ตอนที่แล้วAST บทที่ 42 – เพียงกระบวนท่าเดียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 44 การมาถึงของพิธีเฉลิมฉลองแห่งยุคสมัย

AST บทที่ 43 – การปะทะที่สมบูรณ์แบบของชิงสุ่ย


บทที่ 43 – การจู่โจมที่งดงามของชิงสุ่ย

อย่างไรก็ตามแม้ชิงสุ่ยจะรู้ว่า ซือตูปู้ฝานจะเป็นคนหลงตัวเอง เขาก็ควรเห็นการต่อสู้ของชิงหยูแต่เขายังกล้าประกาศกร้าวและขึ้นไปบนลานประลอง แสดงว่าการบ่มเพาะของซือตูปู้ฝานจะต้องบรรลุจุดสูงสุดของอาณาจักรพลังปราณนักรบหรือไม่บางทีเขาอาจจะก้าวข้ามไปสู่อาณาจักรพลังปราณปราบฟ้าแล้วก็เป็นได้

ชิงหยูจ้องมองชายที่กำลังหยิ่งลำพองเบื้องหน้าของเขา พลันเกิดความรู้สึกอยากที่จะเอาค้อนคู่ของเขาฟาดไปยังหัวของซือตูปู้ฝาน

ชิงสุ่ยรู้สึกถึงความน่ารังเกียจเมื่อเห็นรอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียนของซือตูปู้ฝานขณะที่เขากำลังเก็กท่า

“มาสิเจ้าเด็กน้อย ข้าจะให้ของขวัญเจ้าโดยการให้เจ้าโจมตีก่อน 3 กระบวนท่า ไม่สิ ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำอะไรข้าไม่ได้เลยต่างหาก”ปู้ฝานกล่าวผยอง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิงหยูถึงกับแสดงสีหน้ารังเกียจ เขาไม่เสียเวลาและวิ่งไปข้างหน้าพร้อมควงค้อนคู่ด้วยความเร็วและบ้าคลั่ง

ซือตูปู้ฝานคล้ายกับใบไม้ที่ล่องลอยอยู่ใจกลางพายุทอร์นาโด เข้าหลบหลีกอย่างใจเย็นทำให้การโจมตีของชิงหยูพลาดเป้า

“กระบวนท่าที่หนึ่ง”

หลังจากได้ยินคำยั่วยุของซือตูปู้ฝาน ชิงหยูระเบิดความเร็วราวกับสายฟ้าเขาโจมตี ซือตูปู้ฝานค่อยๆถอยหนีแต่ยังคงยั่วยุเขาต่อ

“กระบวนท่าที่สอง”

เมื่อซือตูปู้ฝานกล่าวจบ ขณะที่เขากำลังหลบการโจมตี ชิงหยูได้ผสานค้อนคู่ใจเป็นหนึ่งและแสดงพลังที่แท้จริงออกมา มันก่อร่างกลายเป็นศาสตราวุธขนาดกว้างกว่า 5 เมตร เขาก็ใช้คล็ดวิชาวายุพิโรธหมุนวนอย่างรวดเร็ว นี้เป็นอีกครั้งที่เขาเพิ่มความเร็วเข้าต่อสู้กับซือตูปู้ฝาน

เพียงชั่วขณะ ลานประลองเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงซึ่งเป็นผลมาจากเคล็ดวิชาที่ของชิงหยู แต่อย่างไรก็ตามซือตูปู้ฝานกลับเคลื่อนไหวร่างกายโดยใช้เคล็ดวิชาประหลาด เพียงหลบแค่ครึ่งก้าว เขาก็สามารถหลบหลีกแรงของค้อนคู่ในระยะห่างบางเท่ากระดาษได้

“กระบวนท่าที่ 3”

“อ้ากกกกก”ชิงหยูคำรามออกมาอีกครั้ง เขายกค้อนคู่ของเขาขึ้นมาและพุ่งไปหมายจะทุบลงบนหน้าอกของซือตูปู้ฝาน

เพียงชั่วขณะ ซือตูปู้ฝานขดริมฝีปากเผยรอยยิ้มน่ารังเกียจในขณะที่เขาพุ่งหมัดของเขาของมา คลื่นพลังสีเขียวบางๆก็ถูกปล่อยออกมาห่อหุ้มกำปั้นของเขา ราวกับว่ากำปั้นถูกขยายใหญ่ขึ้น

“ช่า ช่า!!!!!”

“ตูมๆๆๆ!!!!!”

