AST บทที่ 35 – ลิ้มรสผลไม้เสริมปราณ
บทที่ 35 – ดูดซับผลไม้เสริมปราณ
ชิงสุ่ยเหลือบมองไปยังผลไม้ที่แวบวับทั้ง 10 ลูก ผลไม้เสริมปราณสีแดงราวกับเลือด หากกินพวกมันเข้าไป มันจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งได้ทันที 500 จิน มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเขามาก แต่มันกลับมีข้อจำกัดที่ว่า ตลอดชีวิตของมนุษย์นั้นสามารถกินมันได้เพียง 2 ผลเท่านั้น เพราะหากรับประทานมันได้อย่างไม่จำกัดและไม่มีผลกระทบ แน่นอนว่าชิงสุ่ยคงจะกินมันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งขนาด 5000 จิน ในทุกๆปีเป็นแน่
ปัจจุบันชิงสุ่ยถือครองความแข็งแกร่งถึง 15,000 จิน ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการกินผลไม้เสริมปราณนั้นไม่ได้น่าสนใจเลยสักนิด มันเป็นเพียงการเพิ่มพลังขึ้นเพียง 500 จินเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหากเปรียบเทียบกับเนื้อที่เขาจะได้รับ ผลไม้นี้ไม่ต่างจากยุงตัวเล็กๆเลย แต่อย่างน้อยมันก็ยังถือได้ว่าเป็นเนื้ออยู่วันยังค่ำ แม้ความเป็นไปได้แม้จะน้อยนิดแต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะช่วยให้เขาก้าวข้ามขั้นที่ 3 ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล
หลังจากที่เขาคิดทบทวน ชิงสุ่ยพลันเดินก้าวไปอยู่ข้างหน้าและมองดูต้นไม้เสริมปราณที่ดูแข็งแกร่งซึ่งบนต้นไม้นั้นมีผลแวววับอยู่นับ 10 ผล นั้นคือ ผลไม้เสริมปราณ เขารับรู้ถึงกลิ่นคาวบางอย่างที่พัดอยู่เหนือเขา หลังจากนั้นเขาก็ขยายมือข้างหนึ่งของเขาไปที่กิ่งของต้นไม้ต้นนี้เพื่อที่จะดึงผลเสริมปราณออกมา
“อ๊ากกก นี้มันเป็นไปไม่ได้ ไม่จริง ทำไม ทำไมข้าถึงดึงมันไม่ออก ชิงสุ่ยคาดการณ์ไว้ว่า เมื่อใดที่เขาพยายามถอนผลไม้นั้นออก เขาคงใช้พลังเพียงไม่กี่จินเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับเกินกว่าทีคาดคิดเอาไว้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถถอนผลไม้จากกิ่งนั้นได้ มันกลับไม่ขยับเขยื้อนจากแรงของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว!!!!!
ยอดเยี่ยม!! ยอดเยี่ยม!! ชิงสุ่ยเผลออุทานออกมา หลังจากที่เขาทุ่มเทแรงเพิ่มขึ้นๆ เขากลับไม่สามารถที่จะถอนผลไม้เสริมปราณออกจากต้นได้ ตอนนี้เขาใช้แรงออกมากว่า 100 จินแล้ว
“ให้ตายเถอะ” ชิงสุ่ยพูดออกมาเนื่องจากความใจร้อน ชิงสุ่ยคิดว่าระดับแรงที่จะสามารถถอนผลไม้นี้ได้สำเร็จคงอยู่ที่ประมาณ 500 จิน!!!
