AST บทที่ 54 - การท้าทาย
บทที่ 54 - การท้าทาย
“นี่น่าจะเป็น แก่นแท้โลหะ วัตถุที่แข็งแกร่งกว่าเหล็กอย่างน้อย 100 เท่า”
ถ้าสิ่งที่เหมือนก้อนหินนี้คือ แก่นแท้โลหะ จริงๆล่ะก็ มันอาจถือได้ว่าเป็นสมบัติที่ดีเลย ยังไงก็ตาม ชิงสุ่ยไม่คิดที่จะประหยัดเงินของเขา เขาพร้อมที่จะซื้อสิ่งนี้ เงินนั้นหลังจากใช้จ่ายยังสามารถหามาใหม่ได้อีกครั้ง แต่เขาจะไม่พลาด โอกาสที่จะได้รับสมบัติที่ไม่รู้ว่านานเมื่อไหร่ที่จะได้มีโอกาสแบบนี้อีกครั้ง
“ท่านผู้เฒ่า 2 สิ่งนี้ท่านต้องการจะขายมันเท่าไหร่” ชิงสุ่ยตัดสินใจให้ชายชราตั้งราคาเพื่อที่เขาจะไม่ต้องเสียเวลาต่อรองกับราคาสินค้าทั้ง 2 รายการนี้
“มีบางคนเสนอให้ข้า 80 เหรียญเงิน สำหรับก้านไม้นี้ แต่ข้าไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้เพื่อความอยู่รอดข้าไม่มีทางเลือก มีแต่ต้องขายมัน หนุ่มน้อย ถ้าเจ้าต้องการ เพียงแค่จ่ายเงิน 80 เหรียญเงิน สำหรับ ก้านไม้ นี้และข้าจะให้ก้อนสีดำนี่ด้วย”
โดยไม่ลังเล ชิงสุ่ย นำเงินที่ ชิงอี้ มอบให้และจ่ายให้แก่ชายชรา หลังจากที่ได้รับสินค้าแล้วเขาก็ออกไปจากที่นั่นอย่ารวดเร็ว ในร้านอื่นๆบริเวณใกล้เคียง ชิงฉาน และ ชิงสือ ยังคงต่อรองราคาของบางสิ่งกับผู้ขายอยู่
ในพริบตา ชิบสุ่ยก็เหลือเงินเพียง 20 เหรียญเงินแต่ในสายตาของเขาของ 2 อย่างนี่เขาเพิ่งด้รับมามันคุ้มค่ามาก ชิงสุ่ยรู้ว่า แม้แต่ 1,000 หรือ 10,000 เหรียญทอง ก็ไม่อาจซื้อสมบัติที่มีค่าได้ถ้าไม่โชคดี
เดินไปยัง ชิงฉานและชิงสือ ชิงสุ่ยพบว่าทั้ง 2 คนกำลังมองดูจี้หยก ชิงสุ่ยรู้เกี่ยวกับหยกว่าความบริสุทธ์ของมันเป็นตัวกำหนดราคา อย่างไรก็ตามจากการแสดงออกในดวงตาของ ชิงฉาน ชิงสุ่ยรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาต้องการมันอย่างมาก ผู้ขายเจ้าเลห์อย่างเห็นได้ขัดพวกเขาไม่ควรที่จะแสดงออกถึงความอยากได้อย่างชัดเจนด้วยสายตาของเขา
“ไง น้องชาย จี้หยกนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นของชั้นยอด มองไปที่ความกระจ่างใสสีเขียวอันแวววับและความทนทานของมันของมันสิ” ผู้ขายวัยกลางคนกระตือรือล้นนำเสนอสินค้าของเขา
เป็นธรรมดาที่พ่อค้าทุกคนจะมีฝีมือในการขาย ชิงสุ่ยรู้ว่า พ่อค้าคนนี้เป็นมือฉมังในการขายสินค้า ในโลกก่อนหน้าบุคคลเหล่านี้เรียกว่าพนักงานขายหลัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงที่ใช้บอกข้อมูลก็มีรอยยิ้มและความกระตือรือล้น วิธีการพูดได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกดึงดูดและสบายใจ จะมีซักกี่คนที่สามารถต้านทานได้
“ชิงฉาน เขาต้องการขายมันเท่าไหร่” ชิงสุ่ยยิ้มเบาๆ ขณะที่เขาจับ ชิงฉานไว้ และคิดในใจ เจ้าโง่นี่ คงไม่รู้ล่ะสิว่า หน้าตายนั้นเป็นอย่างไร เพียงแค่มองเค้าก็รู้แล้วว่าเขาต้องการที่จะซื้อมันถ้าคนขายไม่เพิ่มราคาก็คงจะเป็นอภิมหาโง่แล้ว!!!
