ตอนที่ 7 : หญิงชราและเด็กหนุ่ม
บรรยากาศโดยรอบของสถาบันการศึกษาได้เปลี่ยนไปจากเดิม นักเรียนหลักสูตรพื้นฐานทั้งหมดมารวมตัวกันในสนามของโรงเรียน สวมใส่เครื่องแต่งกายที่สามารถเคลื่อนย้ายร่างกายของตัวเองไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ แต่ละคนได้พกอาวุธของเขาตามที่ยืมมาจากสถานศึกษา เพื่อใช้ในการล่ามอนสเตอร์ แต่เขากลับรู้สึกว่าอาวุธเหล่านั้นไม่สอดคล้องกับทักษะที่เขามีสักเท่าไหร่
“นับแต่นี้ พวกเธอจะต้องเดินเข้าไปในป่าเพียงใกล้ๆเท่านั้น”
ก่อนจะไปอาจารย์ได้อธิบายถึงจุดที่สำคัญและจุดที่เป็นอันตรายสำหรับเด็กๆ แต่พวกเขากลับคิดว่าอาจารย์ต้องการให้เขาเจอแต่มอนสเตอร์ที่อ่อนแอเพียงเพราะจะได้ควบคุมนักเรียนได้อย่างทั่วถึง และไม่หละหลวม
เมื่อเดือนมีนาคมเริ่มต้นขึ้น มันเป็นเหตุการณ์ที่ต้องจัดขึ้นประจำทุกปี ดังนั้น บางทีอาจารย์ก็เหน็ดเหนื่อยเช่นกัน ในขณะที่พวกเขาเริ่มเดินเข้าไปในป่ากันเป็นจำนวนมาก ทั้งเด็กที่มีอาวุธและไม่มีอาวุธปะปนกันไป
ในกลุ่มของอัตเลต อัลเลตได้เดินนำทางเพื่อพาเพื่อนๆไปข้างหน้า เขาใช้ดาบของเขาฟันทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าของเขา
“อ๊า อัลเลต มันไม่ดีหรอกนะ ฉันจะบอกนาย นั่นนายกำลังทำลายป่า”
จากการโจมตีทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าของอัลเลต ทำให้ผืนป่าถูกทำลายเป็นบริเวณกว้าง ต้นไม้หลายต้นถูกโค่นและล้มลง ทำให้ผืนป่าราวกับว่าเพิ่งถูกพายุพัดผ่านและทำลายไป
เพื่อนร่วมชั้นของเขา ดูเขาราวกับว่ากำลังทำบางสิ่งบางอย่างที่แสนจะน่ากลัวกับธรรมชาติเสียเหลือเกิน แต่ อัตเลตไม่สนใจถึงคำพูดของเพื่อนเขาที่ทัดทาน
“แค่นี้มันไม่ทำให้เกิดปัญหาหรอกนะ ฉันต้องทำอย่างนี้ ไม่งั้นเราจะเดินไม่สะดวก”
บนเส้นทางของกลุ่มสัตว์ประหลาดทที่เราสามารถเจอได้ตลอดทางที่อยู่เบื้องหน้า รูเดิลเดินทางไปด้วยความยากลำบากอย่างถึงที่สุด ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นบางกลุ่มของเขา ถูกควบคุมด้วยคำสั่งตลอดเวลา อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในการล่ามอนสเตอร์จะคอยดูนักเรียนเหล่านั้นอยู่จากข้างหลังห่างๆเพียงเท่านั้น และหากว่าเมื่อเขาดูแล้วน่าจะเป็นอันตรายเขาจะออกคำสั่งโดยทันที
แต่ในกรณีอื่นๆ รูเดิลจะเป็นคนออกคำสั่ง เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชาของกลุ่ม โดยเหตุผลที่ว่าเขามีคะแนนสูงสุด แน่นอนที่ความจริงไม่มีใครสามารทัดทานต่อเชื้อสายของเขาได้ แต่เขาก็เลือกที่จะให้ดูจากคะแนน เพราะเพื่อทีจะปิดปากพวกขุนนางหนุ่มทั้งหลาย
บางทีนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมการได้เป็นขุนนางชั้นสูงถึงเป็นการแข่งขันกันอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่ารูเดิลจะไม่ได้รู้สึกสนใจอะไร
ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องยืนยิ้มจนเห็นฝันขาวๆของเขา เขาเฝ้ามองคำสั่งและการต่อสู้อันแสนจะซุ่มซ่ามของรูเดิล เมื่อเพื่อนเขากำลังจะย้ายเส้นทาง ในขณะที่เขาต่อสู้กับพื่อนสนิทที่อยู่ในหนทางเหล่านั้น ก็พบว่าเหมือนเพือนของเขาบางคนกำลังจะหายไป . . . มันรวดเร็วเพียงพอกับที่จะรู้ว่าพวกเขากำลังเผชิญกับปัญหา
“ค๊า! เราขยับไปไหนไม่ได้”
“ใจเย็นๆรูเดิล เพียงแค่มอนสเตอร์ที่มีมากมาย หากเราผ่านจุดนี้ไปได้ ขีดจำกัดความสามารถของเราก็จะเพิ่มขึ้น”
อิซูมิพยายามอธิบายให้รูเดิลฟัง พร้อมกับมองไปรอบๆเพื่อนที่กำลังเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางในป่าที่ไม่คุ้นเคย และยังได้รับบาดเจ็บจากต้นไม้ที่เหมือนว่าจะมากกว่ามอนสเตอร์เสียอีกก
ในขณะที่เหตุการณ์กำลังเป็นไป ดวงตะวันกำลังค่อยๆเลื่อนลงลับขอบฟ้าพร้อมกันกับที่ความมืดเข้าครอบงำผืนป่า การตั้งแคมป์เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนร่วมกับการเดินป่าในครั้งนี้
“โอ้ย! ทำไมฉันต้องมากางเต็นท์ มาทำอะไรแบบนี้”
“เร็วเข้า! ตอนนี้พวกเราเหนื่อย และเราต้องการพักผ่อน”
“แล้วทำไมนายไม่มาทำเองละ เจ้าขุนนางไส้แห้ง!”
เบื้องหลัง ผู้เชี่ยวชาญกำลังยิ้มให้กับศุลกากรประจำปีนี้ ในขณะที่รูเดิลยังคงหงุดหงิดที่เพื่อนๆของพวกเขา ไม่ยอมไปตามทางของเขา เมื่อดูจากแผนที่ เขาก็รู้สึกท้อแท้ในความเป็นจริงเขาไม่สามารถไปถึงจุดที่กำหนดได้เลย
“ดังนั้น ป่าเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวยิ่งกว่ามอนสเตอร์ … เราหัวเราะไม่ได้อีกต่อไป”
เป้าหมายที่สูงสุดของกิจกรรมนี้ คือการได้ได้เป็นกลุ่มแรกที่ไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่ากลุ่มของเขาน่าจะได้ลำดับรั้งท้ายเสียมากกว่า พวกเขาได้เรียนรวมกับสามัญชนและเป็นเรื่องจริงที่ตอนนี้นั้นแบ่งชนชั้นกันอยู่ … รูเดิลคิดว่าความตั้งใจอันแรงกล้าของเขาที่มีในตอนแรกกลับลดลง
“วันนี้พักผ่อนกันเยอะๆนะ .. พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันแต่เช้า”
อิซูมิพูดพลางปลอบใจเพื่อนๆของเขา จริงอยู่ที่เธอไม่ได้มีผลกระทบต่อผลการเรียนของรูเดิลมากนัก เพียงแต่เหตุการณ์นี้สำคัญต่อเกรดของเขา ซึงในการเป็นดรากูน เกรดเป็นอีกเกณฑ์หนึ่ง เมื่อเขาคิดได้เช่นนั้นเขาไม่อาจอยู่นิ่งเฉยต่อไปได้
“แน่นอน! เราจะทำวันพรุ่งนี้ให้มีค่ากว่าวันนี้!”