เมื่อชิงสุ่ยคิดทบทวนจนเสร็จสิ้น ผลไม้ที่สามารถเพิ่มพลังได้ 500 จิน ย่อมจำเป็นต้องใช้แรงในการถอน 500 จินอีกด้วย และแล้วผลเสริมปราณของมันก็ถูกถอนออกมา นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอเข้ากับสิ่งที่แปลกประหลาด อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ประหลาดใจ เพราะมีสิ่งแปลกประหลาดมากมายภายใต้โลก 9 มหาทวีป อย่างน้อยการมีอยู่ของดินแดนหยกยุพราชอมตะนั้นน่าประหลาดใจกว่ามาก เขาส่ายหัวอย่างไม่แยแส นับตั้งแต่วันที่เคล็ดวิชากายาบรรพกาลนั้นปรากฏบนตัวเขา ความสามารถและความเข้าใจของเขานี้ถือเป็นสิ่งแปลกประหลาดกว่ามนุษย์ปกติจะมีอย่างแน่นอน
ผลไม้อาจจะยังไม่มีมนุษย์ธรรมดาผู้ใดเคยถอนมันเป็นแน่.................
ขนาดของผลเสริมปราณนั้นเทียบเท่ากับฝ่ามือของชิงสุ่ย คลื่นความร้อนเล็ดลอดออกมาจากฝ่ามือ พลังปราณถูกยึดอีดแน่นเพียงแค่มองก็รับรู้ได้ถึงความร้อนที่ออกมาจากผลที่แสนแวววับ เมื่อมองไปยังผลเสริมปราณ ชิงสุ่ยทดลองกัดมัน
เนื้อของมันนั้นทั้งกรอบทั้งเหนียว รสชาติที่แสนเผ็ดร้อนกระจายไปทั่วปากของเขา ก่อให้เกิดกลินอันแสนมีเสน่ห์ออกมาอย่างรวดเร็ว ผลเสริมปราณทั้งลูกกำลังถูกกินโดยชิงสุ่ย สิ่งที่น่าแปลกมากที่สุดคือผลเสริมปราณนั้นไร้ซึ่งเมล็ด หลังจากที่มันถูกกินเขาไป ผลไม้ปล่อยคลื่นพลังปราณอย่างบ้าคลั่งภายในจุดตันเถียน พลังแพร่กระจายไปทั่วสาระทิศผ่านเส้นลมปราณ เกิดการผสมผสานระหว่างร่างกายกับพลังอย่างไร้ซึ่งขอบเขต!!!!
ชิงสุ่ยโคจรปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล ร่างกายทั้งหมดของเขาเริ่มค่อยแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อเทียบกับการโคจรปราณในตอนปกติ ตอนนี้มันให้ความรู้สึกเข้มขึ้นแต่กลับสบายกว่าเดิมมาก และแล้วชิงสุ่ยก็เปิดตาทั้งคู่ของเขาขึ้น การแสดงออกของเขานั้นมั่นใจกว่าปกติ แต่ภายใต้ดวงตานั้นกลับรู้สึกถึงความสับสน
แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้เขาก้าวข้ามจุดที่ติดขัดไปได้ แต่ความสับสนที่เขาแสดงออกนั้นคือ เขางงมากว่าทำไมผลเสริมปราณนั้นได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาถึง 2,000 จินแทนที่จะเป็น 500 จินความที่กล่าวไว้ นอกจากจะเพิ่มความแข็งแกร่งแล้วมันยังมีผลต่อเส้นเอ็นและกระดูกอีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ร่างกายของเขาก็ขจัดสิ่งสกปรกออกมาอีกเล็กน้อย น่าเสียดายที่ว่าชิงสุ่ยเคยผ่านกระบวนการชำระนี้ไปแล้ว 2 รอบ แต่ผลครั้งนี้เกิดจากการกินผลเสริมปราณ ถึงกระนั้น แม้มันจะไม่ได้ช่วยให้เขาได้รับตามต้องการ แต่มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นต่อผลไม้ชนิดนี้ หากอยู่ในมือมนุษย์ธรรมดา คนผู้นั้นจะต้องเรียกมันว่า โอกาสจากสวรรค์!!! เป็นแน่
“ทำไมคำอธิบายกลับระบุว่าผลเสริมปราณนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้เพียง 500 จินล่ะ??” แม้ว่ามันจะไม่ทำให้เขาเสียประโยชน์ อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น
เนื่องจากมีขีดจำกัดของการกินผลไม้ ชิงสุ่ยไม่รอช้าเขากินผลเสริมปราณลูกที่ 2 ในทันที หลังจากที่เขากินมันเขาไป มันช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เขาต้องสาปแช่ง “ไอ้ผลไม้นรก!!!!” เขาได้รับพลังความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาเพียง 500 จินเท่านั้น!!!
