ตอนที่ 6 ตื่นตระหนก
ศิลาทักษะที่ถูกเปิดออกมาโดยมิได้ใช้พลังลมปราณในการอัดเข้าไปในศิลาเพื่อให้แสดงเคล็ดวิชา เป็นเพราะศิลาทักษะได้รับความเสียหายจากการผันผวนของพลังลมปราณก่อนจะถูกดูดเข้ามาในประตูมิติ และเมื่อโดนเลือดของฉางหยาง จึงทำให้สามารถแสดงทักษะออกมาได้
ในขณะที่อักขระโบราณ สีแดงเข้มที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับปล่อยพลังอำนาจแห่งราชันย์ออกมา นี้ทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วอาณาจักรชิน ไม่ว่าจะสัตว์อสูร ศิษย์สำนัก นิกายต่างๆ รับรู้ถึงอำนาจแห่งการทำลายล้างนี้ และสั่นด้วยความกลัว
ณ ตระกูลหลงที่กำลังจัดงานเฉลิมฉลองอยู่นั้นเอง ในห้องลับภายในตระกูล มีชายสองคนกำลังพูดคุยกับ เป็นชายวัยกลางคน และชายชรา ใช่แล้วชายวัยกลางคนนั้นก็คือบิดาของ หลงเทียน เป็นผู้นำตระกูลอยู่ตอนนี้นั้นเอง และอีกคนบรรพชนของตระกูลหลงที่กำลังบ่มเพาะพลังลมปราณอยู่ในห้องลับมาเป็นเวลานาน
“น...นั้นมันอะไร ทำไมถึงมีพลังอำนาจที่หวาดหวั่นเช่นนี้” ผู้นำตระกูลหลง หลงฟูจี้กล่าวด้วยความกับใบหน้าที่ซีดขาวพร้อมกับตัวที่สั่นเล็กน้อย
“ข้า ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน อาจจะเป็นสัตว์อสูรที่ก้าวเข้าสู่ปราณธรรมชาติก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ เมืองเทียนตี้ได้หายไปชั่วข้ามคืนเป็นแน่” บรรพชน นามหลงเต๋อเทียน กล่าวพร้อมขมวดคิ้วแน่น
“ท่านพ่อ เดียวข้าจะรีบส่งคนไปสืบว่ามันเกิดอะไรขึ้น” หลงฟูจี้กล่าวด้วยความตกใจพร้อมเร่งรีบเปิดประตูห้องลับออกไปทันที
ห่างจากเมืองเทียนตี้ไปทางทิศเหนือประมาณสามร้อยกิโลเมตร เมืองอู่หลง ที่เมืองนี้ได้ปล่อยกลิ่นหอมจ่างๆออกมา ใช่แล้วเมืองนี้เป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องการปรุงยาเป็นอย่างมากในอาณาจักรชิน ส่วนใหญ่เมืองนี้ขายพวกเม็ดยา หรือรับซื้อวัตถุดิบจากผู้ฝึกวรยุทธ
ณ เมืองอู่หลง ที่ตระกูลหลาง
ภายในห้องปรุงยามีชายวัยกลางคนและหญิงสาวที่กำลังพยายามควบคุมเปลวเพลิงในการกลั่นสกัด ในขณะนั้นชายวัยกลางคนและหญิงสาว สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจมหาศาลที่แผ่กระจายออกมา นี้ทำให้ทั้งสองสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ท่านพ่อ นั้นมันคลื่นพลังอะไรกัน ทำไมถึงได้น่าหวาดกลัวเช่นนี้”
ในขณะที่หญิงสาวกำลังกล่าวกับบิดาตนเองอยู่นั้น นางก็ได้เสียสมาธิในการควบเปลวเพลิง จนทำให้เกิดหม้อปรุงยาเกิดระเบิดดัง “ตูม” พร้อมเศษหม้อกระจัดกระจาย และกลิ่นไหม้ลอยออกมา
อย่างไรก็ตามเมื่อหญิงสาวได้กลิ่นควันไหม้ ก็หันหน้ามองดูรอบๆ แต่สิ่งที่เห็นกลับให้นางต้องตกใจ เพราะเส้นผมของตัวเองกำลังถูกเผาอยู่ นางกระโดดด้วยความตกใจ พร้อมกันร้องออกมาเสียงดัง “ว๊าย!”
