Chapter 7 รางวัล
Chapter 7 Reward
ผมตั้งใจแน่วแน่ที่จะก้าวข้ามจากการเป็นนักเรียนตลอดไป.*
(TN: ความจริงแล้วเขาพูดว่า ต้องการหนีพ้นจากสภาพการเป็นพลเรือนโดยการสอบเข้าทำงานรัฐบาล.)
ระยะเวลาพักคือ11วัน ผมไม่รู้ว่าชีวิตเหลืออยู่เท่าไร ดังนั้นผมจึงไม่สามารถเสียเวลาอันมีค่าของผมและขลุคอยู่ในห้องใต้ดินห้องนี้ ผมบอกเจ้าของห้องเช่าว่าผมจะย้ายออกทันที ผมหวังว่าผมจะได้เงินมัดจำคืนเมื่อเธอได้ผู้เช่ารายใหม่.
ผมโทรบอกผู้จัดการของร้านสะดวกซื้อที่ผมทำงานพาร์ทไทม์อยู่ ผมโกหกว่าผมโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนขาหัก ผู้จัดการก็ยังคงขอร้องให้ผมไปทามงานให้หน่อย แต่เขาจะทำอะไรได้ ผมบอกว่าผมขาหัก.
หลังจากออกจากงานแล้วผมก็บอกโทรหาแม่ ร้านค้าเปิดเวลา14.00น. ดังนั้นเธออาจจะยังอยู่ที่บ้านของเธอ?
แน่นอนว่าคุณแม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีที่โทรศัพท์เริ่มสั่น.
“โอ้ ลูกชาย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้โทรหาฉันก่อนนะ.”
มันเป็นเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น แต่เสียงของแม่ก็อบอุ่นและน่าดึงดูด.
โดยไม่รู้ตัวปากของผมก็ยิ้มกว้างออกมา
“แม่ ผมโทรหาเพราะว่าคิดถึงแม่.”
“โอ้. ลูกชายนี่นายเมาตั้งแต่หัววันเลยหรอ?”
“ไม่.”
“ฉันรู้ เธอต้องการเงินใช่มั๊ย หืม?”
“สัปดาห์ที่แล้วมันเป็นวันจ่ายเงินของผมนะ.”*
(TN: เขาประชด.)
“แต่ว่าเธอกำลังได้เงินเดือนเร็วๆนี้ มันถูกโอนเข้าในบัญชีไม่ใช่หรอ.”
“มันก็จริง แต่ผมยังมีค่าเช่าห้องบางส่วน.”
“แล้วเธอโทรหาทำไม? โอ้.ไม่ใช่เป็นเพราะการสอบของพลเรือน? เพราะว่าเธอคิดว่าเธอคงไม่ติดแน่นอนในปีนี้และต้องการขอโอกาสอีกทีจนกว่าจะถึงปีหน้า?”
“…แม่. ต้องการไปไหนกับผมหรือป่าว?”
“ฉันต้องการไปหาลูกชายหัวแข็งของฉันนี่แหละ.”
(TN: หมายถึงมีก้อนหินอยู่ในสมองแทนที่จะเป็นเนื้อเยื่อ.)
“อย่างไรก็ตาม ผมกำลังจะกลับบ้าน”
“ห๊ะ?”
แม่ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
ผมตอบ.
“ผมลาออกจากการสอบบรรจุพลเรือนแล้วและจะกลับวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทอดไก่หรือว่าผัดมัน ผมจะทำตราบเท่าที่แม่ต้องการให้ผมทำ.”
“ลูกชาย มีบางอย่างเกิดขึ้นหรอ?”
ใช่ ผมตายไปแล้วครั้งนึง
ผมยิ้มและตอบกลับ.
“มันก็แค่...ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมมีค่ามากเกินไปที่จะต้องใช้เวลาแบบคนขี้เกียจและอีกอย่างผมต้องการจะดูแลแม่ด้วย.”
