ตอนที่แล้วChapter 6 ผ่าน (Part 2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 8 ครอบครัว (Part 1)

Chapter 7 รางวัล


Chapter 7 Reward

ผมตั้งใจแน่วแน่ที่จะก้าวข้ามจากการเป็นนักเรียนตลอดไป.*

(TN: ความจริงแล้วเขาพูดว่า ต้องการหนีพ้นจากสภาพการเป็นพลเรือนโดยการสอบเข้าทำงานรัฐบาล.)

ระยะเวลาพักคือ11วัน ผมไม่รู้ว่าชีวิตเหลืออยู่เท่าไร ดังนั้นผมจึงไม่สามารถเสียเวลาอันมีค่าของผมและขลุคอยู่ในห้องใต้ดินห้องนี้ ผมบอกเจ้าของห้องเช่าว่าผมจะย้ายออกทันที ผมหวังว่าผมจะได้เงินมัดจำคืนเมื่อเธอได้ผู้เช่ารายใหม่.

ผมโทรบอกผู้จัดการของร้านสะดวกซื้อที่ผมทำงานพาร์ทไทม์อยู่ ผมโกหกว่าผมโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนขาหัก ผู้จัดการก็ยังคงขอร้องให้ผมไปทามงานให้หน่อย แต่เขาจะทำอะไรได้ ผมบอกว่าผมขาหัก.

หลังจากออกจากงานแล้วผมก็บอกโทรหาแม่ ร้านค้าเปิดเวลา14.00น. ดังนั้นเธออาจจะยังอยู่ที่บ้านของเธอ?

แน่นอนว่าคุณแม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีที่โทรศัพท์เริ่มสั่น.

“โอ้ ลูกชาย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้โทรหาฉันก่อนนะ.”

มันเป็นเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น แต่เสียงของแม่ก็อบอุ่นและน่าดึงดูด.

โดยไม่รู้ตัวปากของผมก็ยิ้มกว้างออกมา

“แม่ ผมโทรหาเพราะว่าคิดถึงแม่.”

“โอ้. ลูกชายนี่นายเมาตั้งแต่หัววันเลยหรอ?”

“ไม่.”

“ฉันรู้ เธอต้องการเงินใช่มั๊ย หืม?”

“สัปดาห์ที่แล้วมันเป็นวันจ่ายเงินของผมนะ.”*

(TN: เขาประชด.)

“แต่ว่าเธอกำลังได้เงินเดือนเร็วๆนี้ มันถูกโอนเข้าในบัญชีไม่ใช่หรอ.”

“มันก็จริง แต่ผมยังมีค่าเช่าห้องบางส่วน.”

“แล้วเธอโทรหาทำไม? โอ้.ไม่ใช่เป็นเพราะการสอบของพลเรือน? เพราะว่าเธอคิดว่าเธอคงไม่ติดแน่นอนในปีนี้และต้องการขอโอกาสอีกทีจนกว่าจะถึงปีหน้า?”

“…แม่. ต้องการไปไหนกับผมหรือป่าว?”

“ฉันต้องการไปหาลูกชายหัวแข็งของฉันนี่แหละ.”

(TN: หมายถึงมีก้อนหินอยู่ในสมองแทนที่จะเป็นเนื้อเยื่อ.)

“อย่างไรก็ตาม ผมกำลังจะกลับบ้าน”

“ห๊ะ?”

แม่ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ

ผมตอบ.

“ผมลาออกจากการสอบบรรจุพลเรือนแล้วและจะกลับวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทอดไก่หรือว่าผัดมัน ผมจะทำตราบเท่าที่แม่ต้องการให้ผมทำ.”

“ลูกชาย มีบางอย่างเกิดขึ้นหรอ?”

ใช่ ผมตายไปแล้วครั้งนึง

ผมยิ้มและตอบกลับ.

“มันก็แค่...ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมมีค่ามากเกินไปที่จะต้องใช้เวลาแบบคนขี้เกียจและอีกอย่างผมต้องการจะดูแลแม่ด้วย.”