เสียงที่เกิดขึ้นเกิดจากค้อนและกำปั้นเขาปะทะกัน หลังเสียงที่สองดังขึ้น เลือดสดๆได้กระอักออกมาจากปากของชิงหยู เขาถูกกระแทกจนหมดสติและแรงระเบิดก็เป่าชิงหยูให้ลอยออกจากลานประลอง

“อ่า ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ใครจะไปคิดกันล่ะว่าพี่ชายชิงหยูจะอ่อนแอจนบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจจากการรับมือข้าได้ถึงเพียงนี้” ซือตูปู้ฝานกล่าวขณะที่เขากำลังชื่นชมกำปั้นของเขา

“อะไรนะไอ้สารเลวจอมอวดดี”เมื่อเห็นภาพเหล่านี้ ชิงสุ่ยรู้สึกโกรธมาก

ชิงหลัวก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เพียงแต่เขากลับคืนสู่ท่าทางสงบเดิมได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนำชิงหยูไปรักษาตัว สมาชิกทุกคนของตระกูลชิงต่างแสดงสีหน้าจงเกลียดจงชัง

“อาณาจักรพลังปราณปราบฟ้า เขาก้าวข้ามสู่อาณาจักรพลังปราณปราบฟ้า”เสียงเบาๆจากเหล่ากลุ่มคนที่เริ่มต้นสนทนากัน

“น่าประทับใจจริง เขาโจมตีแค่ครั้งเดียวก็สามารถทำให้ชิงหยูพ่ายแพ้ได้ ข้าคิดว่าอย่างน้อยเขาจะต้องอยู่อาณาจักรพลังปราณปราบฟ้าขั้นที่ 2 เป็นแน่”

“เจ้าจะไปรู้อะไร จากที่ข้าดู ข้าคิดว่าเขาจะต้องอยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณปราบฟ้าขั้นที่ 5 ลูกพี่ลูกน้องของข้าที่อยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณปราบฟ้าขั้นที่ 2 เมื่อเทียบกับเจ้าซือตูปู้ฝานแล้ว ลูกพี่ลูกน้องข้าดูด้อยไปเลย”หนุ่มผอมตอบโต้

“อ่า ใช่ข้าเห็นด้วยกับเจ้าพี่ชาย ลูกพี่ลูกน้องของเจ้านี้ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ในอนาคตข้าขอเป็นเพื่อนกับเขาดด้วยได้หรือไม่?”

“ไม่มีปัญหา”ชายหนุ่มร่างผอมตอบ

“ข้าสงสัยว่าช่วงนี้ญาติของเจ้าคงยุ่งวุ่นวายอยู่เป็นแน่ หากเขามีเวลาข้าขอผมเขาได้หรือไม่?”

“แน่นอนถ้าเขายังมีเวลาอยู่นะ น่าเสียดายที่ญาติข้าถูกฆ่าตายไปตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว”หนุ่มผอมส่ายหัวแสดงท่าทางซึมเศร้า

คนที่พูดอยู่กับชายผอมต่างตกใจ “คะ คนตาย....... ข้าไม่ต้องการพบกับคนตาย”

ซือตูหนานเทียนรู้สึกอิ่มเอมใจ เขาพึมพำกับตัวเองว่า “โธ่เจ้าพวกเมืองบ้านนอก การต่อสู้นี้คงทำให้พวกเจ้าเห็นว่าใครเป็นผู้ที่แกร่งที่สุด แม้เจ้าจะคิดว่าเจ้าแกร่งสุดแต่สุดท้าย เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียว พวกเจ้าก็ต้องแพ้ให้กับหลานชายของข้า มันช่างตลกยิ่งนักที่ทำให้ข้าต้องเสียเวลา”

แต่ในฐานะที่เขาเองเป็นถึงหัวหน้าของเหล่าผู้คุมกฎ เขาไม่อาจหัวเราะออกมาได้ แม้มันจะทำให้สนัขเจ้าเลห์ตัวนี้อึดอัดใจ เขาทำได้เพียงไอเบาๆ

ซือตูปู้ฝานยิ้มกว้างขณะมองดูสีหน้าที่หวาดกลัวของเหล่าผู้ชมทั้งหลาย ชิงสุ่ยรู้สึกสะอิดสะเอียดเมื่อเห็นใบหน้านั้น และแล้วเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ชิงสุ่ยกระโดดพุ่งขึ้นไปบนลานประลอง

