ภาค พลังแห่งพระเจ้าจงตื่นขึ้น ปริศนาการกำเนิดชิงสุ่ย บทที่ 1 – ชิงสุ่ย แห่งตระกูลชิง
บทที่ 1 –ชิงสุ่ย แห่งตระกูลชิง
หมู่บ้านเล็กๆ ล้อมรอบด้วยเนินเขาและภูเขา ทิวทัศน์ที่งดงาม สภาพแวดล้อมของหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพืชและสัตว์ อากาศแห่งนี่มีกลิ่นหอมสดชื่นจากพืชพรรณนานาชนิดเกินจะพรรณนา
เด็กชายตัวเล็กๆ ประมาณ 5 ขวบ ร่างกายกลับผอมแห้ง อ่อนแอ และป่วยง่าย นั่งอยู่บนบนยอดเนินเขา
หากใครได้พบเห็นเด็กน้อยคนนี้ พวกเขาทุกคนกลับต้องตกตะลึง เนื่องจากเด็กน้อยคนนี้ ดูมีสง่าราศี ใบหน้าขนาดเล็กที่ละเอียดอ่อนพร้อมดวงตาสีดำคู่สวย แต่สีหน้าเศร้าที่เด็กคนนี้แสดงออกมาผ่านดวงตาที่แสนงดงามกลับไม่เหมาะสมกับอายุของเขาแม้แต่น้อย มันเป็นลักษณะที่เด็ก 5 ขวบไม่ควรแสดงออกมาได้
" มันผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้ว . . . . . . . ที่ข้าได้ปรากฏตัวขึ้นในโลกใบนี้ โลกนี้และโลกเดิมของข้าแตกต่างกันอย่างมาก ข้าไม่แน่ใจเลยว่ายุคนี้คือยุคไหน สิ่งเดียวที่ข้ารู้คือ ทวีปนี้ถูกเรียกว่า ทวีปคิวซู.
" ทุกคนในครอบครัวตอนนี้ของข้านั้น สามารถฝึกพลังยุทธได้ ทำไมข้าถึงไม่สามารถฝึกมันได้ หรือว่าข้ามันเป็นแค่ขยะไร้ค่า? " ชิงสุ่ยพึมพำ
ทุกครั้งที่ข้าออกแรงฝึกหรือใช้พละกำลัง เขาจำต้องหมดแรง ต้องสูดอากาศหายใจอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาก็จะเริ่มสั่นอย่างน่ากลัว จนกระทั่งเขาล้มลงหมดสติ !
" เมื่อก่อนข้าเคยจินตนาการถึงการมีพลังยุทธแบบในเกมส์แฟนตาซีกับเพื่อนๆ(ในวีดีโอเกมส์ในโลกเก่าที่เขาเคยเล่นกับเพื่อน)แล้วทำไมในโลกที่มีพลังยุทธนี้ข้ากลับต้องไร้พลัง ? " ชิงสุ่ยบ่นอย่างน้อยใจ
" ชิงสุ่ย ! ชิงสุ่ย ! " เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ชิงสุ่ยค่อยๆคล้ายความเศร้าโศกและแสงแห่งความสุขก็เปล่งประกายจากดวงตาที่ดูไร้เดียงสาของเด็ก 5 ขวบทันที
" แม่ครับ ผมอยู่นี่ ! " หลังจากที่เขากล่าวว่า เขาโบกมือของเขาแล้วรีบวิ่งอย่างรวดเร็ว หญิงสาวที่เรียกชิงสุ่ยรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์โดดเด่นแตกต่างจากผู้หญิงชาวบ้านธรรมดา
" ลูกแม่ ทำไมถึงออกมาไกลถึงเพียงนี้ เพื่อที่จะเล่นสนุก ถ้าลูกอยากมาเล่นทีนี้ ให้แม่มากับลูกนะ โอเคมั้ย " หญิงสาวจับมือของชิงสุ่ย พร้อมยิ้มด้วยสายตาอ่อนโยน ในขณะที่เธอค่อย ๆ ก็ดุด่า ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ย รู้สึกอบอุ่นในหัวใจมาก เมื่อครั้งที่เขามายังโลกใบนี้ เขายังเป็นแค่ทารกในครรภ์ของร่างกายผู้หญิงคนนี้ จนตอนนี้ 5 ปีผ่านไป ชิงสุ่ยหาเหตุผลที่แน่นอนมารองรับเหตุการณ์ต่างๆไม่ได้ แต่เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้รู้สึกผูกพันกับเขามากกว่าคนอื่นที่เรียกเขาว่าไอ้ขยะ! เพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้นในโลกนี้ที่ปฏิบัติต่อเขาดุจสมบัติอันล้ำค่าเกินจะพรรณนาได้ !