รูเดิลพูดขึ้นด้วยตัวของเขาเอง และแน่นอนมันไม่ได้หวานมากมายนัก
ผู้เชี่ยวชาญด้านการล่ามอนสเตอร์ มีคำพูดมากมายที่หมายถึงพวกเขา แต่พวกเขาก็เป็นทหารที่สวยงามมากและพวกเขามาจากการรับจ้าง และนักผจญภัยผู้มีความชำนาญการพิเศษในการป้องกัน . . . หลายประเภทต่างๆมารวมตัวกัน
ในหมู่ของพวกเขา บางคนหวังเผชิญหน้ากับความตายโดยเหตุการณ์นี้ แน่นอนที่มันไม่ได้หมายถึงความโรแมนติกอย่างที่ใครคิดและใฝ่ฝัน พวกเขาพยายามที่จะขายตัวเองให้กับขุนนางหนุ่ม .. พวกเขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับขุนนางผู้ที่มีอิทธิพลมาก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่กฎหมายไม่ได้ดำเนินไปอย่างเคร่งครัด เขาต้องทำแบบนั้น มิเช่นนั้นเขาจะถูกแซงหน้าในเวลาไม่นาน
สมาชิกในหมู่ทหารหญิงของพวกเขา ‘ บาซิลลี่’ เป็นผู้หญิงชราที่มีผิวสีน้ำตาลอ่อนดุจน้ำผึ้งและผมบลอนด์ที่มีสีน้ำตาลอ่อนเช่นเดียวกับผิวของเธอ นี่คือลักษณะของเธอ พร้อมกับไม้เท้าด้ามหนึ่งซึ่งไม่สามารถพูดอะไรได้เธอแต่งชุดเจ้าหน้าที่มาอย่างเต็มยศ เธอคิดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ถูกต้องตามแผนที่มากนัก แต่เธอไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกไปได้ มันอยู่เหนือหน้าที่ของเธอ
. . . หลังจากที่เดินทางในป่ามาแสนยาวนาน
“อืมมม สำหรับเด็กพวกนี้ ฉันเดาว่าสอบผ่าน!”
เธอตัดสินใจเลือกที่จะมองข้ามกลุ่มของรูเดิล แน่นอนมันเป็นการตัดสินใจที่คำนึงเห็นว่าคนกลุ่มเป็นเป็นชนชั้นสูงที่เพิ่งได้ออกนอกบ้านเป็นครั้งแรก .. เขาเลือกที่จะตอบคำถามใดๆ เพื่อที่จะได้หมดซึ่งปัญหา
เพื่อนคนนึ่งในกลุ่มของบาซิลลี่พูดขึ้น
“ฉันเป็นผู้ตรวจตราในชั้นนี้จะออกมาเฝ้าผู้ตรวจตราและก่อกองไฟขึ้น หากมัวแต่วุ่นวายกับสิ่งของ ผู้คนรอบข้างจะอดนอนกันไปเสียหมด”
เขายักไหล่ให้กับการตัดสินใจของเขา ช่วงเวลากลางคืนคือช่วงเวลาของมอนสเตอร์ มันคือช่วงเวลาที่แบกรับอันตรายไว้มากที่สุด
“ฉันดีใจที่ได้เป็นผู้ตรวจตราของชั้นนี้ เมื่อพวกเราทุกคนพูดและทำมันได้ ความแข็งแกร่งของทหารจะฝังลึกลงไปในจิตใจของทุกคน เมื่อคนไร้ฝีมือมีมากขึ้น พวกเราจะได้รับโอกาสนั้น”
บาซิลลี่คิดว่าการที่ได้มาเป็นนักผจญภัยและได้รับตำแหน่งหน้าที่ผู้ตรวจตรา แต่เธอก็ยังคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่เธอจะนำเสนอร่างกายของเธอ