(TN: เหมือนกับลูกที่ต้องมีหน้าที่ส่งเงินมาให้ทุกๆเดือนให้พ่อแม่ยามแก่.)
“จริงดิ?”
“อะไร ทำไม?”
“โอ้ ลูกชายคนดีของแม่! แม่ขยับตัวไม่ได้เลยเพราะว่ากำลังจะร้องไห้ ลูกรักของแม่!”
“นี่... พามาให้หมดนี่แหละ ยังไงก็เป็นลูกคุณนี่.”
และผมก็ได้ยินเสียงผ่านทางโทรศัทพ์.
“เฮ้ ฮยอนจี โอปป้า* ของคุณในที่สุดก็เลิกล้มความคิดและกำลังจะกลับบ้านแล้ว!”
(TN: มันเป็นคำเรียกของผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าผู้ชาย.)
“จริงดิ? จิ๊ๆ นั่นคือความโล่งใจ ฉันรู้สึกกังวลว่าเขาจะมีชีวิตอยู่แบบนี้จนเลย30ไปแล้วเสียอีก.”
‘พวกนี้นี่…’
ผมระงับอารมณ์แล้วพูด.
“อย่างไรก็ตามผมจะกลับบ้านในวันพรุ่งนี้เพื่อทำความสะอาดห้องของผม.”
“OK แน่นอนๆ แม่จะทำบางอย่างให้ชื่นใจเลยหล่ะ…”
“ไม่เอาไก่ทอด ผมต้องการโบซาม(bossam).”*
(TN: เป็นกิมจิที่ต้องกินพร้อมกับเนื้อหมูต้มเค็มกับกระหล่ำปี.)
“Ok.ฉันจะทำโบซามให้กินสักอย่าง.”
‘บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคุณแม่ตื่นเต้นมากน้ำเสียงของเธอจึงกระปรี้กระเปร่า.’
หลังจากนั้นผมก็โทรไปหาคอลเซ็นเตอร์เพื่อเรียกรถบรรทุก
การจัดการในการใชีชีวิตของผมใช้เวลาเพียง30นาทีเท่านั้น
‘ฉันจะไม่ยอมเสียแม้แต่วินาทีเดียวอย่างเปล่าๆ’
ผมสัญญากับตัวเอง
***
ที่ที่ครอบครัวผมอาศัยอยู่ในอยู่ในเมืองซังบุกจังหวัดชอยอัน
หลังจากลงมาที่สถานนีขนส่งที่ชอยอัน ด้วยการขนส่งที่เรียบง่ายผมก็มาถึงพื้นที่ๆมีขนาด1800ตารางฟุตมีห้องพักอยู่4ห้องสำหรับแม่และพี่น้องทั้งสามคน.
ด้วยการนั่งรถขนส่งนั้นตอนนี้ผมก็ได้มาถึงหน้าบ้านแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของคนขับรถที่ช่วยผมยกของๆผม เนื่องจากมันไม่มีอะไรมากนักการย้ายของก็เสร็จสิ้นด้วยเวลาแปปเดียว.
“ขอบคุณมาก รวมทั้งระหว่างทางก็หาอะไรทานเพื่อผมด้วยนะ.”
“โอ้ ขอบคุณ.”
ผมให้เงินเขาไป10ดอลล่าและเขาก็ออกไปด้วยรอยยิ้ม
(TN:10ดอลมันมากเกินพอที่จะทานอาหารมื้อนึงๆ ก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ในร้านข้างทางแค่6ดอลเท่านั้น.)
ผมมองไปรอบๆห้องของผมที่ว่างเปล่า หลังจากใช้เวลาหลายปีในห้องใต้ดินเมื่อผมมาเห็นห้องตัวเองแล้วอากาศมันช่างบริสุทธิ์จริงๆ.
“ว้าว ฉันควรรจะกลับมาให้เร็วว่านี้.”
และผมคิดกับตัวเอง
‘ว้าว ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับดันเจี้ยนใต้ดินเล็กๆนั่น.’
