ตอนที่ 21 เดินทาง
ฉางหยางที่กำลังฟังหลางหลู่เออร์พูดอยู่ เขาก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่โต๊ะคิดเงิน
ที่โต๊ะคิดเงิน ยังเป็นเสี่ยวเอ้อคนเดิมกำลังนับเงินอยู่ ฉางหยางได้เข้าไปพร้อมกับกล่าวถามออกไป
“เท่าไร ค่าอาหาร”
เสี่ยวเอ้อได้ยินเสียงฉางหยางที่ถามราคาเพื่อจะจ่ายเงิน ก็ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วกล่าวอย่างนอบน้อม
“คุณชาย ทั้งหมดรวม สามร้อยห้าสิบหินจิตมารขอรับ”
ฉางหยางหยิบหินจิตมารยื่นให้เสี่ยวเอ้อ พร้อมกับถามออกไป
“ที่นี่มีห้องพักเหลือหรือไม่ ข้าต้องการห้องพักสำหรับหนึ่งคืน”
ได้ยินเช่นนี้เสี่ยวเอ้อก็ยิ้มออกมาทันที และตอบออกไป
“มีขอรับ คุณชาย หนึ่งคืนก็หกร้อยห้าสิบหินจิตมารเท่านั้น”
ฉางหยางที่กำลังจะหยิบหินจิตมารให้ ก็คิดบางอย่างได้พอดี แล้วมองไปที่เสี่ยวเอ้อพร้อมกับยื่นเงินให้
“ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย ที่ไหนมีสำนักที่กำลังเปิดรับศิษย์อยู่ตอนนี้”
เสี่ยวเอ้อได้ยินที่ฉางหยางกล่าวถามตนก็คิ้วขมวดทันที และถามออกไป
“ไม่ทราบว่าคุณชาย ต้องการเข้าสอบเข้าเพื่อเป็นศิษย์ของสำนัก ใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว แล้วเจ้ามีที่ไหนที่แนะนำข้าบ้างหรือไม่”
เสี่ยวเอ้อได้ครุ่นคิดอยู่สักพักพยักหน้าและกล่าวออกมา “มีแน่นอน ห่างออกไปทางทิศตะวันออก ประมาณห้าร้อยกิโลเมตร ที่นั้นเป็นที่ตั้งสำนัก”ดาราพิชิต“สำนักนี้เป็นสำนักที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วคุณชาย หากท่านต้องการไปสมัครเพื่อเข้าเป็นศิษย์ในสำนัก ท่านก็ต้องรีบเร่งเดินทาง เพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างยาวนาน หากท่านเดินทางด้วยม้าก็ใช้เวลาถึงสิบวันเลยทีเดียว”
หลางหลู่เออร์ที่กำลังยืนฟังทั้งสองคนคุยกัน ก็ถามฉางหยางด้วยความอยากรู้
“เจ้าจะเข้าสำนัก หรือ เจ้าเข้าไปทำไม”
ได้ยินหลางหลู่เออร์ถามออกฉางหยางก็หันหน้าไปตอบอย่างเฉื่อยชา “ใช่แล้ว ข้าจะเข้าสำนักเพื่อฝึกฝนวรยุทธ ข้าต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะ และตอนนี้เงินที่ข้าขายหินเพลิงสวรรค์ก็เหลือน้อยนิดเต็มทีแล้ว หากไม่ทำอะไรสักอย่างข้าคงต้องกลายเป็นยาจกเหมือนแต่ก่อนแน่ ตอนนี้ก็เหลือเพียงสิบสามวันเท่านั้น ข้าต้องรีบเดินทาง ตั้งแต่เช้าเพื่อไปให้ทัน หากเจ้ามีอะไรจะถามข้าก็ให้ถามซะตอนนี้”
หล่างหลู่เออร์ได้ยินฉางหยางกล่าวมาก็ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจและกล่าวพร้อมใบหน้าที่จริงจัง
“เอาอย่างนี้เป็นไร เจ้ามาทำงานให้กับตระกูล เจ้าจะได้ทรัพยากรที่ใช้ในการบ่มเพาะ และเงินด้วย ได้สองต่อเลยนะเจ้าสนไหม”
“ไม่ล่ะ ข้าไม่ชอบข้อผูกมัด แล้วอีกอย่างบิดาของเจ้าก็จองจะสังหารข้าอยู่รอมร่อ หากข้าไปทำงานให้กับตระกูลเจ้าแล้วล่ะ ก็เหมือนกับเอาศีรษะของตัวเองขึ้นเขียง” ฉางหยางกล่าวบอกปัดออกไป
“ก็ได้” หลางหลู่เออร์ตอบด้วยไปหน้าเคร้าหมอง
