AST บทที่ 40 – การประลองประจำปีของเหล่าเยาวชนรุ่นที่ 3 (3)
บทที่ 40 – การประลองประจำปีของเหล่าเยาวชนรุ่นที่ 3 (3)
ชิงสุ่ยเตรียมพร้อมทุกอย่างก่อนรุ่งสาง หลังจากช่วงเช้า เขาก็เข้าไปสู่ลานกว้างตระกูลชิงพร้อมทั้งเหยียดแข้งเหยียดขาตอนรับอากาศที่สดใสในตอนเช้า ชิงสุ่ยทำเพียงแค่โคจรปราณไปทั่วร่างกายโดยใช้การควบคุมการหายใจเข้าออก
เคล็ดวิชากายาบรรพกาลนั้นช่วยปรับแต่งกระดูกและร่างกายของเขา ไม่มีวันไหนเลยในชีวิตที่เขาจะละเลยการฝึกมัน ชิงสุ่ยมักจะซ้อมหมัดอสูรสันโดษเพื่อผสานเขากับร่างกายและกล้ามเนื้อเพื่อจพใช้งานมันได้ถึงจุดสูงสุด หากเขาอยู่ในสภาพที่สมบูรณื พลังในการโจมตีนั้นมากถึง 100% อาจจะสูงถึง 200% หรือมากกว่านั้นก็เป็นได้
ตอนนี้ความเงียบภายในลานก็ถูกทำลายโดยเสียงคำรามของเหล่าสัตว์เลี้ยง แต่เมื่อมันเห็นชิงสุ่ย พวกมันก็เงียบสงบลงและแสดงท่าทางนอบน้อม
“ก้าวไร้วิญญาณ” ชิงสุ่ยเคลื่อนที่ราวกับเงาข้ามผ่านลานกว้างนี้ไป ชิงสุ่ยรู้ว่าก้าวไร้วิญญาณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเคล็ดหลบหนีไร้ทิศทาง มันช่วยให้เขาสามารถหลบหนีเหล่าอสูรกายที่แข็งแกร่งกว่าตัวเขาได้
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีหมัดอสูรสันโดษ ซึ่งถ้านำมาใช้ร่วมกับก้าวไร้วิญญาณแล้วนั้น มันจะเติมเต็มกันได้สมบูรณ์จนอาจเรียกได้ว่าไร้ที่ติ ทั้งสองวิชาต่างถูกปลดพันธนาการจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ทักษะที่เขาจะได้รับจะต้องมีมากกว่านี้เป็นแน่? แต่น่าเสียดายที่เขายังคงติดอยู่ขั้นที่ 4 มาเป็นเวลาเนินนานแล้ว ตอนนี้ทักษะที่ถูกปลดพันธนาการนั้นมี เคล็ดวิชาศาสตราวุธเล้นลับ หมัดอสูรสันโดษและก้าวไร้วิญญาณ ชิงสุ่ยในตอนนี้นั้นได้เตรียมพร้อมในการบ่มเพาะพลังแต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่เขาจะไปได้ไกลกว่าตอนนี้ในอนาคตอันสั้น
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าการที่จะคืบหน้าในการฝึกตนได้นั้นเปรียบดั่งการแล่นเรือสวนกระแสน้ำ ไปเพียงจะก้าวหน้าไปได้ยาก หากหยุดนิ่งนานเกินไป ก็อาจจะถอยหลังกลับได้
แก่นสำคัญของหมัดอสูรสันโดษ นั้นมาจากคำว่า “สันโดษ”และ “รวดเร็วดั่งอสูร” ผู้ฝึกฝนจะต้องรวดเร็วและรุนแรงจนหยุดคู่ต่อสู้ สำหรับก้าวไร้วิญญาณ แก่นแท้ของมันคือ “วิญญาณ” การเคลื่อนที่จะต้องคาดเดาไม่ได้และรูปแบบจะคล้านกับภูติผีวิญญาณ
นอกเหนือจากนั้นชิงสุ่ยยังเชี่ยวชาญทางด้านกระบี่ หลังจากฝึกฝนแก่นแท้ของเคล็ดวิชาอิไอโด้ มีเพียง 3 คำสั้นที่เปรียบดั่งพลังขับเคลื่อน นั้นคือ รวดเร็ว แม่นยำและเด็ดขาด รวดเร็วดุจสายฟ้า แม่นยำทุกคมกระบี่ เด็ดขาดรวมเป็นหนึ่งกับจิตใจ “มันจะเป็นเรื่องดีแน่ที่จะไม่ทำให้ข้าต้องถือกระบี่ แต่หากข้าต้องใช้มัน ข้าจะต้องชนะได้ด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียว และจะไม่มีใครตอบโต้ได้”
หลังจากเขายืดเส้นยืดสาย มันยังคงเป็นเวลาเช้า ชิงสุ่ยได้ยินเสียงร้านค้าเริ่มเปิดทำการ เด็กๆเริ่มส่งเสียงเจี้ยวจาวพร้อมเสียงนกร้องอันไพเราะ
