาร แต่ข้าเห็นคุณชายสนใจ ข้าจะขายให้เพียงสามหมื่นหินจิตมารเท่านั้น นี้ราคาพิเศษที่ข้ามอบให้ท่านผู้เดียวเท่านั้น คุณชาย”
ได้ยินราคาที่ชายชรากล่าวออกมา ที่ใบหน้าของเขาถึงกับมีเม็ดเหงื่อไหลออกมา เพราะหินจิตมารที่เขามีอยู่เพียงสามหมื่นหินจิตมารเท่านั้น ซึ่งมันพอดีอย่างน่าแปลก