“50 เหรียญเงิน” ชิงฉาน ขมวดหน้าผากขณะตอบ
แม้ ชิงสุ่ย จะไม่รู้ว่าหยกราคา 50 เหรียญเงินนี้ระดับไหน แต่ไม่ดีแน่ถ้ามันเป็น ระดับต่ำสุด
“50 เหรียญเงินแพงไปรึป่าว ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่ข้าเดินเล่นตามถนนข้าสังเกตุเห็นอีกร้านที่ไม่ไกลจากที่นี่ ในบรรดาของเหล่านั้นมีจี้หยกที่คล้ายกับอันนี้ ร้านนั้นขายเพียง 10 เหรียญเงินเท่านั้นเอง ลองมาดูสิ เราสามารถกลับมาที่นี่ในภายหลัง” ชิงสุ่ยเข้ามาแทรกแซงพ่อค้า
“เป็นความจริงหรือ อยู่ไกลไหม จี้หยกมีลักษณะเหมือนกันจริงใช่มั้ย” จิตใจของ ชิงฉาน เริ่มหวั่นไหว ค่อยๆสังเกตุอาการของพ่อค้ามีอาการร้อนรน ชิงสุ่ยรู้ว่าแผนของเขาได้ผล
“อ่า ร้านอยู่ใกล้ๆกับที่นี่แหละ แน่ใจเลยว่ามันมีลักษณะเหมือนกันไม่เพียงแค่นั้นข้าได้ยินมาว่าร้านอื่นๆจะมอบของแถมให้สำหรับผู้ที่ซื้อจี้หยกของพวกเขาด้วย ไปดูกันเถอะ” ชิงสุ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยว เดี๋ยว รอก่อน เราสามารถต่อรองราคาได้เสมอ พ่อหนุ่มยินดีที่จะการจ่ายเท่าไหร่สำหรับจี้หยกนี้” พ่อค้าเจ้าเลห์แทบร้องไห้เมื่อเห็น ชิงฉาน จะจากไป
“หืม 10 เหรียญเงินสำหรับหยกเล็กๆรูปสิงโตนั่นได้หรือไม่” หลังจากตอบกลับ ชิงสุ่ย ชี้นิ้วไปยังทิศทางหยกแกะสลักที่เขากำลังมองหยกแกะสลักรูปสิงโต นับตั้งแต่ได้รับประสบการณ์จากจี้ห้อยคอหยินหยาง ชิงสุ่ยก็เริ่มมีความสนใจในเครื่องประดับเล็กน้อย
หลังจากได้พบชิงสุ่ย พ่อค้าได้แต่ทำหนิในโชคของตัวเอง คงมีแต่ต้องยอมรับข้อเสนอนี้เท่านั้น
“ชิงสุ่ย สิงโตนี้เป็นของเจ้า ขอบคุณ โชคดีที่เจ้าอยู่ที่นี่ไม่งั้นข้าคงโดนสูบเงินโดยพ่อหาเจ้าเลห์ ข้าได้เงินมาเพียงแค่ 50 เหรียญเงิน” ชิงฉาน กล่าวก่อนลงหยกแกะสลักรูปสิงโตให้ ชิงสุ่ย
“ฮ่าฮ่าฮ่า จะไปมีจี้หยกที่รูปร่างเหมือนกันได้ยังไงล่ะ ตอนที่ข้าเห็นพ่อค้าข้าก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนเจ้าเลห์ คิดว่าข้าจะตกหลุมพลางงั้นเหรอ”