ชายวัยกลางคนตอนนี้กำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ “พลังอำนาจที่น่ากลัวนี้มันมาจากอะไรกันแน่”
แต่ขณะนั้นเองก็ได้ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ด้วยเสียงระเบิดของหม้อปรุงยา พร้อมกับเสียงกรีดร้องของบุตรสาวของตนเอง แต่พอหันกลับไปดูเห็นบุตรสาวของตัวเองกำลังกระโดดไปมาพร้อมกับเอามือปัดเปลวไฟที่ติดผมออก
“หลู่เออร์ ลูกควรจะตั้งใจให้มากกว่านี้หน่อยนะ” ชายวัยกลางคนผู้นี้มีนามว่า หลางชิงเหอ เขาเป็นถึงผู้นำตระกูลหลางแล้วยังเป็นบิดาของหลางหลู่เออร์อีกด้วย
“ข..ข้าก็กำลังตกใจเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนิท่านพ่อ”หญิงสาว นามหลางหลู่เออร์ กล่าวด้วยความสำนึกผิด
“แล้วท่านพ่อ พลังอำนาจที่น่าหวาดหวั่นนี้มันคืออะไรท่านพ่อรู้หรือไม่” หลางหลู่เออร์กล่าวออกมาพร้อมกับคิ้วที่กำลังขมวด
“เฮ้อ! พ่อก็ไม่รู้เหมือนว่ามันคือไร เดียวจะส่งคนไปสืบมาเอง”
ห่างออกไปประมาณแปดร้อยห้าสิบกิโลเมตร นับจากเมืองอู่หลง ในเขตแดนโบราณ ที่ยังไม่ถูกค้นพบ ดวงตาสีแดงโลหิตได้ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะและกล่าวอย่างมีความสุข “ฮ่าๆ ใช่แล้วๆ ในที่สุดข้าเจอมันจนได้ ไม่ผิดแน่ๆ ในที่สุดมันก็ปรากฏออกมาก ไม่น่าเชื่อว่ามันจะปรากฏในดวงดาวอันกระจ้อยร่อยแห่งนี้ได้ สมบัติตกทอดจากเทพบรรพกาล หนึ่งในสามคัมภีร์เทพสวรรค์ คัมภีร์กายาหมื่นสวรรค์” เสียงหัวเราะดังกึกก้องไปทั่วเขตแดนโบราณ
ในโลกแห่งได้มีสถานที่มากมายที่อันตรายหนึ่งในนั้นก็คือเขตแดนโบราณ ซึ่งเขตแดนที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยบรรพกาล ว่ากันว่าผู้สร้างเขตแดนโบราณนี้เป็นผู้ที่สามารถ พลิกฟ้าทลายปฐพีด้วยหนึ่งฝ่ามือ และภายในเขตแดนโบราณนี้มีสมบัติมากมาย ทั้งเม็ดยา เกราะ อาวุธระดับสูง หรือแม้กระทั้งทักษะที่แปลกประหลาดและทรงพลัง
ณ ภูเขาหลังเมืองเทียนตี้ ฉางหยางที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ข้างหน้าเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร แล้วทำไมมันถึงทำให้เขารู้สึกกดดันเช่นนี้ได้
ฉางหยางค่อยๆลุกขึ้น ขาของเขาค่อยๆก้าวถอยหลังไปทีละก้าว พร้อมกับครุ่นคิดว่า “อักขระโบราณพวกนี้มันคืออะไร”
อักขระโบราณที่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าก็กระพริบกระถี่ๆ จากนั้นได้พุ่งตัวมาด้วยเร็วสูงเข้าปะทะกับฉางหยางที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่
ฉางหยางรู้สึกเหมือนเข็มพันเล่มกำลังทิ่มแทงมาที่ตัวของเขา ตอนนี้เขาได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับร่างที่กำลังลอยขึ้นเหนือพื้นดินไปเรื่อยๆ จนหยุดที่ร้อยห้าสิบเมตร และแสงสีฟ้าอร่ามค่อยๆส่องมาจากตาออกจากปากที่กำลังอ้า
อักขระโบราณที่กำลังเข้าปะทะกับฉางหยาง ได้ซึมผ่านผิวหนังอย่างรวดเร็ว เคลื่อนไปตามเส้นชีพจรลมปราณ ลงไปที่จุดตันเถียนของอย่างรวดเร็ว จากนั้นข้อมูลของคัมภีร์กายาหมื่นสวรรค์ ค่อยๆปรากฏขึ้นในภายในจิต
