AST บทที่ 51- หญิงสาวที่ชื่อ อวี้เหอ
บทที่ 51- หญิงสาวนามว่าชื่อ อวี้เหอ
“จริงหรือไม่ที่เจ้าเอาชนะ ซือตู ปู้ฝานได้?”
“ท่านลุงสาม ท่านไปได้ยินเรื่องที่จากที่ใดกัน” จากความคิดเห็นของ ชิงสุ่ย นั้น ลุงสามของเขาไม่น่าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
“เรื่องนี้ถูกพูดถึงภายในตระกูลใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมือง ร้อยไมล์จึงทำให้ผู้คนรู้จักเรื่องนี้กันดี ดังนั้นเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายของรุ่นเยาว์จึงประกาศตัวเองเพื่อที่จะประลองผีมือกับเจ้า” ชิงสุ่ย หัวเราะเบาๆ แล้วครุ่นคิด รุ่นเยาว์งั้นเหรอ หืม ~ พวกนั้นไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้ข้าเอาจริงได้ แน่นอนว่าอาจจะมีบุคคลที่ซ่อนตัวอยู่ใน อัจฉริยะ รุ่นเยาว์ที่โชคดีบังเอิญได้รับพลังบางอย่างมา แต่ยังไงซะมันก็คงจะมีไม่มากนัก
“แล้วลุงสามเชื่อเรี่องนั้นรึป่าวล่ะ” ชิงซุ่ย หัวเราะเล็กน้อยแล้วถามออกมา ลุงสามรู้ว่า สติปัญญาของเขานั้นน้อยกว่า ชิงจือ ซะอีก ลุงสามหันหัวไปข้างหน้าพร้อมกับอาการมึนงงเล็กน้อย สิ่งที่สามารถอธิบายบุคลิกของเด็กคนนี้คือ ความซื่อตรง
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องดังกล่าวนั้นข้าควรจะเชื่อหรือไม่ ยังไงก็ตามหลังจากที่ข้าได้ยินบรรดาหนุ่มสาวผู้ชนชั้นสูงชุบชิบนินทา ซือตูปู้ฝาน อย่างโหดร้ายรุนแรง โดยเรียกเขาว่าเจ้าหมูสวะทำให้เมือง ร้อยไมล์ ต้องเสียหน้าและความภาคภูมิใจ ดังนั้นข้าเองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง” ในขณะที่พูด ชิงอู้ ได้เฝ้าสังเกตุ ชิงสุ่ย แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะแตกต่างไปจากเมื่อก่อน หลานชายที่เป็นคนเงียบๆและถ่อมตัวของเขานั้นได้กลายเป็นคนที่ดูเชื่อมั่นในตัวเอง
“ฮี่ฮี่ มันก็แค่ ข้านั้นแข็งแกร่งมาก เพราะงั้นการที่ข้าจะขยี้เจ้าหัวหมูนั่นให้หมดสติมันง่ายมาก” ในสายตาของผู้อาวุโสตระกูลชิง ชิงสุ่ยเคยเป็นเด็กที่นอบน้อมและซื่อตรง แต่คำพูดที่ออกมากจากปากเขานั้นเหมือนว่ามันเป็นแค่เรื่องจิ๊บๆ
ปากของ ชิงอู้ขดลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นรอยยิ้มอันสดใสก็ปรากฎบนใบหน้าของเขา “ไปกันเถอะลุง 3 พวกเขารู้ว่าเราจะมาที่นี่ในวันนี้และคงจองห้องพักที่โรงเตี้ยมกันแล้ว เราจะไปทานอาหารมื้อเที่ยงกันที่นั่น”
มีสมาชิกของตระกูลชิงเพียงแค่ 3-5 คนทำงานที่ร้านขายสมุนไพรของตระกูลชิงส่วนที่เหลือเป็นแรงงานที่จ้างมาล้วนไปฉลองปีใหม่กันเกือบหมด โดยปกติแล้วคนจากตระกูลชิงมีเพียงแค่ ชิงอู้ ภรรยา และ ชิงอี้ แต่ตอนนี้มีอีก 6 คน นอกจากรุ่นพี่ 3 คน ก็มี ชิงสุ่ย ชิงฉาน ชิงสือ ที่พึ่งมาใหม่อีกด้วย
ชิงสือ เป็นลูกของ ชิงอู้ และในตอนนี้ ชิงอู้กับภรรยาได้เห็นลูกชายของพวกเขามาถึงเมือง ร้อยไมล์แล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะมีความสุขหรือเสียใจดี การมาที่เมืองร้อยไมล์เพื่อช่วยในการทำการค้าให้ตระกูล หมายความว่า เขาไม่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลัง แต่ในทางกลับกันการได้พบกับลูกชายในแต่ละวันมันก็เป็นเรื่องที่ดีมาก
โรงเตี้ยม อวี้เหอ ตั้งอยู่บนถนนอันหรูหราในเมือง ร้อยไมล์ ระยะทางไม่ไกลจากร้านขายสมุนไพรตระกูลชิงเพียงแค่เดินไปไม่นานก็ถึง ดันนั้นแทนที่จะนั่งรถม้าพวกเราจึงติดสินใจเดินเท้า อีกทั้ง ชิงสุ่ยก็ตั้งใจอยากจะเยี่ยมชมสิ่งต่างๆระหว่างทางและใช้โอกาสนี้ชื่นชมสาวงามจากเมืองร้อยไมล์อีกด้วย
ระหว่างทางไปโรงเตี้ยม อวี้เหอ ชิงสุ่ยตระหนักได้ว่านี่มันตรงกันข้ามกับความคิดของเขา แม้จะเป็นเมืองร้อยไมล์แต่ก็ไม่ค่อยจะมีหญิงสาวสวยๆ เพียงแค่พวกเขานั้นให้ความสนใจกับสถาะการแต่งกายตามแฟชั่นอวดรูปทรงรูปร่างอันสง่างาม
“ฮ่าฮ่าฮ่า ชิงสุ่ย เจ้าได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และตอนนี้กำลังจ้องมองเหล่าสาวๆสวยๆอยู่” ภรรยาของ ชิงหู่ หยาน หยิง พูดออกมาด้วยรอยยิ้มโดยไม่ตั้งใจ ขณะที่เธอเห็น ชิงสุ่ย หันหัวของเขาไปยังทิศทางของสาวๆ
“ท่านป้า สิ่งสวยงามล้วนมีไว้ให้ชื่นชม ข้าก็เป็นเพียงแค่ชายหนุ่มที่กำลังแสวงหาความผ่อนคลายทางสายตา” ชิงสุ่ยตอบกลับด้วยท่าทีที่ดูตรงไปตรงมา
“โอ้ เจ้าเด็กน้อยคนนี้นี่น่าสนใจจริงๆ ด้วยการให้เหตุผลอย่างนี้ในการมองสาวๆสวยๆ”
ชิงสุ่ย หันไปยังทิศทางของเสียง พบกับหญิงสาวคนหนึ่งกำลังมองเขาอยู่ รูปร่างของเธอค่อนข้างอวบอั๋นแต่ก็ไม่ได้อวบมากเกินไป เรียวขาของเธอเรียวยาวสมบูรณ์แบบจรดจนทรงกระดูกจากต้นขาถึงข้อเท้าของเธอ โครงร่างของขาเธอโค้งเว้าเข้ากับจุดสำคัญในขณะที่เอวของเธอเพรียวงามคล้ายกับงูน้ำอันสง่า คอของเธอเรียวเป็นธรรมชาติทำให้รู้สึกน่าดึงดูดและการแต่งตัวของเธอเป็นระเบียบสง่างามดูมีเสน่ห์ แววตาของเธอดูคลุมเครือจมูกคล้ายกับหยกและปากเล็กๆประกอบกับริมฝีปากสีแดงที่มีความโค้งเว้าเล็กน้อย
“เพื่อนตัวน้อย ข้าสงสัยว่าข้านั้นมีคุณสมบัติเพียงพอที่ทำให้เจ้านั้นมองข้าหรือไม่” หญิงสาวพูดเชิงหยอกล้อชิงสุ่ย
“โอ้ แม่สาวงามที่น่ารักของข้า แน่นอนว่าเจ้าสมควรให้รับความสนใจจากข้า แม้ว่าหลังจากนี้มหาสมุทรจะแห้งจนหินโผล่ก็จงได้โปรดกรุณาให้ข้าได้จ้องมองเจ้าตลอดไป ข้าอยากจะจ้องมองรูปร่างอันน่าหลงไหลของเจ้า ความงามของเจ้านั้นเป็นเหมือนศิลปะเป็นทัศนียภาพที่งดงาม!!!!!!!!!!!” ชิงสุ่ย ตอบกลับไปอย่าจริงจัง
คำพูดของ ชิงสุ่ย ทำให้นางไม่สามารถที่จะระงับเสียงหัวเราะได้เนื่องจากเสียงหัวเราะของนางทำให้หัวใจของชิงสุ่ย สั่นไหวเล็กน้อย รู้สึกยินดีที่ได้ยิน
“แม่นาง หยู นี่คือลูกชายของข้าเองยังไงก็ได้โปรดอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเขาเลย ลูกชายของข้าค่อนจะข้างไร้สาระน่ะ” ชิงอี้แนะนำอย่างมีความสุขดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะสนใจในตัวของ ชิงสุ่ย มาก
“อ่า นี่คงเป็น ชิงสุ่ย เด็กหนุ่มในตำนาน ข้าได้ยินว่าเจ้าทำให้ขยะจากตระกูลซือตูพ่ายแพ้ ยอดเยี่ยม” สาวงามนาม อวี้ หัวเราะเล็กน้อยขณะที่เธอกระพริบตาของเธอ เพียงแค่มองเธอก็ทำให้ ชิงสุ่ย รู้สึกอิ่มเอมใจ
ชิงสุ่ย ไม่คิดว่าเรื่องที่เขาเอาชนะซือตูปู้ฝานจะแพร่กระจายรวดเร็วถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งสาวงามคนนี้เองก็ยังรู้เรื่อง อ่า โรงเตี้ยม อวี้เหอ ผู้หญิงคนนี้มีชื่ออวี้อาจเป็นไปได้ว่าโรงเตี้ยมนี้เป็นของเธอ
“ไปกันเถอะข้าได้จองห้องไว้ให้พวกเจ้าแล้วแค่รอให้พวกเจ้ามาถึง มือนี้ข้าเลี้ยงเอง หญิงสาวยิ้มขณะเธอนำ ชิงอี้ และ หยานหยิง ไปข้างหน้า
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ชิงสุ่ยหันหัวกลับไปและพบว่าพวกเขามาถึงโรงเตี้ยม อวี้เหอ แล้ว อาคารหลังนี้สูงกว่าร้านขายสมุนไพรเก่าๆของตระกูลชิงตรงกันข้ามมันแสดงถึงความหรูหราเฟื่องฟูเหมาะสมกับที่เป็นหนึ่งในโรงเตี้ยมที่ดีที่สุดของเมือง
ที่ด้านบนสุดของตึกเป็นเหมือนจุดเด่น มีภาพมังกรและฟินิกซ์กระพือปีกเต้นรำตามสายลมโดยมีคำว่า โรงเตี้ยม อวี้เหอ เขียนไว้ บนตัวพวกมัน
อาคารแห่งนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเหมาะสมแก่การเข้าใช้ แม้อากาศข้างนอกจะหนาวเย็นแต่ข้างในกลับรู้สึกอบอุ่นมีสายน้ำไหลผ่านสะพานข้ามแม่น้ำและเต็มไปกลิ่นหอมของนกและบรรดาดอกไม้ ทำให้รู้สึกเหมือนอยูในฤดูใบไม้ผลิแทน
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้ถูกจดบันทึก สิ่งที่เกี่ยวกับความสะดวกสบายของลูกค้าได้ถูกวางแผนมาอย่างดี เช่น พนักงานเสิร์ฟของโรงเตี้ยมมีความสวยงดงาม แน่นอนว่าที่นี้ไม่ใช่ย่านพื้นที่ของโสเภณี สาวสวยที่นี่จึงแต่งตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมาะสมกับสถานที่
จากลักษณะการรับประทานอาหารที่นี่ ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตระกูลสามัญในเมืองร้อยไมล์ เฉพาะผู้มีสถาะบางอย่างหรือตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายมันได้ แม้ราคามันจะสูงแต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเต็มใจเพราะที่นี่เต็มไปด้วย ลูกค้าผู้มาเยือน
ที่นั่งที่ดีที่สุดเห็นได้ชัดว่าที่ด้านบนของอาคาร พวกเขาเดินไปชั้นบนสุดของโรงเตี้ยม อวี้เหอ และเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับหันหน้าเข้าหาหน้าต่างมองไปบนถนน
หลังจากที่หญิงสาวนั้นจากไป ชิงสุ่ย ได้รู้ว่าชื่อเต็มของเธอคือ อวี้เหอ และเธอเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูล อวี้ ในเมืองร้อยไมล์