ถ้าผมรู้ว่าผมจะตายด้วยโรคหัวใจด้วยอายุ29ปี ผมคงไม่ใช่เวลาอย่างเปล่าประโยชน์.
การจัดของใช้เวลาน้อยกว่าที่คิด.
‘ฉันไม่ต้องการนั่งอยู่ที่นี่เพื่อมาเสียเวลา.’
เวลาที่ได้พักคือ 11 วัน ทุกวินาทีมีค่า.
ผมเดินเข้าไปในห้องครัวได้เห็นจานที่กองพะเนินกองใหญ่ๆเรียงรายเหมือนกับภูเขา เมื่อมองไปที่ซิ้งล้างจานแล้วผมยิ้มให้กับตัวเอง.
“ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นอย่างนี้.”
แม่และพี่สาวของผมยุ่งอยู่กับงานเสมอการทำงานบ้านก็เลยลดลงตามระเบียบ งานบ้านเหล่านี้จึงตกเป็นของฮยอนจี แต่ฮยอนจีก็กำลังเตรียมจะเข้าเรียนสถาบันวิชาชีพเพื่อที่จะได้เข้าทำงาน ด้านบนที่เก็บของวางของอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอย่างมาก.
‘ตอนนี้คนว่างงานก็ต้องเป็นคนทำ.’
ผมพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อที่จะล้างจาน หลังจากล้างเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วผมก็เอาเครื่องดูดฝุ่นมาดูดฝุ่น.
‘เออใช่ ไม่ใช่ว่าฉันมีสปิริตที่สามารถอันเชิญได้หรอ?’
“ซิล”
-เมี๊ยว.
ซิลปรากฎขึ้นและปีนขึ้นไปอยู่บนหัวผม ผมจะตายจากความน่ารักของมัน มันเอาหางที่สะบัดไปมาโดนหัวของผม.
“ซิล เธอช่วยใช้พลังลมของเธอดูดฝุ่นในภายในบ้านนี้ไปรวมในจุดๆเดียวได้ไหม?”
-เมี๊ยว.
ซิลพยักหน้าของเธอ.
หลังจากนั้นก็เกิดลมพัดอย่างรุนแรงภายในบ้าน.
สวูฟฟฟ.
ใต้โซฟา,หลังTV,ใต้เตียง,บนตู้เสื้อผ้าทั้งหมด ลมได้พัดผ่านทุกซอกทุกมุมและมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าปลายเท้าของผม.
“ย๊า! มองไปที่ฝุ่นทั้งหมดนี่สิ”
ฝุ่นที่เหมือนกับกระต่ายที่มีขนาดพอๆกับหัวของผมอยู่ตรงหน้าผม มันเป็นผลจากการเก็บฝุ่นทั้งหมดภายในบ้าน.
ราวกับว่าอาจจะมีคนมากบอกว่าบ้านนี้มีผู้หญิงถึงสามคนผมจะถือว่าพวกเขาพูดไร้สาระ อิ๊ยะ..ทั้งหมด(ผู้หญิงสามคนบ้านก็ต้องโครตๆสะอาดสิแต่นี่มันตรงข้าม/ไรต์)
-เมี๊ยว.
ซิลที่ส่ายหางไปมาบนกองกระต่ายฝุ่น เธอจ้องมองมาทางผมราวกับจะถามว่าเธอทำงานดีหรือไม่
“ขอบคุณซิล เธอทำงานได้ยอดมาก.”
-เมี๊ยว.
ซิลได้ถูกใบหน้าของเธอกับแก้มของผม เห็นได้ชัดว่าทำไมมนุษย์ส่วนใหญ่ถึงเป็นทาสแมว.
ต้องขอบคุณการช่วยเหลือของซิล การความสำอาดบ้านจึงจบลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมต้องทำอะไรดี?
‘บางทีต้องเตรียมพร้อมกับการสอบครั้งที่สอง?’