ห้านาทีผ่านไปหลังจากที่คัมภีร์หมื่นสวรรค์ได้รวบรวมเข้ากับร่างกายของฉางหยาง ร่างของเขาค่อยๆหล่นลงมาพื้นหินข้างริมแม่น้ำอย่างนุ่มนวล
จากนั้นฉางหยางค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ก็พบเวลานี้ได้มืดลงแล้วเขารีบตรวจสอบรอบข้างว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
แต่ในขณะที่กำลังหันซ้ายหันขวาอยู่นั้นเองกลุ่มผู้ฝึกวรยุทธได้พุ่งตัวมาด้วยความเร็วสูงมาทางเขา พอมาถึงก็ได้เห็นฉางหยางที่กำลังนั่งจ้องมองมาที่พวกตนอยู่
“อ้าว ! ขอทานน้อยเมื่อตอนเย็นนิ” หนึ่งในผู้ฝึกวรยุทธ กล่าวพร้อมขมวดคิ้ว เขาครุ่นคิดสักพักแล้วมองไปรอบๆก็ไม่พบอะไรจึงได้กล่าวถามฉางหยางออกไป
“ขอทานน้อยเจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“ข้า มาที่แม่น้ำเพื่อล้างตัว” ฉางหยางกล่าวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“แล้วเห็นแสงสีแดงที่ปรากฏบนท้องฟ้าหรือไม่” ผู้ฝึกวรยุทธคนเดิมกล่าว
“ไม่เลย ข้าไม่เห็นแสงอะไรเลยนิ” ฉางหยางกล่าวโกหกออกไปเพื่อไม่ให้นำปัญหามาสู่ตนเอง
“ข้าว่ามันต้อง อยู่ในป่าหมอกข้างหน้านี้แน่นอน ข้าว่าแสงนั้นมันต้องเป็นสมบัติระดับสูงแน่นอน พวกเราจะพลาดมันไม่ได้ รีบเร็วเข้าก่อนที่ คนจากตระกูลหลงจะมาพวกเราต้องรีบหาให้เจอ” ผู้ฝึกวรยุทธอีกคนในกลุ่มตัดสินใจกล่าวออกมา
จากนั้นเขาก็กระโดนพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ตามด้วยผู้ฝึกวรยุทธที่มาด้วยกัน
ฉางหยางเห็นเช่นนี้ก็พยุงตัวเดินให้ออกจากสถานที่แห่งทันที เพื่อให้ห่างจากสถานที่เกิดเหตุ ผ่านไปสักพักเข้าก็ได้เดินมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่ห่างจากที่ริมแม่น้ำประมาณหนึ่งกิโลเมตร เขามองไปที่ต้นไม้ใหญ่ แล้วเดินไปนั่งพร้อมกับถอนหายออกมา
สักพักเขาก็ได้ค้นเข้าไปในจิตใจของตัวเองอย่างเงียบงัน จนพบเคล็ดวิชากายาหมื่นสวรรค์ภายในจิตใจ เขาเริ่มตกใจเล็กน้อยทำไมมันถึงมีอะไรแบบนี้ซ่อนอยู่กับเขากันแน่ หรือว่านั้นจะเป็นเพราะอักขระโบราณอันนั้น
อย่างไรก็ตามเพื่อความอยากรู้เขาก็ค้นเข้าไปเรื่อยๆก็พบกับวิธีฝึกฝนพร้อมกับคำอธิบาย “เคล็ดวิชากายาหมื่นสวรรค์เป็นวิชาที่บ่มเพาะกายา ในการบ่มเพาะกายานี้ จะต้องนับหนึ่งใหม่ หากมีเคล็ดวิชากายาอื่นก็จะไม่สามารถบ่มเพาะเคล็ดวิชานี้ หากต้องการฝึกเคล็ดวิชานี้ก็ต้องทำลายกายาที่เคยบ่มเพาะมา โดยเคล็ดวิชาหมื่นสวรรค์จะแบ่งออกเป็นทั้งหมด เจ็ดขั้น และในบางขั้นของเคล็ดวิชานี้จะต้องผ่านด่านเปิดประตูสวรรค์ในร่างกายให้ได้ถึงจะทำให้สามารถผ่านไปยังขั้นต่อไปได้
ในร่างกายของผู้ฝึกวรยุทธจะมีด่านประตูสวรรค์ทั้งหมดสิบบานในแต่ละบาน หากใครสามารถเปิดออกมาได้จะทำร่างกายของผู้เปิดออกประตูสวรรค์ร่างกายจะยกระดับขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นทันที คนธรรมดาที่ยังไม่ได้ฝึกวรยุทธประตูสวรรค์ทั้งสิบยังปิดอยู่ หากแต่ใครที่เป็นผู้ฝึกวรยุทธจะต้องเปิดประตูสวรรค์ให้ได้อย่างน้อยหนึ่งบานถึงจะมีพลังลมปราณเกิดขึ้นในตันเถียน