AST บทที่ 41 – ชิงเป่ย ปะทะ เหลียน เย่เออ
บทที่ 41 – ชิงเป่ย ปะทะ เหลียน เย่เออ
แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในการที่ตระกูลจะสามารถส่งคนลงแข่งได้ การที่จะก้าวข้ามจากชั้นที่ 5 ไปยังชั้นที่ 6 ได้นั้นเรียกได้ว่ามันเป็นการเผชิญหน้ากับหน้าผาที่สูงชัน เพราะการต่อสู้ระหว่างอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 5 กับ อาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่6 นั้นเหมือนเอาไข่ไปสู้กับหิน ตระกูลจึงตัดสินใจเลือกเฉพาะผู้มีพลังอำนาจเกินกว่าชั้นที่ 6 เท่านั้น
ชิงเป่ยจะทำการประลองคู่แรก ตอนนี้เขาเพิ่งบรรลุอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 6 เขาตัดสินใจที่จะทดสอบความแข็งแกร่งบนเวทีแห่งนี้ หลังจากเขาขึ้นมา ฝ่ายตรงข้ามที่ดูอายุใกล้เคียงกันก็ขึ้นมาบนเวที
“ขิงฮู จาก ตระกูลชิง!!!”
“เหลียนซิง จาก ตระกูลเหลียน!!!”
ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าชิงฮูนั้นได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้อะไรบ้างจากตระกูลชิง แต่อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนรู้เคล็ดหมัดอสูรสันโดษจากที่เขาสอน ในสายตาชิงสุ่ย การต่อสู้และการคาดการของชิงฮูนั้นดูไม่เข้าที่เข้าทางยังคงดูเงอะงะ แต่มันก็มากพอที่จะให้เขาสามารถต่อกรกับเหลียนซิงได้
ผู้ชมด้านล่างเวทีต่างสามารถบอกได้ทันทีว่าชิงฮูนั้นด้อยกว่าเหลียนซิง อย่างไรก็ตามหมัดอสูรสันโดษ หากชิงฮูใช้มันทั้งสองมือมันก็เพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีจากเหลียนซิงและอาจจะก่อกวนจนให้เขาล่าถอยได้ หลังจากที่แลกเปลี่ยนความเคารพกัน ทั้งสองก็แยกออกจากกันและเตรียมตัว
เพื่อไม่ให้ฝ่ายคู่ต่อสู้มีเวลาเตรียม ชิงฮูวิ่งเข้าหาจากด้านหน้าซึ่งเป็นเส้นทางที่เขาพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมที่สุดในการจู่มโจม ชิงฮูนั้นมีความรู้ในจุดปราณและเส้นลมปราณที่น้อยมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากัน แม้จะรู้จุดต่างๆแม้กระทั่งจุดอ่อน เขาก็ไม่อาจใช้ประโยชน์จากมันได้ดีนัก การจู่โจมครั้งแรกของชิงฮูนั้นดีมาก จนทำให้เหลียนซิงที่ต้องตั้งรับถึงกับตกใจ
แม้ว่ามือทั้งสองข้างของเขาจะเกิดอาการช้า เหลียนซิงกำหมัดอย่างแน่น และคำรามพร้อมทั้งพุ่งไปทางชิงฮู ดูเหมือนว่าเขานั้นจะได้รับบทเรียนว่าเขาจะต้องใช้ความเร็วและร่างกายที่ได้เปรียบนั้นต่อกรกับชิงฮู
ชิงฮูยืนอย่างสงบนิ่งแม้จะเห็นความเร็วที่น่ากลัวของเหลียนซิง ขิงฮูรู้ว่าการที่เหลียนซิงจะชนะเขานั้นคงไม่ง่ายนัก เมื่อเหลียนซิงต้องการที่จะปิดฉากการต่อสู้นี้ เมื่อเขาเข้ามาในระยะหมัดที่น่าหวาดกลัวของชิงฮู ชิงฮูยกแขนขึ้นเล็กน้อยพร้อมก้ำหมัด เขากำลังมองหาโอกาสนั้น และแล้วปฎิกิริยาของเหลียนซิงก็ค่อยๆช้าลงและช้าลงในขณะที่ชิงฮูนั้นกลับปล่อยหมัดที่รุนแรงออกไปเร็วขึ้นและว่องไวมากขึ้น นี้คือผลที่เกิดจากการต่อสู้จริง
แต่ตามกฎคือห้ามสังหารคู่ต่อสู้ และชิงฮูก็ไม่ได้มีความแค้นอันใดกับเหลียนซิง ชิงฮูจึงหลีกเลี่ยงการโจมตีที่จุดตายบนหัวของเหลียนซิง เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง ชิงฮูโผล่อยู่เบื้องจนคู่ต่อสู้ถึงกับประหลาดใจ เขาใช้แขนที่ว่องไวเมื่อรวมกับเคล็ดหมัดอสูรสันโดษ เขาปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเขาไปอยู่ด้านหลังของเหลียนซิง พร้อมทั้งโจมตีไปยังจุดเทียนซู ฟูเฟิน ต้าซูและ เฟยหยู ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ด้านหลังคอ
เมื่อชิงฮูมองไปทางชิงสุ่ย ก็พบว่าชิงสุ่ยที่ได้เห็นการต่อสู้ของเขากำลังยิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมทั้งพยักหน้าให้กับชิงฮู
หลังจากการต่อสู้จบไป ตระกูลเหลียนได้ส่งนักสู้อาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 6 อีกสองคนมาต่อสู้และพ่ายแพ้ให้กิงฮู ไม่เพียงแต่จะทำให้ตระกูลอื่นๆต้องตกใจแม้แต่สมาชิกรุ่นที่ 2 และ 3 ของตระกูลชิงก็รู้สึกเหลือเชื่อไม่น้อย
และแล้วชิงฮูก็พ่ายแพ้ให้กับนักสู้อาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 7 ไปอย่างมีสง่าราศี หลังจากนั้นนักสู้อาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 7 จากตระกูลตง ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับนักสู้อาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 7 จากตระกูลเหลียน แต่เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหญิงสาวจากตระกูลเฟิง
หลังจากจบการต่อสู้ของนักสู้อาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 7 จนเหลือเพียงเหลียนเย่เออเพียงคนเดียว นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดอยู่ต่ำกว่าขั้นที่ 8 แล้ว เมื่อมองไปยังผู้หญิงที่ไม่ยอมรับรักเขา หัวใจชิงฮูได้แต่รู้หวานอมขมกลืน
อันที่จริง เหลียนเย่เออ นั้นอย่างน้อยก็เป็นถึงอัจฉริยะที่แสนภาคภูมิใจของตระกูลเหลียน แม้ชิงหยางและชิงหุยจะพ่ายแพ้ไปด้วยน้ำมือเธอ แต่ความกล้าหาญที่ชิงฮูสร้างให้กับตระกูลชิงนั้นลุกลามเร็วยิ่งกว่าไฟ
เมื่อมองดูเหลียนเย่เออ นั้นมีจิตวิญญาณที่สูงส่งมาก ชิงเป่ยเธอก็กัดฟันแล้วกระโดดขึ้นบนเวที
“เห้อ เด็กคนนี้เธอทำให้ลูกๆของข้าจะต้องได้รับประสบการณ์และความรู้สึกเจ็บปวด ในอนาคตมันจะต้องลูกข้าก้าวหน้าได้ไกลกว่านี้เป็นแน่”ชิงไฮกล่าวอย่างขมขื่น
แม้ว่าความห่างระหว่างเหลียนเย่เออที่อยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 7 ซึ่งห่างจากชิงเป่ยที่อยู่ในอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 7 เพียงหน่อยนิด แต่แววตาของของเหลียนเย่เออที่มองมานั้นหาได้มีความกลัวอยู่ภายในเลย
เหลียนเย่เออที่โตเติบวัยแล้วนั้นได้ปล่อยความรู้สึกมีเสน่ห์ออกมาสู่สายตาชายหนุ่ม หากเปรียบเทียบกับชิงเป่ยที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เธอปล่อยความรู้ที่บริสุทธิ์และมีชีวิตชีวาออกมา
“เจ้าหาใช่คู่ต่อสู้ของข้า ข้าแนะนำให้เจ้ายอมแพ้ไปซะ เจ้าจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด”เหลียนเย่เออยิ้มมุมปาก
“10 กระบวนท่า ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้ภายใน 10 กระบวนท่า ถ้าข้าไม่สามารถทำได้ ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้นี้ซะ” ชิงเป่ยกล่าวอย่างเยือกเย็นจนทำให้ทุกคนถึงกับตกใจ
แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็ตกใจด้วยเช่นกัน เขาเคยคิดว่าชิงเป่ยนั้นเปรียบดั่งลูกแกะน้อยที่อ่อนโยน แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เป็นเช่นนั้น ชิงเป่ยได้ประกาศกล้าออกไปแล้ว!!!