แน่นอนว่ามันคงไม่ต่างกันมากนักใน11วันนี้เพื่อออกกำลังกาย แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
มีเส้นทางเดินป่าบนภูเขาแทโจและมันก็เป็นที่ควรจะออกกำลังกายที่ดี สถานที่สอบที่1คือป่าบนภูเขา ผมไม่รู้ว่าอาจจะมีโอกาสได้ต่อสู้บนป่าหรือภูเขา เวลาจำกัดคือ11วัน อย่างไรก็ตามผมจะต้องทำความคุ้นเคยกับมันแม้สักนิดก็ยังดี
ผมสวมเสื้อออกกำลังกายและรองเท้ากีฬาและออกจากบ้าน เมื่อมาถึงภูเขาแทโจผมได้เลือกเส้นทางที่ยาวที่สุดซึ่งมันต้องใช้เวลาถึง1ชั่วโมง50นาทีผมตั้งใจที่จะทำมันให้สำเร็จในวันนี้
ไม่นานหลังจากที่เริ่มออกเดินทาง ผมเริ่มหายใจหนักขึ้นและเท้าของผมก็เริ่มยกลำบาก.
‘ฉันน่าจะเลือกเส้นทางที่ง่ายกว่านี้เป็นอย่างแรก?’
หลังจากที่มีช่วงเวลาที่อ่อนแอ ผมเงยหน้าและสัญญากับตัวเอง
‘ไม่ต้องเห่าหอน นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิต แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยาก แต่ฉันต้องผ่านมันไป.’
มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจ หลังจากที่ชีวิตของผมเต็มไปด้วยความพยายามและเป้าหมายครั้งแรกที่ชัดเจนขนาดนี้
สอบ, อารีน่า, ชีวิต!
มันเป็นเรื่องที่ตามมาเป็นกระพรวน
ขณะที่ผมปีนขึ้นภูเขาแทโจอย่าแน่วแน่ ลมหายใจของผมก็พุ่งสูงขึ้นและผมก็เริ่มหอบเหมือนจะเป็นลมมากจนทำให้คนแก่ที่เดินขึ้นมาเหมือนกันจ้องมองผม แม้ว่าผมจะไม่ได้หยุดและเดินต่อไปเรื่อยๆ.
แม้ว่าจะเวียนหัวและอยากจะอ้วกแต่ผมก็ยังบังคับร่างกายของผมก้าวเดินไปข้างหน้า ผมยังอยู่ในช่วงอายุ20ปีมันเป็นช่วงที่มีชีวิตชีวา ถ้าผมไม่สามารถทำสำเร็จกับการเดินทางแค่นี้หล่ะก็ผมจะกลายเป็นชายที่ล้มเหลว.
‘ไม่มีใครช่วยฉันได้ ฉันจะต้องเสียใจเพราะตัวของฉันเอง.’
หลังจากที่เดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยในที่สุดผมก็มาถึงยอดเขาและมองเห็นทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ของชอยอันจิตวิญญาณของผมรู้สึกได้ราวกับโบยบินผมยกมือขึ้นและลมหนาวที่มาปะทะกับเหงื่อของผมทำให้รู้สึกเย็นสบาย แม้ว่าหัวใจและร่างกายของผมจะล้า แต่มันก็รู้สึกสดชื่นมากเหมือนกัน เป็นเพราะว่าตอนนี้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน.
‘คนขี้ขลาด.’
ผมเสียใจกับชีวิตที่ผ่านมาของผม ผมเกลียดตัวเองที่ได้ใช้ชีวิตโดยไม่มีความมุ่งมั่นมากพอที่จะปีนขึ้นมาได้
“ฉันจะอภัยให้คุณในครั้งนี้ แต่เราจะไม่ได้อยู่อย่างคิมฮยอนโฮ.”(ไม่รู้ว่าอิ้งมั่วป่าวนะ แปลตามเขา/ไรต์)
หลังจากที่สัญญาอย่างยิ่งใหญ่กับตัวเองแล้ว ผมก็ใช้เส้นทางที่ผมพึ่งเดินมากลับไปยังบ้าน
ติมตามได้ที่>>เพจ<<