ชิงสุ่ยพยายามที่จะเข้าใจสถานกการณ์ทั้งหมด มันอาจเป็นไปได้ว่า เป็นเพราะการกินผลเสริมปราณครั้งแรก? หรือเป็นเพราะร่างกายของเขานั้นพิเศษกว่าผู้ใด? หรือมันอาจเป็นเพราะว่าเขานั้นถือได้ว่าเป็นจักรพรรดิคนปัจจุบันของดินแดนหยกยุพราชอมตะ
หลังจากกินผลเสริมปราณเข้าไปถึง 2 ลูก ขิงสุ่ยได้รับความแข็งแกร่งขึ้นมา 2,500 จิน ความแข็งแกร่งนี้เพิ่มขึ้นมาถึง 20% จากความแข็งแกร่งเดิม
เมื่อออกไปยังกิ้งของต้นเสริมปราณ มันยังมีผลเสริมปราณเหลืออีกถึง 8 ผล ชิงสุ่ยดุงมันออกมาใส่ลงในผ้าของเขา เพื่อเตรียมใช้เป็นของขวัญสำหรับชิงอี้ถึง 2 ผล และชิงหลัวถึง 2 ผล ยามเมื่อเขากลับถึงหมู่บ้านตระกูลชิง ส่วนผลที่เหลือชิงสุ่ยยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ และอีก 100 ปีผ่านไปภายใต้ดินแดนหยกยุพราชอมตะ ผลของมันจะถูกเพิ่มขึ้นมาอีก 10 ผล
ช่วงเวลานี้ชิงสุ่ยยังพบว่าทะเลสาบใสภายในดินแดนห้วงมิตินี้จะเติมตัวเองให้เต็มอยู่เสมอแล้ว เขายังรู้อีกว่าน้ำนี้หาใช่น้ำธรรมดาอย่างแน่นอน มันต้องมีคุณสมบัติลึกลับ!!! หลังจากที่เขามองดูดินสีม่วงภายใต้เท่าของเขาและเขาก็ครุ่นคิด
“ข้าควรจะปลูกอะไรสักอย่างที่นี้ ถ้าข้าไม่คิดจะทำอะไรมัน ข้าจะต้องสูยเสียดินแดนวิเศษที่แสนจะสมบูรณ์ไป แต่ ข้าควรจะปลูกอะไรดีล่ะ อ้า ช้ารู้แล้ว ยาสมุนไพรไงล่ะ!!!”