หลังจากนั้นหลางหลู่เออร์ก็ถามเรื่องผลึกเพลิงสวรรค์ และตำราโบราณ หลังจากที่พูดคุยกันอยู่สักพักหลางหลู่เออร์เดินออกไปจากโรงเตี๊ยม ฉางหยางได้มองไปที่หลางหลู่เออร์พร้อมถอนหายใจและกล่าวออกมา
“เจ้ากับข้ามันช่างต่างกันยิ่งนัก ทั้งระดับการบ่มเพาะ และฐานะทางตระกูลของเจ้าอีก ส่วนข้านั้นมีเพียงคนเดียว และระดับการบ่มเพาะก็อ่อนด้อย ข้ากับเจ้านั้นเดินมาคนละทางตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว”
หลังจากนั้นฉางหยางได้เดินไปที่ห้องพักเพื่อที่จะไปพักผ่อนและทำความเข้าใจในขั้นที่สองของเคล็ดวิชากายาหมื่นสวรรค์ต่อ
ณ ตระกูลหลาง
ที่ประตูทางเข้าตระกูลหลาง หญิงวัยกลางคน รูปร่างอวบอั๋น ผิวขาวเรียบเนียน ใบหน้ารูปไข่ ยืนรอด้วยความกังวล เมื่อเห็นหลางหลู่เออร์เดินมาด้วยท่าทางเศร้าหมอง ก็รีบไปเดินเข้าไปถาม
“หลู่เออร์เจ้าหายไปไหนมา แม่เป็นห่วงเจ้ามากรู้ไหม พ่อของเจ้าตอนนี้กำลังส่งคนออกไปตามหาเจ้าทั่วเมืองเลยตอนนี้” ใช่แล้วหญิงวัยกลางคน นี้มีนามว่า หลางเหมยเหมย เป็นมารดาของหลางหลู่เออร์นั้นเอง
“ขะ...ข้าแค่ไปเดินเล่นมาเท่านั้นเองท่านแม่” หลางหลู่เออร์กล่าวออกมาอย่างแผวเบา
“หลู่เออร์ ป่ะเข้าไปข้างในกัน พ่อของเจ้ากำลังเป็นห่วงมากรู้ไหม” หลางเหมยเหมย กล่าวออกไปพร้อมดึงแขนของหลางหลู่เออร์เดินไปที่ห้องโถงตระกูล
ที่ห้องโถงตระกูลหลาง หลางชิงเหอที่กำลังนั่งอยู่อยากวิตกกังวล “แอ๊ดดดด” เสียงประตูค่อยเปิดออกมาช้าๆ พร้อมกับหญิงสาวสองคนเดินเข้ามา เมื่อหลางชิงเหอมองออกไปก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“หลู่เออร์เจ้าไปไหนมา รู้ไหมพ่อเป็นห่วงเจ้าขนาดไหน”
“ข้าแค่ไปเดินเล่นที่เมืองมาเท่านั้นเองท่านพ่อ” หลางหลู่เออร์รีบตอบออกไป
“หรือว่าเจ้าไปหาไอ้หนูนั้น”
“ใช่แล้วท่านพ่อ ข้าไปหาเขามา” พอกล่าวจบหลางหลู่เออร์ก็เดินออกจากห้องโถงไปทันที ทิ้งให้สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างุนงง
“หลู่เออร์เป็นอะไรไปค่ะสามี ปกติเห็นแต่ท่าทางซุกซน” หลางเหมยเหมย ถามออกไปด้วยความแปลกใจ
“บัดซบ ต้องเป็นเพราะไอ้หนูนั้นแน่” หลางชิงเหอตบเก้าอี้ที่นั่งอยู่แตกกระจาย พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
ตะวันเริ่มขึ้นมาที่ขอบฟ้าแล้ว แสงเริ่มสอดส่องลงมาบนพื้น ส่องประกายระยิบระยับ ที่นอกเมืองทางทิศตะวันออกฉางหยางได้ยืนอยู่สายลมโบกสะบัดไปมา แรงลมทำให้ชุดและผมปลิวไปตามแรงลม
จากนั้นฉางหยางก็เริ่มอัดพลังลมปราณเข้าไปสัญลักษณ์รูปงูสีดำ สัญลักษณ์เริ่มเปล่งแสงออกมาพร้อมกับงูเพลิงศิลาขนาดเล็กออกมา ร้อง “ฉ่า ฉ่า ฉ่า”
เฉินตี้ที่ออกมาข้างนอกแล้ว ก็เปลี่ยนร่างให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เลื้อยไปที่ป่าที่ห่างออกไปสี่กิโลเมตรทันที โดยไม่รอฉางหยางขึ้นไปบนหัวก่อน
“อ้าว เห้ย! จะไปไหนเฉินตี้ ไอ้งูนรกถึงกับทิ้งเจ้านายตนเองหนีไปเฉยเลย” ฉางหยางรีบร้องตะโกนตามหลังเฉินตี้ออกไป
ผ่านไปไม่นานฉางหยางได้เดินทางมาถึงป่า และกำลังนั่งอยู่ข้างนอกป่า เสียงต้นไม้หักล้มอย่างต่อเนื่องก็ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆปรากฏเป็นเฉินตี้ที่กำลังคาบหมูป่ายักษ์ ขนาดสองเมตรมา