บางที่มันก็ทำให้เหลียนเย่เออ ต้องขายหน้าเธอไม่คิดว่าชิงเป่ยจะกล้าผยองถึงเพียงนี้ ตอนนี้ใบหน้าเธอเผยรอยยิ้มที่เลห์เหลี่ยม
เธอกล่าววาจาอันเคร่งขรึม “ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าโปรดระมัดระวัง” เหลียนเย่เออดึงกระบี่สีฟ้าแววาวออกมาเหมือนทุกครั้งที่เธอทำให้คู่ต่อสู้ต้องแพ้พ่าย สีของกระบี่นี้ดูเหมือนกับดวงตาที่สดใสของสตรีผู้หนึ่ง
เพียงชั่วพริบตา เธอหยิบถุงมือที่ทำจากโซ่ออกมาและสวมใส่มัน ถุงมือครอบคลุมไปจนถึงแขนของเธอ เธอหันหน้ากลับมามองเหลียนเย่เออ
ชิงสุ่ยรู้ทันทีเลยว่าถุงมือโซ่ที่ชิงเป่ยใช้นั้นทักทอมากจากไหมของหนอนไหมเยือกแข็งซึ่งจะถูกพบได้ทางตอนเหนือที่ห่างไกล อาวุธทั่วไปจะไม่สามารถทำลายมันได้ ก่อนหน้าการประลองนี้ ชิงเป่ยได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับถุงมือนี้ให้ชิงสุ่ยฟัง มันถูกซื้อมาโดยชิงหลัว มันมีเพียงคู่เดียวเท่านั้นในตระกูลชิง มันถือได้ว่าเป็นอาวุธขึ้นสูง หากเปรียบเทียบกับถึงมือที่ถักทอจากทองคำที่ชะลอความเร็วของตัวผู้ใช้ ถุงมือนี้กลับเคลื่อนไหวราวไม่มีน้ำหนัก
การเคลื่อนที่ในครั้งแรกของชิงเป่ยนั้นทำให้ชิงสุ่ยต้องตกใจ ไม่เพียงแต่ชิงสุ่ยคนอื่นๆในตระกูลชิงก็เช่นกัน ใครจะไปรู้ว่าเธอนั้นจะใช้ก้าวบัวปราณของตระกูลชิง แต่มันกลับถูกผสมผสานเข้ากับเคล็ดหมัดอสูรสันโดษ มันเป็นความงามที่ลงตัวอย่างมาก
แน่นอนภาพที่เห็นไม่เพียงแต่จะงดงามเท่านั้น หมัดอสูรสันโดษที่ถูกใช้โดยชิงเป่ยนั้นงดงามสมบูรณ์ยิ่งกว่าชิงฮู ดูเหมือนว่าชิงเป่ยนั้นเข้าใกล้เบื้องลึกของคำว่า “รุนแรงและรวดเร็ว” ซึ่งเป็นแก่นแท้ของหมัดชุดนี้
ชิงเป่ยเรียบดั่งเสือร้ายที่ทั้งอ่อนช้อยและเกลียวกลาด ความแข็งแกร่งที่เธอถือครองนั้น เมื่อเธอย่างก้าว ผู้ชมต่างอ้าปากค้างชื่นชมเธอ ขณะที่เธอก้าวเข้าหาเหลียนเย่เออ
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กคนนี้จะกว่าประกาศกร้าว ดูเหมือนเธอต้องการจะใช้ความกดดันและจิตวิทยาในการบดขยี้ เหลียนเย่เออให้ได้ด้วย” ตลอดเวลามานี้ชิงสุ่ยได้แต่เฝ้าดูชิงเป่ย ตอนนี้เธอสามารถที่จะหยุดภูเขาลูกเล็กได้ เธอค่อยรุกจนทำให้เหลียนเย่เออถึงกลับต้องถอย
เพื่อที่จะได้รับชัยชนะ เธอจึงจะเป็นต้องรุกไล่ ปัจจุบัน มันอธิบายระหว่างเหลียนเย่เออกับชิงเป่ยนั้น ทุกการโจมตีของชิงเป่ยเปรียบดั่งพายุไต้ฝุ่นขนาดยักษ์ที่เอื้อมมือไปคว้าจงอางอย่างไรความปราณี
“กระบวนท่าที่ 8” ชิงเป้ยกล่าว ร่างกายของเธอเคลื่อนอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหลีคลื่นดาบที่เหลียนเย่เออฟาดฟัน
หลังจากที่เธอเริ่มจับทางกระบี่ของเหลียนเย่เออได้ ตอนนี้ไม่เหลือเวลามากพอแล้วสำหรับชิงเป่ย “ข้ามองเคล็ดวิชาของเจ้าออกหมดแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเพิ่มความเร็วราวกับดาวตก ทั้งปล่อยกำปั้นที่ไร้ความปราณีลงไปยังจุดปราณเทียนจู จนทำให้เธอหมดสติไป นี้คือกระบวนท่าโจมตีท่าที่ 9 ของชิงเป่ย!!!!