(TN: เหมือนกับลูกที่ต้องมีหน้าที่ส่งเงินมาให้ทุกๆเดือนให้พ่อแม่ยามแก่.)

“จริงดิ?”

“อะไร ทำไม?”

“โอ้ ลูกชายคนดีของแม่! แม่ขยับตัวไม่ได้เลยเพราะว่ากำลังจะร้องไห้ ลูกรักของแม่!”

“นี่... พามาให้หมดนี่แหละ ยังไงก็เป็นลูกคุณนี่.”

และผมก็ได้ยินเสียงผ่านทางโทรศัทพ์.

“เฮ้ ฮยอนจี โอปป้า* ของคุณในที่สุดก็เลิกล้มความคิดและกำลังจะกลับบ้านแล้ว!”

(TN: มันเป็นคำเรียกของผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าผู้ชาย.)

“จริงดิ? จิ๊ๆ นั่นคือความโล่งใจ ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะมีชีวิตอยู่แบบนี้จนเลย30ไปแล้วเสียอีก.”

‘พวกนี้นี่…’

ผมระงับอารมณ์แล้วพูด.

“อย่างไรก็ตามผมจะกลับบ้านในวันพรุ่งนี้เพื่อทำความสะอาดห้องของผม.”

“OK แน่นอนๆ แม่จะทำบางอย่างให้ชื่นใจเลยหล่ะ…”

“ไม่เอาไก่ทอด ผมต้องการโบซาม(bossam).”*

(TN: เป็นกิมจิที่ต้องกินพร้อมกับเนื้อหมูต้มเค็มกับกระหล่ำปี.)

“Ok.ฉันจะทำโบซามให้กินสักอย่าง.”

‘บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคุณแม่ตื่นเต้นมากน้ำเสียงของเธอจึงกระปรี้กระเปร่า.’

หลังจากนั้นผมก็โทรไปหาคอลเซ็นเตอร์เพื่อเรียกรถบรรทุก

การจัดการในการใชีชีวิตของผมใช้เวลาเพียง30นาทีเท่านั้น

‘ฉันจะไม่ยอมเสียแม้แต่วินาทีเดียวอย่างเปล่าๆ’

ผมสัญญากับตัวเอง

***

ที่ที่ครอบครัวผมอาศัยอยู่ในอยู่ในเมืองซังบุกจังหวัดชอยอัน

หลังจากลงมาที่สถานนีขนส่งที่ชอยอัน ด้วยการขนส่งที่เรียบง่ายผมก็มาถึงพื้นที่ๆมีขนาด1800ตารางฟุตมีห้องพักอยู่4ห้องสำหรับแม่และพี่น้องทั้งสามคน.

ด้วยการนั่งรถขนส่งนั้นตอนนี้ผมก็ได้มาถึงหน้าบ้านแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของคนขับรถที่ช่วยผมยกของๆผม เนื่องจากมันไม่มีอะไรมากนักการย้ายของก็เสร็จสิ้นด้วยเวลาแปปเดียว.

“ขอบคุณมาก รวมทั้งระหว่างทางก็หาอะไรทานเพื่อผมด้วยนะ.”

“โอ้ ขอบคุณ.”

ผมให้เงินเขาไป10ดอลล่าและเขาก็ออกไปด้วยรอยยิ้ม

(TN:10ดอลมันมากเกินพอที่จะทานอาหารมื้อนึงๆ ก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ในร้านข้างทางแค่6ดอลเท่านั้น.)

ผมมองไปรอบๆห้องของผมที่ว่างเปล่า หลังจากใช้เวลาหลายปีในห้องใต้ดินเมื่อผมมาเห็นห้องตัวเองแล้วอากาศมันช่างบริสุทธิ์จริงๆ.

“ว้าว ฉันควรรจะกลับมาให้เร็วว่านี้.”

และผมคิดกับตัวเอง

‘ว้าว ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับดันเจี้ยนใต้ดินเล็กๆนั่น.’