เมื่อเขากลับไปยังที่พัก มันมีกลิ่นหอมหวนช่วยยั่วใจออกมา ชิงสุ่ยมองไปยังโต๊ะ ก็พบชิงอี้กำลังยิ้มรับยามเช้า บนโต๊ะมีจานผักอยู่ 2 จาน และมีเนื้อหมูป่าอีก 2 จาน พวกมันส่งกลินที่ทรงพลังค่อยๆกระตุ้นความอยากอาหารของเขา
“สุ่ยเอ๋อ รีบๆมากินข้าวกัน แล้วเดี๋ยวเราจะได้ไปดูการแข่งขัน การที่เราได้สังเกตการณ์ต่อสู้ของผู้อื่นอาจเป็นประโยชน์ในการฝึกฝนของเรา มันอาจจะช่วยได้มากกว่านั้นด้วย” ชิงอี้รีบให้ชิงสุ่ยกินข้าวและออกไปหาผลประโยชน์เข้าตัวเขา
“อ้า นานมากแล้วนะที่ลูกไม่ได้ไปดูการแข่งขันประจำปีเหล่านี้ ลูกแน่ใจมากว่าวันนี้มันจะต้องน่าสนใจ”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เมื่อมองไปบนภาพที่สง่างามของตัวชิงสุ่ย เธอต้องถึงกับตกใจที่มารยาทบนโต๊ะอาหารของชิงสุ่ยนั้นเรียกได้ว่าไม่มี เขาเหมือนอาวุธที่กำลังกระหาย เขากินทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ชิงอี้แสดงออกถึงความตกตะลึงออกทางสีหน้า
“กินช้าๆก็ได้ลูกแม่ ไม่มีใครแย่งอาหารไปจากเจ้าหรอก”ชิงอี้พูดพลางหัวเราะไปพลาง
“ท่านแม่ ผู้ดำเนินการและเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันประจำปีนี้เป็นใคร?”ชิงสุ่ยถาม
“ผู้คุมกฎในปีนี้มาจากทั้งตระกูลชิง ตระกูลเหลียน ตระกูลเฟิง ตระกูลตง และมีบางคนมากจากเมืองร้อยไมล์ด้วย”ชิงอี้ตอบอย่างสบายมันค่อยข้างเหมือนกับกฎทุกปีที่ผ่านมา
เมื่อชิงสุ่ยรับไปยังลานจัดการแข่ง เขาก็พบว่าตอนนี้มันเต็มไปด้วยผู้คนที่เอ่อล้น ไม่น่าแปลกใจเลยว่านี้คือสังคมของผู้ฝึกตนภายใต้โลก 9 มหาทวีป
แม้พื้นที่จะแน่นไปด้วยผู้คนจนมองไม่เห็นเวทีประลอง แต่ด้านหลังเวที ตัวแทนจากแต่ละตระกูลต่างมีที่นั่งสำหรับพวกเขา
ที่ยืนอยู่ข้างหน้านั้นคือตัวแทนสมาชิกจากแต่ละตระกูลที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน เช่น สมาชิกรุ่นที่ 3 ของตระกูลชิง เข้าร่วมก็จะมีสมาชิกรุ่นที่ 2 มาค่อยดู เช่นเดียวกับตระกูลเหลียน ตระกูลเฟิง ตระกูลตง แน่นอนยังมีอีกกลุ่มคนหลายๆกลุ่มยืนกระจายอยู่ทั่วรอเวลาแสดงพลังอิทธิฤทธิ์
ชิงสุ่ยเดินไปทางกลุ่มสมาชิกตระกูลชิง
“โอ้ ชิงสุ่ยเจ้าก็มาด้วย ข้าคิดว่าเจ้าจะจงเกลียดจงชังการแข่งขันนี้ซะอีก?”ชิงจือกล่าวพร้อมทั้งหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ ข้ามาที่นี้เพื่อดูทุกคน ข้าว่าปีนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก นี้อาจจะเป็นปีเดียวที่ข้ามาดูการประลองนี้ หลังจากงานเฉลิมฉลองอายุ ข้าก็ไม่แน่ใจว่าเส้นทางจะพาข้าไปที่ใด”ชิงสุ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนริมฝีปาก
หลังจากทักทายกันเสร็จสิ้นชิงสุ่ยก็ยิ้มกลับไปให้พวกเขา สมาชิกรุ่นที่ 3 ก็มาถึง ผู้ที่ก้าวขึ้นถึงระดับอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 6 และสูงกว่าคือ ชิงจือ ชิงหยู ชิงไฮ ชิงหยาง.........................ชิงฮูและชิงเป่ย ตอนนี้ชิงเป่ยนั้นบรรลุถึงจุดสูงสุดอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้น 7 และเหลือเพียงเส้นกั้นบางๆก็จะสามารถก้าวข้ามไปยังขั้นที่ 8 ได้แล้ว เธอนั้นเปรียบได้กับอัจฉริยะของตระกูลชิง แม้เธอจะอายุน้อยแต่การบ่มเพาะของเธอนั้นสามารถก้าวหน้าได้อีกมากมาย
ในช่วงเวลาสั้นๆหลังจากนั้น ชิงอี้และเหล่าสมาชิกรุ่นที่ 2 ก็มาถึง บนเวทีตอนนี้มีชิงหลัวปู่ของเขานั้นเอง ถัดจากเขาก็เป็นเหลี่ยนยีจากตระกูลเหลียนที่ชิงสุ่ยได้พบเมื่อครั้งก่อน อย่างไรก็ตามกับตระกูลตงและตระกูลเฟิง ชิงสุ่ยต่างไม่เคยพบผู้คุมกฏมาก่อน โดยตระกูลตงมาในลักษณะชายฉกรรจ์วัยกลางคนร่างกายกำยำในคณะที่ตัวแทนจากตระกูลเฟิงนั้นเป็นหญิงสาวที่ทรงเสน่ห์
มันช่วยไม่ได้เลยที่จะทำให้ชิงสุ่ยต้องเหลือบหญิงสาวคนนั้นหลายต่อหลายครั้ง ผิวพรรณของเธอนั้นเรียบเนียนดุจผ้าไหม ขนตางามงอนบนด้วยตาของเธอนั้นดูมีความน่ารักและมีเสน่ห์ เธอสวมชุดรัดรูปที่ฟ้าเผยให้เห็นส่วนโค้งมนที่น่าหลงไหล รูปร่างของเธอนั้นต่างเป็นที่ชื่นชมและดึงดูดเหล่าผู้ใหญ่ ชิงสุ่ยไม่อาจคาดเดาอายุที่แน่นอนของเธอได้แต่เขาเดาว่าเธอนั้นจะต้องอยู่ในวัยสาวแรกรุ่นเป็นแน่
และแล้วอาการชื่นชมความงามจากหญิงสาวตระกูลเฟิงก็หายไป เมื่อกลับมายังโลกความเป็นจริง เขาตกใจอย่างมากที่เห็น ซือตู หนานเทียน ยืนอยู่บนเวทีด้วย เขาคิดทันว่าตัวแทนที่มาจากเมืองร้อยไมล์นั้นจะต้องเป็นสุนัขจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่าง ซือตู หนานเทียน เมื่อเห็นการปรากฏตัวของซือตู หนานเทียน ช่วยไม่ได้ที่ชิงสุ่ยจะทำการค้นหาบางอย่างท่ามกลางฝูงชน หากเขาพบเจอซือตู ปู้ฝาน เขาอาจจะได้พบกับสือฉิงจวง ลึกๆในใจของเขา เขาปรารถนาที่จะได้มองดูสีหน้าที่เย็นชาของสือฉิงจวงอีกครั้ง
ชิงสุ่ยทำได้เพียงคาดหวัง และแล้วผู้คุมกฎทั้ง 5 และจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ซือตู หนานเทียนก็อธิบายกฏด้วยเสียงที่ดังสนั่นท่ามกลางฝูงชน
กฎระเบียบนั้นเหมือนเดิม ห้ามสังหารหมายเอาชีวิต ห้ามใช้ยาพิษ ห้ามใช้อาวุธลับ เมื่อคู่ต่อสู้ยอมจำนน ชัยชนะก็จะตกอยู่ในมือเจ้า
หลังจากอธิบายกฎเสร็จสิ้น การแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้นทันที
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจในกฎพวกนี้ นั้นคือ หากแข่งขันประลองกันเสร็จสิ้นวันนี้ คนสุดท้ายที่ยืนอยู่ได้ จะถูกพิจารณาว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นที่ 3 นี้
แต่นั้นก็ทำให้คนที่ลงแข่ง มีโอกาสถึง 3 ครั้งในการแข่งขันนี้ นั้นหมายความว่า ถ้าคนผู้นั้นพ่ายแพ้ตั้งแต่รอบแรก พวกเขาจะสามารถต่อสู้และพ่ายแพ้ได้จนกระทั่งครบ 3 ครั้ง มีเพียงอย่างเดียวคือเขายังเข้าร่วมต่อสู้ได้!!!!
หลังจากการเริ่มต้นการแข่งขันถูกประกาศออกไป ผู้คุมกฎหลักก็ได้เดินออกไป ความเงียบงันเกิดขึ้นบนลานแข่งขัน ทุกคนต่างคอยลุ้นว่าคู่ใดจะเป็นคู่แรกในการประลองนี้ ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ แต่แล้ว ชิงฮูก็ก้าวขึ้นไปบนเวที
ตระกูลชิงรู้ว่านี้เป็นบริเวณอาณาเขตของพวกเขา ดังนั้นการแข่งขันนี้ย่อมเริ่มต้นด้วยตัวพวกเขาเอง