ช่วงเวลานี้ ชิงสุ่ยนั้นมีความรู้มากมายเกี่ยวกับยาสมุนไพร โอสถต่างๆ นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเลือกปลูกสมุนไพรภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ และสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้น หากเขาอาจจะสามารถปลูกเหล่าสมุนไพรอันทรงคุณค่าและราคาแพง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชิงสุ่ยไร้ซึ่งต้นกล้า แม้จะเป็นสมุนไพรถูกๆก็ตาม ดังนั้นดินแดนแห่งนี้ก็ยังคงเปลือยเปล่า
เขายังคงถือกระบี่ที่หนาและหนักอยู่ในมือของเขา เพื่อเป็นการกระตุ้นเขาจึงตัดสินใจแกะสลักคำ 3 คำลงบนกระบี่ไม้นั้น
แม้ขณะที่เขาวิ่งอยู่บนถนน เพื่อที่จะกลับไปยังตระกูลชิงให้เร็วที่สุด มือข้างนึกที่ถือกระบี่ไว้ยังคงปลดปล่อยท่าอิไอโด้ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ คล้ายกับคำพูดหนึ่งที่ว่า ผู้ฝึกกระบี่นั้น มือข้างหนึ่งจะต้องห้ามละทิ้งออกจากกระบี่
“อีกไม่นานข้าก็จะถึงบ้าน สิ้นปีนี้ ข้ายังคงไม่ลืมเทศกาลเฉลิมฉลองแห่งยุคสมัย นอกจากนี้ข้าจะได้รับการพิจารณาว่าข้านั้นถือเป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้าอาจจะต้องแต่งงาน มีภรรยาและลูกๆ เพื่อให้อยู่รอดเช่กเช่นการต่อสู้ภายใต้โลก 9 ทวีปนี้ได้”
ตระกูลชิงนั้นจะพิจารณาจากการบ่มเพาะ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่มาจากตระกูลชิงนั้นจะเข้าแต่งงาน เช่น หลานชายคนโตอย่างชิงจือที่ยังไม่แต่งงานเป็นเพราะหลังจากแต่งงานไป ชีวิตของเขานั้นจะไม่สามารถสนุกดั่งเดิมได้ และอาจต้องละเลยการบ่มเพาะปราณอีกด้วย
โดยทั่วไปคนที่มีความสามารถต่ำนั้นจะได้รับอนุญาตให้แต่งงานและให้กำเนิดเหล่าทารกในช่วงแรก หลังจากที่เขาเริ่มสร้างครอบครัว ตระกูลชิงก็เริ่มจัดการธุรกิจต่างๆให้กับเขา
ในสายตาของตระกูลชิง ชิงสุ่ยถูกจัดลำดับไว้ในหมวดหมู่ผู้ได้รับอนุญาตในเริ่มต้นสร้างครอบครัวของตัวเอง นอกจากนั้นสายตาสมาชิกในตระกูล มองเขาเป็นเป็นขยะ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเลือกอยู่บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
ชิงสุ่ยคิดต่างๆเกี่ยวกับโลก 9 ทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนแทบบริเวณที่ตระกูลชิงอาศัยอยู่ ครอบครัวส่วนใหญ่จะให้แต่งงานกันช่วงอายุ 16-18 ปี และจะนับเป็นผู้สูงอายุเมื่อครบ 20 ปี
การแต่งงานเมื่ออายุยังน้อย ชิงสุ่ยรู้สึกไม่แน่ใจ เขารู้ว่าในโลกใบก่อนของเขานั้น การแต่งงานจะถูกกฎหมายก็ต่อเมื่อชายอายุ 22 ปี ส่วนฝ่ายหญิงอายุ 20 ปี อย่างไรก็ตาม ถ้านับอายุจริงๆของชิงสุ่ยตอนนี้นั้นก็ 30 กว่าปีเข้าไปแล้ว เขาหวังว่าเขาจะสามารถหาโฉมงามมาร่วมเตียงที่แสนอบอุ่นกับเขาได้
ช่วงเวลาที่เขาคิดถึงสตรี ความคิดของเขาก็ล่องลอยไปถึงสือฉิงจวง เขาทำอะไรไม่ถูกทำได้เพียงแต่ถอนหายใจเพราะ สือฉิงจวงนั้นเป็นสตรีที่งดงามที่สุดหากเทียบกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่เธอกลับเป็นคู่หมั้นของเจ้าหยิ่งยโสโง่งมอย่าง ซือถู ปู้ฝาน สตรีที่แสนงดงามต่างๆรอบอาณาบริเวณนี้ต่างก็มีคู่หมั้น ร่วมเตียงกันหมดแล้ว
ชิงสุ่ยนั้นไม่ได้ต้องการที่จะได้ภรรยาร่วมเตียงกับผู้ใด นอกจากนี้เขาก็ไม่สนใจคนที่ดูอายุน้อยกว่าอีกด้วย ดังนั้นแล้ว สือฉิงจวงจึงเรียกได้ว่าสมบูรณ์ที่สุด