ถ้าผมรู้ว่าผมจะตายด้วยโรคหัวใจด้วยอายุ29ปี ผมคงไม่ใช่เวลาอย่างเปล่าประโยชน์.

การจัดของใช้เวลาน้อยกว่าที่คิด.

‘ฉันไม่ต้องการนั่งอยู่ที่นี่เพื่อมาเสียเวลา.’

เวลาที่ได้พักคือ 11 วัน ทุกวินาทีมีค่า.

ผมเดินเข้าไปในห้องครัวได้เห็นจานที่กองพะเนินกองใหญ่ๆเรียงรายเหมือนกับภูเขา เมื่อมองไปที่ซิ้งล้างจานแล้วผมยิ้มให้กับตัวเอง.

“ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นอย่างนี้.”

แม่และพี่สาวของผมยุ่งอยู่กับงานเสมอการทำงานบ้านก็เลยลดลงตามระเบียบ งานบ้านเหล่านี้จึงตกเป็นของฮยอนจี แต่ฮยอนจีก็กำลังเตรียมจะเข้าเรียนสถาบันวิชาชีพเพื่อที่จะได้เข้าทำงาน ด้านบนที่เก็บของวางของอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอย่างมาก.

‘ตอนนี้คนว่างงานก็ต้องเป็นคนทำ.’

ผมพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อที่จะล้างจาน หลังจากล้างเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วผมก็เอาเครื่องดูดฝุ่นมาดูดฝุ่น.

‘เออใช่ ไม่ใช่ว่าฉันมีสปิริตที่สามารถอันเชิญได้หรอ?’

“ซิล”

-เมี๊ยว.

ซิลปรากฎขึ้นและปีนขึ้นไปอยู่บนหัวผม ผมจะตายจากความน่ารักของมัน มันเอาหางที่สะบัดไปมาโดนหัวของผม.

“ซิล เธอช่วยใช้พลังลมของเธอดูดฝุ่นในภายในบ้านนี้ไปรวมในจุดๆเดียวได้ไหม?”

-เมี๊ยว.

ซิลพยักหน้าของเธอ.

หลังจากนั้นก็เกิดลมพัดอย่างรุนแรงภายในบ้าน.

สวูฟฟฟ.

ใต้โซฟา,หลังTV,ใต้เตียง,บนตู้เสื้อผ้าทั้งหมด ลมได้พัดผ่านทุกซอกทุกมุมและมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าปลายเท้าของผม.

“ย๊า! มองไปที่ฝุ่นทั้งหมดนี่สิ”

ฝุ่นที่เหมือนกับกระต่ายที่มีขนาดพอๆกับหัวของผมอยู่ตรงหน้าผม มันเป็นผลจากการเก็บฝุ่นทั้งหมดภายในบ้าน.

ราวกับว่าอาจจะมีคนมากบอกว่าบ้านนี้มีผู้หญิงถึงสามคนผมจะถือว่าพวกเขาพูดไร้สาระ อิ๊ยะ..ทั้งหมด(ผู้หญิงสามคนบ้านก็ต้องโครตๆสะอาดสิแต่นี่มันตรงข้าม/ไรต์)

-เมี๊ยว.

ซิลที่ส่ายหางไปมาบนกองกระต่ายฝุ่น เธอจ้องมองมาทางผมราวกับจะถามว่าเธอทำงานดีหรือไม่

“ขอบคุณซิล เธอทำงานได้ยอดมาก.”

-เมี๊ยว.

ซิลได้ถูกใบหน้าของเธอกับแก้มของผม เห็นได้ชัดว่าทำไมมนุษย์ส่วนใหญ่ถึงเป็นทาสแมว.

ต้องขอบคุณการช่วยเหลือของซิล การความสำอาดบ้านจึงจบลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมต้องทำอะไรดี?

‘บางทีต้องเตรียมพร้อมกับการสอบครั้งที่สอง?’