ชิงสุ่ย กำลังเล่นกับหยกสิงโตในมือพร้อมกับเดินไปตามถนนคุยกับ ชิงฉาน และ ชิงสือ หลังจากผ่านไปครึ่งวันเขาก็ยังไม่พบอะไรที่ผิดปกติของหยกสิงโตแกะสลัก “เป็นไปได้ยากที่มันจะเป็นสมบัติ” ชิงสุ่ยถอนหายใจ ในขณะที่ ชิงฉาน หลงใหลในจี้หยกนับตั้งแต่ที่เขาซื้อมาจนถึงจุดที่ต้องชื่นชมมันทุก 2-3 นาที ชิงสุ่ย ส่ายหัวของเขา ไม่เข้าใจว่าทำไม ชิงฉาน ถึงชื่นชอบหยกธรรมดาๆแบบนี้กัน ถ้ามันเป็นแบบจี้หยกหยินหยางที่มีคุณสมบัติลึกลับก็ว่าไปอย่าง
หลังจากที่พวกเขาเดินไปเรื่อยๆบนถนนก็คึกคักมากขึ้น ไม่ต้องพูดถึงร้านค้าที่อยู่ 2 ข้างทางก็ดูหรูหรามากขึ้น มีร้านตัดเย็บละที่สำคัญที่สุดยังมีร้านขายอาวุธด้วย
“ไปร้านขายอาวุธกันเถอะ” ชิงสุ่ยทำทางเดินเข้าไปในร้านที่ดูหรูหรา
ความแตกต่างระหว่างร้านขายอาวุธและช่างตีเหล็กคือ ร้านขายอาวุธจะมีอุปกรณ์พร้อมขายให้เลือก ในขณะที่ช่างตีเหล็กจะต้องสั่งทำและกำหนดความต้องการรูปร่างวัสดุเกี่ยวกับการหลอมและอื่นๆ
ในขณะที่เดินเข้าไปในร้าน ดวงตาของ ชิงสุ่ย เป็นประกายระยิบระยับ มีอาวุธหลากหลายชนิดอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น กระบี่ หอก ดาบ ไม้เท้า ขวาน แส้ หอกสามง่าม ง้าว ดาบตะขอ ค้อน กงจักร
จากการประเมินของ ชิงสุ่ย มีอาวุธอยู่ที่อย่างน้อย 30 ชนิด ขณะที่เขาส่ายหัวด้วยความผิด เขาคิดว่าที่นี่น่าจะมีอาวุธแค่ 18 ชนิด จู่ๆก็มีคนผมสีดำโผล่มา ซิงสุ่ย รู้ได้จากจิตสังหารที่เขาปล่อยออกมาทางด้านหลังของเขา
ศัตรูมักพบเจอในเส้นทางที่คับแคบ ซือตูปู้ฝานกับเพื่อนคนสนิทอีก 5-6 คนพึ่งเดินเข้าร้านอาวุธด้วยการจ้องมองน่ากลัวของ ซือตูปู้ฟาน ดูราวกับว่า ชิงสุ่ย ได้ทิ้งร่างเงาใว้ในจิตใจของเขา เพียงแค่ ซือตูปู้ฝาน มองเขาจากหลังก็สามารถจดจำเขาได้
ชิงสุ่ย รู้สึกได้ถึงความเคียดแค้นของ ซือตูปู้ฝาน หลังจากที่ ชิงสุ่ย ทำให้เขาต้องลำบาก นายน้อยจากหนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของเมืองร้อยไมล์ พ่ายแพ้ ให้กลับ คนบ้านน้อยซึ่งอายุน้อยกว่าถึง 5 ปี แค่อายุยังไม่พอ ระดับปราณฟ้า ขั้น 3 พ่ายแพ้ให้กับ ระดับนักรบขั้น 3 ซึ่งเป็นการพ่ายอย่างรวดเร็วหมดรูป
โดยไม่สน ซือตูปู้ฝาน ชิงสุ่ยกวาดสายตามองคนอื่นๆที่อยู่ข้างๆเขา ทุกคนล้วนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่มีราคาแพงพร้อมกับใบหน้าดูหยิงผยอง ดูเหมือน ผู้เยาว์เหล่านี้จะมาจากตระกูลใหญ่ๆที่มีอำนาจจากเมื่องร้อยไมล์
“ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าเข้ามาเมือร้อยไมล์ของข้า ข้ากำลังจะไปหมู่บ้านตระชิงเพื่อหาเจ้าอยู่พอดี ขอบใจที่ช่วยไม่ให้ข้าประหยัดเวลาตามหา” ปัจจุบัน ซือตูปู้ฝาน ทำตัวราวกับว่า ลืมเรื่องราวที่เขาเคยอยู่บนเวทีประลองของตระกูลชิง
“นี่เป็นที่ทำให้เจ้าพ่ายแพ้เหรอ” ผู้เยาว์คนหนื่งข้างๆ ซือตูปู้ฝาน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจเดียดฉัน
ดูจากวัยอายุน่าจะอยู่ที่ 25-26 ปี ไม่รู้ว่าทำไม ชิงสุ่ย รู้สึกเต็มไปด้วยความรังเกียจเช่นเดียวกับตอนที่เขาจ้องไปที่ ซือตูปู้ฝาน
เหล่าขนของนกที่เคล้าคลอกัน กลุ่มของบุตรชายที่ร่ำรวยเติมโตในอ้อมกอดของฟองสบู่ เหล่าคนพวกนี้มักจะมองคนอื่นเป็นกบในบ่อน้ำ
“ใช่มันนี่แหละที่ลอบโจมตีข้า ข้าไม่คาดว่าพลังของมันมากมายอะไร เพราะข้าประมาทเกินไปเท่านั้นเอง” ซือตูปู้ฝาน พูดด้วยความโกรธเพื่อรักษาหน้าตัวเอง ชิงสุ่ย จ้องมอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใด้เห็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม
หลังจากคำพูดที่ถูกกล่าวออกมาไม่เพียงแต่ ชิงสุ่ย ชิงสือ และ ชิงฉาน ก็เริ่มหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย
หลังจากหัวเราะ ชิงสือ ก็ตอบไปว่า “แอบโจมตีหรือ เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไรกัน วันนั้นข้าให้เจ้าโจมตีก่อนถึง 3 ครั้ง คิดว่าระดับปราบฟ้าที่น่านับถือจะไม่สามารถเอาชนะระดับนักรบได้ด้วยการโจมตี 3 ครั้ง ไม่เพียงแค่นั้นในฐานะที่เจ้าเป็นถึงระดับปราบฟ้ายังไม่สามารถลุกขึ้นได้เมื่อได้รับการโจมตีจากเขา ทั้งยังอาเจียนเป็นเลือดจนหมดสติแถมใบหน้าของเจ้าก็อย่างกับฟักทองขึ้นอืด”
ชิงสุ่ย หัวเราะ เขาไม่เคยคิดว่า ชิงสือ ที่ดูซื่อๆจะสามารถโจมตีด้วยคำพูดได้ขนาดนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากพูดประโยคสุดท้าย ซือตูปู้ฝาน ก็ถึงขีดจำกัดของอารมณ์ “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ข้าจะฆ่าแก มาสู้กับข้า” ร่ายกายของ ซือตูปู้ฝาน สั่นด้วยความโกรธ เขาจ้องมองไปยังชิงสุ่ย ราวกับว่าจะกลืนกิน