ตั้งแต่เขาเกิดมา ชิงสุ่ยไม่เคยเห็นพ่อของเขาเลย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน ผู้หญิงที่อ่อนโยนและสง่างามคนนี้เป็นคนค่อยอบรมสั่งสอนเขาเสมอ
ชิงสุ่ย ใช้แซ่(นามสกุล)ตามแม่ของเขา ซึ่งแม่ของเขาชื่อ ชิงอี้ ซึ่งเป็นคนของตระกูลย่อยชิง โดยตระกูลชิงอาศัยอยู่ในเมืองชิง ซึ่งอยู่ห่างไกลมากโดยจะถูกควบคุมโดยอำนาจเผด็จการจากตระกูลชิง ซึ่งเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดภายในรัศมี 100 ลี้ เพราะเทคนิคการต่อสู้ลับของตระกูลได้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น กองทัพตระกูลชิงถือได้ว่าเป็นตระกูลที่หาคู่แข่งได้ยาก จัดเป็นตระกูล 1 ใน 3 ของเมืองร้อยไมล์
เนื่องจากเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงไม่มีใครกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลชิงได้ ชิงสุ่ยรู้เรื่องทั้งหมดนี้ดังนั้นในนี้ห้าปีที่ผ่านมานี้ ในขณะที่เด็กในตระกูลคนอื่นๆต่างบ่มเพาะพลังยุทธ แต่ชิงสุ่ยได้ข้อยกเว้นในการฝึก(ก็ไม่มีพลังจะให้ทำไงล่ะ ตรูก็อยากฝึกนะ 555 ) ดังนั้นเมื่อเขาไม่ต้องฝึกเหมือนเด็กคนอื่นๆเขาจึงให้ความสำคัญต่อการอ่าน ศึกษารวบรวมข้อมูลรอบๆตัวเขา
แม้เด็กธรรมดาสามัญก็สามารถฝึกการบ่มเพาะพลัง รวมทั่งศิลปะการต่อสู้ที่ดูด้อยกว่าได้
ชีวิตในอดีตของเขา ชิงสุ่ยมีความคิดที่ว่า เขาต้องการเป็นเจ้าผู้ครอบครอง สวรรค์ ชั้นบนสุดที่สามารถสั่นสะเทือนโลกให้พังทลายได้ รวมทั้งสามารถบ่งการชะตาชีวิตของมนุษย์ได้ราวกลับฝุ่นใต้เท่าของเขา
และแล้วโอกาสสุดท้าย ของเขาก็มาถึง ชิงซุ่ยเกิดในต่างโลก แต่เขากลับกลายเป็นได้แค่ขยะที่ไม่สามารถบ่มเพาะพลัง ! อย่างที่เขาคิดได้ เขาแอบชำเลืองมองที่ผู้หญิงสวยอยู่ข้างๆเขา ชิงอี้ยังคงจ้องมองชิงสุ่ยพร้อมส่งความรู้สึกที่มีแค่ความเห็นใจ ความรัก ความหวัง และความอยุติธรรมในชะตาของชิงสุ่ยผ่านสายตาของเธอ . . . . . . .
เมื่อชิงสุ่ยเห็นความหวังในแววตาของเธอ ชิงสุ่ยลดหัวของเขา เขากลัวว่าชิงอี้คงจะต้องผิดหวัง พ่อแม่ทุกคนในโลกนี้ต้องการให้บุตรหลานๆของพวกเขาบรรลุสิ่งที่โดดเด่นในชีวิต ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้บุตรหลานของพวกเขาเป็นเพียงแค่ขยะ ! อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบัน ชิงสุ่ยเกรงว่าเขาจะไม่มีทางเลือก มีแต่ทำให้แม่ของเขาผิดหวัง
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมานี้ คนที่เลี้ยงดูและค่อยหาชุดแต่งกายให้เขาคือผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงคนนี้ ผู้ซึ่งเขาเรียกแม่ ชิงสุ่ยกลัวว่าสักวันนึงเธอจะหายไปจากเขา
" ชิงสุ่ย หิวรึเปล่า ถ้าลูกจะออกไปเที่ยวเล่น ลูกอย่าลืมกินอาหารของลูกนะ ! " ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจเป็นห่วง ค่อยดูแล มีท่าทางคล้ายกับนางฟ้า สิ่งเหล่านี้ทำให้ชิงสุ่ย รู้สึกว่า แม่ของเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา ตอนแรกเขาคิดว่าที่คนเคารพแม่ของเขา เพราะเธอเป็นลูกสาวของผู้นำตระกูลชิง แต่ดูเหมือนว่า นี่มันจะไม่ใช่อย่างนั้น
" ท่านแม่ ทำไมลูกถึงเป็นคนไร้ประโยชน์ ? เด็ก ๆสามารถบ่มเพาะพลังได้ แต่ลูกกลับไม่สามารถ . . . . . . . ไม่นานแม่จะคิดเหมือนพวกเขา และคิดว่าลูกเป็นแค่ไอ้ขยะ " ชิงสุ่ยกระซิบ สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขาค่อยกลั้นน้ำตาเอาไว้
ชิงอี้เธอ รู้สึกถึงการสั่นของหัวใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำหนักของความหวังของเธอตรึงลงบนไหล่ของเด็กน้อยคนนี้ อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยคนนี้ไม่สามารถบ่งเพาะพลังได้ ความหวังของเธอต้องถูกดับลง
เธอพยายามลืมเรื่องที่ว่า ชิงสุ่ยจะบรรลุการบ่งเพาะขึ้นสูงได้ ตราบเท่าที่เขาสามารถมีชีวิตที่อิสระและมีความสุข
เธอก็พอใจมากแล้ว
" ชัวเอ๋อ(คำศัพท์ที่แม่ของชิงสุ่ยเรียก เป็นการแสดงถึงความรักที่แม่มีต่อลูก) ไม่ว่ายังไง แม่ก็จะรักลูกเสมอ ลูกจะเป็นความสุขและความภาคภูมิใจของแม่เสมอ ลูกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของแม่ เมื่อลูกมีความสุข เราก็จะมีความสุข " ชิงอี้จูบแก้มของชิงสุ่ยอย่างใสซื่อบริสุทธิ์
ความอบอุ่นและความรักที่กระทำออกมาส่งถึงส่วนลึกของจิตใจระหว่างพวกเขา ชิงสุ่ยค่อนข้างจะชินกับมัน เขารู้สึกมีความสุขมาก ไม่ว่ายังไงก็ตาม ยังคงมีคนที่รักเขา ผู้ที่เรียกเขา ไอ้ขยะ หรือดูถูกเขาต่างๆนาๆ มันกลับกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญเลย เมื่อเทียบกับการที่เขาก็ไม่สามารถช่วยลบความรู้สึกเสียใจที่เขาได้ทำกับแม่ของเขาชิงอี้
ตระกูลชิง ตั้งอยู่ที่เหนือสุดของเมืองชิง บริเวณรอบๆภายในรัศมีประมาณ 10 ลี้ ประชากรทั้งหมดเป็นคนของตระกูลหลัก และสาขาตระกูลย่อย ในปัจจุบันผู้นำตระกูลหลัก ชิงหลัวมีอายุกว่าร้อยปี แต่เนื่องจากเขาเป็นจุดสูงสุดของพลังโฮว่เทียน จึงทำให้เขาก็ยังดูเหมือนผู้ชายวัยกลางคน เมื่อมนุษย์ที่ไปสู่จุดสูงสุดของพลังโฮว่เทียนจะสามารถยืดอายุขัยออกไปได้ถึงสองร้อยปีเมื่อเทียบกับมนุษย์ที่ปกติมีเพียงอายุขัยหนึ่งร้อยสามสิบปี
ชิงอี้ เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของผู้นำตระกูลหลักของตระกูลชิง หัวหน้าตระกูลชิงมีบุตรทั้งหมด 4 คน ซึ่ง ชิงอี้ เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด ที่แน่ๆคือเธอเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของผู้นำตระกูลหลักชิงขณะนี้เยาวชนรุ่นใหม่ของตระกูลได้ถือกำเนิดขึ้นมามาก ชิงหลัว รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขามักจะยิ้มอย่างจริงใจจากหัวใจของเขาแม้เมื่อเขาได้พูดคุยกับ ชิงสุ่ย เมื่อมีอัจฉริยะที่มีความสามารถมากมายเกิดขึ้นมาในรุ่นนี้ แม้ว่ามีการเพิ่มอีกหนึ่งอัจฉริยะหรืออีกหนึ่งขยะไร้ความสามารถ มันก็ไม่ได้สำคัญมากในสายตาของเขา นอกจากนี้ ชิงสุ่ย เป็นลูกของชิงอี้ ลูกสาวสุดที่รักของเขา แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบ่งเพาะพลังได้ ตราบเท่าที่ชิงหลัวบิดาของเธอยังคงอยู่ ชิงอี้ รู้สึกอุ่นใจ และมันใจว่าบิดาของเธอชิงหลัว จะสามารถปกป้องชิงสุ่ยได้เป็นอย่างดีแน่นอน
ภายในตระกูลชิงจะมี สนามหญ้าขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งไว้สำหรับฝึกฝน สนามหญ้าตระกูลชิงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่สำคัญมาก เมื่อชิงอี้และชิงสุ่ยได้เข้าไปดู พวกเขาก็ได้เห็นเหล่าหลานชายและลูกสาวของตระกูลชิงกำลังฝึกเพลงยุทธ รวมทั้งบ่งเพาะพลัง สายตาของแม่ลูก มองเห็นทุกคนราวกับเสือที่ดุร้าย !
ชิงอี้ มองเห็นความเศร้าในดวงตาของชิงสุ่ย เธอถอนหายใจอย่างเงียบๆ เด็กที่อายุยังน้อยย่อมพยายามแสวงหาความแข็งแกร่งแต่กลับไม่สามารถคว้ามันมาได้ ซึ่งราวกับโดนคำสาปแทนที่จะเป็นการได้รับพรสวรรค์แทน . . . . . . .
เธอค่อยๆเข้าไปสวมกอดเธอชิงสุ่ย เธอไม่อยากให้เขาเห็นเด็กที่กำลังฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่การกระทำของเธอก็ไร้ประโยชน์ เพราะในช่วงเวลานั้น เสียงเยาะเย้ยเหยียดหยามและเสียงหัวเราะที่มุ่งไปสู่ ชิงสุ่ยดังออกมา ความรู้สึกนี้มันแย่กว่าการถูกเรียกว่า ไอ้ขยะ! โดยตรง เสียอีก