“แต่..รูเดิลเป็นของดีอย่างหนึ่งที่น่าแปลกใจ ผู้แทนจำหน่ายข้อมูลงี่เง่านั่นได้บอกฉัน”
เธอคิดว่าถึงแม้รูเดิลจะดูไร้ประโยชน์จากในใบข้อมูล แต่ที่น่าแปลกใจคือความดื้อรั้นของเขากลับทำให้บทบาทของพวกเธอลดลง และเขาก็อยากจะมียอดขายกับเด็กหนุ่มนั่นในตอนนี้
“ฉันจะต้องกลับไปชำระหนี้ข้อมูลที่เป็นเท็จนี้ มันผิดแปลกจากที่ฉันเห็น เขานั้นเก่งพอสมควร”
ทักษะในการฟันดับ เวทย์มนต์และการต่อสู้ จากสายตาของผู้ตรวจตรา รูเดิลคือผู้ที่เหมาะสมในการเป็นผู้นำ ในขณะที่เขาอยู่ในบทบาทของผู้บังคับบัญชา แต่แม้ดังนั้นเธอสามารถบอกได้เลยว่าเขาผ่าน หากเขายอมที่จะร่วมปาร์ตี้กับเธอแล้ว เธอจะไม่มีปัญหากับความสามารถและความบริสุทธิ์ที่เขามี
“เขาตื่นตระหนก แต่จากปฏิกิริยาโดยรอบ เขาไม่ได้เกลียดอะไรมันมากเกินไป นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี”
บาซิลลี่ประเมินเขาได้สูงจนน่าแปลกใจ
ในขณะที่บาซิลลี่ประเมินเขาได้สูงขนาดนั้น รูเดิลเองรู้สึกว่าขาดความอดทนในสถานที่แปลกประหลาด สามวันแล้วที่เขยังคงเหยียบย่ำอยู่บนผืนป่า มันเป็นความจริงที่เขายังเดินทางไม่ถึงครึ่งหนึ่งของแผนที่ที่เขากำหนดเส้นทางไว้ พวกเขาสามารถคุ้นชินกับป่าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ทำไมยังไปไม่ถึงไหน!?”
ผู้คนรอบข้างต่างพากันรู้สึกกลัวที่รูเดิล ทำท่าทีหงุดหงิด บุตรชายคนโตของหนึ่งในสามบ้านของขุนนาง เป็นสิ่งที่พ่อแม่ของหลายๆคนให้ลูกหลานหลีกเลี่ยงการคบหา บรรยากาศรอบๆเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
“รูเดิล ทุกคนทำดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้แล้วกับสภาพที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ เรามาได้ครึ่งทางแล้ว เราเหลืออีกเพียงครึ่งทาง”
“และมันยังคงต้องไปอีกครึ่งหนึ่ง เราจะไปถึงจุดหมายเป็นกลุ่มสุดท้าย..”
รูเดิลไม่สนใจถึงลักษณะของคนรอบข้างที่ปรากฏขึ้น เขาสนใจแค่คะแนนของเขาเท่านั้น ในขณะที่อิซูมิรู้ว่าเขาจริงจังในการที่จะเป็นอัศวินมากเพียงใด ทำให้เธอเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป
“นะ..นั่นอะไรน่ะ!?”
รูเดิลและอิซูมิค่อยๆเงยใบหน้าของเขาไปยังต้นเสียงของเพื่อนร่วมชั้นที่ตะโกนขึ้นมา นั่นเงาดำขนาดใหญ่ของมอนสเตอร์ดวงตาสีแดงที่กำลังจ้องมองรูเดิลและเพื่อนร่วมชั้นเสมือนกับเหยื่อชิ้นน้อยๆของมัน . . .