แน่นอนว่ามันคงไม่ต่างกันมากนักใน11วันนี้เพื่อออกกำลังกาย แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

มีเส้นทางเดินป่าบนภูเขาแทโจและมันก็เป็นที่ควรจะออกกำลังกายที่ดี สถานที่สอบที่1คือป่าบนภูเขา ผมไม่รู้ว่าอาจจะมีโอกาสได้ต่อสู้บนป่าหรือภูเขา เวลาจำกัดคือ11วัน อย่างไรก็ตามผมจะต้องทำความคุ้นเคยกับมันแม้สักนิดก็ยังดี

ผมสวมเสื้อออกกำลังกายและรองเท้ากีฬาและออกจากบ้าน เมื่อมาถึงภูเขาแทโจผมได้เลือกเส้นทางที่ยาวที่สุดซึ่งมันต้องใช้เวลาถึง1ชั่วโมง50นาทีผมตั้งใจที่จะทำมันให้สำเร็จในวันนี้

ไม่นานหลังจากที่เริ่มออกเดินทาง ผมเริ่มหายใจหนักขึ้นและเท้าของผมก็เริ่มยกลำบาก.

‘ฉันน่าจะเลือกเส้นทางที่ง่ายกว่านี้เป็นอย่างแรก?’

หลังจากที่มีช่วงเวลาที่อ่อนแอ ผมเงยหน้าและสัญญากับตัวเอง

‘ไม่ต้องเห่าหอน นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิต แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยาก แต่ฉันต้องผ่านมันไป.’

มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจ หลังจากที่ชีวิตของผมเต็มไปด้วยความพยายามและเป้าหมายครั้งแรกที่ชัดเจนขนาดนี้

สอบ, อารีน่า, ชีวิต!

มันเป็นเรื่องที่ตามมาเป็นกระพรวน

ขณะที่ผมปีนขึ้นภูเขาแทโจอย่าแน่วแน่ ลมหายใจของผมก็พุ่งสูงขึ้นและผมก็เริ่มหอบเหมือนจะเป็นลมมากจนทำให้คนแก่ที่เดินขึ้นมาเหมือนกันจ้องมองผม แม้ว่าผมจะไม่ได้หยุดและเดินต่อไปเรื่อยๆ.

แม้ว่าจะเวียนหัวและอยากจะอ้วกแต่ผมก็ยังบังคับร่างกายของผมก้าวเดินไปข้างหน้า ผมยังอยู่ในช่วงอายุ20ปีมันเป็นช่วงที่มีชีวิตชีวา ถ้าผมไม่สามารถทำสำเร็จกับการเดินทางแค่นี้หล่ะก็ผมจะกลายเป็นชายที่ล้มเหลว.

‘ไม่มีใครช่วยฉันได้ ฉันจะต้องเสียใจเพราะตัวของฉันเอง.’

หลังจากที่เดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยในที่สุดผมก็มาถึงยอดเขาและมองเห็นทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ของชอยอันจิตวิญญาณของผมรู้สึกได้ราวกับโบยบินผมยกมือขึ้นและลมหนาวที่มาปะทะกับเหงื่อของผมทำให้รู้สึกเย็นสบาย แม้ว่าหัวใจและร่างกายของผมจะล้า แต่มันก็รู้สึกสดชื่นมากเหมือนกัน เป็นเพราะว่าตอนนี้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน.

‘คนขี้ขลาด.’

ผมเสียใจกับชีวิตที่ผ่านมาของผม ผมเกลียดตัวเองที่ได้ใช้ชีวิตโดยไม่มีความมุ่งมั่นมากพอที่จะปีนขึ้นมาได้

“ฉันจะอภัยให้คุณในครั้งนี้ แต่เราจะไม่ได้อยู่อย่างคิมฮยอนโฮ.”(ไม่รู้ว่าอิ้งมั่วป่าวนะ แปลตามเขา/ไรต์)

หลังจากที่สัญญาอย่างยิ่งใหญ่กับตัวเองแล้ว ผมก็ใช้เส้นทางที่ผมพึ่งเดินมากลับไปยังบ้าน


ติมตามได้ที่>>เพจ<<

0 0 โหวต
Article Rating
8 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด