ตอนที่ 2 : เด็กชายผู้ถูกเกลียด
รุ่งเช้าของวันต่อมา รูเดิลสลัดความขี้เกียจของตนเพื่อตื่นขึ้นมาวิ่งรอบปราสาทอีกครั้ง เขาเรียนรู้ที่จะควบคุมกับความมานะของตนเอง เขารู้ดีว่าหากเขาเลือกที่จะวิ่งในปราสาท เขาต้องโดนพ่อและแม่ดุเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะออกมาวิ่งข้างนอกของปราสาท ถึงตอนนี้เขามีความตั้งใจมากขึ้น และจะชัดเจนมากขึ้นกว่านี้หากเขาวิ่งบนผนังได้ และรู้ความเร็วในขณะที่เขากำลังวิ่ง
เขาจะวิ่งจนเสียงนาฬิกาท้องของเขาจะดังขึ้น นั่นทำให้มั่นใจได้ว่าเสียงท้องร้องของเขาบ่งบอกว่าเป็นสัญญาณเตือนว่าวิ่งมามากพอแล้ว เขาจะรีบกลับไปที่ปราสาทของเขาทันที และพบกับอาหารที่ถูกจัดเตรียมขึ้นไว้อย่างเรียบร้อย เขาทำเช่นนี้เป็นปกติทุกวันทุกวันและรับรู้ได้ว่าชีวิตไม่ได้เปลี่ยนแปลงได้ภายใน 5 ปี
เขายังไม่ลืมที่จะรักษามารยาทตามความเหมาะสมเช่นเคยในขณะที่เขากินข้าว และไม่พลาด…
“ขอบคุณสำหรับอาหาร!”
คนรับใช้ที่เดินผ่านมาเห็นรูเดิลกำลังพูดอยู่คนเดียวเช่นนั้น ขนตามร่างกายของพวกเขาก็พร้อมกันตั้งขึ้นไปตามๆกัน เขาเพียพูดอยู่คุยอยู่กับตัวเองในห้องที่ว่างเปล่า ระยะเวลา 5 ปีไม่เคยทำให้รูเดิลเปลี่ยนไป หากแต่รูเดิลแค่เพียงขอบคุณตามความรู้สึกของเขาเองเพียงเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้น รูเดิลไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าแต่อย่างใด เขาเพียงแต่ต้องการที่จะเป็นดรากูนให้เร็วที่สุด เขาไม่มีเวลามากังวลเรื่องอื่นมากนัก และตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจถึงความเมตตาที่อัศวินแห่งมังกรจะต้องมี เพราะที่ผ่านมาทุกสิ่งที่ถูกสอนให้กับเขามันมักจะเริ่มต้นด้วยการสอนในหนังสือเสมอ
เมื่อไม่นานมานี้รูเดิลถามอาจารย์พิเศษของเขาน้อยลง เพราะเมื่อเขาถามอาจารย์พิเศษกลับบอกให้เขาเลิกพยายามที่จะหาคำตอบ และหลายครั้งที่อาจารย์พิเศษไม่สามารถตอบคำถามที่เขาถามได้ เขาจึงหันมาเรียนรู้และหาวิธีหาคำตอบด้วยตัวของเขาเอง
เขาได้ร้องขอต่อพ่อแม่ของเขาหลายครั้งถึงการเปลี่ยนอาจารย์ใหม่ของเขา แต่พ่อแม่ของเขาไม่จริงจังในตัวเขามากนัก ด้วยเหตุผลที่ว่าน้องชายของเขา ‘ครัซ’ สามารถทำได้ดีกับอาจารย์คนนี้ และหากแต่อาจารย์ยังบอกอีกว่าน้องชายของเขาจะมีชีวิตที่ดีรอคอยอยู่ข้างหน้า
ถึงรูเดิลจะรู้สึกไม่ดีนักแต่รูเดิลก็ยังมีบุคคลที่เขานั้นเคารพ นั่นก็คืออาจารย์ผู้สอนดาบอดีตทหารรับจ้างของเขา และอาจารย์ยังไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับหนุ่มน้อยครัซ นั่นทำให้ครัซไม่ได้เรียนรู้วิชาดาบในสำนักดาบที่มีชื่อเสียง
และแล้ววันหนึ่งจุดเปลี่ยนของชีวิตก็ได้เขามาในชีวิตของเขา วันเกิดของน้องสาวคนที่สองเขา และใครกันที่จะเป็นคนที่สามในปีนี้
คนแรกเกิดของเขาชื่อเอสซิก้า ส่วนคนที่สองชื่อลีน่า หากแต่ทั้งสองได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์โดยที่เอสซิก้าเป็นพวกชอบความลุ่มหลงอย่างถึงที่สุด และลีน่าเป็นพวกเข้ากับใครได้ไม่ดีนัก
ใน courtois ผู้หญิงผมบลอนด์คือผู้หญิงที่จะพบมากที่สุด ลีน่ามักชอบอวดเส้นผมสีดำที่เงาสลวยและดวงตาสีดำที่เป็นกลประกายของเธอ แต่เธอมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องของเธอเองมากกว่าที่จะออกมาพบกับผู้คน โดยที่รูเดิลจะอยู่ห้องชั้นบนและลีน่าจะอยู่ห้องชั้นล่าง
ในขณะที่รูเดิลจะเริ่มออกไปวิ่งในทุกๆเช้าหลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นได้ไม่นาน เขาเลือกที่จะออกทางประตูหน้าอย่างรวดเร็วและกระโดดลงหน้าต่างแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมนัก ทันทีที่เข้ากระโดดลงหน้าต่างเขาเห็นลีน่ากำลังจ้องเขาเหมือนเขาเป็นบุคคลที่น่าสงสัย และหลังจากนั้นลีน่าก็จะตั้งนาฬิกาของเธอเผื่อตื่นมาดูเขาในทุกเช้าหลังจากที่เขาตื่น
ได้เวลาตื่นนอนจากความง่วงที่แสนจะดึงดูดตั้งแต่แสงแรกของดวงอาทิตย์เพิ่งจะเริ่มขึ้น เขาออกจากปราสาทและกลับมาในปราสาทเป็นเวลาเดียวกันในทุกๆวัน ลีน่าที่จับตามองเขาอยู่ถึงกับอึ้งไปสักครู่หลังที่มารู้ว่าเขาคู่พี่ชายของเธอจากแม่อีกคน
ลีน่าประทับใจในการกระทำของรูเดิลเป็นอย่างมากในเวลาต่อมา
“เจ๋ง!”
ลีน่าเป็นคนแปลกคนหนึ่ง เธอมีลักษณะนิสัยหลายๆอย่างที่คล้ายกับรูเดิล และลีน่าก็เริ่มติดตามรูเดิลไปในทุกๆที่เพื่อคอยระวังหลังให้เขา
“เธอมาทำอะไรตรงนั้น?” เขาพูดอย่างคนที่กำลังรำคาญ
“ห๊ะ!?” . . รูเดิลเลือกที่จะเลิกคุยและแยกย้ายกันไป
วันหนึ่งหลังจากเสร็จวิชาฝึกดาบรูเดิลได้ตัดสินใจเข้าไปหาลีน่าก่อนที่จะเดินกลับห้องของเขาเอง เขาเฝ้าดูเธอมาสักระยะแล้ว แล้ววันนี้เขาเริ่มหมดความอดทนกับการกระทำของลีน่า
เมื่อเขาหันไปพบกับเด็กแปลกหน้าเขาเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง และนั่นคือความประทับใจครั้งแรกของรูเดิลเขาอยากทำความรู้จักเด็กผู้หญิงคนนั้น
“ยะ…โย” เขาพูดอย่างคนที่กำลังอยากจะวางเชิง
ในขณะนั้นลีน่าก็หันมาเริ่มจ้องมองเขา เธอเหมือนอยากจะทักทายแต่นั่นทำให้รูเดิลเองรู้สึกลำบากใจ เขาไม่เคยคิดอยากจะทำความรู้จักกับใคร
“…โย?”
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ลีน่าก็เริ่มที่จะกล้าเข้าใกล้รูเดิลมากขึ้น รูเดิลเองก็มีความสนใจในตัวเด็กหญิงคนนั้นเช่นเดียวกันตัวของเขาเหมือนรู้สึกร้อนพล่าน
และพวกเขาก็กินอาหารเช้าร่วมกัน
“แหวะ มันขมจัง”
เมื่อลีน่าเพียงแค่กัดเข้าไปถึงในตัวของผักเพียงน้อยนิด เธอก็ได้บ่นกับรูเดิลหากแต่รูเดิลกินมันมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว เขาไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ถ้าจะพูดกันจริงๆ รสชาติอาหารก็แย่อย่างที่ลีน่าบอก
“มันเต็มไปด้วยคุณค่านะ เธอต้องกินมัน เคี้ยว ไม่!เดี๋ยวอย่าเพิ่งกลืน! เธอต้องเคี้ยว!”
ความขมของรสชาติมันทำให้กระเพาะของลีน่าเหมือนสร้างหลุมดูกมันเข้าไป เธอกลืนไปก่อนที่จะได้เคี้ยวเสียอีก แต่เธอก็ยังคงแปลกใจรูเดิลที่ยังกินอาหารนี้เข้าไปได้
และเขาก็ยังสนใจที่อยากจะให้เธอกินมันเข้าไปเช่นกัน
“หนึ่งง…สองงง…สามมม เอ้า!?”
“สี่..”
รูเดิลมองหน้าเธอและครุ่นคิดในใจ เธออาจจะดูน่ารำคาญในตอนแรก แต่เธอก็ยังไม่ได้สร้างความวุ่นวายอะไรและเขาก็ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตขึ้นมาก แต่แล้ววันหนึ่งลีน่าก็เริ่มอาการไม่ดีเป็นหวัด เธอไม่สบายหนักขึ้นรูเดิลจึงพาเธอไปส่งที่ห้อง
แล้วรูเดิลก็เห็นเธอในวันต่อมา รเขารู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่ลีน่าไม่เป็นอะไร
“เหงาหรอ?” รูเดิลถาม
“ทำไม?” ลีน่าถามกลับอย่างคนขี้สงสัย
“ไม่มีอะไร ตอนนี้เธอต้องกินมั้น และต้องเคี้ยว อย่าเพิ่งกลืน!”
ในความจริงแล้วรูเดิลได้มีการสนทนากันมากกว่าจะกินอาหารเช้าเสียอีก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอยากจะขอบคุณพระเจ้าของเขาจากใจ
วันต่อมา ครัซ และเด็กผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักเดินลงมาจากอีกฝั่งของปราสาท พร้อมกันกับรูเดิลที่เดินมาอีกฝั่งพร้อมกับลีน่า และแน่นอนเขากับลีน่าเลือกที่จะเดินข้างบนส่วนในทางของครัซเลือกที่จะเดินตรงกลางพร้อมกับผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นและเมื่อเขาต้องเดินสวนกันที่ห้องโถงพร้อมกับคนรับใช้ข้างหลังครัซที่ดูเหมือนจะเข้ามาดูสถานการณ์เสียมากกว่า. . .
“พี่ชาย นายจะไม่ถอยไปหรอกหรอ ?”
“ครัซ ฉันคือลูกคนโตของที่นี่ ฉันว่าตำแหน่งฉันสูงกว่านายนะ”
แม้จะเกิดกันคนละปีแต่คนรอบข้างส่วนมากคิดว่าารูเดิลนั้นเป็นคนบ้า ส่วนครัซคือเด็กผู้ชายที่แสนมหัศจรรย์
“รูเดิล ครัซนั้นกำลังจะรีบไป หากท่านไม่หลีกทางให้แล้วละก็ . ..”
คนรับใช้คนหนึ่งพูดขึ้น และแน่นอนรูเดิลไม่มีทางหลีกให้ครัซอย่างแน่ เขายืนอย่างใจเย็น นิ่งรับเหมือนกำลังรอชัยชนะเขารอให้อีกฝ่ายหลีกไป ครัซเริ่มหงุดหงิดกับท่าทางของรูเดิล และเขามักจะได้ยินคนพูดบ่อยๆ
‘ หากไม่มีรูเดิล ครัซจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าอย่างแน่นอน ‘
พวกเขาอยากจะบอกว่าเขาไม่ชอบทัศนคติของรูเดิลเท่าไหร่นัก และก่อนที่น้องสาวที่น่ารักของเขาจะหลีกทางให้รูเดิลเธอทำสิ่งที่รูเดิลคาดไม่ถึงคือเธอจับมือครัซแล้วเดินหลีดทางไปอีกทางหนึ่งเธอคือเอสซิก้าพี่สาวของลีน่านั่นเอง คนรับใช้ที่อยู่บริเวณนั้นรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ดีแน่ พวกเขาเลยเลือกที่จะเดินไปส่งครัซ เอสซิก้าหันหลังกลับมามองรูเดิล
“คุณมีอะไรกับเขา …?” เอสซิก้าถามครัซด้วยความอยากรู้ถึงความจริง
พี่น้องร่วมสายเลือดที่มีกำแพงขนาดใหญ่กั้นระหว่างพวกเขา . . .รูเดิลและครัซต้องบาดหมางกันอีกแน่ๆ