“นั้นเจ้าอีกแล้ว เจ้าต้องการที่จะสู้กับข้างั้นรึ?”ซือตูปู้ฝานแสดงสีหน้าเย้ยหยันขณะที่เขาอยู่ท่ามกลางความชื่นชม สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือจะมีเยาวขนคนใดกล้าที่จะกระโดดขึ้นไปเทียบเท่ากับเขาบนลานประลองแห่งนี้ การกระทำนี้อาจจะไม่เทียบเท่าการตบหน้าเขา แต่มันก็ขโมยความเด่นสง่าราศีของเขาไป

เมื่อมองดูท่าทางโอ้อวดนั้น ชิงสุ่ยอยากที่จะต่อยหน้าของมัน และส่งมันไปนอนแน่นิ่งบนพื้นมานานแล้ว

“ชิงสุ่ย”ชิงสุ่ยได้ชิงอี้เรียกเขากลับมา เขาหันหัวของเขาอย่างใจเย็นไปทางชิงอี้แล้วบอกเธอว่าไม่ต้องกังวลทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาหมดแล้ว

“หนึ่งกระบวนท่า ถ้าข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ภายในหนึ่งกระบวนท่า ข้าจะถือว่าข้าพ่ายแพ้”ชิงสุ่ยรู้ดีว่าวิธีที่ดีที่สุดในการฉีกหน้าไอ้ขี้โอ้อวดคือการให้มันต้องเจอกับคำพูดของมันเอง

ซือตูปู้ฝานเกลียดชิงสุ่ยตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ เขารู้สึกว่าชิงสุ่ยจะต้องเป็นภัยคุกคามแก่เขาและคู่หมั้นของเขา สือฉิงจวงนั้นได้ชายาว่าเจ้าหญิงเยือกแข็ง เพราะนางไม่เคยสนทนากับชายใดแม้ว่าจะเป็นคู่หมั้นของเธออย่างซือตูปู้ฝาน แต่เธอกลับสนทนากับชิงสุ่ย!!!!!!!!!!!!!!

หลังจากได้ยินชิงสุ่ยกล่าวว่าจะเอาชนะเขาได้ในกระบวนท่าเดียว ซือตูปู้ฝานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่ก่อนที่เขาจะหัวเราะ จู่ซือตูปู้ฝานต้องกระอักกับคำพูดถัดไปของชิงสุ่ย

“มาสิเจ้าเด็กน้อย ข้าจะให้ของขวัญเจ้าโดยการให้เจ้าโจมตีก่อน 3 กระบวนท่า ไม่สิ ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำอะไรข้าไม่ได้เลยต่างหาก” ชิงสุ่ยลอกเลียนแบบคำพูดของซือตูปู้ฝานก่อนหน้านี้

เหล่าผู้ชมทนไม่ได้อีกต่อไป พวกมันเปล่งเสียงหัวเราะที่เสียงดังออกมา ซือตูปู้ฝานรู้ว่าคำพูดของชิงสุ่ยนั้นต้องการเยาะเย้ยพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของเขา แต่ในเวลาสั้นๆจิตสังหารแสดงขึ้นบนใบหน้าของซือตูปู้ฝาน

ซือตูปู้ฝานที่โกรธเลือดขึ้นหน้า พุ่งไปข้างหน้าพร้อมปล่อยกำปั้นที่รุนแรงออกมาหมายต่อยไปที่หน้าอกของชิงสุ่ย แต่ชิงสุ่ยที่มีก้าวไร้วิญญาณ ก็เคลื่อนที่ราวกับใบไม้ที่อยู่ใจกลางพายุทอร์นาโด หลบซ้ายขวาเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นการเลียนแบบการกระทำของซือตูปู้ฝานก่อนหน้านี้ทั้งหมด

“กระบวนท่าที่หนึ่ง”

ผู้ชมต่างอยู่ในอาการตกตะลึง และเสียงหัวเราะก็หายไป ทุกคำทุกการกระทำของชิงสุ่ยนั้นเหมือนกับที่ซือตูปู้ฝานเคยกระทำก่อนหน้านี้ทั้งหมด

“อ้ากกก”ซือตูปู้ฝานไม่ได้แสดงอาหารเย้ยหยิ่งออกมาอีกแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่ทราบว่าทำไมทุกครั้งที่พบหน้าชิงสุ่ยเขาจะต้องถูกความโกรธครอบงำ

“กระบวนท่าที่สอง”