ฉางหยางได้อย่างนี้ถึงกับเอามือตบหน้าผากของตนเองทันทีพร้อมกลับกล่าวด้วยความขมขื่น
“อ่า! ข้าลืมให้อาหารเจ้าไปสนิทเลย ข้าขอโทษเจ้าด้วยทีหลังข้าจะไม่ลืมแล้ว” พอกินเสร็จฉางหยางกับเฉินตี้ก็ออกเดินทางมุงหน้าไปที่สำนัก “ดาราพิชิต” ทันที
เก้าวันผ่านไป
ณ ป่าแห่งหนึ่งระหว่างทางไปสำนัก “ดาราพิชิต” เฉินตี้กับฉางหยางกำลัง พักผ่อนอยู่หลังจากเดินทางติดต่อมาเป็นเวลานาน ฉางหยางก็ได้หยุดพัก และกำลังนั่งย่างปลาอยู่ ส่วนเฉินตี้กำลังขดตัวนอนอยู่ข้างๆ
“นี่ก็เดินทางมาไกลพอสมควร คงใกล้จะถึงสำนัก ดาราพิชิตแล้วสินะ”
ณ ตระกูลหลาง หลางหลู่เออร์นั่งอยู่ในห้องปรุงยาอย่างเหม่อลอย หลายวันมานี้นางได้พยามครุ่นคิด เพื่อตัดสินใจบางอย่าง หลังจากนั้นก็เดินออกไปจากห้องปรุงยา และเดินไปทางห้องโถงตระกูล
เมื่อเปิดประตูแล้วก็รีบเดินเข้าไป พร้อมกับกล่าวกับบิดาของตนเอง “ท่านพ่อข้าอยากเข้า ฝึกฝนวรยุทธที่สำนัก”
หลางชิงเหอได้ยินเช่นนั้นก็หันหน้ามามองบุตรสาวของตนเองอย่างแปลกใจ เพราะปกติแล้วบุตรสาวของตนเองเป็นเกียจคร้าน อย่างมาก ทั้งในเรื่องปรุงยา และฝึกฝนวรยุทธ วันๆได้แต่วิ่งเล่นอย่างซุกซนไปทั่ว
“หื๊อ! เจ้าจะเข้าสำนักหรือ เจ้าจะเข้าไปทำไมสำนักอันกระจ่อยร่อยเช่นนั้น ทั้งเคล็ดวิชา ทั้งทรัพยากรบ่มเพาะ ที่ตระกูลเราก็มากกว่าถึงไม่รู้เท่าไร” หลางชิงเหอกล่าวพร้อมอธิบายออกไป
“แต่ข้าต้องการ ออกไปเห็นโลกภายนอกบ้างนิท่านพ่อ ข้าอยู่แต่ในตระกูลมาจนถึงอายุสิบสี่ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยออกไปไหนไกลเลย” หลางหลู่เออร์อธิบายออกไป
หลางชิงเหอกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ “อืม ช่วงนี้บุตรสาวของเราแปลกไปเพราะไอ้หนูนั้น แล้วข้าจะอย่างไรละทีนี้” พอคิดได้เช่นนี้กล่าวออกไป
“สำนักไหนที่เจ้า จะเข้าไปเป็นศิษย์”
“สำนัก ดาราพิชิต ท่านพ่อ” หลางหลู่เออร์รีบตอบออกไป
หลางชิงเหอถึงกับอ้าปากค้างอยู่ ก่อนจะพูดอย่างตะกุกตะกัก “จ..เจ้าแน่ใจนะที่จะเข้าสำนักดาราพิชิต”
“ทำไมรึท่านพ่อ” หลางหลู่เออร์รีบถามออกไป
“ก็มันเป็นสำนักที่อยู่ลำดับสุดท้าย ของสำนักทั้งหนึ่งพันเลยนะสิ พ่อว่าเจ้าไปทดสอบเข้านิกายดีกว่าหรือไม่ หลู่เออร์พ่อสามารถใช้อำนาจของตระกูลทำให้ลูกสามารถเข้าได้สบายเลยนะ”
“บูๆ ข้าตัดสินใจแล้วท่านพ่อ อีกอย่างมันก็อยู่ไม่ไกลด้วย หากท่านพ่อต้องการพบข้า ท่านก็สามารถไปหาข้าได้ที่สำนักได้” หลางหลู่เออร์พูดด้วยท่าทางขี้เล่น
หลังจากที่ฟังหลางหลู่เออร์กล่าวออกมา หลางชิงเหอก็อับจนหนทางในโต้แย้งบุตรสาวของตน “ก็ได้ในเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว”
หลังจากนั้นหลางหลู่เออร์ก็กระโดดโลดเต้นออกไปจากห้องทันที หลางชิงเหอเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของบุตรสาวถึงกับถอนหายใจและสายหัวอย่างหดหู่
“เฮ้อ ยังไงสักวันหลู่เออร์ก็ต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก ข้าก็มิอาจห้ามนางได้...”