ชิงสุ่ยหลบการโจมตีที่เต็มไปด้วยความโกรธของซือตูปู้ฝานได้อย่างง่ายดาย

ซือตูปู้ฝานไม่กล้าที่จะประมาทศัตรูของเขาอีกต่อไป ในที่สุดเขาก็ใช้เคล็ดวิชากำปั้นของเขาออกมา หมัดทั้งคู่ของเขานั้นเต็มไปด้วยคลื่นสีเขียวอ่อนๆ หมัดนั้นไล่ตามชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วและพยายามควบคุมทิศทางราวกับกำลังไล่ต้อนชิงสุ่ย ภายนอกดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะตกที่นั่งลำบาก  เขาทำใจให้สงบลงและใช้ก้าวไร้วิญญาณ ร่างของเขาค่อยๆจางหายไป และหมัดที่ปล่อยมาทั้งหมดก็ทำได้เพียงกระแทกเขากับเงา

“กระบวนท่าที่สาม”ชิงสุ่ยสบถคำออกมาก่อให้เกิดความเกลียดชังระหว่างเขากับซือตูปู้ฝาน

“เจ้ามันก็แค่คนไร้ค่า ถ้าเจ้ามีความสามารถจริงๆเจ้าก็อย่าหลบและรับมือข้าตรงๆให้ได้”เสียงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง

“ตูม ตูม” เสียงหมัดของซือตูปู้ฝานที่เร็วขึ้นแหวกผ่านดังกึกก้องในอากาศ มันตั้งใจที่จะโจมตีเข้าสู่หัวซึ่งเป็นจุดสำคัญของชิงสุ่ย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจกฎกติกาใดๆทั้งสิ้น เขากำลังหมายที่จะสังหารชิงสุ่ย!!!!

เมื่อโกรธถึงขีดสุด ชิงสุ่ยจ้องมองซือตูปู้ฝานที่กำลังสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด ชิงสุ่ยไม่ลังเลอีกต่อไปเขาเริ่มรีดแรงที่แข็งแกร่งราวกับแรงของทวยเทพเข้าสู่แขนทั้งสองข้าง พลังปราณเริ่มโคจรจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ในขณะที่เขาระเบิดความเร็วของมือทั้งคู่ขึ้นสู่อากาศด้วยแรงขนาด 20,000 จิน เขาจับเขาที่แขนในขณะที่ซือตูปู้ฝานกำลังปล่อยหมัดที่เร็วราวกับเงา

“กรึก กรัก!!!”

“ตูม ตูม ตูม!!!!”

“อร๊ากกกกกกก!!!!!!!!”

เสียงแรกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลกระทบที่เกิดจากการระเบิดของกระดูกในแขนทั้งสองข้างของซือตูปู้ฝาน

เสียงที่สองดังออกมาจากกระเบิดที่ถูกส่งต่อไปยังหน้าอกของเขาจนทำให้เขาถึงกับกระอักเลือดสดคำโตออกมา

สุดท้ายเสียงที่สามคือเสียงที่ส่งให้ซือตูปู้ฝานลอยหมดสติกลางอากาศ ชิงสุ่ยอัดซืถูปู้ฝานลอยไกลไปถึง 10 เมตรและกระแทกลงสู่พื้นดิน

“นี้คือสิ่งที่เจ้าต้องการให้ข้าปะทะกับเจ้าโดยตรงไงล่ะ ในเรื่องนี้เจ้าอย่าได้มาตำหนิข้าเลย” ชิงสุ่ยเหลือบมองไปยังแขนสองข้างของเขา

“อ่า ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ใครจะไปคิดกันล่ะว่าพี่ชายปู้ฝานจะอ่อนแอจนบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจจากการรับมือข้าได้ถึงเพียงนี้”

อย่างไรก็ตามในครั้งนี้กลับไม่มีเสียงหัวเราะเกิดขึ้น ผู้คนทั้งหมดต่างจับจ้องมาที่ชิงสุ่ย เสียงของพวกเข้าหายไปชั่วขณะ แม้แต่คนตระกูลชิงเองก็จ้องมองมาที่เขาด้วย ชิงสุ่ยได้แต่ยืนเกาหัวอย่างเขินอาย ก่อนจะแสดงท่าทางที่ดูดีและกล่าวว่า

“ที่ข้าแค่ขึ้นมาที่นี้ เพราะไม่อาจทนเห็นความหยิ่งยโสน่ารังเกียจของเจ้าได้อีกต่อไป”

ด้านล่างของลานประลอง เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของชิงเป่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและหัวเราะน้ำตาไหลอย่างบ้าหลั่ง เพราะประโยคสุดท้ายนั้นคือประโยคเดียวกับที่กล่าวไว้หลังจากเธอเอาชนะเหลียนเย่เออ

0 0 โหวต
Article Rating
9 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด